ท่ามกลางทุ่งหิมะขาวโพลนที่แผ่กว้างสุดลูกหูลูกตา ลมหิมะเย็นเฉียบพัดกรูใส่หน้าแบบไม่ปรานี
เกล็ดหิมะละเอียดปลิวว่อนอยู่ในอากาศหนาแน่นจนแทบมองไม่เห็นเส้นขอบฟ้า ทุกย่างก้าวที่ฉันเดินเหมือนเหยียบลงไปในมหาสมุทรเย็นเยียบที่ไม่รู้จุดจบ
"ฮ่าาา...อะไรกันเนี่ย..."
ฉันกัดฟันแน่น เสียงลมหายใจของตัวเองกลายเป็นไอขาวพวยพุ่งออกมาเป็นจังหวะ ยกแขนปิดหน้าบังลม และก้าวเท้าออกไปข้างหน้าด้วยความมุ่งมั่นที่รวบรวมมาแทบหมดทั้งชีวิต
ข้างหลัง —
ประตูเชื่อมต่อกับโลกเดิม ที่ครั้งหนึ่งยังมองเห็นเป็นบานประตูไม้ธรรมดา บัดนี้ค่อย ๆ เลือนหายไป
เหมือนเงาฝันจาง ๆ ถูกลบหายไปกับหิมะ
เหมือนไม่เคยมีอยู่เลยตั้งแต่แรก
ทิ้งฉันไว้กลางโลกที่ไม่รู้จัก
ตอนนี้...
ฉันมีแค่ตัวเอง กับ...กล่องราเมนที่อบอุ่นในมือเท่านั้น
มือข้างที่กอดกล่องไว้แน่นรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นเล็ก ๆ
มันเหมือนจุดไฟเล็ก ๆ ในทะเลน้ำแข็งนี้ กลิ่นหอมกรุ่นที่แทรกออกมาจากกล่อง ยังช่วยเตือนว่าฉันมีภารกิจ — มีเป้าหมาย — และยังมีอะไรบางอย่างที่ต้องไปให้ถึงเสียงลมหิมะพัดหวิวดังครืนครางอยู่รอบตัว — มันไม่ใช่แค่เสียงลมธรรมดา แต่ฟังดูเหมือนเสียงคำรามอันแผ่วเบาของบางสิ่งที่ซ่อนตัวอยู่ใต้พรมหิมะหนานุ่มนี้
ชุดกันหนาวไฮเทคที่พี่ยำให้มา แม้จะปกป้องความหนาวไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ก็ไม่อาจหยุดความสั่นไหวที่ไหลมาจากข้างในตัวฉันเอง
สั่นด้วยหนาว หรือสั่นด้วยความกลัว...ฉันเองก็แยกไม่ออกแล้ว
ทุกย่างก้าวที่ฝ่าไป รอยเท้าของฉันจมหายลงในหิมะหนาเกือบถึงหัวเข่า ทิ้งร่องรอยบางเบาที่ถูกลมหิมะกลบทับอย่างรวดเร็ว ราวกับโลกนี้ไม่ต้องการให้มีหลักฐานว่าฉันเคยมาเหยียบย่างที่นี่
'แค่เดินตรงไป...เดินตรงไป...'
ฉันท่องอยู่ในหัวซ้ำ ๆ อย่างกับคาถาคุ้มครอง
ทั้งที่ในความเป็นจริง...โลกใบนี้ไม่มีแม้แต่เส้นทางให้เดินตาม มีเพียงสีขาวโพลนของหิมะ กับความเงียบงันที่หนาวเหน็บกินลึกเข้าไปถึงกระดูก
ลมพัดแรงจนแทบก้าวเท้าไม่ออก หิมะปกคลุมถึงข้อเท้า หนักอึ้งจนทุกย่างก้าวต้องใช้แรงลากขาไปทีละก้าว ทีละก้าว
ความหนาวแทรกซึมเข้ามาแม้จะมีชุดกันหนาวชั้นเยี่ยมปกคลุมตัวอยู่ก็ตาม
"ถ้าใครคิดว่าส่งอาหารในกรุงตอนรถติดแย่แล้ว...ลองมาส่งในพายุหิมะดูมั้ย..."
ฉันพึมพำใส่ลมอย่างหงุดหงิด มือที่กอดกล่องราเมนไว้แนบอกสั่นระริกเพราะต้องฝืนสู้กับทั้งความเหน็บหนาวและแรงลมบ้าคลั่ง
"แค่สั่งราเมน...ถึงขั้นต้องส่งข้ามมิติเลยหรือไง?!"
เสียงพึมพำนั้นปลิวหายไปกับลม — ไม่มีใครได้ยิน นอกจากตัวฉันเอง
กล่องราเมนในมือเป็นเหมือนแหล่งความอบอุ่นเดียวในโลกใบนี้ ความร้อนน้อย ๆ จากมันช่วยให้มือของฉันไม่แข็งจนสูญเสียความรู้สึก แม้จะต้องจับมันด้วยปลายนิ้วแข็งชาจนแทบไม่รู้ตัวแล้วก็ตาม
ตึง!
บางอย่างลื่นไถลเข้ามาชนขาข้างหนึ่งเบา ๆ จนฉันสะดุ้ง
"เฮ้ย?! อะไรน่ะ!"
ฉันรีบก้มลงมอง ระแวงว่าอาจเป็นสัตว์ประหลาดจากมิติประหลาดนี้
แต่สิ่งที่เห็น...กลับเป็นก้อนกลม ๆ เล็ก ๆ สีขาว ที่กลิ้งอยู่ข้างรองเท้าของฉัน
ก้อนเล็กนั่นติดหิมะเกาะพราวทั้งตัว ดูเหมือนเศษก้อนน้ำแข็งในตอนแรก...แต่เมื่อฉันเพ่งมองดี ๆ ถึงเห็นว่ามันหายใจเบา ๆ จนไหล่เล็ก ๆ นั่นสั่นไหว
มันคือ ลูกสัตว์ตัวน้อย — คล้ายลูกจิ้งจอก แต่ขนของมันเหมือนทำจากเกล็ดน้ำแข็งเล็ก ๆ ระยิบระยับเคลือบทั่วร่าง ดวงตาสีฟ้าอ่อนเปิดปิดช้า ๆ ราวกับกำลังใกล้หมดแรงเต็มที
"โอ๋ย...ตัวจ้อยเอ๊ย..."
หัวใจฉันบีบรัดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ฉันรีบหย่อนตัวลง ประคองเจ้าก้อนน้อยขึ้นจากหิมะอย่างเบามือ ตัวมันเบาจนเหมือนเศษขนมสายไหมเล็ก ๆ และสั่นระริกจนฉันรู้สึกได้ผ่านปลายนิ้วที่ชา
"สงสัยพลัดหลงกับแม่ล่ะสิ..."
ฉันพึมพำ มองซ้ายมองขวา แต่มีเพียงหิมะว่างเปล่า — ไม่มีเสียง ไม่มีร่องรอย ไม่มีเงาอื่นใด
ใจหนึ่งอยากอุ้มเจ้าตัวน้อยกลับบ้านไปดูแลให้ปลอดภัยเต็มที่ แต่อีกใจ...ฉันมีภารกิจในมือ — กล่องราเมนที่ต้องส่งให้ทันก่อนที่ความร้อนจะสลายไปกับพายุหิมะ
"โอเค ฟังนะ เจ้าก้อนหิมะน้อย"
ฉันก้มหน้าลงกระซิบใกล้หูเล็ก ๆ ของมัน ขณะที่มันพยายามลืมตาขึ้นมามองฉันด้วยสายตาเปียกชื้น
"ฉันต้องไปส่งราเมนก่อน ไม่งั้นนายกับฉันได้แข็งตายพร้อมกันแน่"
ฉันควานหาผ้าพันคอผืนหนาในกระเป๋าแคปซูล ลากมันออกมาด้วยมือที่สั่นเทา แล้วค่อย ๆ ห่อเจ้าจิ้งจอกน้ำแข็งน้อยไว้แนบอกอีกข้าง ข้างเดียวกับหัวใจของฉัน
ข้างหนึ่งคือกล่องราเมนที่ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย
ข้างหนึ่งคือชีวิตน้อย ๆ ที่ให้ความอบอุ่นแก่หัวใจ
สองชีวิต สองภารกิจ...สู้โว้ย!
ฉันกัดฟันแน่นอีกครั้ง
รวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลือ ก้าวเท้าออกไปในทุ่งหิมะอันโหดร้ายด้วยหัวใจที่หนักแน่นขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
ฉันลากขาเดินฝ่าหิมะต่อไปเรื่อย ๆ รู้สึกเหมือนก้าวเท้าในฝันที่ไม่มีวันไปถึงจุดหมาย
จนกระทั่ง...
เงาร่างขนาดมหึมา ปรากฏขึ้นในม่านหิมะเบื้องหน้า ราวกับภาพลวงตาที่ค่อย ๆ ชัดขึ้นทีละนิด
มันคือ วังน้ำแข็ง — ปราสาทสีขาวเงินตั้งตระหง่านท่ามกลางทุ่งหิมะรกร้าง
เสาหินน้ำแข็งขนาดมหึมาเรียงตัวเป็นแนวโค้งอย่างวิจิตรตระการตา แกะสลักอย่างละเอียดเหมือนลมหายใจของโลกได้ปั้นแต่งมันขึ้นมาเอง
กำแพงสูงตระหง่านเป็นแผ่นน้ำแข็งใสบริสุทธิ์ที่สะท้อนประกายแสงจากฟากฟ้าให้สว่างไสวราวกับก้อนเมฆเรืองแสง
ความงดงามนั้น...แทบทำให้ฉันลืมหายใจไปชั่วขณะ
หน้าประตูวังขนาดใหญ่ที่ปิดสนิท มีใครบางคนยืนอยู่
ชายคนหนึ่ง —
สูง สง่า และเยือกเย็นจนบรรยากาศรอบตัวดูสงบนิ่งผิดธรรมชาติ
เส้นผมยาวสีครามเข้มปลิวไหวตามแรงลมราวม่านน้ำหมึก ชุดคลุมสีเทาเงินแนบไปตามร่างสูงโปร่ง แข็งแรง ประหนึ่งรูปสลักจากหินน้ำแข็งเก่าแก่
ร่างของเขาดูเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของวังน้ำแข็งเบื้องหลัง — เย็นเยียบ งดงาม และน่าเกรงขามอย่างไม่น่าเชื่อ
และที่สำคัญที่สุด...
เขากำลังจ้องมาที่ฉัน —
ไม่ใช่ที่ใบหน้าฉัน แต่จ้องไปยังกล่องอาหารราเมนในมืออย่างแน่วแน่
ดวงตาสีฟ้าเข้มลึกเหมือนบ่อบาดาลใต้ธารน้ำแข็งพันปี จับจ้องกล่องราเมนเรืองแสงในอ้อมแขนฉันด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก — ความสงสัย? ความไม่เชื่อ? หรือความสนใจที่แทบจะมองเห็นได้ชัดเจน?
หัวใจฉันกระตุกวูบ — ร่างแข็งค้างอยู่ตรงนั้นเหมือนรูปปั้นอีกชิ้นหนึ่งของวังน้ำแข็ง
'ไม่ใช่แค่หล่อ...นี่มันตัวอันตรายชัด ๆ!'
ฉันพยายามกลืนก้อนแข็ง ๆ ลงคอ แล้วฝืนยิ้มเกร็ง ๆ ยกกล่องราเมนขึ้นสูงนิดหน่อยเป็นสัญญาณแบบงก ๆ
"อะ...เอ่อ...ออมนิไบท์เดลิเวอรี่ค่ะ ราเมนเพลิงจันทร์ลาวา...สำหรับคุณ?"
เสียงของฉันถูกลมหนาวกลืนหายไปเกือบครึ่ง แต่เขาก็ยังได้ยิน
ชายหนุ่มนิ่งไปชั่วขณะ ขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาคมกริบใต้แพขนตายาวพริ้มจับจ้องกล่องราเมนราวกับกำลังวิเคราะห์มันทุกอณู
เขาไม่พูดอะไร
ไม่ถาม ไม่ขานรับ
แค่...
ก้าวเข้ามาใกล้
ช้า ๆ แน่วแน่
ลมหิมะที่พัดกรูรอบตัวดูเหมือนจะสงบลงเล็กน้อยทันทีที่เขาขยับตัว
อากาศหนาวรอบกายคล้ายจางลงอย่างผิดธรรมชาติ ราวกับฤทธิ์แห่งพลังบางอย่างแผ่ออกมาจากตัวเขา
ฝีเท้าของเขาเบาและนิ่งสงบ แต่กลับเต็มไปด้วยแรงกดดันที่ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะจมลงไปในหิมะ
'โอ้พระเจ้า...'
ฉันกลืนน้ำลายเหนียวหนืด รู้สึกเหมือนร่างกายไม่ตอบสนองอีกต่อไป
'ฉันส่งอาหารให้ใครกันแน่เนี่ย...เทพน้ำแข็งเรอะ?!'
ในขณะที่หัวใจเต้นระรัวจนน่ากลัวว่าจะได้ยินจากภายนอก
ฉันยืนแข็งอยู่กับที่...
ทำได้แค่ภาวนาในใจว่า "เทพเจ้าน้ำแข็ง" ตรงหน้านี้...จะไม่หิวราเมนมากเสียจนเป่าฉันให้กลายเป็นรูปสลักน้ำแข็งไปด้วยอีกคนหรอกนะ
❄️❄️❄️❄️❄️❄️
💫ลูกมังกรตัวจิ๋วคนแรก!? 🐣💕สถานที่ : วังเทียนหลง — หอจันทราเสียงลมหนาวอ่อน ๆ พัดผ่านม่านบางสีเงินที่พลิ้วไหวอย่างเงียบงัน แสงจันทร์ยามค่ำคืนนี้นุ่มนวลเป็นพิเศษ ราวกับโลกทั้งใบกำลังหยุดหายใจ…เพื่อเฝ้าดูเหตุการณ์บางอย่างฉันนั่งอยู่กลางเตียงผ้าไหม กลางอ้อมแขนของหลงอวิ๋น — ที่เวลานี้ดูจะตื่นเต้นยิ่งกว่าฉันเสียอีกเพราะในอ้อมแขนของเรา…คือ ‘ลูกมังกร’ ตัวจิ๋วที่เพิ่งถือกำเนิดใช่ค่ะ... ลูกของเราเจ้าตัวน้อยมีผมสีเงินจางราวแสงจันทร์ เปลือกตาหลับพริ้ม ริมฝีปากเล็กจิ๋วขยับเบา ๆ ขณะที่ลมหายใจอุ่นนุ่มพ่นออกมาเป็นหมอกจิ๋ว ๆ ทุกครั้งที่หายใจนิ้วมือจิ๋วนั่น…กำมือเล็ก ๆ ไว้แน่น และมีเกล็ดบาง ๆ สีเงินอมฟ้าปรากฏจาง ๆ บนหลังมือ“เขามีเกล็ด…” ฉันกระซิบ ขณะวางมือลงบนผ้าห่มผืนน้อยหลงอวิ๋นที่นั่งอยู่ข้างฉันเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะโน้มตัวลงจูบหน้าผากลูกเบา ๆ ดวงตาสีฟ้าของเขาสั่นระริกด้วยความตื้นตันที่เขาไม่เคยแสดงออกแบบนี้มาก่อน“
💎 ราชินีแห่งเทียนหลง...ผู้ไม่กินเผ็ดฉันคือคือเอลาเรีย...ราชินีผู้กุมพลังมังกรจันทรา ผู้ผนึกมังกรทองด้วยเวทโบราณ...และผู้ที่พ่ายแพ้อย่างหมดรูปให้กับ...เพลิงเกล็ดมังกรหนึ่งเม็ด พริกในตำนานที่แค่ได้กลิ่น ลิ้นก็เหมือนโดนเปลวเพลิงว่ากันว่า ‘เพลิงเกล็ดมังกร’ เกิดขึ้นเมื่อเปลวไฟจากมังกรบรรพกาลตกกระทบเมล็ดพืชธรรมดาในสงครามเมื่อพันปีก่อน เมล็ดนั้นดูดซับพลังและกลายพันธุ์ จนกลายเป็นพริกต้องห้ามที่ แม้แต่มังกรไฟบางตนยังหลีกเลี่ยง“ฉันแค่ถามว่า ‘เผ็ดมากมั้ย’ ไม่ได้หมายความว่า ‘ขอเผ็ดที่สุดในโลก’ นะค้า!!”ฉันตะโกนลั่นกลางโต๊ะทรงกลมที่ตั้งอยู่ในห้องทานอาหารส่วนตัวของราชวังราอูลกับไคเซอร์แทบจะกลิ้งลงจากเก้าอี้ด้วยความขำเอลิอานยื่นน้ำเย็นให้พร้อมสีหน้าที่ดูเหมือนพยายามกลั้นหัวเราะอย่างยิ่งยวดแต่คนที่แย่ที่สุด—คือ หลงอวิ๋นท่านชายสุดหล่อที่นั่งกินพริกเผ็ดระดับมังกรไฟด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แล้วหันมาถามฉันเสียงเรียบม
ร่างของฉันยังหอบสะท้านไม่หายหลงอวิ๋นค่อย ๆ เลื่อนตัวขึ้นมา ร่างเปลือยเปล่าทาบทับฉันอย่างมั่นคง ปลายลิ้นเขายังไล้เล็มริมฝีปากฉันแผ่วเบา ก่อนกระซิบเสียงพร่าที่ข้างหู“เจ้าพร้อมหรือยัง...”ยังไม่ทันให้ฉันตอบ ร่างกายฉันก็รับรู้ถึงแก่นกายของเขา ที่ร้อนจัดและแข็งแกร่งกำลังแนบอยู่ตรงกลางกลีบเนื้อที่ชื้นฉ่ำ ปลายหัวดันเบา ๆ อย่างมีจังหวะ ขณะที่มือของเขาจับสะโพกฉันไว้มั่น“อ๊ะ...หลงอวิ๋น...!”ฉันครางเผลอเมื่อเขาค่อย ๆ ดันเข้ามาทีละน้อย ผนังด้านในตอดรัดแท่งร้อนของเขาอย่างแน่นหนึบ จนเขาต้องขมวดคิ้วและกัดฟันนิด ๆ“แน่นเหลือเกิน...”เสียงของเขาต่ำและกระเส่า ก่อนจะกระซิบข้างหูฉัน“แต่ข้าจะเข้าไปให้หมด...”พูดจบ เขาก็กระแทกเข้ามาจนสุดในจังหวะเดียว“อ๊าาาาา!!”ฉันร้องเสียงหลง เมื่อแก่นกายของเขาถูกดันเข้ามาลึกสุดทาง มิดชิดแนบชิดจนสัมผัสได้ถึงชีพจรที่เต้นจากร่างเขา...ในตัวฉันเขาผงกตัวขึ้น มือสองข้างยันกับเตียง ปล่อยให้ท่อนล่างขยับได้อย่างเต็มแรงจากนั้น...ตึง ตึง ตึง!เขาเริ่มกร
พระราชพิธีแต่งงาน ณ พระราชวังเทียนหลงเสียงขลุ่ยหยกโบราณดังแผ่วไปทั่วหุบเขา และเสียงระฆังเงินก็ดังขึ้นเจ็ดครั้งตามจังหวะลมหายใจของมังกรทั้งเจ็ดแห่งสภาฟ้าดอกหิมะโปรยปรายจากฟากฟ้าอย่างสงบ แต่มือของฉันเย็นเฉียบไม่ใช่เพราะอากาศ...แต่เพราะใจเต้นแรงยิ่งกว่าครั้งไหนในชีวิตฉันไม่เคยคิดว่า ‘งานแต่งงาน’ ของตัวเองจะจัดขึ้นในวังของมังกร…และยิ่งไม่เคยคิดเลยว่าคนที่ยืนรออยู่ปลายทางเดินคือมังกรน้ำแข็งผู้เยือกเย็นที่สุดในตำนานวันนี้ไม่ใช่แค่วันแต่งงานธรรมดาแต่มันคือ “พิธีเสกสมรสระหว่างราชามังกรในอนาคต” กับมนุษย์ต่างโลก—หญิงสาวที่ไม่มีสายเลือดสูงศักดิ์ ไม่มีอำนาจทางการเมืองใด ๆ ...มีเพียงหัวใจที่กล้ารัก และยืนหยัดเคียงข้างณ ท้องพระโรงใหญ่ของวังเทียนหลงหอแก้วทั้งหลังถูกประดับด้วยแผ่นผลึกน้ำแข็งสลักมือ เรียงรายเป็นเสาโค้งล้อมแท่นพิธีตรงกลาง — พื้นหินใสราวกระจก สะท้อนเงาแสงจันทราเต็มดวง พร้อมภาพของฉันที่กำลังเดินก้าวเข้าไปทีละก้าวชุดเจ้าสาวของฉันในวันนี้...คือชุดที่รังสรรค์ขึ้นด้วย
สวนหิมะนิรันดร์ — ยามค่ำของฤดูจันทราวสันต์แสงจันทร์ทอประกายอ่อนนุ่มลงบนหิมะขาวทั่วทั้งสวน เสียงน้ำแข็งแตกรินเบา ๆ จากลำธารเล็กที่เพิ่งละลายจากมนตราแห่งฤดูใหม่ กลีบเกล็ดหิมะโปรยลงมาช้า ๆ จากท้องฟ้า สะท้อนแสงจันทร์ราวเกล็ดเงินลอยละล่องในห้วงความฝันพุ่มไม้หิมะรอบสวนยังคงเงียบงัน ราวกับเฝ้ารอสิ่งใดอยู่...เช่นเดียวกับฉัน ที่ยืนอยู่หน้ากุหลาบน้ำแข็งซึ่งยังคงหลับใหล ไม่ยอมแย้มกลีบในค่ำคืนนี้เสียงฝีเท้าทุ้มหนักนุ่มนวลดังขึ้นจากด้านหลัง ก่อนจะมีเสียงที่ฉันจำได้แม่นดังขึ้น“ข้าคิดว่าเจ้าหลับไปแล้ว”ฉันไม่ตอบในทันที แต่หันไปมองร่างสูงในชุดคลุมเรียบง่าย ไม่ใช่เครื่องราชพิธี ไม่ใช่ฐานะผู้ครองแผ่นดิน“ข้าคิดว่าเจ้าหลับไปแล้ว”“ฉันนอนไม่หลับค่ะ”เราสองคนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ฉันจะหันไปมองเขา...ใบหน้าของหลงอวิ๋นอยู่ใต้เงาจันทร์ครึ่งดวง แสงสีเงินอ่อนสะท้อนบนเสี้ยวหน้าด้านขวา—เผยผิวขาวนวลประหนึ่งหินหยกสลัก ลมหายใจเย็น ๆ ของเขาละลายเป็นไอควันเบา ๆ ยามกระทบอากาศเย็น
“เพราะเมื่อหัวใจของผู้คนเปลี่ยน...ดินแดนก็เปลี่ยนตาม”แสงแรกของราตรีวันใหม่...ไม่ใช่แสงอาทิตย์แต่เป็นแสงจันทร์อ่อนละมุน ที่ทอประกายลงมาจากฟากฟ้า—อ่อนโยน...เจิดจ้ายิ่งกว่าเคยดินแดนแห่งหิมะที่เคยเงียบงัน...กำลังมีการเปลี่ยนแปลงเป็นครั้งแรกในรอบพันปีเสียง ‘หยดน้ำ’ หยดแรก—ดังกระทบผืนน้ำแข็ง เบาเสียจนราวกับโลกทั้งใบต้องหยุดฟังหยดล็ก ๆ นั้น ไม่ได้เกิดจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง แต่มาจากเวทของ ‘ใครบางคน’ ที่เปลี่ยนความเยือกเย็นให้กลายเป็นพลังแห่งการเยียวยาทั่วทั้งแนวทุ่งหิมะ ดอกไม้สีฟ้าขาวเริ่มโผล่ขึ้นจากผิวดิน กลีบใสราวกับหยดจันทร์ ละลานตาราวกับดวงดาวที่หยั่งรากบนพื้นโลก—คือ ‘กุหลาบจันทรานิรันดร์’ดอกไม้ในตำนานที่เคยต้องใช้เวลาหนึ่งศตวรรษในการเบ่งบานแต่วันนี้…มันกำลังผลิบานพร้อมกันทั้งทุ่ง ด้วยเวทจันทราที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความรักและการให้อภัยหิมะ...ไม่ได้ละลายหายไปแต่หลอมรวมเป็นสายน้ำใสไหลเอื่อย เหนือยอดต้นเข็มสน ใบ