Share

บทที่ 4 สามีโดยบังเอิญ

ถูซินเยว่ลูบท้องแล้วมองไปที่โต๊ะ บนโต๊ะไม้เก่ามีชามวางอยู่สองใบ ในชามเต็มไปด้วยโจ๊กผักกาด และมีเศษไข่ตีแตกลอยอยู่ข้างบน ดวงตาของเธอเป็นประกาย เลียแผลบที่มุมปากอย่างไม่รู้ตัว

นางหยูยิ้ม "ซินเยว่ ไม่ต้องเกรงใจ เจ้าก็นั่งลงกินด้วยกันเถอะ"

ดวงตาของถูซินเยว่เป็นประกายขึ้นอีกครั้ง มองดูนางหยูด้วยความซาบซึ้ง คิดไม่ถึงว่านางหยูที่ดูขี้ระแวดระวังจะมีจิตใจดีงามเช่นนี้ที่ตระเตรียมอาหารไว้ให้เธอด้วย เธอรีบหยิบชามขึ้นมา เนื่องจากมีซูจื่อหังอยู่ข้าง ๆ เธอจึงเคลื่อนไหวด้วยความสงบเสงี่ยมกว่าเดิมมาก

นางหยูเห็นว่าเธอเป็นคนสติไม่ดี จึงไม่ได้คำนึงถึงถูซินเยว่ขณะที่พูดคุยกับซูจื่อหัง เธอเช็ดมือด้วยผ้ากันเปื้อนมันเยิ้ม ใบหน้าเศร้าหมอง "จื่อหัง อย่าหาว่าแม่พูดมากเลยนะ แต่แม่ว่าเรื่องแต่งงานระหว่างเจ้ากับหมิงซวนคงเป็นไปไม่ได้แล้ว หมิงซวนพักอยู่บ้านตระกูลเหลียงแล้วทั้งคืน ยังไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรบ้าง ซินเยว่ในสภาพนี้ ตระกูลเหลียงเองก็รังเกียจมานาน ได้ตัวหมิงซวนไปดูท่าว่าก็คงกำลังดีใจกันอยู่ มีแต่เจ้านี่แหละที่น่าสงสาร..."

ถูซินเยว่หูผึ่ง

ซูจื่อหังเงยหน้าขึ้นสีหน้าเรียบเฉย "ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ลูกไม่มีความตั้งใจที่จะแต่งงานในตอนนี้"

"ไม่ได้นะ!" นางหยูส่ายหน้าแล้วพูดว่า "พรุ่งนี้เจ้าจะเดินทางไปสอบที่เมืองหลวงแล้ว หากไม่รีบแต่งงานตอนนี้ ต่อไปอายุมากขึ้นจะทำยังไง?" ในขณะที่เธอพูดเช่นนั้นก็เหลือบมองถูซินเยว่ด้วยความลังเลอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ถูซินเยว่รีบเงยหน้าขึ้นแสยะยิ้มโง่ ๆ ให้อีกฝ่าย นางหยูชะงัก ถอนหายใจอย่างจนปัญญา "ถ้าซินเยว่ไม่ใช่คนสติไม่สมประกอบ การแต่งงานครั้งนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องดี..."

ทุกคนในบ้านตระกูลถูล้วนเหลี่ยมจัด แต่ลูกชายคนที่สี่ของตระกูลถูกลับเป็นคนซื่อสัตย์ ได้เกี่ยวดองกับครอบครัวแบบนี้ก็ไม่เสียหาย อีกอย่าง ซินเยว่ที่อ้วนท้วนสมบูรณ์ดีแบบนี้ดูก็รู้ว่าจะให้กำเนิดบุตรได้ง่าย แรงก็เยอะ น่าเสียดายที่สติไม่ดี

นางหยูถอนหายใจอีกครั้ง

ถูซินเยว่ถือชามข้าวอย่างกระอักกระอ่วนแสร้งทำเป็นฟังไม่เข้าใจ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็อดไม่ได้ที่จะแอบมองหน้าซูจื่อหัง

สีหน้าของซูจื่อหังยังคงเรียบเฉย กินข้าวต้มด้วยท่าทีสงบ ทั้ง ๆ ที่ก็กินข้าวหม้อเดียวกันอยู่ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างถูซินเยว่กลับรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่าอีกฝ่ายสามารถกินมันได้อย่างสง่างาม

พวกคนมีความรู้นี่มันช่างแตกต่างจริง ๆ เธอถอนหายใจอยู่ในใจ

จู่ ๆ ซูจื่อหังก็เงยหน้าขึ้นมองเธอ ทันใดนั้นถูซินเยว่ก็ทำเหมือนตัวเองเป็นหัวขโมยที่ถูกจับได้ รีบฝังหัวตัวเองลงในชามข้าวต้มอย่างเชื่อฟัง ดีที่หน้าของเธอมีชาดสีแดงแต้มเป็นดวงอยู่ จึงดูไม่ออกว่าเธอหน้าแดง

“ลูกไม่รีบร้อนเรื่องแต่งงาน แค่นำเงินสินสอดทองหมั้นกลับมาก็พอแล้ว" เงินทองของหมั้นนี้ เป็นเงินเก็บเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พ่อของซูจื่อหังทิ้งไว้ให้ นางหยูเองก็ประหยัดกินประหยัดใช้ และได้ออมเพิ่มไว้บ้าง รวมทั้งหมดเป็นเงินสามสิบตำลึง เงินจำนวนนี้ต้องเอากลับคืนมาให้ได้

หลังจากที่ทั้งสองรับประทานอาหารเช้าแล้ว นางหยูและซูจื่อหังก็นั่งอยู่ที่ลานบ้านหลังจากเสร็จสิ้นการสนทนา รอข่าวของซูเฟิ่งอี๋และซูซุ่นลี่ที่ไปบ้านตระกูลถูแต่เช้า

นางหยูกลัวว่าถูซินเยว่จะเดินเพ่นพ่านไปทั่ว จึงตักเอาเมล็ดแตงโมมาหนึ่งกำมือให้เธอนั่งเงียบ ๆ อยู่ในห้อง ถูซินเยว่กอบเอาเมล็ดแตงโมไว้ในมือ พยักหน้าอย่างแข็งขันให้กับนางหยู เธอเพิ่งจะย้อนอดีตมา ที่ที่คุ้นเคยที่สุดที่แรกก็คือบ้านตระกูลซู เธอไม่มีทางเพ่นพ่านไปไหนแน่นอน

ห้องของซูจื่อหังทั้งมีขนาดเล็กและทรุดโทรม เดิมทีน่าจะเป็นห้องเก็บของ แต่ถูกรื้อออกและทำเป็นห้องนอน โชคดีที่แม้ว่าห้องจะทรุดโทรม แต่ซูจื่อหังเป็นคนรักษาความสะอาด ไม่เพียงแต่สิ่งของต่าง ๆ จะจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบเท่านั้น แม้แต่เครื่องนอนก็ยังมีกลิ่นสบู่หอมโชยออกมา

ถูซินเยว่ฟุบอยู่ข้างเตียง กำลังจะผล็อยหลับในไม่ช้า...

สิ่งที่ปลุกให้เธอตื่นจากภวัง ก็คือเสียงแหลมที่กำลังก่นด่า

"นี่เจ้าหมายความว่าอะไรกันแน่ เจ้ากำลังบอกว่าข้าจงใจก่อปัญหาและปล่อยให้เมียของจื่อหังหนีไปอย่างงั้นรึ?"

"ท่านพี่ ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น คือว่า คือว่าบ้านตระกูลถูจะให้ซินเยว่เป็นภรรยาของจื่อหังได้อย่างไร แล้ว เงินสินสอดทองหมั้น..."

"สินสอดทองหมั้นอะไรกัน ในเมื่อได้นางสติไม่ดีไปเป็นเมียแล้ว ยังจะมาเอาสินสอดทองหมั้นคืนอีกอย่างงั้นรึ?" ประตูถูกเปิดออกดังโครม ซูเฟิ่งอี๋พุ่งปราดเข้ามาในห้องด้วยความโมโห ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหนถึงกระชากเอาถูซินเยว่ที่อยู่บนพื้นขึ้นมาจนนิ้วมือเกือบจะจิ้มเข้าไปในรูจมูกของเธอแล้ว

"เห็นหรือยัง ต่อไปนี้นางก็คือเมียของจื่อหัง อย่าได้พูดถึงเรื่องยกเลิกการแต่งงานอะไรนี่อีก นางอ้วนเผละก้นใหญ่นี่ต้องเป็นแม่พันธุ์ดีแน่นอน จื่อหังต่อไปก็ไม่ต้องกลัดกลุ้มอะไรทั้งนั้น เรื่องนี้ก็ให้มันจบแค่นี้!"

ก้นใหญ่เป็นแม่พันธุ์ดี เห็นเธอเป็นหมูหรือไง?

เดิมทีถูซินเยว่นอนสะลึมสะลืออยู่ แต่ตอนนี้เธอไม่มีความง่วงหลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย เธอมองดูซูเฟิ่งอี๋ที่ไขมันกระเพื่อมบนใบหน้า ทันใดนั้นก็อ้าปากขึ้นราวกับคนประสาทเสียแล้วพุ่งเข้าใส่นิ้วมือที่กำลังจะจิ้มเข้าไปในรูจมูกของตน กัดเข้าเต็มแรง

ด่าฉันนักเหรอ!

ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือดก็ดังก้องไปทั่วฟ้า

ซูเฟิ่งอี๋ผลักถูซินเยว่ออกราวกับถูกไฟฟ้าช็อต กรีดร้องโหยหวน เมื่อยกนิ้วขึ้นดูก็พบว่าถูกถูซินเยว่กัดจนเลือดไหลนองอย่างน่ากลัว

"เจ้า เจ้ามันนังหมูโง่ นังสารเลวไร้สมองสมควรถูกสับเป็นหมื่น ๆ ชิ้น วันนี้ข้าจะข้าเจ้าให้ตาย!" นางหยิบม้านั่งข้าง ๆ ขึ้นมา ย่างสามขุมเข้าใส่ถูซินเยว่

ถูซินเยว่ก็ตกใจเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าซูเฟิ่งอี๋จะแรงเยอะขนาดนี้ เธอไม่สามารถใช้มือเปล่าเอาชนะซูเฟิ่งอี๋ที่มีม้านั่งอยู่ในมือได้ จึงรีบวิ่งผลุนออกไปข้างนอก

นางหยูสีหน้าหดหู่ แม่เฒ่าของบ้านตระกูลซูยืนมองเหตุการณ์ที่ใต้ต้นพุทราอย่างไม่รู้สึกรู้สา ซูซุ่นลี่ก็อุ้มแม่ไก่แก่ขาดสารอาหารที่ตระกูลถูยัดเยียดมาให้ซึ่งไม่รู้ว่าต้องการอะไร มีเพียงซู่จื่อหังเท่านั้นที่นั่งอยู่บนม้านั่งหิน มองดูเธอวิ่งออกจากห้องด้วยสายตาหลากหลายอารมณ์

เมื่อสบตากัน ไม่รู้ว่าถูซินเยว่จู่ ๆ ก็คิดอะไรอยู่ รีบวิ่งไปซ่อนอยู่หลังซูจื่อหัง

ซูเฟิ่งอี๋วิ่งตามมาด้วยความโกรธ

"จื่อหัง เจ้าถอยไป" ซูจื่อหังเป็นผู้มีการศึกษาเพียงคนเดียวในครอบครัว โดยปกติแล้วทุกคนจะยอมฟังเขาทุกเรื่อง ดังนั้นม้านั่งตัวนั้นคงไม่มีทางขึ้นไปทักทายบนตัวเขาได้

ซูจื่อหังยังไม่ทันจะได้เอ่ยปาก นางหยูก็เดินเข้ามาขวางพวกเขาเอาไว้ พร้อมกับกล่าวว่า "ท่านพี่ ซินเยว่ทำอะไรให้ท่านขุ่นเคืองอีกล่ะ?"

"ยังจะมาถามอีกหรือว่าทำอะไรให้ข้าขุ่นเคือง? เจ้าดูนิ้วข้าสิว่าถูกนังสารเลวนี่กัดจนเป็นสภาพไหน" ซูเฟิ่งอี๋ถ่มน้ำลายลงบนพื้นอย่างแรง หากไม่ใช่ว่านางหยูหลบทัน ก้อนเสมหะเหนียวก็คงตกใส่เท้าของนางไปแล้ว

"ท่านพี่ ท่านก็รู้ดีว่าซินเยว่สติไม่ดี เพิ่งจะมาอยู่บ้านเราได้แค่วันเดียว ก็ทำให้ท่านบาดเจ็บแล้ว ต่อไปหานางต้องอยู่กับจื่อหัง..." ไม่ใช่ว่านางหยูไม่ชอบถูซินเยว่ เพียงแต่ว่าเดิมทีครอบครัวของพวกเขาก็ยากจนอยู่แล้ว และพวกเขาไม่อยากให้จื่อหังได้ภรรยาสติไม่ดีที่เอาแต่กินทั้งวัน ไม่มีใครในหมู่บ้านที่ไม่รู้ว่าถูซินเยว่ไม่เพียงแต่สติไม่ดี แถมยังเจ้าอารมณ์อีกต่างหาก หากวันไหนเกิดอาละวาดทุบตีจื่อหังขึ้นมา ด้วยความแข็งแรงของนาง ใครก็หยุดนางไม่อยู่

เมื่อนึกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต น้ำตาของนางหยูก็ไหลลงมา

ซูเฟิ่งอี๋ถูกจี้ใจดำ และไม่เอ่ยถึงเรื่องที่ถูซินเยว่กัดนางอีกต่อไป ด่าส่งแล้วจึงเดินเข้าห้องของตัวเองไป

ถูซินเยว่หลบอยู่หลังซูจื่อหังก็โผล่หน้าออกมา เห็นตอนที่ซูเฟิ่งอี๋เดินอยู่นั้นจงใจใช้สองมือปิดบังเอวไว้ ดวงตาอ้วนพีที่หยีลงจนเห็นเป็นเส้นฉายแววครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

นางหยูไม่กล้าตามซูเฟิ่งอี๋ไป ทำได้แค่หันไปหาแม่เฒ่าตระกูลซูเพื่อขอความช่วยเหลือ

"ท่านแม่ ท่านต้องให้ความยุติธรรมกับเรื่องนี้นะ จื่อหังเขา…"

"หุบปาก!" แม่เฒ่าของตระกูลซูมองเธอด้วยสายตาเย็นชา ยันไม้เท้ากำลังจะเดินกลับห้อง

นางหยูยืนลังเลอยู่ครึ่งนาที ในเมื่อไม่มีทางเลือกนอกจากเดินเข้าไปถามว่าเรื่องนี้ยังพอมีทางที่จะแก้ไขหรือไม่ โดยไม่คาดคิดเท้าของนางเหยีบลงบนที่ว่าง กลิ้งหลุน ๆ ลงไปตามทางลาดจากทางเข้าลานบ้าน ตกลงไปที่คันนาด้านล่าง

"ท่านแม่!" ซูจื่อหังหน้าถอดสีทันที รีบลุกขึ้นวิ่งไปยังคันนา แม่เฒ่าตระกูลซูก็บังเอิญหันมาเห็นนางหยูที่นอนนิ่งอยู่บนคันนาพอดี สบถออกมาสองคำ "ตัวซวย!"

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status