พุดธิดาตื่นสายกว่าที่เคยอาจเพราะนอนไม่ค่อยจะหลับ เธอสะดุ้งตื่นก่อนจะนึกได้ว่านี่ไม่ใช่ห้องและบ้านที่เธอเคยอยู่ตั้งแต่เด็ก ไม่มีวี่แววของปณิณในห้อง เธอจึงรีบอาบน้ำแต่งตัวและลงมาที่ห้องอาหาร
แม่บ้านเป็นมิตรกับหญิงสาวอย่างยิ่งและเตรียมอาหารเช้าไว้ให้พร้อม “จะรับอาหารเช้าเลยไหมคะ” “ขอบคุณค่ะ เอ่อ...แล้วคุณณิณล่ะคะ” “คุณณิณออกไปทำงานแต่เช้าตรู่แล้วค่ะ ปกติก็ไม่ไปเช้าขนาดนี้หรอกนะคะ...” แม่บ้านละไว้แค่นั้นก่อนจะเดินไปเตรียมอาหารให้หญิงสาว พุดธิดาเผลอถอนหายใจด้วยความเกร็ง เขาคงไม่ว่าเธอหรอกใช่ไหมที่ตื่นสายกว่าคนเป็นสามี...เขาเป็นคนหัวโบราณแบบนั้นหรือเปล่า พุดธิดาพยายามนึก แต่เธอก็พบว่าเธอรู้จัก “สามี” ของตัวเองน้อยเหลือเกิน แม้ปณิณจะเข้าออกบ้านของเธอบ่อยครั้ง และเจอพ่อกับแม่เขาอยู่เรื่อย แต่เธอก็ไม่เคยเข้าไปสนทนาอะไรกับเขา นอกจากเพียงทักทายกันสั้น ๆ เวลาพบหน้ากัน และความสนใจทั้งหมดของปณิณก็อยู่ที่นุชนรี น้องสาวคนเดียวของเธอเท่านั้น นุชนรีเป็นคนสวยและน่ารัก โดดเด่นมาตั้งแต่สมัยเริ่มเป็นสาว ก่อนหน้าจะหมั้นกับปณิณ น้องสาวของเธอก็เคยมีแฟนมาแล้วหลายคนจนกระทั่งไปเรียนภาษาที่อังกฤษเวลาสั้น ๆ และกลับมาพร้อมกับบอกพ่อกับแม่ว่าจะหมั้นกับนักธุรกิจหนุ่มอย่างปณิณ พุดธิดาดีใจกับน้องสาวด้วย และดูออกว่านุชนรีปลาบปลื้มแฟนคนนี้มากแค่ไหน เขาไม่เพียงรักและหลงน้องสาวเธอมาก หากยังอาสาช่วยใช้หนี้ให้ครอบครัวเธอ ที่เกิดขึ้นตอนที่พ่ออยากจะทำธุรกิจแต่ล้มเหลว ทั้งคู่หมั้นกันไว้ก่อน และกำหนดวันแต่งงานกันอย่างเป็นทางการในภายหลัง ทั้งที่เขาก็ดีต่อครอบครัวเธอขนาดนี้ พุดธิดาจึงไม่เข้าใจเลยว่าทำไมนุชนรียังนอกใจเขาได้ลงคอ “คุณณิณสั่งว่า ถ้าคุณพุดจะออกไปไหน ให้บอกคนขับรถได้เลยนะคะ” แม่บ้านบอกเธอขณะที่ยกอาหารเช้ามาเสิร์ฟ พุดธิดาจึงตั้งใจจะกลับไปเก็บของที่บ้านพ่อกับแม่ เพราะการที่มาอยู่ที่นี่เป็นเรื่องฉุกละหุกเหลือเกิน ที่จริงวันนี้เธอต้องไปทำงานที่โรงเรียนอนุบาลตามปกติ แต่เพราะต้องมาเป็นเจ้าสาวจำเป็นจึงต้องลาหยุด 2-3 วัน “ถ้าคุณณิณกลับมาก่อน บอกว่าพุดกลับไปเก็บของที่บ้านนะคะ อาจจะกินข้าวเย็นกับพ่อกับแม่เลยแล้วค่อยกลับค่ะ” “ได้ค่ะคุณพุด” แม่บ้านรับคำ พลางนึกชอบใจในคำพูดและน้ำเสียงอันอ่อนหวานของเจ้านายคนใหม่ แม้ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ คนที่มาเป็น “เมีย” ของคุณณิณจะกลายเป็นคนที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตา แต่ก็คงไม่มีใครกล้าถาม ได้แต่ซุบซิบกันในเวลาว่าง ๆ ก็เท่านั้น พ่อทั้งดีใจและแปลกใจที่เห็นลูกสาวคนโตกลับมาบ้านทั้งที่เพิ่งส่งตัวเข้าหอไปเมื่อคืน “พุดมาเก็บหนังสือค่ะพ่อ ต้องเอาไปใช้ที่โรงเรียน” “แล้วไป แม่นึกว่าเขาไล่กลับมาเสียอีก” แม่พูดเสียงห้วน พ่อต้องหันไปมองดุ “ทำไมพูดแบบนั้น” “ก็ทำไมจะพูดไม่ได้ล่ะ แม่ล่ะกลัวใจลูกเขยของพ่อนัก นึกจะเลิกกับยัยนุชก็เลิกหน้าตาเฉย ทั้งที่รักกันออกขนาดนั้น ไม่ใช่แค่ทำร้ายใจลูกสาวเราแต่ยังทำเหมือนไม่เห็นหัวหงอกหัวดำ แล้วถ้าเกิดจะไล่ยัยพุดกลับบ้าน แม่ก็จะไม่แปลกใจเลย” “พุด อย่าถือสาแม่เขาเลยนะ” พ่อบีบมือลูกสาวปลอบใจ แต่ไหนแต่ไรมา แม่มักจะเอ็นดูนุชนรีมากกว่าเสมอ เพราะตั้งแต่เด็ก นุชนรีเป็นเด็กสดใส ช่างฉอเลาะ และอุปนิสัยหลายอย่างคล้ายคนเป็นแม่ ต่างจากพุดธิดาที่เรียบร้อยและค่อนข้างเงียบขรึมเหมือนคนเป็นพ่อ แม่จึงมักบอกว่าพุดเป็นลูกพ่อ ส่วนนุชเป็นลูกแม่ ทั้งที่แม่ก็คลอดลูกทั้งสองมาด้วยตัวเองเหมือนกัน หลายครั้งพุดธิดาก็น้อยใจ แต่ส่วนใหญ่เธอมักทำใจให้ชิน ครั้งนี้ก็เช่นกัน “ไว้ให้เขาไล่พุดออกมาจริง ๆ พุดจะกลับมาหาพ่อนะคะ” “มาเลยนะลูก ไม่ต้องรอให้เขาไล่ ถ้าเขาพูดจาหรือทำอะไรไม่ดีกับพุดแม้เพียงนิดเดียว ลูกกลับมาหาพ่อกับแม่ได้เลย อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด แต่พ่อจะไม่ยอมให้เขาทำร้ายลูกของพ่อเด็ดขาด” “เขาไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอกค่ะพ่อ จริง ๆ นะคะ” พุดธิดายิ้มกว้างให้พ่ออย่างสุดความสามารถ เพราะอยากให้พ่อสบายใจ “วันนี้พุดบอกคนบ้านโน้นไว้ว่าจะมากินข้าวเย็นกับพ่อ ให้พุดอยู่กินด้วยคนนะคะ” “ได้สิลูก ได้เลย อยากกินอะไรล่ะเดี๋ยวพ่อเข้าครัวให้เองเลย” “พ่อน่ะอยู่เฉย ๆ เถอะ อยู่คุยกับลูกมันไป เดี๋ยวฉันเข้าครัวเอง” แม้จะพูดจาห้วน แต่แม่ก็เดินเข้าไปในครัว เตรียมเปิดตู้เย็นดูว่าจะทำกับข้าวอะไรให้ลูกสาวคนโตกินได้บ้าง พุดธิดามองตามแม่ยิ้ม ๆ ก่อนหันมาถามพ่อ “แล้วนุชล่ะคะ นุชไปไหน” “ยังไม่ตื่นเลยรายนั้น เพิ่งกลับมาบ้านตอนตีสี่ พ่อตื่นพอดี” “ท่าทางยังไม่หายเศร้าเลยนะลูกเรา” นางละไมเอ่ยเสียงดังออกมาจากในครัว นายนาถถอนหายใจ “ว่าไม่ได้หรอก ทำอะไรลงไปก็ต้องได้รับผลตามนั้น” นางละไมถอนหายใจบ้าง อยากเถียงแทนลูกรัก แต่ก็รู้เหมือนที่ทุกคนรู้ว่า การกระทำครั้งนี้ของนุชนรีมันผิดร้ายแรงมากแค่ไหน... สุดท้ายนางจึงได้แต่เงียบ และสนใจแต่เรื่องทำกับข้าวกับปลาไป “พุดอยากกลับมาอยู่กับพ่อจังเลยค่ะ” พุดธิดาเอ่ยอย่างที่ใจคิด พ่อยิ้มและส่ายหน้า “ยังไงลูกก็ต้องแยกออกไปมีครอบครัวสักวัน แต่เราไม่ได้อยู่ไกลกันมากนี่ลูก ขับรถแค่ไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว วันเสาร์อาทิตย์ก็มาหาพ่อกับแม่ก็ได้” “แน่นอนค่ะ พุดจะมาหาพ่อกับแม่ทุกสัปดาห์” “แต่อย่าลืมดูแลคุณณิณเขาด้วยนะลูก ยังไงเขาก็เป็นสามีลูกแล้ว” พุดธิดานิ่งไป เธอยังไม่ชินกับคำคำนี้เลย...รู้สึกเหมือนทุกอย่างที่ผ่านมาเมื่อวาน เป็นแค่การแสดงละครฉากหนึ่งเท่านั้น... หญิงสาวสั่งให้คนขับรถกลับบ้านไปก่อน แล้วค่อยให้กลับมารับสักเวลา 1 ทุ่ม แต่เพียงแค่ห้าโมงเย็น รถหรูคันหนึ่งก็มาถึงหน้าบ้านของพ่อกับแม่ของพุดธิดา และทำให้เธอต้องตกใจ “คุณณิณ...”เธอไม่คิดว่าจะได้พบเขาที่นี่ ณิณมองไปรอบ ๆ บ้านด้วยแววตาสงสัย“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ทำไมคุณกลับมาบ้าน”พุดธิดากระพริบตา นั่นเป็นคำถามที่แปลกมากสำหรับเธอ“เอ่อ...นี่บ้านของฉันนี่คะ ต้องเกิดอะไรขึ้นด้วยหรือถึงจะกลับมาได้”“แต่คุณอยู่บ้านผมแล้ว ลืมแล้วหรือไงว่าตอนนี้คุณอยู่ในสถานะอะไร”น้ำเสียงเขาคล้ายจะดุ เธอหน้าเจื่อนไป“ขอโทษค่ะ ฉันแค่...กลับมาเก็บของใช้ส่วนตัวกับพวกหนังสือ”“อ๋อ แล้วไป แล้วทำไมให้คนขับรถมารับตั้งหนึ่งทุ่ม”“ก็พุด...ก็ฉันตั้งใจจะอยู่กินข้าวกับพ่อกับแม่ก่อน”“งั้นหรือ...แล้วคิดจะเชิญผมร่วมโต๊ะด้วยไหมล่ะ”เขาเอ่ย และเป็นอันรู้กันว่ามันไม่ใช่คำถามแต่เป็นคำสั่งนายนาถทั้งแปลกใจและดีใจที่ปณิณมาร่วมมื้อเย็นด้วย ต่างจากนางละไมที่มีทีท่าอึดอัด นางถึงกับแอบโทรศัพท์หาลูกสาวคนเล็ก และนุชนรีก็กระฟัดกระเฟียดมาตามสายว่าจะไม่ยอมลงมาจากห้องนอนจนกว่าทั้งพี่สาวและพี่เขยกลับบ้านไปมื้อนั้นพุดธิดาเข้าครัวโชว์ฝีมือด้วย เธอไม่รู้ว่าเขาไม่กินเผ็ดเพราะถามว่าเขาจะกินอะไร เขาก็บอกว่าอะไรก็ได้ ผลสุดท้ายคือเขากินข้าวโดยเหงื่อไหล ปากแดงและดื่มน้ำถี่ ๆ“แล้วก็ไม่บอกฉันล่ะคะว่ากินพริกไม่ได้”“ก็ผม
พุดธิดาตื่นสายกว่าที่เคยอาจเพราะนอนไม่ค่อยจะหลับ เธอสะดุ้งตื่นก่อนจะนึกได้ว่านี่ไม่ใช่ห้องและบ้านที่เธอเคยอยู่ตั้งแต่เด็ก ไม่มีวี่แววของปณิณในห้อง เธอจึงรีบอาบน้ำแต่งตัวและลงมาที่ห้องอาหาร แม่บ้านเป็นมิตรกับหญิงสาวอย่างยิ่งและเตรียมอาหารเช้าไว้ให้พร้อม “จะรับอาหารเช้าเลยไหมคะ” “ขอบคุณค่ะ เอ่อ...แล้วคุณณิณล่ะคะ” “คุณณิณออกไปทำงานแต่เช้าตรู่แล้วค่ะ ปกติก็ไม่ไปเช้าขนาดนี้หรอกนะคะ...” แม่บ้านละไว้แค่นั้นก่อนจะเดินไปเตรียมอาหารให้หญิงสาว พุดธิดาเผลอถอนหายใจด้วยความเกร็ง เขาคงไม่ว่าเธอหรอกใช่ไหมที่ตื่นสายกว่าคนเป็นสามี...เขาเป็นคนหัวโบราณแบบนั้นหรือเปล่า พุดธิดาพยายามนึก แต่เธอก็พบว่าเธอรู้จัก “สามี” ของตัวเองน้อยเหลือเกิน แม้ปณิณจะเข้าออกบ้านของเธอบ่อยครั้ง และเจอพ่อกับแม่เขาอยู่เรื่อย แต่เธอก็ไม่เคยเข้าไปสนทนาอะไรกับเขา นอกจากเพียงทักทายกันสั้น ๆ เวลาพบหน้ากัน และความสนใจทั้งหมดของปณิณก็อยู่ที่นุชนรี น้องสาวคนเดียวของเธอเท่านั้น นุชนรีเป็นคนสวยและน่ารัก โดดเด่นมาตั้งแต่สมัยเริ่มเป็นสาว ก่อนหน้าจะหมั้นกับปณิณ น้องสาวของเธอก็เคยมีแฟนมาแล้วหลายคนจนกระทั่งไปเรียนภาษาที่อังกฤษเวล
วันถัดมา ปณิณก็ทำให้เลขาฯ ของเขาแปลกใจเมื่อเห็นเจ้านายมาทำงานแต่เช้าทั้งที่เมื่อคืนเป็นวันส่งตัวเข้าหอ“ทำไมทำหน้าเหมือนเห็นผีอย่างนั้น พิศณุ”ปณิณทัก เลขานุการหนุ่มยิ้มเจื่อน“ผมนึกว่าวันนี้ท่านรองจะไม่เข้ามาเสียอีกครับ”“ถ้าฉันจะโดดงาน ฉันต้องบอกนายคนแรกไม่ใช่หรือ เมื่อฉันไม่ได้บอกก็แปลว่าฉันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่เข้าบริษัท”“เอ่อ แล้วภรรยาของท่านล่ะครับ”ปณิณชะงักไป เขาพบว่าตัวเองยังไม่ชินกับสถานะใหม่ของตัวเอง“ไม่รู้สิ ตอนฉันออกมาเขาคงยังไม่ตื่นมั้ง”ปณิณตอบแค่นี้ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องไปสั่งกาแฟกับแซนวิชและเดินเข้าห้อง ปล่อยให้เลขาหนุ่มยิ้มกริ่ม คิดไปไกลต่าง ๆ นานาความจริงคือ เมื่อคืนปณิณนอนแทบไม่หลับ เขานอนเตียงเดียวกับ “เมีย” ของเขาก็จริงแต่เธอนอนชิดอีกฝั่งจนเกือบจะตกเตียง เขาเองก็สั่งตัวเองให้นอนนิ่ง แกล้งหลับ เพื่อที่เธอจะได้ผ่อนคลายและหลับไป...เขาไม่รู้ว่าเธอจะนอนไม่หลับเหมือนเขาหรือไม่ แต่เขาหลับ ๆ ตื่น ๆ จนถึงตีห้าจึงตัดสินใจลุกมาอาบน้ำแต่งตัวและออกจากบ้านมาแต่ไก่โห่อย่างวันนี้แต่แม้จะเข้าบริษัท ปณิณก็แทบไม่มีสมาธิจะทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน เขาอดนึกถึงคำถามของพุดธิดาไม่ได้
“พอเถอะนุช จะดื่มไปอีกถึงไหน เมาอ้วกขึ้นมาผมไม่พาขึ้นรถนะ”อภิชาตท้วงเมื่อนุชนรีสั่งเครื่องดื่มแรงจัดเป็นแก้วที่สี่ ที่จริงเขาก็พอรู้ว่า...ตรงข้ามกับหน้าตาภายนอกที่ดูอ่อนใส...หญิงสาวคนนี้คอแข็งใช่เล่น เธอไม่คอพับคออ่อนไปง่าย ๆ หรอกแต่เขาก็อดเป็นห่วงเธอไม่ได้อยู่ดีนุชนรีไม่คิดจะหยุดดื่มตอนนี้ เธอตวัดสายตามองเขาอย่างกรุ่นโกรธ“ต่อให้ฉันเมาจนล้มกลิ้งไปตรงนี้ นายก็ต้องรับผิดชอบพาฉันกลับบ้าน...แค่นั้นแหละที่นายต้องทำ ฉันไม่ขอให้มารับผิดชอบชีวิตฉันมากไปกว่านี้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว”“แล้วผมเคยบอกหรือว่า จะไม่รับผิดชอบคุณ คุณก็รู้ว่าผมพร้อมเข้าไปแทนที่ไอ้ณิณตลอดเวลา”อภิชาตพูดอย่างจริงใจ ไม่มีสักนิดที่จะหงุดหงิดหรือกังวล ทั้งที่ตัวเองเป็นต้นเหตุให้นุชนรีต้องมานั่งดื่มเหล้ากับเขาที่นี่ แทนที่จะไปเข้าพิธีในฐานะเจ้าสาวของไอ้ปณิน ลูกติดพ่อเลี้ยงของเขา“จะเอ่ยชื่อนั้นมาทำไมอีก ผู้ชายเฮงซวย”นุชนรียกมือปาดน้ำตาที่ไหลออกมาอีก ทั้งโกรธและเสียใจ วันที่เธอควรจะได้สวยที่สุดในชีวิต ได้เป็นเจ้าหญิงของงานที่อยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่กลับต้องมานั่งดื่มระบายความเจ็บแค้นอยู่กับคนที่ไม่ได้เป็นแม้แต
บทนำ“คุณมันก็เหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้อง!!! เห็นผู้ชายเป็นไม่ได้ ซื่อสัตย์กับใครไม่เป็น ขอแค่เป็นผู้ชายก็นอนกับเขาได้หมด”ถ้อยคำร้ายกาจที่ออกจากปากของเขานั้น ทำให้เธอน้ำตาตก แต่ไม่มีแรงจะโต้ตอบ ทำได้เพียงกัดริมฝีปาก กลั้นน้ำตาไม่ให้ร่วงพรูออกมามากไปกว่านี้เพราะเขาคงจะสมเพชมากกว่าจะเห็นใจ เธอเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า และคิดว่านี่คงจะเป็นสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดคือไปจากที่นี่แต่เขาไม่ได้ต้องการเช่นนั้น เขาเข้ามาปัดกระเป๋าและเสื้อผ้าของเธอจนเกลื่อนกระจาย“จะทำอะไร”“ก็จะกลับบ้านไงคะ”“กลับไปหาผัวเก่าของคุณล่ะสิไม่ว่า”“เขาไม่ใช่ผัวฉัน!”นี่อาจจะเป็นน้อยครั้งที่เธอกล้าตะโกนใส่หน้าเขา แต่นั่นก็มากพอจะทำให้เขาถลึงตาใส่ ที่โกรธอยู่แล้วก็โกรธจัดขึ้นไปอีก“ผมไม่แคร์หรอกนะถ้าคุณจะกลับไปคืนดีกับใครหรือไปนอนกับผู้ชายคนไหน แต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้ ตอนที่คุณได้ชื่อว่ายังเป็นเมียผมอยู่ เอาไว้ผมหย่าให้แล้วคุณค่อยไสหัวไป”“งั้นก็หย่ากับฉันเลยสิ พรุ่งนี้เลยก็ได้”เขาเดินเข้ามาบีบต้นแขนเธอแน่น และเอ่ยเสียงห้าว“ยังไม่ใช่ตอนนี้ เพราะตอนนี้ผมยังไม่เบื่อคุณ ไว้ผมนอนกับคุณให้อิ่มจนพอใจก่อนแล้วถึงเวลานั้นคุณจะไปไหนก