เยว่อิงได้ยินเสียงเกวียนก็เลยหันกลับไปมอง
“ อ้าว ท่านหัวหน้าหมู่บ้านสวัสดีเจ้าค่ะ ” เมื่อเห็นว่าเป็นใครจึงได้เอ่ยทักทายออกมา
“ วันนี้ข้านำสัญญาซื้อขายอะไรมาให้เจ้า แล้วก็พาช่างมาหาเจ้าด้วย ” หัวหน้าพูดเพื่อคลายความสงสัยให้แก่เธอ
“ อ้อ สวัสดีเจ้าค่ะท่านลุง ” เธอเอ่ยทักทายช่างที่จะมาทำรั้วบ้านให้
“ สวัสดีๆ เจ้าเรียกข้าว่า ลุงหม่า ก็ได้ ” พูดออกมาอย่างใจดี
“ เจ้าค่ะท่านลุงหม่า ”
“ เชิญท่านหัวหน้าหมู่บ้านกับท่านลุงหม่าเข้ามาในบ้านก่อนเจ้าค่ะ ” เธอเอ่ยบอกกับทั้งสอง แล้วหันไปพูดกับเฟยหลงต่อ
“ เฟยหลง เจ้าไปบอกลี่ซือทีว่าให้นำชากับของว่างมาให้แขกด้วย ”
“ ขอรับ ” เฟยหลงพูดจบก็รีบเดินเข้าบ้านไปหาลี่ซือ
“ เชิญเข้าบ้านก่อนเจ้าค่ะ ” เยว่อิงก็เดินนำทั้งสองคนไปยังห้องโถงทันที
“ อืม ภายในรั้วบ้านร่มรื่นมาก บ้านเจ้าก็จัดได้เป็นอย่างดีจริงๆ ” ลุงหม่าเอ่ยชม พร้อมกับพยักหน้าพอใจ
“ ขอบคุณเจ้าค่ะ เชิญพวกท่านนั่งลงก่อน ” เธอผายมือชักชวนให้ทุกคนนั่งลง
หลังจากที่นั่งกันแล้ว ก็เริ่มคุยเรื่องงานกันทันที
“ ก็ไม่มีอะไรมาก ที่พวกข้ามาวันนี้ก็เพื่อที่จะมาคุยรายละเอียดเรื่องการล้อมรั้วนั่นแหละ ” ลุงหม่าก็เริ่มเปิดเรื่องพูดทันที แต่ก่อนที่เธอจะตอบลี่ซือก็เดินเข้ามาพอดี
“ น้ำชากับของว่างเจ้าค่ะ ” เมื่อวางเสร็จก็ย่อตัวออกไปทันที เธอก็เลยเริ่มพูดต่อ
“ จริงๆ แล้วข้าอยากทุบรั้วด้านข้างเพื่อที่จะได้เชื่อมไปยังที่ดินที่ข้าซื้อใหม่ทั้งหมดเจ้าค่ะ เพราะข้าจะล้อมรั้วทั้งหมด ”
“ โอ้! เช่นนั้นก็ได้ งั้นอีก3-4 วันข้าจะมาทำรั้วให้พวกเจ้า แต่วันนี้ข้าขอคำนวณเงินพวกวัสดุอุปกรณ์กับค่าแรงของคนงานเพิ่มก่อนก็แล้วกัน ” ลุงหม่าเอ่ยออกมา
“ ได้เจ้าค่ะ ข้าขอเป็นวัสดุอุปกรณ์อย่างดีนะเจ้าคะ ” เธอตัดสินใจว่าไหนๆก็ทำแล้วก็ทำอย่างดีไปเลยแล้วกัน
“ ได้ๆ อืม… ข้าคิดค่าวัสดุอุปกรณ์ กับค่าแรงงานทั้งหมดก็ตกอยู่ที่ประมาณ 600 ตำลึงเงินเจ้าจะจ่ายไหวหรือไม่? ” เรื่องเงินแค่นี้ขนหน้าแข้งเธอไม่ร่วงหรอก เพราะเมื่อ2วันที่แล้วเธอเพิ่งให้เฟยหลงไปรับเงินจากการประมูลมาได้มาหลายแสนตำลึงทองเลยทีเดียว
“ ข้าจ่ายไหวเจ้าค่ะ แต่เรื่องอาหารกลางวันข้าคงไม่สะดวกทำ ถ้าอย่างนั้นข้าให้เป็นค่าแรงคนงานเพิ่มก็แล้วกันนะเจ้าคะ ” เธอเอ่ยบอกกับลุงหม่า
“ ได้ๆ งั้นถ้าเงินพอไม่พออย่างไรลุงจะมาแจ้งกับเจ้าแล้วกัน ”
“ ได้เจ้าค่ะ ถ้างั้นเซ็นสัญญาแล้วก็จ่ายเงินส่วนหนึ่งก่อนเลยหรือไม่เจ้าคะ? ”
“ เดี๋ยวข้าหยิบสัญญาสักครู่ ” พูดจบลุงหม่าก็หยิบสัญญาออกมา
“ เจ้าค่ะ ”
เมื่อลุงหม่าช่างทำรั้วกับหัวหน้าหมู่บ้านจากไปแล้ว เธอก็เดินเข้าห้องนอนไปหาลูกสาวเพราะเนื่องจากเธอไม่ได้อยู่เล่นกับลูกหลายวันแล้วมัวแต่วิ่งวุ่นเรื่องนู้นเรื่องนี้อยู่
“ แอ๊ แอ๊! ” ทันทีที่ลูกสาวตัวน้อยเห็นเธอก็ยิ้มโชว์เหงือกอย่างน่ารักให้เธอทันที
“ ว่าไงซาลาเปาน้อยของแม่ อยู่กับพี่ลี่ซือเป็นอย่างไรบ้างจ้ะ? ” เธอเอ่ยถามเย้าลูกสาว
“ อื่อ แอ๊ คิกๆ ”
ลูกสาวเอ่ยตอบเธออย่างอารมณ์ดี แต่เธอก็ไม่สามารถที่จะรู้คำตอบได้จริงๆ
“ โอ้! อยู่กับพี่ลี่ซือสนุกมากใช่หรือไม่?”
“ แอ๊ แอ่ แอ๊ แอ๊ ”
“ หืม ซาลาเปาน้อยของแม่พูดเก่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” เธอพูดจบก็ก้มลงฟัดแก้ม ฟัดพุงลูกสาวตัวน้อยด้วยความหมั่นเขี้ยว
“ คิก คิก คิก แอ๊ ”
อยู่เล่นกับลูกสาวในห้องสักพักใหญ่ เธอก็เดินออกมาข้างนอกห้องนอน ปล่อยให้ลี่ซือดูซาลาเปาตัวน้อยเพียงลำพัง
เธอก้าวออกมานอกห้องก็เห็นลี่อินนั่งปักผ้าอยู่เธอเลยไม่คิดที่จะเข้าไปรบกวน เลยเดินออกมาข้างนอกเพื่อดูแปลงผักแทน ก็เห็นแปลงผักที่เธอเพิ่งปลูกไม่นานโตขึ้นออกดอกออกผลเขียวชะอุ่ม ซึ่งเธอก็ไม่ได้แปลกใจนักเพราะน้ำที่ใช้รดก็เป็นน้ำวิเศษที่ทำพืชผักโตไว ต่างจากเฟยหลงที่ตอนแรกออกมาจะรดน้ำแปลงผักก็ยืนตาค้าวช็อกเป็นอย่างมาก ตกใจว่าทำไมผักที่ปลูกได้ไม่กี่วันทำไมถึงโตได้ไวพร้อมกินขนาดนี้ อย่างน้อยปกติก็ต้องใช้เวลาหลายอาทิตย์เป็นอย่างต่ำ
“ นะ… นายหญิงขอรับ ผักพวกนี้ ” เฟยหลงอย่างตกใจเป็นอย่างมาก เขาแทบจะไม่อยากเชื่อสายตา แต่เมื่อหันมาเห็นเธอก็พยายามรวบรวมคำพูดเพื่อบอกกล่าวแก่เธอ
“ เฟยหลงเจ้าไม่ต้องตกใจมากไปนัก ต่อไปนี้ยังมีเรื่องที่เจ้าต้องตกใจอีกเยอะ ” เธอเอ่ยบอกเฟยหลงอย่างใจเย็น
หลังจากที่เฟยหลงพยายามทำใจให้เย็น ก่อนจะเอ่ยตอบเธอช้าๆ
“ ข…ขอรับนายหญิง ”
“ เอาล่ะ เดี๋ยวอีกสัก2-3 วันเจ้าก็นำผักพวกนี้ไปขายเถอะ ผักสดๆพวกนี้คงขายได้แพงนัก ” เธอเอ่ยบอกกับเฟยหลงในแคว้นเว่ยนี้พื้นที่เพาะปลูกนั้นปลูกได้ยากยิ่ง การจะกินผักที่สดนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย เธอจึงไม่แปลกใจที่เฟยหลงจะตกใจเรื่องที่ปลูกผักออกมาได้แถมยังภายในไม่กี่วันอีกด้วยหลังจากผ่านมาหลายสัปดาห์ตอนนี้รั้วก็ล้อมเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ไหนจะกิจการขายผักของเธออีกเรียกว่าทำเงินให้เธอเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีเหลาอาหารมาติดต่อขอซื้อผักสดกับเธอเป็นจำนวนหนึ่ง ซึ่งเธอก็ตอบรับหมด เพียงแต่เธอให้เฟยหลงทำการขุดพรวนดินเพื่อปลูกผักเพิ่มเป็นจำนวนมาก“ พวกเจ้าทั้งสามคนเป็นคนที่ข้าไว้ใจข้าถือว่าพวกเจ้าเป็นคนในครอบครัวของข้า…”เธอเอ่ยพูดกับพวกเขาด้วยความรู้สึกจากใจจริงๆ เนื่องด้วยตั้งแต่เธอมาอยู่ที่นี่ก็มีเพียงคนพวกนี้ที่คอยอยู่กับเธอมานานที่สุด ถึงจะเพราะเธอซื้อตัวพวกเขามาก็เถอะ แต่สิ่งที่เยว่อิงพูดมานั้นทำให้คนทั้งสามคนนั้นรู้สึกซาบซึ้งอย่างสุดหัวใจ พวกเขาทั้งสามคนก็รักและจงรักภักดีต่อเยว่อิงมาตลอด หากแต่ว่าเธอก็สามารถรับรู้ได้“ ข้ามีความลับบางอย่างที่ไม่ต้องการให้คนภายนอกรู้ อยากจะปิดบังแต่ก็ไม่อาจปิด
เช้าวันต่อมาหลังจากค่ำคืนแห่งความอบอุ่นผ่านพ้นไป ก็กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงทุกคนต่างช่วยกันขนผักใส่ตะกร้านำไปขึ้นรถม้าเพื่อเตรียมไปขาย ส่วนที่ผักที่ทางเหลาอาหารอื่นๆสั่งนั้น ทางเหลาแต่ละแห่งนั้นเธอได้ทำข้อตกลงว่าให้ทางเหลานำรถม้ามารับพวกผักที่นี่เอง จึงได้แต่ทำการขนตะกร้าผักขึ้นรถม้ากลับไปตั้งแต่ยามอิ๋น [03:00-04:59น.] แล้วเมื่อถึงยามเฉิน[07:00-08:59น.] ก็เสร็จสิ้นงานทุกอย่างเรียบร้อย แล้วช่วงนี้เธอก็ว่างเป็นอย่างมากเธอเลยได้แต่ใช้ชีวิตอยู่แต่ภายในรั้วบ้านเล่นกับซาลาเปาน้อย โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้สามีที่เธอไม่ต้องการได้กลับมาเสียแล้วทางด้านบ้านจาง“ ฮุ่ยหมิ่นกลับมาแล้วหรือลูก? ทำไมจะกลับไม่บอกแม่ก่อนเล่า ” นางจางเอ่ยถามลูกชายคนเล็กด้วยความคิดถึงคนึงหา“ ข้ากลับมาแล้วขอรับท่านแม่ พอดีข้าได้วันลาพักผ่อน3สัปดาห์น่ะขอรับเลยไม่ได้แจ้งท่านล่วงหน้า ” ฮุ่ยหมิ่นเอ่ยตอบผู้เป็นแม่อย่างนอบน้อม เขาเป็นคนที่กตัญญูต่อพ่อกับแม่มากไม่ว่าที่ผ่านมาภรรยาจะโดนด่าทอทุบตีมากแค่ไหนก็ไม่เคยคิดจะปริปากพูดสักคำ แต่ในทางกลับกันเยว่อิงกับมองว่าจางฮุ่ยหมิ่นคือผู้ที่เห็นแก่ตัวรักแต่ตัวเองไม่คิดปกป้องภรรยา
ปัง ปัง ปัง!“ นังเยว่อิง…นังตัวไร้ประโยชน์ออกมาเดี๋ยวนี้นะ! วันนี้ข้าจะตีพวกเจ้าให้ตาย ” นางจางทุบประตูจนเจ็บมือนางก็หาได้สนใจไม่ ทำเพียงทุบประตูแล้วก็ตะโกนวายวายต่อปัง ปัง ปัง!“ ข้าบอกให้ออกมาไง มัวแต่มุดหัวอยู่ในรู ให้มันเก่งเหมือนตอนที่กล้ามาทำร้ายบุตรชายของข้ากันสิ เหอะ! ”ภายในบ้านเยว่อิง“ เกิดอะไรขึ้น? ทำไมคนพวกนั้นถึงกล้ามาหาเรื่องพวกเราที่บ้านได้ ” เยว่อิงกล่าวถามด้วยสีหน้าสงสัย“เอ่อ… คือว่า ข้าถีบบุตรชายคนโตของพวกเขาตกรถม้าขอรับ ” เฟยหลงเอ่ยตอบเธออย่างอ้อมแอ้ม คล้ายระอายใจที่ก่อเรื่องมาให้เธอเสียได้“ ห๋า! เรื่องมันเป็นอย่างไรเจ้าเล่ามาให้ข้าฟัง ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าไม่มีนิสัยทำร้ายผู้ใดก่อนอยู่แล้ว ”“ หลังจากกลับมาจากขายผักที่เมืองข้าก็บังคับรถม้าผ่านบุตรชายคนโตของนางจางพอดี พอเจ้านั่นเห็นก็วิ่งตามรถมาพร้อมกับปีนขึ้นมารถม้า ข้าก็เลยหยุดรถม้าแล้วถีบเขาลงจากรถม้าขอรับ เจ้านั่นก็เลยจะโกนด่าทอข้าตามหลังมาแต่ข้าไม่ได้สนใจรีบบังคับรถม้ากลับบ้านทันที ข้าไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาให้กับนายหญิงภายหลังแบบนี้… ”“ เอาล่ะ เจ้าไม่ต้องคิดมาก แต่คราวหน้าคราวหลังหากคิดจะทำอะไรก็คิดไตร่ตรองให้ด
“ หึ! เจ้ามันแค่แม่หม้ายท้ายหมู่บ้านอย่าติดทระนงตนไปหน่อยเลย ” นางจางกล่าววาจาร้ายกาจออก“ แล้วอย่างไรเล่า? ข้าเป็นหม้ายแล้วไปเดือดร้อนอะไรพวกท่านอย่างนั้นหรือ?” “ เหอะ! เดือดร้อนหรือไม่ข้าก็เกลียดขี้หน้าคนอย่างเจ้าอยู่ดี แล้วเจ้าก็อย่าได้คิดฝันหวานว่าบุตรชายของข้าจะอยากได้นางแพศยาอย่างเจ้ากลับมาเป็นเมียอีก! ” นางจางพูดอย่างดูแคลน“ ท่านคิดว่าบุตรชายของท่านดีเด่จนข้าต้องอยากได้เขากลับมาเป็นผัวหรือ? ก็ไม่ ”“ ท่านแม่ พอเถอะขอรับ ” ฮุ่ยหมิ่นรีบพูดห้ามแม่ของตัวเองเพราะกลัวว่าจะเลยเถิดไปกันใหญ่แล้วภายภาคหน้าเขาจะมาง้อนางได้อย่างไรเล่า!“ น้องเล็ก จะให้ท่านแม่พอได้อย่างไร? เรื่องที่ข้าต้องมาเจ็บตัววันนี้ยังไม่ได้ค่าตอบแทนอันใดเลยนะ ” จางต้าเกินพูดออกมาอย่างหน้าไม่อาย“ หึ! ไม่ใช่ว่าน้องเล็กคิดอยากจะกลับมาจับนางแม่หม้ายผู้นี้หรอกกระมัง? ” สะใภ้ใหญ่พูดออกมาอย่างขบขัน แต่ทั้งหมดนี้ดันเป็นเรื่องจริงที่ฮุ่ยหมิ่นคิดกระทำ“ ข้า… ข้า จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร! ” ฮุ่ยหมิ่นพูดออกมาอย่างอ้อมแอ้ม“ พวกเจ้าพอเถอะ จะเถียงกันเพราะเหตุใด ” พอเห็นว่าเป็นท่านพ่อพูดทุกคนก็เงียบทันควัน“ เชิญพวกท่านกลับบ้านไปไ
“ คุณหนูน้อยช่างน่ารักน่าชัง แถมยังรู้ความยิ่งนักเจ้าค่ะนายหญิง ” ลี่อินกล่าว“ ใช่เจ้าค่ะนายหญิง ตั้งแต่ข้าเลี้ยงคุณหนูน้อยมานับครั้งได้เลยที่คุณหนูจะร้องไห้โยเยเหมือนเด็กๆที่อื่น ” ลี่ซือกล่าวต่อ ส่วนเฟยหลงได้แต่นั่งฟังเงียบๆ“ ข้าก็เห็นด้วยกับพวกเจ้านั่นแหละ นางช่างน่ารักน่าเอ็นดูนัก ตัวแค่นี้แต่รู้ความไม่ใช่น้อย ” เยว่อิงกล่าว“ แอ๊ แอ๊ ” ซาลาเปาตัวน้อยเอ่ยร้องอ้อแอ้“ หึๆ ” เยว่อิงหัวเราะขบขันหลังจากที่บ้านจางมาหาเรื่องก็ผ่านมาหลายวันแล้วแต่นางก็ได้ยินข่าวลือแว่วๆมาว่าก่อนที่จางฮุ่ยหมิ่นสามีเก่าของเธอจะเดินทางกลับไปยังค่ายทหาร ก็มีรถม้าหรูหรามาจอดยังหน้าบ้านจาง มีหญิงสาวที่มีท่าทางร่ำรวยเดินลงมาจากรถม้าแล้วกล่าวว่านางเป็นเมียของจางฮุ่ยหมิ่น ทันทีที่นางกล่าวจบคนที่มุงดู รวมถึงคนบ้านจางก็ช็อคแทบสิ้นสติ ว่าเรื่องนี้เป็นมายังไงเหตุใดจางฮุ่ยหมิ่นถึงไปมีคุณหนูผู้ร่ำรวยคนนี้เป็นเมียได้ ไม่ใช่ว่าเขาก็เพิ่งจะหย่ากับเยว่อิงแล้วเขาก็เพิ่งเดินทางกลับบ้านคงเพิ่งจะทราบเรื่องหย่าด้วยซ้ำบางคนที่ได้สติก่อนก็รวบรวมข้อมูลแล้วคิดเรื่องนี่ได้อย่างรวดเร็ว ว่าเรื่องนี้แปลกๆจางฮุ่ยหมิ่นบุตรชายของนางจา
หลังจากที่เธอเตรียมทุกอย่างเสร็จก็เดินออกมาจากโกดัง“ นายหญิงมาแล้วหรือเจ้าคะ พี่ลี่อินพาคุณหนูน้อยไปนอนเล่นในห้องนั่งเล่นแล้วเจ้าคะ ” ลี่ซือกล่าวบอก“ ขอบใจพวกเจ้ามาก ” เยว่อิงพยักหน้าแล้วกล่าวขอบคุณพวกนาง“ เฟยหลง เดี๋ยวถ้าหัวหน้าหมู่บ้านพาพวกชาวบ้านมาแล้วเจ้าก็จัดแจงให้เรียบร้อยข้าเตรียมพื้นที่ต่างๆให้แล้ว หากใครไม่ฟังหรือก่อเรื่องเจ้าก็สามารถไล่ออกจากบ้านเราไปได้เลย” เยว่อิงกล่าว“ ได้ขอรับนายหญิง ” เยว่อิงทำเพียงพยักหน้ารับ แล้วเดินไปห้องนั่งเล่นกับลี่ซือเพื่อไปหาลูกสาว“ แอ๊ แอ๊ ” “ คุณหนูน้อยช่างคุยยิ่งนักเจ้าค่ะ ” ลี่อินกล่าว เยว่อิงก็ทำเพียงแค่พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย“ ซินอี๋น้อยของแม่ คงอยู่แต่ในบ้านจนเบื่อแล้วใช่หรือไม่ ”“ แอ้ บรู้วๆ ” บุตรสาวของเธอนอกจากจะตอบแล้วยังเป่าปากจนน้ำลายกระจาย“ เอาไว้ให้อากาศเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อยแม่จะพาเจ้าออกไปข้างนอกแล้วกัน ” เนื่องจากอากาศตอนนี้หนาวเย็นเกินไป เธอไม่อาจให้ลูกออกไปข้างนอกได้“ แอ้ๆ ”เล่นกับบุตรสาวไปได้สักพัก เยว่อิงก็เห็นว่าซาลาเปาน้อยของนางเกิดงอแงขึ้นมา เธอจึงเปิดแพมเพิสของซาลาเปาน้อยดูเมื่อเห็นว่าอึราด เธอก็รีบถอดแพมเพิส
“ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็เป็นฝ่ายผิด เพราะฉะนั้นตามสัญญาเยว่อิงสามารถเรียกร้องเงินจากเจ้าได้ถึง2,000ตำลึงทอง ” ทันทีที่หัวหน้าหมู่บ้านพูดจบ ทุกคนที่ได้ยินก็ตกใจ รวมถึงนางจางและสะใภ้ใหญ่ที่ตกใจจนเข่าทรุด นอกจากจะไม่ได้เนื้อยังต้องเสียเงินไปอีกมากโข“ ข้าไม่มี! ” นางจางตอบอย่างสิ้นสติ“หากท่านไม่มีจ่าย ข้าคงต้องไปฟ้องร้องที่ศาลแล้วกระมัง ” ทันทีที่นางจางได้ยินเยว่อิงพูดจบก็ตกใจ รีบเอ่ยอย่างลนลาน“ แต่ข้าไม่มี! เจ้ากล้าหรือ! ” นางจางกล่าวถามออกมาอย่างร้อนลน“ กล้าหรือไม่กล้า ท่านอยากลองดูหรือไม่ ” “ เจ้า! เจ้า! เจ้ากล้าหรือ อย่างน้อยข้าก็เคยเป็นแม่ผัวของเจ้านะ ”“ ข้าไม่สนหรอกว่าท่านจะเคยเป็นแม่ผัวของข้าหรือไม่ ในเมื่อข้าให้โอกาสพวกท่านมาหลายรอบแล้วแต่พวกท่านก็ยังไม่หยุดที่จะรังควานข้า หากครั้งนี้ข้าปล่อยพวกท่านไปอีกเห็นทีครั้งต่อไปพวกท่านคงจะมาอีกกระมัง ”“ หน็อย! เจ้านี่มันอกตัญญูเสียจริง ”“ สรุปท่านจะจ่ายหรือไม่จ่าย หากไม่จ่ายข้าก็จะไปฟ้องร้องที่ศาลเอง ข้าไม่รู้ด้วยหรอกนะหากพวกท่านจะโดนเฆี่ยนตีสักกี่ครั้ง ”ทันทีที่เยว่อิงกล่าวออกมา นางจางที่ได้ยินก็สั่นกลัวละล่ำละลั
หลังจากที่แจกอาหารมื้อเย็นจบ เยว่อิงก็ให้ลี่อินกับลี่ซือนำหม้ออะไรต่างๆไปล้างเก็บให้สะอาด ส่วนพวกชามช้อนที่ชาวบ้านใช้กินชาวบ้านต่างก็ล้างเก็บคว่ำกันเรียบร้อยหมดแล้ว“ งั้นวันนี้ข้าต้องขอตัวก่อน ” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าว“ ได้เจ้าค่ะ เดี๋ยวก็จะมืดค่ำแล้ว ท่านเดินทางกลับบ้านดีๆนะเจ้าคะ ” ระยะทางมันก็ไม่ได้ไกลมากนักแต่ก็ไม่ได้ใกล้ หากปกติก็ไม่มีสิ่งใดหรอกแต่นี่ทั้งลมหนาวทั้งหิมะด้วยหลังจากหัวหน้าหมู่บ้านกลับบ้าน เก็บล้างอะไรเรียบร้อยพวกนางก็เดินตรงกลับเข้าบ้านกันทันที ปล่อยให้พวกชาวบ้านได้พักผ่อนกันไป แต่เยว่อิงไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้หลังจากที่ชาวบ้านได้กินอิ่มนอนอุ่นกันก็พากันซาบซึ้งกันเป็นอย่างมาก เพราะแค่ให้ที่พักอาศัยแก่พวกเขาก็ถือว่าดีมากแล้วแต่นี่นางถึงกับจัดที่ทางมีที่นอนที่สบายมีอาหารแจกที่แสนจะอร่อยแก่พวกเขาอีกด้วย พวกเขาทุกคนล้วนจดจำกันเอาไว้หมดแล้ว พอหมดเรื่องเครียดไม่ต้องอยู่อย่างระแวดระวังก็ต่างพากับหลับไปอย่างสบายใจแต่กลางดึกก็มีพายุโหมกระหน่ำเสียงดังจนทุกคนพากันรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจแต่กระนั้นพวกเขาก็ยังคงวางใจให้สบายได้เพราะตอนนี้พวกเขาได้อยู่ในที่ที่แข็งแรงปลอดภัยแ
หลังจากที่ผ่านมาหลายสัปดาห์แล้วหน้าหนาวก็ได้ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อย และเยว่อิงก็ได้รับของรางวัลตอบแทนที่ช่วยดูแลชาวบ้านภายในหมู่บ้านจากเจ้าเมืองมาได้2-3วันที่แล้ว ซึ่งก็มีผ้าไหมที่มีเนื้อผ้าอย่างดีประมาณ2หีบ ทองคำเครื่องประดับอีก3หีบ ซึ่งก็ถือว่าเป็นของตอบแทนที่จำนวนมากโขอยู่เหมือนกันถ้าคนที่ได้รับเป็นชาวบ้านปกติทั่วไป แต่กับนางสิ่งของเท่านี้เห็นทีจะไม่เพียงพอให้เก็บเป็นสมบัติของลูกสาวนางในอนาคตตอนนี้เยว่อิงได้เริ่มสอนลี่ซือกับลี่อินทำขนมที่นางได้เลือกเอาไว้ไปขายที่ร้านที่นางคิดจะเปิดขายในอนาคต ซึ่งขนมชนิดแรกก็คือ ขนมบัวลอย ขนมกล้วยบวชชี ขนมถ้วยอัญชัญ วุ้นกะทิใบเตย ลอดช่องอัญชัญ ทับทิมกรอบ ซึ่งระยะที่อยู่ภายในบ้านตอนหน้าหนาวนางได้สอนทั้งสองคนไปจนหมด ซึ่งทั้งสอนคนก็ไม่ทำให้นางต้องผิดหวังเพราะนอกจากพวกนางจะจำสูตรได้ไวแล้วยังทำรสชาติได้ออกมาดีอีกด้วย แต่พวกนางทั้งสองทำขนมที่นางได้สอนไปสลับเมนูไปมาอยู่เป็นสัปดาห์สองสัปดาห์ โดยที่มีนาง และเฟยหลงเป็นคนช่วยกันชิม(จนเอียน)“ วันนี้ข้าจะเข้าไปในตัวเมืองเสียหน่อย จะดูหาที่ทำเลเปิดร้านขนมสักหน่อยน่ะ ” เยว่อิงกล่าว“ ได้ขอรับ เดี๋ยวบ่าวจะไปเตร
“ พวกเจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว ” เยว่อิงกล่าว“ เจ้าค่ะ/เจ้าค่ะ ”หลังจากถึงยามเซิน (15:00-16:59 น.) เฟยหลงพร้อมกับชาวบ้านผู้ชายบางส่วนที่ยังซ่อมบ้านไม่เสร็จก็เดินเท้ากลับมาถึงบ้าน“ เจ้ากลับมาแล้วก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อน ” เยว่อิงเอ่ยกับเฟยหลง“ ขอรับนายหญิง ” รับปากจบ ก็เดินเข้าห้องของตนเองเพื่อไปอาบน้ำทันที“ ส่วนพวกเจ้าไปนำตระกร้ามาเดี๋ยวข้าจะใส่ของให้พวกเจ้าไปไว้ที่โรงครัวในโกดังไว้ให้ชาวบ้านทำกินกัน ”“ เจ้าค่ะ ”หลังจากที่ลี่อินกับลี่ซือนำตระกร้ามาเรียบร้อยแล้วนางก็นำนำผักกะหล่ำปลี ผักกาดขาว มะเขือเทศ ไข่ไก่ แล้วก็เนื้อใส่ตระกร้าให้พวกนางนำไปให้แก่ชาวบ้าน“ พวกเจ้าก็อย่าลืมบอกชาวบ้านให้พวกเขาคอยดูแลจัดเวรกันทำเองด้วยเล่า ”“ พวกข้าไม่ลืมเจ้าค่ะนายหญิง/เจ้าค่ะ ”พวกนางทำแบบนี้ทุกวัน ชาวบ้านก็ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี เนื่องจากพวกเขารู้ว่าแค่การที่พวกนางแจกอาหารมาตลอดนั้นก็มากพอแล้ว ไหนจะเตรียมวัตถุดิบให้แก่พวกเขาประกอบอาหารอีก แค่นี้ไม่เหนือบ่ากว่าแรงของพวกเขาหรอก ……10 วันต่อมาหลังจากที่ชาวบ้านและเฟยหลงไปช่วยกันซ่อมแซมบ้านกันจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านก็พากันแยกย้ายเก
เวลาผ่านร่วงเลยไปจนถึงยามเซิน (15:00-16:59 น.) เยว่อิงที่นอนหลับพักผ่อนเอาแรงภายในมิติก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาจึงได้อลุกไปล้างหน้าล้างตาเพื่อออกจากมิติหลังจากที่เยว่อิงออกจากมิติเตรียมจะเข้าห้องครัว ก็เห็นลี่ซือกับลี่อินพากันนอนหลับอยู่ข้างๆที่นอนลูกสาว เมื่อเห็นแบบนั้นนางจึงไม่ได้ปลุกทั้งสองคนแล้วเดินผ่านเข้าไปยังห้องครัวทันที วันนี้เยว่อิงจะทำข้าวผัดไข่เมนูง่ายๆ เมื่อคิดเมนูได้แล้วจึงเรียกวัตถุดิบทุกอย่างที่ต้องใช้ออกจากมิติเมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนางก็ลงมือทำอาหารมื้อเย็นทันที ขั้นตอนแรกเลยเยว่อิงตั้งกระทะขนาดใหญ่แล้วใส่น้ำมันพืชลงไป พอร้อนใส่กระเทียมลงไปผัดจนหอม ใส่ไข่จำนวนหนึ่งลงไปยีให้พอสุก จากนั้นใส่ข้าวลงไปคลุกเคล้าพอเข้ากัน ปรุงรสด้วยซอสปรุงรส ซีอิ๊วขาว และน้ำตาลทราย ใส่ต้นหอมผัดพอเข้ากัน เมื่อเห็นว่าข้าวผัดไข่ที่เสร็จแล้วออกมาเป็นสีเหลืองทองเงาน้ำมันส่งกลิ่นหอมยั่วยวนน้ำลายเยว่อิงจึงดับไฟแล้วพักไว้ให้หายร้อน จากนั้นเยว่อิงจึงตักใส่หม้อใบใหญ่ไว้รอลี่อินกับลี่ซือมาหิ้วออกไปแจกจ่ายชาวบ้าน“ ขอโทษเจ้าค่ะนายหญิงที่พวกเรานอนหลับยาวจนมาทำอาหารมื้อเย็นไม่ทัน ” ลี่ซือกับลี่อิน
หลังจากที่แจกอาหารมื้อเย็นจบ เยว่อิงก็ให้ลี่อินกับลี่ซือนำหม้ออะไรต่างๆไปล้างเก็บให้สะอาด ส่วนพวกชามช้อนที่ชาวบ้านใช้กินชาวบ้านต่างก็ล้างเก็บคว่ำกันเรียบร้อยหมดแล้ว“ งั้นวันนี้ข้าต้องขอตัวก่อน ” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าว“ ได้เจ้าค่ะ เดี๋ยวก็จะมืดค่ำแล้ว ท่านเดินทางกลับบ้านดีๆนะเจ้าคะ ” ระยะทางมันก็ไม่ได้ไกลมากนักแต่ก็ไม่ได้ใกล้ หากปกติก็ไม่มีสิ่งใดหรอกแต่นี่ทั้งลมหนาวทั้งหิมะด้วยหลังจากหัวหน้าหมู่บ้านกลับบ้าน เก็บล้างอะไรเรียบร้อยพวกนางก็เดินตรงกลับเข้าบ้านกันทันที ปล่อยให้พวกชาวบ้านได้พักผ่อนกันไป แต่เยว่อิงไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้หลังจากที่ชาวบ้านได้กินอิ่มนอนอุ่นกันก็พากันซาบซึ้งกันเป็นอย่างมาก เพราะแค่ให้ที่พักอาศัยแก่พวกเขาก็ถือว่าดีมากแล้วแต่นี่นางถึงกับจัดที่ทางมีที่นอนที่สบายมีอาหารแจกที่แสนจะอร่อยแก่พวกเขาอีกด้วย พวกเขาทุกคนล้วนจดจำกันเอาไว้หมดแล้ว พอหมดเรื่องเครียดไม่ต้องอยู่อย่างระแวดระวังก็ต่างพากับหลับไปอย่างสบายใจแต่กลางดึกก็มีพายุโหมกระหน่ำเสียงดังจนทุกคนพากันรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจแต่กระนั้นพวกเขาก็ยังคงวางใจให้สบายได้เพราะตอนนี้พวกเขาได้อยู่ในที่ที่แข็งแรงปลอดภัยแ
“ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็เป็นฝ่ายผิด เพราะฉะนั้นตามสัญญาเยว่อิงสามารถเรียกร้องเงินจากเจ้าได้ถึง2,000ตำลึงทอง ” ทันทีที่หัวหน้าหมู่บ้านพูดจบ ทุกคนที่ได้ยินก็ตกใจ รวมถึงนางจางและสะใภ้ใหญ่ที่ตกใจจนเข่าทรุด นอกจากจะไม่ได้เนื้อยังต้องเสียเงินไปอีกมากโข“ ข้าไม่มี! ” นางจางตอบอย่างสิ้นสติ“หากท่านไม่มีจ่าย ข้าคงต้องไปฟ้องร้องที่ศาลแล้วกระมัง ” ทันทีที่นางจางได้ยินเยว่อิงพูดจบก็ตกใจ รีบเอ่ยอย่างลนลาน“ แต่ข้าไม่มี! เจ้ากล้าหรือ! ” นางจางกล่าวถามออกมาอย่างร้อนลน“ กล้าหรือไม่กล้า ท่านอยากลองดูหรือไม่ ” “ เจ้า! เจ้า! เจ้ากล้าหรือ อย่างน้อยข้าก็เคยเป็นแม่ผัวของเจ้านะ ”“ ข้าไม่สนหรอกว่าท่านจะเคยเป็นแม่ผัวของข้าหรือไม่ ในเมื่อข้าให้โอกาสพวกท่านมาหลายรอบแล้วแต่พวกท่านก็ยังไม่หยุดที่จะรังควานข้า หากครั้งนี้ข้าปล่อยพวกท่านไปอีกเห็นทีครั้งต่อไปพวกท่านคงจะมาอีกกระมัง ”“ หน็อย! เจ้านี่มันอกตัญญูเสียจริง ”“ สรุปท่านจะจ่ายหรือไม่จ่าย หากไม่จ่ายข้าก็จะไปฟ้องร้องที่ศาลเอง ข้าไม่รู้ด้วยหรอกนะหากพวกท่านจะโดนเฆี่ยนตีสักกี่ครั้ง ”ทันทีที่เยว่อิงกล่าวออกมา นางจางที่ได้ยินก็สั่นกลัวละล่ำละลั
หลังจากที่เธอเตรียมทุกอย่างเสร็จก็เดินออกมาจากโกดัง“ นายหญิงมาแล้วหรือเจ้าคะ พี่ลี่อินพาคุณหนูน้อยไปนอนเล่นในห้องนั่งเล่นแล้วเจ้าคะ ” ลี่ซือกล่าวบอก“ ขอบใจพวกเจ้ามาก ” เยว่อิงพยักหน้าแล้วกล่าวขอบคุณพวกนาง“ เฟยหลง เดี๋ยวถ้าหัวหน้าหมู่บ้านพาพวกชาวบ้านมาแล้วเจ้าก็จัดแจงให้เรียบร้อยข้าเตรียมพื้นที่ต่างๆให้แล้ว หากใครไม่ฟังหรือก่อเรื่องเจ้าก็สามารถไล่ออกจากบ้านเราไปได้เลย” เยว่อิงกล่าว“ ได้ขอรับนายหญิง ” เยว่อิงทำเพียงพยักหน้ารับ แล้วเดินไปห้องนั่งเล่นกับลี่ซือเพื่อไปหาลูกสาว“ แอ๊ แอ๊ ” “ คุณหนูน้อยช่างคุยยิ่งนักเจ้าค่ะ ” ลี่อินกล่าว เยว่อิงก็ทำเพียงแค่พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย“ ซินอี๋น้อยของแม่ คงอยู่แต่ในบ้านจนเบื่อแล้วใช่หรือไม่ ”“ แอ้ บรู้วๆ ” บุตรสาวของเธอนอกจากจะตอบแล้วยังเป่าปากจนน้ำลายกระจาย“ เอาไว้ให้อากาศเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อยแม่จะพาเจ้าออกไปข้างนอกแล้วกัน ” เนื่องจากอากาศตอนนี้หนาวเย็นเกินไป เธอไม่อาจให้ลูกออกไปข้างนอกได้“ แอ้ๆ ”เล่นกับบุตรสาวไปได้สักพัก เยว่อิงก็เห็นว่าซาลาเปาน้อยของนางเกิดงอแงขึ้นมา เธอจึงเปิดแพมเพิสของซาลาเปาน้อยดูเมื่อเห็นว่าอึราด เธอก็รีบถอดแพมเพิส
“ คุณหนูน้อยช่างน่ารักน่าชัง แถมยังรู้ความยิ่งนักเจ้าค่ะนายหญิง ” ลี่อินกล่าว“ ใช่เจ้าค่ะนายหญิง ตั้งแต่ข้าเลี้ยงคุณหนูน้อยมานับครั้งได้เลยที่คุณหนูจะร้องไห้โยเยเหมือนเด็กๆที่อื่น ” ลี่ซือกล่าวต่อ ส่วนเฟยหลงได้แต่นั่งฟังเงียบๆ“ ข้าก็เห็นด้วยกับพวกเจ้านั่นแหละ นางช่างน่ารักน่าเอ็นดูนัก ตัวแค่นี้แต่รู้ความไม่ใช่น้อย ” เยว่อิงกล่าว“ แอ๊ แอ๊ ” ซาลาเปาตัวน้อยเอ่ยร้องอ้อแอ้“ หึๆ ” เยว่อิงหัวเราะขบขันหลังจากที่บ้านจางมาหาเรื่องก็ผ่านมาหลายวันแล้วแต่นางก็ได้ยินข่าวลือแว่วๆมาว่าก่อนที่จางฮุ่ยหมิ่นสามีเก่าของเธอจะเดินทางกลับไปยังค่ายทหาร ก็มีรถม้าหรูหรามาจอดยังหน้าบ้านจาง มีหญิงสาวที่มีท่าทางร่ำรวยเดินลงมาจากรถม้าแล้วกล่าวว่านางเป็นเมียของจางฮุ่ยหมิ่น ทันทีที่นางกล่าวจบคนที่มุงดู รวมถึงคนบ้านจางก็ช็อคแทบสิ้นสติ ว่าเรื่องนี้เป็นมายังไงเหตุใดจางฮุ่ยหมิ่นถึงไปมีคุณหนูผู้ร่ำรวยคนนี้เป็นเมียได้ ไม่ใช่ว่าเขาก็เพิ่งจะหย่ากับเยว่อิงแล้วเขาก็เพิ่งเดินทางกลับบ้านคงเพิ่งจะทราบเรื่องหย่าด้วยซ้ำบางคนที่ได้สติก่อนก็รวบรวมข้อมูลแล้วคิดเรื่องนี่ได้อย่างรวดเร็ว ว่าเรื่องนี้แปลกๆจางฮุ่ยหมิ่นบุตรชายของนางจา
“ หึ! เจ้ามันแค่แม่หม้ายท้ายหมู่บ้านอย่าติดทระนงตนไปหน่อยเลย ” นางจางกล่าววาจาร้ายกาจออก“ แล้วอย่างไรเล่า? ข้าเป็นหม้ายแล้วไปเดือดร้อนอะไรพวกท่านอย่างนั้นหรือ?” “ เหอะ! เดือดร้อนหรือไม่ข้าก็เกลียดขี้หน้าคนอย่างเจ้าอยู่ดี แล้วเจ้าก็อย่าได้คิดฝันหวานว่าบุตรชายของข้าจะอยากได้นางแพศยาอย่างเจ้ากลับมาเป็นเมียอีก! ” นางจางพูดอย่างดูแคลน“ ท่านคิดว่าบุตรชายของท่านดีเด่จนข้าต้องอยากได้เขากลับมาเป็นผัวหรือ? ก็ไม่ ”“ ท่านแม่ พอเถอะขอรับ ” ฮุ่ยหมิ่นรีบพูดห้ามแม่ของตัวเองเพราะกลัวว่าจะเลยเถิดไปกันใหญ่แล้วภายภาคหน้าเขาจะมาง้อนางได้อย่างไรเล่า!“ น้องเล็ก จะให้ท่านแม่พอได้อย่างไร? เรื่องที่ข้าต้องมาเจ็บตัววันนี้ยังไม่ได้ค่าตอบแทนอันใดเลยนะ ” จางต้าเกินพูดออกมาอย่างหน้าไม่อาย“ หึ! ไม่ใช่ว่าน้องเล็กคิดอยากจะกลับมาจับนางแม่หม้ายผู้นี้หรอกกระมัง? ” สะใภ้ใหญ่พูดออกมาอย่างขบขัน แต่ทั้งหมดนี้ดันเป็นเรื่องจริงที่ฮุ่ยหมิ่นคิดกระทำ“ ข้า… ข้า จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร! ” ฮุ่ยหมิ่นพูดออกมาอย่างอ้อมแอ้ม“ พวกเจ้าพอเถอะ จะเถียงกันเพราะเหตุใด ” พอเห็นว่าเป็นท่านพ่อพูดทุกคนก็เงียบทันควัน“ เชิญพวกท่านกลับบ้านไปไ
ปัง ปัง ปัง!“ นังเยว่อิง…นังตัวไร้ประโยชน์ออกมาเดี๋ยวนี้นะ! วันนี้ข้าจะตีพวกเจ้าให้ตาย ” นางจางทุบประตูจนเจ็บมือนางก็หาได้สนใจไม่ ทำเพียงทุบประตูแล้วก็ตะโกนวายวายต่อปัง ปัง ปัง!“ ข้าบอกให้ออกมาไง มัวแต่มุดหัวอยู่ในรู ให้มันเก่งเหมือนตอนที่กล้ามาทำร้ายบุตรชายของข้ากันสิ เหอะ! ”ภายในบ้านเยว่อิง“ เกิดอะไรขึ้น? ทำไมคนพวกนั้นถึงกล้ามาหาเรื่องพวกเราที่บ้านได้ ” เยว่อิงกล่าวถามด้วยสีหน้าสงสัย“เอ่อ… คือว่า ข้าถีบบุตรชายคนโตของพวกเขาตกรถม้าขอรับ ” เฟยหลงเอ่ยตอบเธออย่างอ้อมแอ้ม คล้ายระอายใจที่ก่อเรื่องมาให้เธอเสียได้“ ห๋า! เรื่องมันเป็นอย่างไรเจ้าเล่ามาให้ข้าฟัง ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าไม่มีนิสัยทำร้ายผู้ใดก่อนอยู่แล้ว ”“ หลังจากกลับมาจากขายผักที่เมืองข้าก็บังคับรถม้าผ่านบุตรชายคนโตของนางจางพอดี พอเจ้านั่นเห็นก็วิ่งตามรถมาพร้อมกับปีนขึ้นมารถม้า ข้าก็เลยหยุดรถม้าแล้วถีบเขาลงจากรถม้าขอรับ เจ้านั่นก็เลยจะโกนด่าทอข้าตามหลังมาแต่ข้าไม่ได้สนใจรีบบังคับรถม้ากลับบ้านทันที ข้าไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาให้กับนายหญิงภายหลังแบบนี้… ”“ เอาล่ะ เจ้าไม่ต้องคิดมาก แต่คราวหน้าคราวหลังหากคิดจะทำอะไรก็คิดไตร่ตรองให้ด