ปัง ปัง ปัง!
“ นังเยว่อิง…นังตัวไร้ประโยชน์ออกมาเดี๋ยวนี้นะ! วันนี้ข้าจะตีพวกเจ้าให้ตาย ” นางจางทุบประตูจนเจ็บมือนางก็หาได้สนใจไม่ ทำเพียงทุบประตูแล้วก็ตะโกนวายวายต่อ
ปัง ปัง ปัง!
“ ข้าบอกให้ออกมาไง มัวแต่มุดหัวอยู่ในรู ให้มันเก่งเหมือนตอนที่กล้ามาทำร้ายบุตรชายของข้ากันสิ เหอะ! ”
ภายในบ้านเยว่อิง
“ เกิดอะไรขึ้น? ทำไมคนพวกนั้นถึงกล้ามาหาเรื่องพวกเราที่บ้านได้ ” เยว่อิงกล่าวถามด้วยสีหน้าสงสัย
“เอ่อ… คือว่า ข้าถีบบุตรชายคนโตของพวกเขาตกรถม้าขอรับ ” เฟยหลงเอ่ยตอบเธออย่างอ้อมแอ้ม คล้ายระอายใจที่ก่อเรื่องมาให้เธอเสียได้
“ ห๋า! เรื่องมันเป็นอย่างไรเจ้าเล่ามาให้ข้าฟัง ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าไม่มีนิสัยทำร้ายผู้ใดก่อนอยู่แล้ว ”
“ หลังจากกลับมาจากขายผักที่เมืองข้าก็บังคับรถม้าผ่านบุตรชายคนโตของนางจางพอดี พอเจ้านั่นเห็นก็วิ่งตามรถมาพร้อมกับปีนขึ้นมารถม้า ข้าก็เลยหยุดรถม้าแล้วถีบเขาลงจากรถม้าขอรับ เจ้านั่นก็เลยจะโกนด่าทอข้าตามหลังมาแต่ข้าไม่ได้สนใจรีบบังคับรถม้ากลับบ้านทันที ข้าไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาให้กับนายหญิงภายหลังแบบนี้… ”
“ เอาล่ะ เจ้าไม่ต้องคิดมาก แต่คราวหน้าคราวหลังหากคิดจะทำอะไรก็คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนเถิดว่าจะทำให้เกิดปัญหาตามมาแบบครั้งนี้หรือเปล่า เฮ้อ…เอาเถอะ ตอนนี้พวกเรารีบออกไปข้างนอกกันเถอะ ”
เยว่อิงพูดจบเธอกับทั้งสามคนก็รีบเดินออกจากตัวบ้านออกมาเปิดประตู แต่เพียงแค่แปปเดียวก็ทำให้คนบ้านจางทั้งหมดเห็นเข้าไปในรั้วได้ ซึ่งข้างในรั้วที่กำลังกลั้นอยู่นี้ช่างสวยงามเหมือนกับภาพวาดของสรวงสวรรค์โดยแท้ พวกเขาไม่อาจหักห้ามใจไปกับความโลภได้
“ พวกท่านมาที่นี่ด้วยเรื่องอันใดกันเจ้าคะ? ” เยว่อิงแสร้งเอ่ยถามพร้อมกับกวาดตาไปทั่ว จนกระทั่งสายตาไปหยุดกับคนๆหนึ่งซึ่งก็คือสามีเก่าของเจ้าของร่างนี้
ซึ่งเธอก็สงสัยว่าเขากลับมาแล้วอย่างนั้นหรือ? แต่ก็ไม่ได้กล่าวถามอะไรออกไป ก่อนจะค่อยๆเบือนสายตาออก
“ บุตรชายของข้าโดนคนของเจ้าทำร้าย เจ้าจะรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างไร? ” นางจางกล่าวถามด้วยความเอาเรื่อง
“ แต่จากที่ข้าได้ฟังจากคนของข้า เป็นบุตรชายของท่านไม่ใช่หรือที่วิ่งตามรถม้าแล้วก็กระโดดปีนขึ้นรถม้าของข้า หรือท่านจะบอกว่าไม่ใช่? ”
“ เอ่อ… คือ … ” จางต้าเกินได้แต่อ้ำอึ้งอึกอักเพราะทั้งหมดที่นังเยว่อิงพูดนั้นเป็นเรื่องจริง แต่นางจางก็ไม่อาจยอมรับความจริงได้
“ ข้าไม่สน ในเมื่อคนของเจ้ากล้ามาทำร้ายบุตรชายข้า เจ้าต้องรับผิดชอบ! ”
“ หืม? เหตุใดข้าต้องรับผิดชอบด้วยเล่า ” เยว่อิงตอบกลับด้วยท่าทียียวน จนนางจางได้แต่ทำหน้าประเดี๋ยวดำประเดี๋ยวแดง
แต่ก็มีสายตาคู่หนึ่งมองนางด้วยความแปลกใจ อีกทั้งในใจก็มีแต่ความโลภอยากจะกลับเข้ามาหานางเพื่อที่จะได้ครอบครองที่ดินที่ภายในรั้วมีทัศนียภาพย์สวยงามดั่งภาพวาดดูร่มรื่นน่าอยู่ มีบ้านหลังใหญ่โต เยว่อิงก็สามารถรับรู้ถึงสายตาคู่นี้แต่เยว่อิงก็ไม่ได้ให้ค่ากับมันเท่าใดนัก!
“ พวกเจ้าอย่ามาพร่ามให้มันมากนัก เจ้ามันก็แค่หม้ายที่ไร้ประโยชน์กล้าดีอย่างไรถึงกล้ามาทำสามีข้าแบบนี้? หากเจ้าไม่คิดจะรับผิดชอบเห็นทีข้าคงจะต้องนำเรื่องนี้ไปแจ้งแก่ท่านผู้นำหมู่บ้าน ” สะใภ้ใหญ่โวยวายอย่างสิ้นสติ
“ ข้าหรือเจ้ากันแน่ที่ไร้ประโยชน์? ตอนนี้ข้ามีทุกอย่างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการกินอิ่มหรือนอนอุ่น แล้วเจ้าเล่ามีอะไรบ้าง? แล้วถ้าหากคิดจะไปฟ้องท่านผู้นำก็รีบไปสิ จะได้รู้กันไปเลยว่าใครผิดใครถูกกันแน่! ” เยว่อิงทนกับคำพูดของคนพวกนี้มาเยอะ จนไม่อาจจะรับไหว
เมื่อคนบ้านจางที่เห็นว่าตอนนี้แท้แต่สะใภ้ใหญ่เองก็ไม่สามารถตอบโต้อะไรเยว่อิงได้ก็เลยทำท่าจะพูดขึ้น แต่ก็มีคนพูดขึ้นมาเสียก่อน
“ เยว่เอ๋อร์ ” จางฮุ่ยหมิ่นพยายามพูดดีกับเยว่อิง แต่ก็พบกับความเงียบ เยว่อิงไม่ได้ตอบสิ่งใดออกมา จนชายหนุ่มอดที่จะใจเสียไม่ได้
“ เยว่เอ๋อร์ เจ้าโกรธพี่หรือเรื่องที่ท่านแม่ทำการหย่าร้างกับเจ้าแทนพี่? พี่ไม่รู้เรื่องจริงๆ หากเจ้าเสียใจถ้าอย่างนั้นพวกเรากลับมาเป็นสามีภรรยากันเฉกเช่นเดิมดีหรือไม่? ”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดทั้งหมดของสามีเก่าเยว่อิงก็แทบจะอาเจียนออกมาเพราะความจอมปลอมแต่ก็ทำได้เพียงกลั้นไว้
“ ท่านเห็นว่าข้าดูเสียใจหรือ? ตอนนี้ชีวิตของข้าดีกว่าตอนที่ยังมีท่านอยู่เป็นไหนๆ แล้วเหตุใดข้ายังจะต้องการให้ท่านกลับมาด้วยเล่า ”
“ เยว่เอ๋อร์ แต่พี่… ” ยังไม่ทันทีจางฮุ่ยหมิ่นจะพูดจบ เยว่อิงก็รีบเอ่ยตัดบท
“ ท่านพอเถอะเจ้าค่ะ ตอนนี้พวกเราตัดขาดหย่าร้างกันไปนานแล้ว อีกทั้งข้าก็ไม่สนว่าท่านจะรู้เรื่องหรือไม่แต่ในเมื่อท่านพ่อท่านแม่ของท่านก็ต่างพากันเห็นดีด้วยเห็นงามด้วยแล้ว
ข้าก็คิดว่าตอนนี้พวกเราสองคนไม่ควรที่จะมายุ่งเกี่ยวอะไรกันอีก ส่วนเรื่องบุตรชายคนโตของท่านหากพวกท่านยังไม่กลับไปข้าจะให้คนไปตามหัวหน้าหมู่บ้านมาที่นี่เพื่อตัดสินจริงๆ
คราวนี้จะได้รู้กันไปเลยว่าใครกันแน่ที่ผิด และอีกอย่างในสัญญาตัดขาดก็ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่าหากฝ่ายใดมาวุ่นวายกับอีกฝ่ายก่อนจะต้องเสียเงิน 2,000 ตำลึงทอง พวกท่านต้องให้ข้าพูดเรื่องนี้อีกกี่รอบ? ” เยว่อิงพูดออกมายาวเหยียดไม่คิดผ่อนลมหายใจ
“ หึ! เจ้ามันแค่แม่หม้ายท้ายหมู่บ้านอย่าติดทระนงตนไปหน่อยเลย ” นางจางกล่าววาจาร้ายกาจออก“ แล้วอย่างไรเล่า? ข้าเป็นหม้ายแล้วไปเดือดร้อนอะไรพวกท่านอย่างนั้นหรือ?” “ เหอะ! เดือดร้อนหรือไม่ข้าก็เกลียดขี้หน้าคนอย่างเจ้าอยู่ดี แล้วเจ้าก็อย่าได้คิดฝันหวานว่าบุตรชายของข้าจะอยากได้นางแพศยาอย่างเจ้ากลับมาเป็นเมียอีก! ” นางจางพูดอย่างดูแคลน“ ท่านคิดว่าบุตรชายของท่านดีเด่จนข้าต้องอยากได้เขากลับมาเป็นผัวหรือ? ก็ไม่ ”“ ท่านแม่ พอเถอะขอรับ ” ฮุ่ยหมิ่นรีบพูดห้ามแม่ของตัวเองเพราะกลัวว่าจะเลยเถิดไปกันใหญ่แล้วภายภาคหน้าเขาจะมาง้อนางได้อย่างไรเล่า!“ น้องเล็ก จะให้ท่านแม่พอได้อย่างไร? เรื่องที่ข้าต้องมาเจ็บตัววันนี้ยังไม่ได้ค่าตอบแทนอันใดเลยนะ ” จางต้าเกินพูดออกมาอย่างหน้าไม่อาย“ หึ! ไม่ใช่ว่าน้องเล็กคิดอยากจะกลับมาจับนางแม่หม้ายผู้นี้หรอกกระมัง? ” สะใภ้ใหญ่พูดออกมาอย่างขบขัน แต่ทั้งหมดนี้ดันเป็นเรื่องจริงที่ฮุ่ยหมิ่นคิดกระทำ“ ข้า… ข้า จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร! ” ฮุ่ยหมิ่นพูดออกมาอย่างอ้อมแอ้ม“ พวกเจ้าพอเถอะ จะเถียงกันเพราะเหตุใด ” พอเห็นว่าเป็นท่านพ่อพูดทุกคนก็เงียบทันควัน“ เชิญพวกท่านกลับบ้านไปไ
“ คุณหนูน้อยช่างน่ารักน่าชัง แถมยังรู้ความยิ่งนักเจ้าค่ะนายหญิง ” ลี่อินกล่าว“ ใช่เจ้าค่ะนายหญิง ตั้งแต่ข้าเลี้ยงคุณหนูน้อยมานับครั้งได้เลยที่คุณหนูจะร้องไห้โยเยเหมือนเด็กๆที่อื่น ” ลี่ซือกล่าวต่อ ส่วนเฟยหลงได้แต่นั่งฟังเงียบๆ“ ข้าก็เห็นด้วยกับพวกเจ้านั่นแหละ นางช่างน่ารักน่าเอ็นดูนัก ตัวแค่นี้แต่รู้ความไม่ใช่น้อย ” เยว่อิงกล่าว“ แอ๊ แอ๊ ” ซาลาเปาตัวน้อยเอ่ยร้องอ้อแอ้“ หึๆ ” เยว่อิงหัวเราะขบขันหลังจากที่บ้านจางมาหาเรื่องก็ผ่านมาหลายวันแล้วแต่นางก็ได้ยินข่าวลือแว่วๆมาว่าก่อนที่จางฮุ่ยหมิ่นสามีเก่าของเธอจะเดินทางกลับไปยังค่ายทหาร ก็มีรถม้าหรูหรามาจอดยังหน้าบ้านจาง มีหญิงสาวที่มีท่าทางร่ำรวยเดินลงมาจากรถม้าแล้วกล่าวว่านางเป็นเมียของจางฮุ่ยหมิ่น ทันทีที่นางกล่าวจบคนที่มุงดู รวมถึงคนบ้านจางก็ช็อคแทบสิ้นสติ ว่าเรื่องนี้เป็นมายังไงเหตุใดจางฮุ่ยหมิ่นถึงไปมีคุณหนูผู้ร่ำรวยคนนี้เป็นเมียได้ ไม่ใช่ว่าเขาก็เพิ่งจะหย่ากับเยว่อิงแล้วเขาก็เพิ่งเดินทางกลับบ้านคงเพิ่งจะทราบเรื่องหย่าด้วยซ้ำบางคนที่ได้สติก่อนก็รวบรวมข้อมูลแล้วคิดเรื่องนี่ได้อย่างรวดเร็ว ว่าเรื่องนี้แปลกๆจางฮุ่ยหมิ่นบุตรชายของนางจา
หลังจากที่เธอเตรียมทุกอย่างเสร็จก็เดินออกมาจากโกดัง“ นายหญิงมาแล้วหรือเจ้าคะ พี่ลี่อินพาคุณหนูน้อยไปนอนเล่นในห้องนั่งเล่นแล้วเจ้าคะ ” ลี่ซือกล่าวบอก“ ขอบใจพวกเจ้ามาก ” เยว่อิงพยักหน้าแล้วกล่าวขอบคุณพวกนาง“ เฟยหลง เดี๋ยวถ้าหัวหน้าหมู่บ้านพาพวกชาวบ้านมาแล้วเจ้าก็จัดแจงให้เรียบร้อยข้าเตรียมพื้นที่ต่างๆให้แล้ว หากใครไม่ฟังหรือก่อเรื่องเจ้าก็สามารถไล่ออกจากบ้านเราไปได้เลย” เยว่อิงกล่าว“ ได้ขอรับนายหญิง ” เยว่อิงทำเพียงพยักหน้ารับ แล้วเดินไปห้องนั่งเล่นกับลี่ซือเพื่อไปหาลูกสาว“ แอ๊ แอ๊ ” “ คุณหนูน้อยช่างคุยยิ่งนักเจ้าค่ะ ” ลี่อินกล่าว เยว่อิงก็ทำเพียงแค่พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย“ ซินอี๋น้อยของแม่ คงอยู่แต่ในบ้านจนเบื่อแล้วใช่หรือไม่ ”“ แอ้ บรู้วๆ ” บุตรสาวของเธอนอกจากจะตอบแล้วยังเป่าปากจนน้ำลายกระจาย“ เอาไว้ให้อากาศเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อยแม่จะพาเจ้าออกไปข้างนอกแล้วกัน ” เนื่องจากอากาศตอนนี้หนาวเย็นเกินไป เธอไม่อาจให้ลูกออกไปข้างนอกได้“ แอ้ๆ ”เล่นกับบุตรสาวไปได้สักพัก เยว่อิงก็เห็นว่าซาลาเปาน้อยของนางเกิดงอแงขึ้นมา เธอจึงเปิดแพมเพิสของซาลาเปาน้อยดูเมื่อเห็นว่าอึราด เธอก็รีบถอดแพมเพิส
“ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็เป็นฝ่ายผิด เพราะฉะนั้นตามสัญญาเยว่อิงสามารถเรียกร้องเงินจากเจ้าได้ถึง2,000ตำลึงทอง ” ทันทีที่หัวหน้าหมู่บ้านพูดจบ ทุกคนที่ได้ยินก็ตกใจ รวมถึงนางจางและสะใภ้ใหญ่ที่ตกใจจนเข่าทรุด นอกจากจะไม่ได้เนื้อยังต้องเสียเงินไปอีกมากโข“ ข้าไม่มี! ” นางจางตอบอย่างสิ้นสติ“หากท่านไม่มีจ่าย ข้าคงต้องไปฟ้องร้องที่ศาลแล้วกระมัง ” ทันทีที่นางจางได้ยินเยว่อิงพูดจบก็ตกใจ รีบเอ่ยอย่างลนลาน“ แต่ข้าไม่มี! เจ้ากล้าหรือ! ” นางจางกล่าวถามออกมาอย่างร้อนลน“ กล้าหรือไม่กล้า ท่านอยากลองดูหรือไม่ ” “ เจ้า! เจ้า! เจ้ากล้าหรือ อย่างน้อยข้าก็เคยเป็นแม่ผัวของเจ้านะ ”“ ข้าไม่สนหรอกว่าท่านจะเคยเป็นแม่ผัวของข้าหรือไม่ ในเมื่อข้าให้โอกาสพวกท่านมาหลายรอบแล้วแต่พวกท่านก็ยังไม่หยุดที่จะรังควานข้า หากครั้งนี้ข้าปล่อยพวกท่านไปอีกเห็นทีครั้งต่อไปพวกท่านคงจะมาอีกกระมัง ”“ หน็อย! เจ้านี่มันอกตัญญูเสียจริง ”“ สรุปท่านจะจ่ายหรือไม่จ่าย หากไม่จ่ายข้าก็จะไปฟ้องร้องที่ศาลเอง ข้าไม่รู้ด้วยหรอกนะหากพวกท่านจะโดนเฆี่ยนตีสักกี่ครั้ง ”ทันทีที่เยว่อิงกล่าวออกมา นางจางที่ได้ยินก็สั่นกลัวละล่ำละลั
หลังจากที่แจกอาหารมื้อเย็นจบ เยว่อิงก็ให้ลี่อินกับลี่ซือนำหม้ออะไรต่างๆไปล้างเก็บให้สะอาด ส่วนพวกชามช้อนที่ชาวบ้านใช้กินชาวบ้านต่างก็ล้างเก็บคว่ำกันเรียบร้อยหมดแล้ว“ งั้นวันนี้ข้าต้องขอตัวก่อน ” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าว“ ได้เจ้าค่ะ เดี๋ยวก็จะมืดค่ำแล้ว ท่านเดินทางกลับบ้านดีๆนะเจ้าคะ ” ระยะทางมันก็ไม่ได้ไกลมากนักแต่ก็ไม่ได้ใกล้ หากปกติก็ไม่มีสิ่งใดหรอกแต่นี่ทั้งลมหนาวทั้งหิมะด้วยหลังจากหัวหน้าหมู่บ้านกลับบ้าน เก็บล้างอะไรเรียบร้อยพวกนางก็เดินตรงกลับเข้าบ้านกันทันที ปล่อยให้พวกชาวบ้านได้พักผ่อนกันไป แต่เยว่อิงไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้หลังจากที่ชาวบ้านได้กินอิ่มนอนอุ่นกันก็พากันซาบซึ้งกันเป็นอย่างมาก เพราะแค่ให้ที่พักอาศัยแก่พวกเขาก็ถือว่าดีมากแล้วแต่นี่นางถึงกับจัดที่ทางมีที่นอนที่สบายมีอาหารแจกที่แสนจะอร่อยแก่พวกเขาอีกด้วย พวกเขาทุกคนล้วนจดจำกันเอาไว้หมดแล้ว พอหมดเรื่องเครียดไม่ต้องอยู่อย่างระแวดระวังก็ต่างพากับหลับไปอย่างสบายใจแต่กลางดึกก็มีพายุโหมกระหน่ำเสียงดังจนทุกคนพากันรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจแต่กระนั้นพวกเขาก็ยังคงวางใจให้สบายได้เพราะตอนนี้พวกเขาได้อยู่ในที่ที่แข็งแรงปลอดภัยแ
เวลาผ่านร่วงเลยไปจนถึงยามเซิน (15:00-16:59 น.) เยว่อิงที่นอนหลับพักผ่อนเอาแรงภายในมิติก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาจึงได้อลุกไปล้างหน้าล้างตาเพื่อออกจากมิติหลังจากที่เยว่อิงออกจากมิติเตรียมจะเข้าห้องครัว ก็เห็นลี่ซือกับลี่อินพากันนอนหลับอยู่ข้างๆที่นอนลูกสาว เมื่อเห็นแบบนั้นนางจึงไม่ได้ปลุกทั้งสองคนแล้วเดินผ่านเข้าไปยังห้องครัวทันที วันนี้เยว่อิงจะทำข้าวผัดไข่เมนูง่ายๆ เมื่อคิดเมนูได้แล้วจึงเรียกวัตถุดิบทุกอย่างที่ต้องใช้ออกจากมิติเมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนางก็ลงมือทำอาหารมื้อเย็นทันที ขั้นตอนแรกเลยเยว่อิงตั้งกระทะขนาดใหญ่แล้วใส่น้ำมันพืชลงไป พอร้อนใส่กระเทียมลงไปผัดจนหอม ใส่ไข่จำนวนหนึ่งลงไปยีให้พอสุก จากนั้นใส่ข้าวลงไปคลุกเคล้าพอเข้ากัน ปรุงรสด้วยซอสปรุงรส ซีอิ๊วขาว และน้ำตาลทราย ใส่ต้นหอมผัดพอเข้ากัน เมื่อเห็นว่าข้าวผัดไข่ที่เสร็จแล้วออกมาเป็นสีเหลืองทองเงาน้ำมันส่งกลิ่นหอมยั่วยวนน้ำลายเยว่อิงจึงดับไฟแล้วพักไว้ให้หายร้อน จากนั้นเยว่อิงจึงตักใส่หม้อใบใหญ่ไว้รอลี่อินกับลี่ซือมาหิ้วออกไปแจกจ่ายชาวบ้าน“ ขอโทษเจ้าค่ะนายหญิงที่พวกเรานอนหลับยาวจนมาทำอาหารมื้อเย็นไม่ทัน ” ลี่ซือกับลี่อิน
“ พวกเจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว ” เยว่อิงกล่าว“ เจ้าค่ะ/เจ้าค่ะ ”หลังจากถึงยามเซิน (15:00-16:59 น.) เฟยหลงพร้อมกับชาวบ้านผู้ชายบางส่วนที่ยังซ่อมบ้านไม่เสร็จก็เดินเท้ากลับมาถึงบ้าน“ เจ้ากลับมาแล้วก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อน ” เยว่อิงเอ่ยกับเฟยหลง“ ขอรับนายหญิง ” รับปากจบ ก็เดินเข้าห้องของตนเองเพื่อไปอาบน้ำทันที“ ส่วนพวกเจ้าไปนำตระกร้ามาเดี๋ยวข้าจะใส่ของให้พวกเจ้าไปไว้ที่โรงครัวในโกดังไว้ให้ชาวบ้านทำกินกัน ”“ เจ้าค่ะ ”หลังจากที่ลี่อินกับลี่ซือนำตระกร้ามาเรียบร้อยแล้วนางก็นำนำผักกะหล่ำปลี ผักกาดขาว มะเขือเทศ ไข่ไก่ แล้วก็เนื้อใส่ตระกร้าให้พวกนางนำไปให้แก่ชาวบ้าน“ พวกเจ้าก็อย่าลืมบอกชาวบ้านให้พวกเขาคอยดูแลจัดเวรกันทำเองด้วยเล่า ”“ พวกข้าไม่ลืมเจ้าค่ะนายหญิง/เจ้าค่ะ ”พวกนางทำแบบนี้ทุกวัน ชาวบ้านก็ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี เนื่องจากพวกเขารู้ว่าแค่การที่พวกนางแจกอาหารมาตลอดนั้นก็มากพอแล้ว ไหนจะเตรียมวัตถุดิบให้แก่พวกเขาประกอบอาหารอีก แค่นี้ไม่เหนือบ่ากว่าแรงของพวกเขาหรอก ……10 วันต่อมาหลังจากที่ชาวบ้านและเฟยหลงไปช่วยกันซ่อมแซมบ้านกันจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านก็พากันแยกย้ายเก
หลังจากที่ผ่านมาหลายสัปดาห์แล้วหน้าหนาวก็ได้ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อย และเยว่อิงก็ได้รับของรางวัลตอบแทนที่ช่วยดูแลชาวบ้านภายในหมู่บ้านจากเจ้าเมืองมาได้2-3วันที่แล้ว ซึ่งก็มีผ้าไหมที่มีเนื้อผ้าอย่างดีประมาณ2หีบ ทองคำเครื่องประดับอีก3หีบ ซึ่งก็ถือว่าเป็นของตอบแทนที่จำนวนมากโขอยู่เหมือนกันถ้าคนที่ได้รับเป็นชาวบ้านปกติทั่วไป แต่กับนางสิ่งของเท่านี้เห็นทีจะไม่เพียงพอให้เก็บเป็นสมบัติของลูกสาวนางในอนาคตตอนนี้เยว่อิงได้เริ่มสอนลี่ซือกับลี่อินทำขนมที่นางได้เลือกเอาไว้ไปขายที่ร้านที่นางคิดจะเปิดขายในอนาคต ซึ่งขนมชนิดแรกก็คือ ขนมบัวลอย ขนมกล้วยบวชชี ขนมถ้วยอัญชัญ วุ้นกะทิใบเตย ลอดช่องอัญชัญ ทับทิมกรอบ ซึ่งระยะที่อยู่ภายในบ้านตอนหน้าหนาวนางได้สอนทั้งสองคนไปจนหมด ซึ่งทั้งสอนคนก็ไม่ทำให้นางต้องผิดหวังเพราะนอกจากพวกนางจะจำสูตรได้ไวแล้วยังทำรสชาติได้ออกมาดีอีกด้วย แต่พวกนางทั้งสองทำขนมที่นางได้สอนไปสลับเมนูไปมาอยู่เป็นสัปดาห์สองสัปดาห์ โดยที่มีนาง และเฟยหลงเป็นคนช่วยกันชิม(จนเอียน)“ วันนี้ข้าจะเข้าไปในตัวเมืองเสียหน่อย จะดูหาที่ทำเลเปิดร้านขนมสักหน่อยน่ะ ” เยว่อิงกล่าว“ ได้ขอรับ เดี๋ยวบ่าวจะไปเตร
หลังจากที่ผ่านมาหลายสัปดาห์แล้วหน้าหนาวก็ได้ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อย และเยว่อิงก็ได้รับของรางวัลตอบแทนที่ช่วยดูแลชาวบ้านภายในหมู่บ้านจากเจ้าเมืองมาได้2-3วันที่แล้ว ซึ่งก็มีผ้าไหมที่มีเนื้อผ้าอย่างดีประมาณ2หีบ ทองคำเครื่องประดับอีก3หีบ ซึ่งก็ถือว่าเป็นของตอบแทนที่จำนวนมากโขอยู่เหมือนกันถ้าคนที่ได้รับเป็นชาวบ้านปกติทั่วไป แต่กับนางสิ่งของเท่านี้เห็นทีจะไม่เพียงพอให้เก็บเป็นสมบัติของลูกสาวนางในอนาคตตอนนี้เยว่อิงได้เริ่มสอนลี่ซือกับลี่อินทำขนมที่นางได้เลือกเอาไว้ไปขายที่ร้านที่นางคิดจะเปิดขายในอนาคต ซึ่งขนมชนิดแรกก็คือ ขนมบัวลอย ขนมกล้วยบวชชี ขนมถ้วยอัญชัญ วุ้นกะทิใบเตย ลอดช่องอัญชัญ ทับทิมกรอบ ซึ่งระยะที่อยู่ภายในบ้านตอนหน้าหนาวนางได้สอนทั้งสองคนไปจนหมด ซึ่งทั้งสอนคนก็ไม่ทำให้นางต้องผิดหวังเพราะนอกจากพวกนางจะจำสูตรได้ไวแล้วยังทำรสชาติได้ออกมาดีอีกด้วย แต่พวกนางทั้งสองทำขนมที่นางได้สอนไปสลับเมนูไปมาอยู่เป็นสัปดาห์สองสัปดาห์ โดยที่มีนาง และเฟยหลงเป็นคนช่วยกันชิม(จนเอียน)“ วันนี้ข้าจะเข้าไปในตัวเมืองเสียหน่อย จะดูหาที่ทำเลเปิดร้านขนมสักหน่อยน่ะ ” เยว่อิงกล่าว“ ได้ขอรับ เดี๋ยวบ่าวจะไปเตร
“ พวกเจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว ” เยว่อิงกล่าว“ เจ้าค่ะ/เจ้าค่ะ ”หลังจากถึงยามเซิน (15:00-16:59 น.) เฟยหลงพร้อมกับชาวบ้านผู้ชายบางส่วนที่ยังซ่อมบ้านไม่เสร็จก็เดินเท้ากลับมาถึงบ้าน“ เจ้ากลับมาแล้วก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อน ” เยว่อิงเอ่ยกับเฟยหลง“ ขอรับนายหญิง ” รับปากจบ ก็เดินเข้าห้องของตนเองเพื่อไปอาบน้ำทันที“ ส่วนพวกเจ้าไปนำตระกร้ามาเดี๋ยวข้าจะใส่ของให้พวกเจ้าไปไว้ที่โรงครัวในโกดังไว้ให้ชาวบ้านทำกินกัน ”“ เจ้าค่ะ ”หลังจากที่ลี่อินกับลี่ซือนำตระกร้ามาเรียบร้อยแล้วนางก็นำนำผักกะหล่ำปลี ผักกาดขาว มะเขือเทศ ไข่ไก่ แล้วก็เนื้อใส่ตระกร้าให้พวกนางนำไปให้แก่ชาวบ้าน“ พวกเจ้าก็อย่าลืมบอกชาวบ้านให้พวกเขาคอยดูแลจัดเวรกันทำเองด้วยเล่า ”“ พวกข้าไม่ลืมเจ้าค่ะนายหญิง/เจ้าค่ะ ”พวกนางทำแบบนี้ทุกวัน ชาวบ้านก็ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี เนื่องจากพวกเขารู้ว่าแค่การที่พวกนางแจกอาหารมาตลอดนั้นก็มากพอแล้ว ไหนจะเตรียมวัตถุดิบให้แก่พวกเขาประกอบอาหารอีก แค่นี้ไม่เหนือบ่ากว่าแรงของพวกเขาหรอก ……10 วันต่อมาหลังจากที่ชาวบ้านและเฟยหลงไปช่วยกันซ่อมแซมบ้านกันจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านก็พากันแยกย้ายเก
เวลาผ่านร่วงเลยไปจนถึงยามเซิน (15:00-16:59 น.) เยว่อิงที่นอนหลับพักผ่อนเอาแรงภายในมิติก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาจึงได้อลุกไปล้างหน้าล้างตาเพื่อออกจากมิติหลังจากที่เยว่อิงออกจากมิติเตรียมจะเข้าห้องครัว ก็เห็นลี่ซือกับลี่อินพากันนอนหลับอยู่ข้างๆที่นอนลูกสาว เมื่อเห็นแบบนั้นนางจึงไม่ได้ปลุกทั้งสองคนแล้วเดินผ่านเข้าไปยังห้องครัวทันที วันนี้เยว่อิงจะทำข้าวผัดไข่เมนูง่ายๆ เมื่อคิดเมนูได้แล้วจึงเรียกวัตถุดิบทุกอย่างที่ต้องใช้ออกจากมิติเมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนางก็ลงมือทำอาหารมื้อเย็นทันที ขั้นตอนแรกเลยเยว่อิงตั้งกระทะขนาดใหญ่แล้วใส่น้ำมันพืชลงไป พอร้อนใส่กระเทียมลงไปผัดจนหอม ใส่ไข่จำนวนหนึ่งลงไปยีให้พอสุก จากนั้นใส่ข้าวลงไปคลุกเคล้าพอเข้ากัน ปรุงรสด้วยซอสปรุงรส ซีอิ๊วขาว และน้ำตาลทราย ใส่ต้นหอมผัดพอเข้ากัน เมื่อเห็นว่าข้าวผัดไข่ที่เสร็จแล้วออกมาเป็นสีเหลืองทองเงาน้ำมันส่งกลิ่นหอมยั่วยวนน้ำลายเยว่อิงจึงดับไฟแล้วพักไว้ให้หายร้อน จากนั้นเยว่อิงจึงตักใส่หม้อใบใหญ่ไว้รอลี่อินกับลี่ซือมาหิ้วออกไปแจกจ่ายชาวบ้าน“ ขอโทษเจ้าค่ะนายหญิงที่พวกเรานอนหลับยาวจนมาทำอาหารมื้อเย็นไม่ทัน ” ลี่ซือกับลี่อิน
หลังจากที่แจกอาหารมื้อเย็นจบ เยว่อิงก็ให้ลี่อินกับลี่ซือนำหม้ออะไรต่างๆไปล้างเก็บให้สะอาด ส่วนพวกชามช้อนที่ชาวบ้านใช้กินชาวบ้านต่างก็ล้างเก็บคว่ำกันเรียบร้อยหมดแล้ว“ งั้นวันนี้ข้าต้องขอตัวก่อน ” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าว“ ได้เจ้าค่ะ เดี๋ยวก็จะมืดค่ำแล้ว ท่านเดินทางกลับบ้านดีๆนะเจ้าคะ ” ระยะทางมันก็ไม่ได้ไกลมากนักแต่ก็ไม่ได้ใกล้ หากปกติก็ไม่มีสิ่งใดหรอกแต่นี่ทั้งลมหนาวทั้งหิมะด้วยหลังจากหัวหน้าหมู่บ้านกลับบ้าน เก็บล้างอะไรเรียบร้อยพวกนางก็เดินตรงกลับเข้าบ้านกันทันที ปล่อยให้พวกชาวบ้านได้พักผ่อนกันไป แต่เยว่อิงไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้หลังจากที่ชาวบ้านได้กินอิ่มนอนอุ่นกันก็พากันซาบซึ้งกันเป็นอย่างมาก เพราะแค่ให้ที่พักอาศัยแก่พวกเขาก็ถือว่าดีมากแล้วแต่นี่นางถึงกับจัดที่ทางมีที่นอนที่สบายมีอาหารแจกที่แสนจะอร่อยแก่พวกเขาอีกด้วย พวกเขาทุกคนล้วนจดจำกันเอาไว้หมดแล้ว พอหมดเรื่องเครียดไม่ต้องอยู่อย่างระแวดระวังก็ต่างพากับหลับไปอย่างสบายใจแต่กลางดึกก็มีพายุโหมกระหน่ำเสียงดังจนทุกคนพากันรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจแต่กระนั้นพวกเขาก็ยังคงวางใจให้สบายได้เพราะตอนนี้พวกเขาได้อยู่ในที่ที่แข็งแรงปลอดภัยแ
“ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็เป็นฝ่ายผิด เพราะฉะนั้นตามสัญญาเยว่อิงสามารถเรียกร้องเงินจากเจ้าได้ถึง2,000ตำลึงทอง ” ทันทีที่หัวหน้าหมู่บ้านพูดจบ ทุกคนที่ได้ยินก็ตกใจ รวมถึงนางจางและสะใภ้ใหญ่ที่ตกใจจนเข่าทรุด นอกจากจะไม่ได้เนื้อยังต้องเสียเงินไปอีกมากโข“ ข้าไม่มี! ” นางจางตอบอย่างสิ้นสติ“หากท่านไม่มีจ่าย ข้าคงต้องไปฟ้องร้องที่ศาลแล้วกระมัง ” ทันทีที่นางจางได้ยินเยว่อิงพูดจบก็ตกใจ รีบเอ่ยอย่างลนลาน“ แต่ข้าไม่มี! เจ้ากล้าหรือ! ” นางจางกล่าวถามออกมาอย่างร้อนลน“ กล้าหรือไม่กล้า ท่านอยากลองดูหรือไม่ ” “ เจ้า! เจ้า! เจ้ากล้าหรือ อย่างน้อยข้าก็เคยเป็นแม่ผัวของเจ้านะ ”“ ข้าไม่สนหรอกว่าท่านจะเคยเป็นแม่ผัวของข้าหรือไม่ ในเมื่อข้าให้โอกาสพวกท่านมาหลายรอบแล้วแต่พวกท่านก็ยังไม่หยุดที่จะรังควานข้า หากครั้งนี้ข้าปล่อยพวกท่านไปอีกเห็นทีครั้งต่อไปพวกท่านคงจะมาอีกกระมัง ”“ หน็อย! เจ้านี่มันอกตัญญูเสียจริง ”“ สรุปท่านจะจ่ายหรือไม่จ่าย หากไม่จ่ายข้าก็จะไปฟ้องร้องที่ศาลเอง ข้าไม่รู้ด้วยหรอกนะหากพวกท่านจะโดนเฆี่ยนตีสักกี่ครั้ง ”ทันทีที่เยว่อิงกล่าวออกมา นางจางที่ได้ยินก็สั่นกลัวละล่ำละลั
หลังจากที่เธอเตรียมทุกอย่างเสร็จก็เดินออกมาจากโกดัง“ นายหญิงมาแล้วหรือเจ้าคะ พี่ลี่อินพาคุณหนูน้อยไปนอนเล่นในห้องนั่งเล่นแล้วเจ้าคะ ” ลี่ซือกล่าวบอก“ ขอบใจพวกเจ้ามาก ” เยว่อิงพยักหน้าแล้วกล่าวขอบคุณพวกนาง“ เฟยหลง เดี๋ยวถ้าหัวหน้าหมู่บ้านพาพวกชาวบ้านมาแล้วเจ้าก็จัดแจงให้เรียบร้อยข้าเตรียมพื้นที่ต่างๆให้แล้ว หากใครไม่ฟังหรือก่อเรื่องเจ้าก็สามารถไล่ออกจากบ้านเราไปได้เลย” เยว่อิงกล่าว“ ได้ขอรับนายหญิง ” เยว่อิงทำเพียงพยักหน้ารับ แล้วเดินไปห้องนั่งเล่นกับลี่ซือเพื่อไปหาลูกสาว“ แอ๊ แอ๊ ” “ คุณหนูน้อยช่างคุยยิ่งนักเจ้าค่ะ ” ลี่อินกล่าว เยว่อิงก็ทำเพียงแค่พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย“ ซินอี๋น้อยของแม่ คงอยู่แต่ในบ้านจนเบื่อแล้วใช่หรือไม่ ”“ แอ้ บรู้วๆ ” บุตรสาวของเธอนอกจากจะตอบแล้วยังเป่าปากจนน้ำลายกระจาย“ เอาไว้ให้อากาศเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อยแม่จะพาเจ้าออกไปข้างนอกแล้วกัน ” เนื่องจากอากาศตอนนี้หนาวเย็นเกินไป เธอไม่อาจให้ลูกออกไปข้างนอกได้“ แอ้ๆ ”เล่นกับบุตรสาวไปได้สักพัก เยว่อิงก็เห็นว่าซาลาเปาน้อยของนางเกิดงอแงขึ้นมา เธอจึงเปิดแพมเพิสของซาลาเปาน้อยดูเมื่อเห็นว่าอึราด เธอก็รีบถอดแพมเพิส
“ คุณหนูน้อยช่างน่ารักน่าชัง แถมยังรู้ความยิ่งนักเจ้าค่ะนายหญิง ” ลี่อินกล่าว“ ใช่เจ้าค่ะนายหญิง ตั้งแต่ข้าเลี้ยงคุณหนูน้อยมานับครั้งได้เลยที่คุณหนูจะร้องไห้โยเยเหมือนเด็กๆที่อื่น ” ลี่ซือกล่าวต่อ ส่วนเฟยหลงได้แต่นั่งฟังเงียบๆ“ ข้าก็เห็นด้วยกับพวกเจ้านั่นแหละ นางช่างน่ารักน่าเอ็นดูนัก ตัวแค่นี้แต่รู้ความไม่ใช่น้อย ” เยว่อิงกล่าว“ แอ๊ แอ๊ ” ซาลาเปาตัวน้อยเอ่ยร้องอ้อแอ้“ หึๆ ” เยว่อิงหัวเราะขบขันหลังจากที่บ้านจางมาหาเรื่องก็ผ่านมาหลายวันแล้วแต่นางก็ได้ยินข่าวลือแว่วๆมาว่าก่อนที่จางฮุ่ยหมิ่นสามีเก่าของเธอจะเดินทางกลับไปยังค่ายทหาร ก็มีรถม้าหรูหรามาจอดยังหน้าบ้านจาง มีหญิงสาวที่มีท่าทางร่ำรวยเดินลงมาจากรถม้าแล้วกล่าวว่านางเป็นเมียของจางฮุ่ยหมิ่น ทันทีที่นางกล่าวจบคนที่มุงดู รวมถึงคนบ้านจางก็ช็อคแทบสิ้นสติ ว่าเรื่องนี้เป็นมายังไงเหตุใดจางฮุ่ยหมิ่นถึงไปมีคุณหนูผู้ร่ำรวยคนนี้เป็นเมียได้ ไม่ใช่ว่าเขาก็เพิ่งจะหย่ากับเยว่อิงแล้วเขาก็เพิ่งเดินทางกลับบ้านคงเพิ่งจะทราบเรื่องหย่าด้วยซ้ำบางคนที่ได้สติก่อนก็รวบรวมข้อมูลแล้วคิดเรื่องนี่ได้อย่างรวดเร็ว ว่าเรื่องนี้แปลกๆจางฮุ่ยหมิ่นบุตรชายของนางจา
“ หึ! เจ้ามันแค่แม่หม้ายท้ายหมู่บ้านอย่าติดทระนงตนไปหน่อยเลย ” นางจางกล่าววาจาร้ายกาจออก“ แล้วอย่างไรเล่า? ข้าเป็นหม้ายแล้วไปเดือดร้อนอะไรพวกท่านอย่างนั้นหรือ?” “ เหอะ! เดือดร้อนหรือไม่ข้าก็เกลียดขี้หน้าคนอย่างเจ้าอยู่ดี แล้วเจ้าก็อย่าได้คิดฝันหวานว่าบุตรชายของข้าจะอยากได้นางแพศยาอย่างเจ้ากลับมาเป็นเมียอีก! ” นางจางพูดอย่างดูแคลน“ ท่านคิดว่าบุตรชายของท่านดีเด่จนข้าต้องอยากได้เขากลับมาเป็นผัวหรือ? ก็ไม่ ”“ ท่านแม่ พอเถอะขอรับ ” ฮุ่ยหมิ่นรีบพูดห้ามแม่ของตัวเองเพราะกลัวว่าจะเลยเถิดไปกันใหญ่แล้วภายภาคหน้าเขาจะมาง้อนางได้อย่างไรเล่า!“ น้องเล็ก จะให้ท่านแม่พอได้อย่างไร? เรื่องที่ข้าต้องมาเจ็บตัววันนี้ยังไม่ได้ค่าตอบแทนอันใดเลยนะ ” จางต้าเกินพูดออกมาอย่างหน้าไม่อาย“ หึ! ไม่ใช่ว่าน้องเล็กคิดอยากจะกลับมาจับนางแม่หม้ายผู้นี้หรอกกระมัง? ” สะใภ้ใหญ่พูดออกมาอย่างขบขัน แต่ทั้งหมดนี้ดันเป็นเรื่องจริงที่ฮุ่ยหมิ่นคิดกระทำ“ ข้า… ข้า จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร! ” ฮุ่ยหมิ่นพูดออกมาอย่างอ้อมแอ้ม“ พวกเจ้าพอเถอะ จะเถียงกันเพราะเหตุใด ” พอเห็นว่าเป็นท่านพ่อพูดทุกคนก็เงียบทันควัน“ เชิญพวกท่านกลับบ้านไปไ
ปัง ปัง ปัง!“ นังเยว่อิง…นังตัวไร้ประโยชน์ออกมาเดี๋ยวนี้นะ! วันนี้ข้าจะตีพวกเจ้าให้ตาย ” นางจางทุบประตูจนเจ็บมือนางก็หาได้สนใจไม่ ทำเพียงทุบประตูแล้วก็ตะโกนวายวายต่อปัง ปัง ปัง!“ ข้าบอกให้ออกมาไง มัวแต่มุดหัวอยู่ในรู ให้มันเก่งเหมือนตอนที่กล้ามาทำร้ายบุตรชายของข้ากันสิ เหอะ! ”ภายในบ้านเยว่อิง“ เกิดอะไรขึ้น? ทำไมคนพวกนั้นถึงกล้ามาหาเรื่องพวกเราที่บ้านได้ ” เยว่อิงกล่าวถามด้วยสีหน้าสงสัย“เอ่อ… คือว่า ข้าถีบบุตรชายคนโตของพวกเขาตกรถม้าขอรับ ” เฟยหลงเอ่ยตอบเธออย่างอ้อมแอ้ม คล้ายระอายใจที่ก่อเรื่องมาให้เธอเสียได้“ ห๋า! เรื่องมันเป็นอย่างไรเจ้าเล่ามาให้ข้าฟัง ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าไม่มีนิสัยทำร้ายผู้ใดก่อนอยู่แล้ว ”“ หลังจากกลับมาจากขายผักที่เมืองข้าก็บังคับรถม้าผ่านบุตรชายคนโตของนางจางพอดี พอเจ้านั่นเห็นก็วิ่งตามรถมาพร้อมกับปีนขึ้นมารถม้า ข้าก็เลยหยุดรถม้าแล้วถีบเขาลงจากรถม้าขอรับ เจ้านั่นก็เลยจะโกนด่าทอข้าตามหลังมาแต่ข้าไม่ได้สนใจรีบบังคับรถม้ากลับบ้านทันที ข้าไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาให้กับนายหญิงภายหลังแบบนี้… ”“ เอาล่ะ เจ้าไม่ต้องคิดมาก แต่คราวหน้าคราวหลังหากคิดจะทำอะไรก็คิดไตร่ตรองให้ด