"ฝ่าบาท หม่อมฉันรู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อย เช่นนั้นต้องรบกวนพระองค์และสนมฉู่กลับไปก่อนเถิดเพคะ"
"เจ้าไม่สบายงั้นหรือ" หลังมือกว้างพลันเอื้อมแตะไปบนหน้าผากนูนเด่น
จ้าวหลิงหลิงผงะ ฉู่เยว่เฉินก็เช่นกัน เวินเยี่ยนเฉินกำลังแสดงละครไว้หน้าฉู่เยว่เฉินดุจดั่งโปรดปราน ทว่าการกระทำของเขาล้วนตรงกันข้าม แท้จริงคำพูดเมื่อครู่ก็เพียงประสงค์ปลุกเพลิงโทสะความหึงหวงของจ้าวหลิงหลิงก็เท่านั้น
ฉู่เยว่เฉินมิมีแก่ใจบากหน้าอยู่ต่อ นางรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก อาการร้อนรนของเวินเยี่ยนเฉินบ่งบอกอย่างชัดแจ้งว่าเขาโปรดปรานจ้าวหลิงหลิงเพียงใด เขาจงใจเมินนางอย่างออกนอกหน้า "เอ่อ...เช่นนั้นหากพี่หญิงประชวร หม่อมฉันก็ไม่อาจอยู่รบกวนเพคะ หม่อมฉันทูลลา"
เวินเยี่ยนเฉินหาได้เหลือบแลนางแม้เพียงหางตา เขาพยักหน้าอย่างขอไปที ฉู่เยว่เฉินรู้สึกคล้ายถูกกระแสอสนีบาตฟาดกระหน่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือนางไม่อาจเป็นที่โปรดปรานของเขาได้จริง ๆ เดิมนางมิเคยอยากเป็นสนมของเขา มายามนี้กลับรู้สึกคล้ายถูกฉีกกระชากใบหน้าแล้วถูกหวดตีเสียจนเจ็บแสบ ร่างบอบบางหมุนกายจากไปเดี๋ยวนั้น ใบหน้าที่แย้มยิ้มเมื่อครู่ก็พลันหุบฉับ
ชายชุดดำตวัดดาบคมกริบลงบนต้นแขนองครักษ์หนุ่ม ร่างสูงล้มลงบนพื้นแสนสกปรก พลันนอนเกลือกกลิ้งร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ทหารไม่กี่หยิบมือต่างได้รับบาดเจ็บถ้วนทั่ว เพราะจำนวนที่ด้อยกว่าจึงทำให้เสียเปรียบ จ้าวหลิงหลิงลดสายตามองของเหลวสีแดงซึ่งสาดกระเซ็นเกลื่อนพื้นด้วยท่าทีสุขุม นางมิได้หวาดเกรงแม้เพียงกระผีกริ้น โจรอ่อนหัดประเมินฝีมือของนางต่ำไปเสียแล้วจ้าวหลิงหลิงรุดจัดการชายชั่วช้าจนล้มระนาวราวต้นไม้ที่ถูกตัดโค่น ชายเหล่านั้นร้องครางเสียงระงมเฉกเช่นจักจั่นยามราตรี บ้างแขนขาด ขาหลุด ศีรษะกระเซ็น นางกำนัลและฉู่เยว่เฉินที่ยืนสังเกตการณ์ไม่ห่างเบิกตากว้างด้วยความพรึงเพริด ริมฝีปากระริกสั่นไปเสียหมดนะ...นาง เก่งกาจและป่าเถื่อนเพียงนี้เชียวหรือนัยน์ตารูปหงส์ตวัดเข้มมองฉู่เยว่เฉิน อีกฝ่ายที่ลืมกะพริบตาพลันสะดุ้งโหยงแทบเกิดลมจับ นางเร่งหลุบสายตาลงเดี๋ยวนั้น จ้าวหลิงหลิงแค่นหัวเราะผ่านลำคอสนมฉู่ ฝีมือเจ้าสินะ คงหมายให้ข้าถูกโจรจับตัวไปแล้วจงใจป้ายสีให้ข้าเสื่อมเสีย เจ้ายังอ่อนหัดไปร้อยปี!จ้
"พี่หญิง หลายวันมานี้ฝ่าบาทราชกิจรัดตัว หม่อมฉันเห็นว่าท่านเองก็ยังไม่เคยออกนอกราชวัง มิสู้ไปไหว้พระขอพรที่วัดชุนอันด้วยกันหรือไม่เพคะ"จ้าวหลิงหลิงละสายตาจากตำราในมือ ยามนี้นางออกมานั่งตรึกตรองถึงวิธีค้นหาหลักฐานชิ้นสำคัญที่อันตรธานหายไป คืนนั้นแค่ชั่วเวลาจิบชาหนึ่งถ้วย [1] นางและซางจี้หยวนนึกย้อนกลับไปที่จวนองครักษ์เติ้งเชินอีกหน ทว่าเขากลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ซางจี้หยวนจึงขันอาสาตามหาเขาอีกครั้ง คนสติไม่ดีเพียงนี้จะหายไปที่ใดได้กันเล่า น่าแปลกใจยิ่งนัก คงมิได้มีใครสังหารเขาเพื่อปิดปากไปแล้วกระมัง"ข้าไม่ว่าง"จ้าวหลิงหลิงไม่สนใจสตรีผู้มาเยือนอีก ฉู่เยว่เฉินกลับไม่อนาทรร้อนใจ ร่างระหงหย่อนกายลงนั่งฝั่งตรงข้ามโดยมิรั้งรอให้อีกฝ่ายเอ่ยปากอนุญาตใดใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มละไมอย่างเป็นมิตรสนมฉู่ข้าจะดูว่าเจ้านั้นมาไม้ไหนอีก "พี่หญิง ไปกับหม่อมฉันสักหน่อยเถิดเพคะ ถือเสียว่าไปเที่ยวเล่นเปิดหูเปิดตาอีกอย่างเราทั้งสอ
"ฝ่าบาท หม่อมฉันรู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อย เช่นนั้นต้องรบกวนพระองค์และสนมฉู่กลับไปก่อนเถิดเพคะ""เจ้าไม่สบายงั้นหรือ" หลังมือกว้างพลันเอื้อมแตะไปบนหน้าผากนูนเด่นจ้าวหลิงหลิงผงะ ฉู่เยว่เฉินก็เช่นกัน เวินเยี่ยนเฉินกำลังแสดงละครไว้หน้าฉู่เยว่เฉินดุจดั่งโปรดปราน ทว่าการกระทำของเขาล้วนตรงกันข้าม แท้จริงคำพูดเมื่อครู่ก็เพียงประสงค์ปลุกเพลิงโทสะความหึงหวงของจ้าวหลิงหลิงก็เท่านั้นฉู่เยว่เฉินมิมีแก่ใจบากหน้าอยู่ต่อ นางรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก อาการร้อนรนของเวินเยี่ยนเฉินบ่งบอกอย่างชัดแจ้งว่าเขาโปรดปรานจ้าวหลิงหลิงเพียงใด เขาจงใจเมินนางอย่างออกนอกหน้า "เอ่อ...เช่นนั้นหากพี่หญิงประชวร หม่อมฉันก็ไม่อาจอยู่รบกวนเพคะ หม่อมฉันทูลลา"เวินเยี่ยนเฉินหาได้เหลือบแลนางแม้เพียงหางตา เขาพยักหน้าอย่างขอไปที ฉู่เยว่เฉินรู้สึกคล้ายถูกกระแสอสนีบาตฟาดกระหน่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือนางไม่อาจเป็นที่โปรดปรานของเขาได้จริง ๆ เดิมนางมิเคยอยากเป็นสนมของเขา มายามนี้กลับรู้สึกคล้ายถูกฉีกกระชากใบหน้าแล้วถูกหวดตีเสียจนเจ็บแสบ ร่างบอบบางหมุนกายจากไปเดี๋ยวนั้น ใบหน้าที่แย้มยิ้มเมื่อครู่ก็พลันหุบฉับ
"ฮองเฮา...ฉู่เฟยขอเข้าเฝ้าเพคะ" เสียงนางกำนัลดังมาจากเบื้องหน้าธรณีทางเข้าจ้าวหลิงหลิงหลุดจากภวังค์ มือเรียวเร่งปิดกล่องใบเก่าที่ด้านในว่างเปล่า จากนั้นจึงเก็บซ่อนไว้อย่างมิดชิด"ได้ บอกนางรอข้าสักครู่""เพคะ"ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของนางเรียบร้อย เมื่อคืนเวินเยี่ยนเฉินคงเข้าหอกับฉู่เยว่เฉิน ตระหนักนึกเรื่องนี้คราใดหัวใจมักกระเพื่อมไหวเสียจนหงุดหงิด จ้าวหลิงหลิงนิ่วหน้า มือเรียวยกขึ้นกอบกุมอกซ้ายที่ไม่รักดีเอาไว้"นี่ข้าเป็นอันใดกันแน่"จ้าวหลิงหลิงสลัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไป ฉู่เยว่เฉินคงอยากแวะมาประกาศก้องถึงความโปรดปรานที่ฮ่องเต้มีให้ตนกระมัง ริมฝีปากสีกุหลาบเหยียดยิ้มจาง ๆนางอยากให้ฉู่เยว่เฉินเป็นที่โปรดปรานของเวินเยี่ยนเฉินจริง หลังจากนั้นนางจะเป็นผู้กระชากหน้ากากจิ้งจอกของฉู่เยว่เฉินออกเสีย หากฮ่องเต้ทราบว่าสนมที่ตนโปรดปรานมักลอบพบกับคนรักเก่าผลจะเป็นเช่นไรเล่าร่างระหงเยื้องย่างออกจากหอบรรทม สตรีใบหน้าสะสวยยืนรออยู่ก่อนแล้ว จ้าวหลิงหลิงหย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้ลายประณีตเหลือบทองคำ นัยน์ตารูป
จ้าวหลิงหลิงเกรงว่าทุกอย่างอาจไม่ง่ายดายปานนั้น ร่างระหงถลันไปยืนขนาบข้างซางจี้หยวน หลังมืองามไล่เคาะแผ่นไม้เปื้อนฝุ่นทีละส่วน ไม้กระดานแผ่นหนึ่งมีเสียงสะท้อนกลับพิกล จ้าวหลิงหลิงลองเคาะบริเวณอื่นเพื่อทดสอบสองสามครา จึงแน่ใจแล้วว่าที่ตรงนี้มีบางอย่างแอบซ่อนเอาไว้ มือเรียวปลดกระบี่อ่อนที่เหน็บข้างเอวออกมาเดี๋ยวนั้น พลันตวัดฉับในครั้งเดียว ไม้แผ่นหนาที่ปิดทึบร่วงกราวดุจใบไม้แห้งด้านในซ่อนกล่องไม้สักสลักลายมังกรเอาไว้ จ้าวหลิงหลิงเอื้อมหยิบขึ้นมาด้วยจิตใจกระเพื่อมไหวโครมคราม ซางจี้หยวนซึ่งยืนซ้อนหลังก็พลอยตื่นเต้นไม่ต่างกัน"นี่อาจเป็นหลักฐานที่สามารถล้างมลทินให้ตระกูลจ้าวได้"ดวงตากระจ่างใสไหวระริกท่ามกลางแสงสว่างจากเชิงเทียน "ศิษย์พี่ ข้ากลัว กลัวว่าหากไม่ใช่เช่นที่เราคาดไว้ ทุกอย่างจะสูญเปล่าหรือไม่"นางยังคงยืนถือกล่องไม้สีแดงซีดเอาไว้โดยไม่คิดขยับ ซางจี้หยวนเข้าใจถึงอารมณ์ของจ้าวหลิงหลิงในยามนี้ดี เขาจับไหล่บอบบางซึ่งเริ่มไหวสะท้านน้อย ๆ เขารู้ดีว่าจ้าวหลิงหลิงต้องอดทนมากมายเพียงใดกว่าจะผ่านพ้นคืนวันอันเลวร้ายมาได้ และนางคงไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตาของตนอี
สตรีร่างระหงและบุรุษร่างสูงเหยียบย่างเข้ามาด้านในจวนหลังเล็กมอซอ จ้าวหลิงหลิงกวาดสายตามองโดยรอบก็พบบุรุษตัวผอมเกร็งผู้หนึ่งนั่งกายสั่นเทาอยู่บริเวณมุมห้อง อีกฝ่ายพึมพำงึมงำไม่ได้ศัพท์"ไม่จริง ไม่จริง ข้ามิได้กบฏ มิได้กบฏ"จ้าวหลิงหลิงแหงนหน้ามองบุรุษข้างกาย ซางจี้หยวนเข้าใจทันทีว่านางกำลังรู้สึกอย่างไรชายหนุ่มถอนหายใจเฮือก"อย่างที่เคยบอกเจ้า เขากลายเป็นคนสติเลอะเลือนไปเสียแล้ว ยามนี้ยังรักษาไม่หาย"จ้าวหลิงหลิงพยักหน้า ขาเรียวเยื้องย่างเนิบนาบ ร่างเพรียวบางยอบลงจากนั้นยกมือขึ้นแช่มช้า ทว่าบุรุษผู้นั้นกลับถอยร่นประดุจจะสิงสู่กำแพงแสนสกปรกอับชื้นนั้นเสียให้ได้"อย่าเข้ามา อย่าเข้ามานะ ข้ามิได้ทำ มิได้กบฏ""องครักษ์เติ้ง"ท่าทางหวาดหวั่นของเขาพลันสงบลงทีละน้อยเขาแหงนมองจ้าวหลิงหลิงพลางเอียงคอเอียงหน้าท่ามกลางความสลัว คนสติฟั่นเฟือนไปแล้ว ยากจะพูดคุยรู้ความ "คะ...ใคร เจ้าเป็นใคร ข้ามิใช่ มิใช่องครักษ์ใดทั้งสิ้น""ท่านไม่ต้องกลัว ข้าเองจ้าวหลิงหลิง"ม่านตาของเขาขยายกว้างด้