Share

บทที่ 2 หญิงเสียสติ (2/2)

last update Last Updated: 2025-06-29 17:56:17

ผู้ใด!? ปล่อยข้า ปล่อยข้า ข้าจะไปหาท่านแม่และท่านพี่ ปล่อยข้า!

ชายผู้นั้นรัดเอวคอดเอาไว้อย่างเหนียวแน่น ผู้คนล้วนแตกฮือด้วยความงุนงง

นางเป็นใครงั้นหรือ ไยมาเอะอะอยู่ตรงนี้

คงมิใช่ญาติตระกูลจ้าวกระมัง หากนางเข้าไปมีหวังคอขาดอีกคนแน่

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังอึงอลไปหมด บุรุษซึ่งยืนอยู่หน้าประตูผินหน้ากลับเชื่องช้า จ้าวหลิงหลิงสบดวงตาของเขาผ่านช่องว่างระหว่างผ้าแพรครู่หนึ่ง นางลดสายตามองของบางอย่างที่อยู่ในมืออีกฝ่าย พลางแดดิ้นดุจปลาขาดน้ำ ร่างระหงพยายามดิ้นรนทว่าไม่เป็นผล

ของสิ่งนั้น ของนั่น! คือของแม่ข้า ของพี่สาวข้า พี่ใหญ่ ๆ ท่านอยู่ที่ใด ฮื่อ สวรรค์ได้โปรดอย่าล้อเล่นกับข้า!...

จ้าวหลิงหลิงทำได้เพียงตะโกนร่ำร้องภายในใจ เพราะริมฝีปากของนางถูกปิดเอาไว้ อยู่ ๆ ท้ายทอยของนางก็เกิดอาการเจ็บแปลบดั่งถูกตีกระหน่ำ

ฮึก!...ทะ...ท่านแม่ ท่านพี่ นี่มันเกิดเรื่องอะไรกัน

ภาพที่นางเห็นคือแววตาเย็นชาของบุรุษผู้นั้น เขาสวมกวานทองคำลายมังกรไว้บนศีรษะ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาทว่าแววตาช่างเศร้าหมอง จ้าวหลิงหลิงกลับไม่คิดเช่นนั้น ประกายตาของเขาช่างเย็นชายิ่ง! นางจดจำใบหน้าหล่อเหลานี้ไว้ในก้นบึ้งของจิตใจ จู่ ๆ สติสัมปชัญญะจ้าวหลิงหลิงพลันดับวูบลงในที่สุด

"จิ้งเหยา เกิดอันใดงั้นหรือ" เสียงทุ้มเอ่ยถามพลางเขม้นมองความโกลาหลซึ่งอยู่ห่างจากเขาไม่มากนัก

"องค์ชายรอง ชาวบ้านต่างบอกว่านางเป็นคนเสียสติ คงเกิดอาการคลุ้มคลั่งชั่วขณะ ยามนี้ญาติของนางกำลังช่วยกันนำตัวกลับพ่ะย่ะค่ะ"

เวินเยี่ยนเฉินพยักหน้า เขาลดสายตามองสาสน์ที่อยู่ในมือสลับกับเครื่องประดับสตรีในมือซ้าย จากนั้นผินหน้าไปยังร่างของสตรีทั้งสอง รวมถึงลานแสดงที่เคยไว้จัดงานรื่นเริงของสกุลจ้าวที่ยามนี้ล้วนเจิ่งนองไปด้วยโลหิตสีชาด

ข้าผิดเอง เป็นข้าที่ผิด ข้าขอโทษ...

.

.

"คะ...คุณชายซาง ท่านมาได้อย่างไรเจ้าคะ" เริ่นเหมยเบิกตากว้าง

"แม่นม ไว้ข้าจะเล่าให้ท่านฟัง ยามนี้ออกไปจากที่นี่ก่อน หากทางการจับได้ว่ายังหลงเหลือคนอยู่ แม้มีเก้าชีวิตก็มิอาจหลีกพ้นโทษทัณฑ์"

ซางจี้หยวนคือสหายรักของจ้าวเฉินหลิน และมักมาเที่ยวเล่นกับสามพี่น้องสกุลจ้าวเสมอ เขาเห็นทุกอย่างด้วยตาตนเองว่ายามนี้เกิดสิ่งใดขึ้นกับตระกูลจ้าว น้ำตาลูกผู้ชายหลั่งรินแทบเป็นสายเลือด เขาอยากเข้าไปอุ้มกายสตรีสองนางออกมาเดี๋ยวนั้น แต่เขามิอาจทำอันใดได้ เขาเฝ้าร่ำไห้โทษตัวเองมิขาดปาก กระทั่งสายตาเหลือบเห็นสตรีร่างระหงสวมหมวกสานบดบังใบหน้ายืนไหล่ไหวสะท้าน อาละวาดเจียนบ้าท่ามกลางสายฝน แม้ใบหน้าของนางถูกปกปิดด้วยผ้าแพรผืนบาง กระนั้นเขายังจดจำนางได้เป็นอย่างดี

ซางจี้หยวนอุ้มจ้าวหลิงหลิงไว้บนอ้อมแขน ทั้งสามคนขึ้นมายังรถม้าแล้ว ชายผู้บังคับบังเหียนล้วนแตกตื่นไม่ต่างกัน รถม้าเคลื่อนออกไปท่ามกลางความงุนงงของบรรดาคนนับสิบ

นะ...นั่นมิใช่รถม้าตระกูลจ้าวหรือ

คงไม่ใช่กระมัง เจ้าตาฝาดแล้ว กลับเถอะฝนตกเพียงนี้ ก่อนเข้าบ้านต้องล้างเนื้อล้างตัวเสียหน่อย มายืนมองความไม่เป็นมงคลนานเพียงนี้เกรงจะซวยไปทั้งชาติ คนขายบ้านเมืองกินก็สมควรได้รับผลกรรมอย่างสาสมมิใช่หรือ ไป! กลับ

ผู้เป็นสามีเกาศีรษะมองตามรถม้าที่แล่นฉิวออกไป เขาละความสนใจแล้ว จากนั้นถอนหายใจแผ่ว ส่วนภรรยาจูงมือของผู้เป็นสามีออกจากบริเวณนั้นด้วยความรวดเร็วดั่งเกรงว่าจะถูกสาปส่งร่วมด้วย

ล้อไม้เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างทุลักทุเล เริ่นเหมยร่ำไห้ปิ่มขาดใจ มือของนางเฝ้าปัดป่ายเส้นผมที่ปรกระใบหน้าเกลี้ยงเกลาและซีดขาวออกด้วยใจรวดร้าว จ้าวหลิงหลิงยังคงนอนไม่ได้สติ

"ฮื่อ...โถ คุณหนู ท่านช่างน่าเวทนายิ่งนัก"

ซางจี้หยวนมองภาพความเศร้าโศกสองนายบ่าวด้วยความเวทนา ความผิดหวังและเสียใจเกาะกินพลังชีวิตของเขา จิตใจของซางจี้หยวนเหี่ยวแห้งไม่ต่างจากพวกนางเลย มือหยาบระคายกำหมัดแน่นด้วยความเคียดแค้น เหตุใดเขาจึงมิอาจช่วยเหลือสหายรักของตนและจ้าวหลิงหวินรวมถึงฮูหยินจ้าวได้

บัดซบ! ข้ามันไม่เอาไหนจริง ๆ หลิงหลิง เจ้าจะต้องเข้มแข็งเข้าไว้ อย่าเป็นอะไรไปอีกคนเล่า

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สืบแค้นฮ่องเต้แสนร้ายกาจ   บทที่ 22 บุรุษที่สามารถปกป้องพวกข้าได้ (ตอนพิเศษ)

    หลังจากล้างมลทินให้กับตระกูลจ้าว ธรรมเนียมของราชวงศ์ซึ่งอยู่ใต้การปกครองของเวินเยี่ยนเฉินยามนี้จึงถูกปรับเปลี่ยน เขาเป็นฮ่องเต้แล้วอย่างไรเหตุใดจำต้องมีสนมมากมายเช่นนั้น เขามิใช่บุรุษมักมากเวินเยี่ยนเฉินประกาศกร้าวไม่รับสนมใดอีก เขาจะเป็นฮ่องเต้คนแรกที่รักมั่นต่อฮองเฮาเพียงผู้เดียวนับจากวันที่จ้าวหลิงหลิงบั่นศีรษะฉู่เยว่เฉิน และฉู่เฉิงจิ้นด้วยสีหน้าเย็นชายิ่งกว่าเหมันตฤดูแม้เวลาล่วงเลยมาสักระยะแล้ว ทว่าพวกเขาล้วนมิเคยลืมเลือนความรู้สึกครั่นคร้ามและไอสังหารที่พวยพุ่งออกมาจากแววตาฮองเฮาเกรงว่าหากจักรพรรดิของพวกเขาทำสิ่งใดไม่ต้องใจนาง เวินเยี่ยนเฉินอาจดวงชะตาขาดแน่แท้ตระหนักไปแล้วขุนนางน้อยใหญ่ก็ต่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกพวกเขาจึงหามีผู้ใดกล้าริอ่านคัดค้านอีก"ละ...หลิงหวิน" เสียงใสสั่นพร่า คำเรียกขานเมื่อครู่เจือก้อนสะอื้นซึ่งจุกอยู่กลางลำคอจ้าวหลิงหวินหมุนกายกลับ ริมฝีปากสีกุหลาบแย้มยิ้มละไม "หลิงหลิง"ร่างระหงของสตรีทั้งสองซึ่งมีใบหน้าละม้ายกันดุจพิมพ์เดียวยืนอยู่ใต้ต้นอิงฮวา

  • สืบแค้นฮ่องเต้แสนร้ายกาจ   บทที่ 21 คนเจ้าแผนการ (2/2) (จบ)

    เป็นเวลาสามวันแล้วที่เวินเยี่ยนเฉินไม่ได้สติ กระทั่งการป้อนยาก็เป็นไปอย่างลำบากยากยิ่ง หากเป็นเช่นนี้เขาต้องตายจริงแน่แท้"ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ คือว่าฝ่าบาทมิยอมเสวยโอสถเลยพ่ะย่ะค่ะ" หร่านจิ้งเหยาถือถ้วยหยกพร้อมช้อนกระเบื้องเคลือบซึ่งมีน้ำสีขุ่นอยู่เกินกว่าครึ่ง"องครักษ์หร่าน ท่านไปพักผ่อนเถิด ทางนี้ข้าจัดการเอง""แต่...""ไปเถิด ข้าดูแลเขาได้ เจ้าเกรงว่าข้าจะทำร้ายฝ่าบาทอีกงั้นหรือ"หร่านจิ้งเหยาสะดุ้งโหยง ภาพที่อีกฝ่ายบั่นศีรษะกบฏยังติดตาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน หร่านจิ้งเหยาวางถ้วยในมือลงจากนั้นค้อมศีรษะและเร่งถลันกายออกไปด้วยท่าทางร้อนรนหร่านจิ้งเหยาระบายลมหายใจเบา"เกือบไปแล้วเชียว" จากนั้นองครักษ์หนุ่มจึงสลัดศีรษะเพื่อเรียกสติและเดินจากไป"เยี่ยนเฉิน หากท่านดื้อดึงไม่ทานยา ข้าจะแทงท่านอีกแผล" จ้าวหลิงหลิงเขม้นมองเพื่อจับพิรุธผู้บาดเจ็บ นางได้ยินเสียงลมหายใจของเขาที่ดูเหมือนกับฟื้นคืนสติแล้ว กระนั้นอีกฝ่ายกลับยังนอนนิ่งสนิทไม่ไหวติงคิ้วสวยเคลื่อนเข้าหากันแทบผูกเป็นปม "หรือข้าคิดมากไปเอง ช่างเถิด"ร่างระหงยอบกายลงนั

  • สืบแค้นฮ่องเต้แสนร้ายกาจ   บทที่ 21 คนเจ้าแผนการ (1/2)

    จ้าวหลิงหลิงตัวแข็งค้างประดุจดินปั้นไม้แกะสลัก นางเหลียวมองร่างบุรุษซึ่งนอนหายใจแผ่วโผยอยู่บนเตียงนอน ท่าทางของนางเหม่อลอยดวงตามีประกายบาง ๆ ริมฝีปากสีกุหลาบเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเทา "นะ...นี่ ราชโองการละเว้นโทษตายนี้ เป็นพระองค์ที่ถือไปในวันนั้นหรือ เยี่ยนเฉิน..."ร่างระหงอ่อนยวบลงบนพื้น สาสน์ในมือหลุดร่วงพร้อมเครื่องประดับสองชิ้น จ้าวหลิงหลิงเจ็บปวดเสียยิ่งกว่ามีดแทงเลาะหัวใจออกมาบดขยี้ นางกรีดร้องด้วยความทุกข์ระทม"ฮื่อ...เยี่ยนเฉิน คนโง่ ทำไมท่านไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้ ทำไมกัน ทำไม!!"นางพยายามลากเรียวขาแสนอ่อนเปลี้ยเข้าใกล้เจ้าของร่างสูงซึ่งนอนเหยียดยาวสลบไสลไร้สติอยู่เบื้องบน "ฮื่อ...คนโง่ คนงี่เง่า ก็ดี ทุกคนต่างตายกันหมด หนีจากข้าไปหมด เช่นนั้นข้าเองก็คงไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่แล้วเช่นเดียวกัน"มือเรียวคว้าปิ่นปักผมลายเหมยกุ้ยฮวาขึ้นแช่มช้า ปลายแหลมคมจ่ออย่างหมิ่นเหม่บริเวณต้นคอขาวผ่อง เปลือกตาบางหลับพริ้มประดุจปลดปลงต่อโลกใบนี้แล้ว"หลิงเอ๋อร์ หยุด!"มือแกร่งคว้าหมับได้ทันท่วงที โชคดีที่เขาดันทุรังฝ

  • สืบแค้นฮ่องเต้แสนร้ายกาจ   บทที่ 20 ข้าจำท่านได้มิเคยลืม (2/2)

    จ้าวหลิงหลิงหลับไปหลายชั่วยามแล้วหลังจากนางใช้ทั้งพลังกายและพลังใจไปทั้งวัน น้ำสีใสหลั่งรินตรงหางตาขณะที่ตารูปหงส์ยังคงหลับพริ้มอยู่เช่นนั้น "ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ใหญ่ หลิงหวิน ข้าทำสำเร็จแล้ว ท่านเห็นหรือไม่ พวกท่าน ฮื่อ...พวกท่านจะไปไหน รอข้าก่อนเจ้าค่ะ"มือเรียวควานไปมาท่ามกลางอากาศ เวินเยี่ยนเฉินซึ่งนั่งเฝ้าจ้าวหลิงหลิงอยู่ไม่ห่างพลันรวบมือทั้งสองเอาไว้เพื่อปลอบประโลม "หลิงเอ๋อร์ พวกเขาไปสบายแล้ว เจ้าวางใจ เจ้ายังมีข้า ข้าสัญญาจะปกป้องเจ้า จะมีเจ้าเพียงคนเดียว"จ้าวหลิงหลิงยังคงกู่ก้องร้องตะโกนเปะปะอย่างไร้สติ เวินเยี่ยนเฉินจึงยกร่างระหงขึ้นมาสวมกอด พลางตบเปาะแปะไปบนแผ่นหลังของอีกฝ่าย "หลิงหลิง ตื่นได้แล้ว"จ้าวหลิงหลิงเบิกตาโพลง นางหายใจหอบเหนื่อยเสียจนหน้าอกกระเพื่อมไหว เวินเยี่ยนเฉินผละกายออกห่าง "หลิงหลิง เจ้าฝัน ฝันเท่านั้น""ฝ่าบาท ข้า..." ริมฝีปากสีกุหลาบสั่นระริกเวินเยี่ยนเฉินคว้ากายเพรียวบางเข้ามาสวมกอดอีกครั้ง "บางทีคนเราไม่จำเป็นต้องเก็บงำความรู้สึกไว้ตลอดเวลา ทุกคนมีทั้งมุมที่แข็งแกร่งและอ่อนแอ เจ้าอยากร้องก็ร้องมาเถิด ทุกอย่างเป็นคว

  • สืบแค้นฮ่องเต้แสนร้ายกาจ   บทที่ 20 ข้าจำท่านได้มิเคยลืม (1/2)

    ณ ลานประหารราชวังหลวงสตรีร่างระหงสวมอาภรณ์สีชาด ยืนถือกระบี่อ่อนลายเหมยกุ้ยฮวา [1] นัยน์ตาหงส์คู่นั้นเย็นยะเยือกเสียจนน่าสะพรึง ชายวัยกลางคน และชายหนุ่มสวมเครื่องแต่งกายตัดเย็บด้วยผ้าดิบสีขาวบ่งบอกว่าคือนักโทษแดนประหารนั่งอยู่ท่ามกลางลานกว้าง ดวงตาเหม่อลอยหม่นแสง แม่ทัพฉู่เฉิงจิ้นถูกนำตัวกลับมารับโทษพร้อมทุกคนที่เกี่ยวข้องกับตระกูลฉู่ฝั่งตรงข้ามคือสตรีใบหน้าสะสวยทว่ายามนี้คงต้องเรียกว่าซีดขาวดุจไร้วิญญาณ ฉู่เยว่เฉินร้องไห้เสียจนน้ำตาแห้งขอดเหล่าอาณาประชาราษฎร์ต่างให้ความสนใจต่อลานประหารด้วยความจดจ่อ บางคนก็หวาดเกรงจนมิอาจทนดู เสียงวิจารณ์อึงอลเสียจนระเบ็งเซ็งแซ่น่าเห็นใจตระกูลจ้าว ถูกป้ายสีจนพินาศทั้งตระกูล คนอำมหิตเช่นนี้สมควรได้รับโทษตายก็ถูกต้องแล้วชาวบ้านที่ถือผักเหี่ยวเฉา ไข่เป็ด ไข่ไก่อันเน่าเหม็นต่างปาเข้ามายังลานด้านใน ฉู่เยว่เฉินร้องไห้อย่างหนักหน่วง ส่วนบุรุษทั้งสองเพียงถอนหายใจก้มหน้ารับชะตา ไข่กลิ่นคาวคลุ้งถูกปากระทบศีรษะ เยิ้มหยดลงใบหน้าเส

  • สืบแค้นฮ่องเต้แสนร้ายกาจ   บทที่ 19 ข้าจะเป็นฝ่ายลงทัณฑ์เอง (2/2)

    ขุนนางเหล่านั้นก็ตื่นตะลึงกันไปหมด ทั้งสาสน์ลับที่ถูกสับเปลี่ยน และความจริงจากปากขององครักษ์ก็เป็นหลักฐานยืนยันได้อย่างกระจ่างแจ้งมิใช่หรือ หนำซ้ำต่งรุ่ยเหวินยังสารภาพเรื่องราวเองทั้งหมด"นี่มันเหี้ยมโหดเกินไปแล้ว ข้าก็ว่าแม่ทัพจ้าวผลงานโดดเด่นและภักดีต่อแคว้นมาโดยตลอด ไหนเลยจะคิดก่อกบฏจนตัวตาย""พวกท่านเอ่ยตอนนี้มันเกิดประโยชน์ใดหรือ ขุนนางเก่าแก่เช่นท่าน ท่าน และท่าน..." นิ้วหยาบระคายชี้หน้าพวกเขาอย่างดุดัน พวกเขารับรู้ถึงความครั่นคร้ามจากโอรสแห่งสวรรค์ก็พลันก้มหน้างุดแทบหยุดหายใจ"พวกท่านมันมีแต่คนขี้ขลาด!! คิดว่าข้าต้องเกรงใจขุนนางละโมบไปถึงเมื่อใด ข้าจะบั่นศีรษะพวกท่านและเปลี่ยนขุนนางใหม่ทั้งหมดก็ยังได้!" ร่างสูงลุกยืนบันดาลโทสะขันทีตัวสั่นเทา "ฝ่าบาท โปรดระงับโทสะด้วย"เวินเยี่ยนเฉินตวัดตามองฉับ "ระงับโทสะ! เป็นเจ้ามิใช่หรือที่คอยรายงานความเคลื่อนไหวของข้าให้พวกเขารู้""หา...ฝ่าบาทเข้าพระทัยผิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ""หนวกหู! ทหาร เอาตัวขันทีเปาไปลงทัณฑ์ให้หนัก"ขันทีเปาหยู่ซินเบิกตาโพลง แขนทั้งสองของเขาถูกนายทหารกายกำยำสองคนถลัน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status