Share

บทที่ 3 มิติแห่งน้ำพุศักดิ์สิทธิ์

หลังจากที่ซูเฟิ่งอี๋จากไปแล้ว นางหยูก็เดินประคองเอวที่บาดเจ็บเดินไปหาถูซินเยว่ เมื่อเห็นสีหน้าเฉื่อยชาที่ไร้ความรู้สึกของถูซินเยว่ นางหยูก็อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความเห็นใจ "เด็กน้อย เจ้ากลัวหรือเปล่า"

ถูซินเยว่เป็นแค่คนสติไม่ดี การแต่งงานผิดฝาผิดตัวที่เกิดขึ้นเมื่อวาน จริง ๆแล้วก็ไม่ส่งผลอะไรต่อนางมากนัก

"ข้าไม่เป็นไร" ถูซินเยว่ส่ายหัว สายตามั่นคงชัดเจน มองดูนางหยูร่างกายผอมบางที่อยู่ตรงหน้า จู่ ๆ เธอก็นึกถึงชายหนุ่มที่ถือร่มอยู่หน้าประตูบ้านตระกูลถูเมื่อวาน ด้วยเหตุผลบางอย่าง จู่ ๆ เธอรู้สึกคุ้นหน้านางหยูขึ้นมา

เมื่อเทียบกับซูเฟิงอี๋แล้ว นางหยูดูน่าถูกชะตากว่ามาก

เมื่อนางหยูเห็นว่าถูซินเยว่สามารถพูดกับเธอได้อย่างชัดเจน ความประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นบนดวงตาของเธอ

ไม่ใช่ว่าหลานสาวคนโตของตระกูลถูเป็นหญิงสติไม่ดีหรอกหรือ ทำไมถึงเข้าใจสิ่งที่นางพูดได้ล่ะ

กำลังจะเอ่ยปากถาม นางก็ได้ยินเสียงสาปแช่งของแม่นางเฉินผู้เป็นแม่สามีดังมาจากห้องด้านข้าง "นี่บ้านลูกชายรองน่ะ ทำอะไรกันอยู่ ยังไม่รีบทำอาหารเช้าอีก อยากให้ทั้งบ้านอดตายกันหมดหรือไง?”

นางหยูได้ยินเสียงบ่นด่า ใบหน้าแสดงความหวาดหวั่น กระวีกระวาดตอบกลับไปว่า "ท่านย่าของจื่อหัง ข้า ข้าจะไปทำเดี๋ยวนี้แหละ"

หลังจากถูกแม่นางเฉินดุ นางหยูก็ลืมไปว่ามีบางอย่างผิดปกติกับถูซินเยว่ จึงพูดด้วยน้ำเสียงเป็นเชิงขอโทษ "ซินเยว่ ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ไปนั่งเล่นในห้องของจื่อหังก่อนเถอะ เดี๋ยวกินข้าวกินปลาเสร็จเรียบร้อย ก็จะพาเจ้าไปส่งที่บ้าน"

ถูซินเยว่คิดในใจว่าห้องครัวคับแคบแบบนี้ ร่างอ้วน ๆ ของตนอยู่ที่นี่ต่อไปก็ดูจะกินพื้นที่ จึงเดินออกไปอย่างว่าง่าย

เมื่อมาถึงลานบ้าน เธอก็หาห้องเล็ก ๆ โทรม ๆ เจอตามคำบอกเล่าของนางหยู บ้านตระกูลซูยังไม่ได้แยกครอบครัวออกไป ทั้งบ้านอาศัยอยู่ในลานบ้านเดียวกัน ซูจื่อหังต้องการอ่านหนังสือ และชอบความสงบ ดังนั้นเขาจึงอาศัยอยู่ที่ห้องในพื้นที่ด้านหลัง

ถูซินเยว่ยืนอยู่หน้าประตู กำลังจะยกมือขึ้นเคาะประตู แต่จู่ ๆ ก็เกิดลังเล

ว่ากันตามตรงแล้ว ตอนนี้ซูจื่อหังเห็นหน้าตนก็คงจะต้องเกลียดมากแน่ ๆ เดิมทีภรรยาของเขาควรจะเป็นถูหมิงซวนลูกพี่ลูกน้องของเธอ เมื่อนึกถึงถูหมิงซวนในความทรงจำที่ผิวขาวดูสะอาดสะอ้าน รอยยิ้มสดใสราวกับดอกไม้ที่เบ่งบาน ส่วนตัวเธอซึ่งไม่ต่างอะไรจากหมูเดินสองข้า จื่อหังเมื่อเห็นหน้าเธอก็คงจะคลื่นไส้ คงคิดว่าเธอได้ทำลายชีวิตแต่งงานอันสวยงามของเขา

ถูซินเยว่รู้สึกกลัดกลุ้มเล็กน้อย สิ่งที่น่าสิ้นหวังยิ่งกว่านั้นก็คือของกินเมื่อครู่ไม่สามารถทำให้ท้องของเธออิ่มได้ และตอนนี้ เธอก็หิวอีกแล้ว!

เธอเวียนหัวตาลายนั่งลงกับพื้นพิงกำแพง ยังไม่ทันได้คิดอะไร จู่ ๆ ภาพตรงหน้าก็หมุน บ้านเก่าโทรมของตระกูลถูตรงหน้าเธอตอนนี้หายไปแล้ว

"นี่มันที่ไหน" ถูซินเยว่หรี่ตามองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง

สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือกระท่อมชาวนาที่สร้างด้วยไม้ไผ่ ข้าง ๆ มีแปลงผัก กลางลานบ้านมีบ่อน้ำอยู่บ่อหนึ่ง น้ำในบ่อใสสะอาดจนเห็นก้นบ่อ ถูซินเยว่เดินเข้าไปดูด้วยความฉงน พอมองลงไปในบ่อน้ำก็ตกใจจนสะดุ้ง

แม่เจ้า!

แม้จะรู้ว่าตัวเองย้อนอดีตมาในร่างของหญิงอ้วนคงจะไม่น่าดูเท่าไหร่ แต่คนที่อยู่ในเงาในน้ำนั่นคือผีงั้นหรือ ร่างกายไม่เพียงแต่เต็มไปด้วยไขมันปกคลุมเท่านั้น แต่แป้งชาดสีแดงหนาเตอะบนหน้าเธอนั้นทำให้เธอดูเหมือนผีผู้หญิงก็ไม่ปาน ที่น่ากลัวที่สุดคือมีฝีมากมายอยู่บนใบหน้าของเธอ และผมของเธอก็ยุ่งเหยิงราวกับรังนก แถมยังมีดินโคลนติดอยู่

เมื่อครู่นางหยูไม่ตกใจกลัว แถมยังพูดคุยกับเธออย่างอ่อนโยน มันคงสร้างความลำบากใจให้นางจริง ๆ

ถูซินเยว่บุ้ยปาก กำลังจะวักน้ำมาล้างหน้า ทันใดนั้นพื้นผิวน้ำก็มีแมลงตัวเล็ก ๆ สีเขียวเข้มตัวหนึ่งบินออกมา

"พระเจ้า เจ้าน่าเกลียดจัง!"

ถูซินเยว่ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ใครกันถึงไม่ให้เกียรติเธอเช่นนี้!

"ไม่ต้องหาแล้ว ข้าเองนี่แหละ!"

แมลงตัวน้อยบินแกว่งไกวอยู่ตรงหน้าเธอ

แมลงพูดได้? ถูซินเยว่คว้าแมลงด้วยปลายนิ้วแสดงความสงสัย ส่ายสายตาขึ้นลง ๆ มองดูแมลงที่เหมือนดักแด้ตรงหน้าเธอ ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมาและพูดขึ้นว่า "เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาหัวเราะเยาะข้า เจ้าก็อ้วนไม่ต่างกันนั่นแหละ"

"เจ้าคนชั่ว ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ ข้าคือภูตผู้พิทักษ์แห่งมิตินี้" แมลงน้อยมองถูซินเยว่อย่างไม่พอใจ มิติแห่งน้ำพุศักดิ์สิทธิ์เลือกคนอัปลักษณ์แบบนี้มาได้อย่างไรกันนะ ดูไม่ได้เลยจริง ๆ "

"มิติ"ถูซินเยว่จับคำสำคัญจากคำพูดของอีกฝ่าย เธอเลิกคิ้วถาม "ซึ่งก็หมายความว่าที่ที่ข้าอยู่ตอนนี้เป็นมิติแห่งน้ำพุศักดิ์สิทธิ์งั้นเหรอ?"

“หึ ก็แค่จิตของเจ้าเท่านั้นที่อยู่ในมิติน้ำพุศักดิ์สิทธิ์” แมลงน้อยประเมินถูซินเยว่ด้วยสายตา แล้วใช้ปีกเล็ก ๆ บนหลังปิดตาเอาไว้และพูดอย่างรังเกียจ “เจ้ารีบไปดื่มน้ำพุศักดิ์สิทธิ์เร็วเข้า มันจะช่วยรักษาฝีบนหน้าของเจ้าได้ สภาพเจ้ามันน่าเกลียดเกินจะทานทน จนฉงเป่าไม่อยากจะคุยกับเจ้าแล้ว”

ถูซินเยว่บุ้ยปาก แต่ในใจกลับรู้สึกเบิกบานขึ้นมาทันที พร้อมกับถามว่า "น้ำพุศักดิ์สิทธิ์นี่มันขลังขนาดนี้เลยหรอ สามารถรักษาฝีบนหน้าข้าได้?"

"เจ้ากล้าสงสัยในตัวฉงเป่าอย่างนั้นหรือ?" แมลงวิเศษมองเธออย่างไม่ชอบใจ ทำท่าคุยโวเสียงจริงจัง "การรักษาฝีเหล่านี้ก็แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น น้ำพุศักดิ์สิทธิ์ยังสามารถรักษาบาดแผล ปรับสมดุลของร่างกาย และสามารถฟื้นฟูทุกสรรพสิ่ง ทำให้กิ่งก้านต้นไม้ที่ตายแล้วงอกขึ้นมาใหม่ได้…”

"หยุด ๆ หยุดก่อน" ถูซินเยว่ปิดปากของอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเบิกบานใจเป็นที่สุด มองดูบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ตรงหน้าเธอด้วยสีหน้าพึงพอใจ ตามคำกล่าวของฉงเป่า บ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้สามารถช่วยชีวิตรักษาโรคได้ ทั้งยังรักษาต้นไม้ได้อีกด้วย ตนอยู่ในชนบทแบบนี้ มีของดีอยู่กับตัวเช่นนี้มิเท่ากับว่ามีแหล่งขุมทรัพย์ใหญ่หรอกหรือ!

เธอโยนฉงเป่าออกไปแบบส่ง ๆ คุกเข่าลงข้างสระน้ำ "อึกๆๆๆๆ" ดื่มน้ำเข้าไปหลายอึก

น้ำในบ่อหอมหวานใสแจ๋ว ทันทีที่ไหลลงสู่ท้องก็ให้ความรู้สึกผ่อนคลายสบายทั่วร่าง แม้แต่ความเหนื่อยล้าและความหิวโหยในร่างกายก็ดูเหมือนจะถูกปัดเป่าให้หายไปโดยสิ้นเชิง

ของดีจริง ๆ ด้วย!

“นี่ ๆ ๆ ทำไมเจ้าถึงได้หยาบคายเช่นนี้?” ฉงเป่ากระโดดขึ้นจากน้ำ โบกปีกเล็ก ๆ พร้อมกับพูดขึ้นว่า “เรื่องของมิติแห่งน้ำพุศักดิ์สิทธิ์เจ้าไม่สามารถให้คนนอกรู้ได้ ไม่เช่นนั้นมิติคงต้องพังทลายแน่ ๆ แล้วก็ แล้วก็ต่อไปเจ้าต้องเข้ามาจัดการดูแลที่นี่เป็นประจำ พัฒนามิติของเราให้เจริญงอกงาม นี่ ข้ากำลังคุยกับเจ้าอยู่นะ!"

ฉงเป่ามีน้ำโห แต่จู่ ๆ จิตของถูซินเยว่ก็ถูกดึงออกจากมิติไป

เพราะมีบางอย่าง กำลังจิ้ม....หน้าอกเธอ!

"ใครกันนะ มากินเต้าหู้ของข้าไป!" ถูซินเยว่ลืมตาขึ้นอย่างรำคาญ กำลังจะด่าใส่แต่เมื่อเห็นบุคคลตรงหน้า เธอก็ต้องกลืนคำพูดเหล่านั้นลงคอ

"เจ้า...เจ้าเองหรอกรึ"

ชายหนุ่มที่ช่วยชีวิตเธอไว้ที่บ้านตระกูลถู ตนเองขึ้นเกวียนวัวผิดคันทำให้เกิดการแต่งงานผิดฝาผิดตัว ถ้าเธอจำไม่ผิดดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะชื่อซูจื่อหังใช่ไหมนะ?

ซู่จื่อหังสวมชุดคลุมปะชุนเต็มตัว ถือหนังสือไว้ในมือซ้าย ราวกับว่าเขาเพิ่งกลับจากการอ่านหนังสือในตอนเช้า มือขวาถือร่มที่หุบไว้อยู่ กำลังจิ้มหน้าอก ไม่ใช่สิ จิ้มร่างของถูซินเยว่อยู่

เขาไม่ได้ตั้งใจจิ้มส่วนนั้นของหญิงสาว แต่ร่างของถูซินเยว่เต็มไปด้วยเนื้ออ้วน ๆ และเนื้อก็กองรวมกันจนไม่สามารถบอกได้ว่าอะไรเป็นอะไร...

เมื่อเห็นถูซินเยว่ลืมตาขึ้น ซูจื่อหังก็ดึงร่มกลับมา มองเธอด้วยดวงตารูปหงส์เรียวสวย พลางพูดว่า "เจ้าขวางประตูห้องข้าอยู่"

ถูซินเยว่หันไปดูถึงพบว่าเมื่อครู่ตนเองนอนเอียงกระเท่เร่อยู่ และร่างอ้วน ๆ ของเธอก็ขวางทั้งประตูเอาไว้อยู่จริง ๆ

ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อนึกถึงรูปร่างหน้าตาอันน่าเกลียดของตัวเองจากเงาในบ่อน้ำ และมองดูชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าเธอ จู่ ๆ ถูซินเยว่ก็รู้สึกอัปยศ จึงกระวีกระวาดลุกขึ้นยืน

แต่เธออ้วนมากเสียจนไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ในทันที พื้นทั้งเปียกและลื่น ถูซินเยว่รวบรวมพละกำลังทั้งหมดของเธอ แต่คิดไม่ถึงว่าเท้าของเธอจะลื่นไถลและเธอก็ล้ม"ตู้ม" ลงบนธรณีประตู จนประตูที่อยู่ข้างหลังเธอเกือบพังยับ

ขายหน้า ขายขี้หน้าสุด ๆ ! ถูซินเยว่อยากจะมุดผ่านรอยแยกบนพื้นหนีไปจริง ๆ แล้วใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความเขินอาย ทั้งเจ็บทั้งโมโห ร่างกายของเธออ้วนเกินไปจริง ไม่สามารถลุกขึ้นได้ง่าย ๆ

เมื่อนึกถึงซูจื่อหังที่ยืนอยู่ตรงหน้า และเห็นร่างอัปลักษณ์ทุกท่วงท่าของเธออย่างเต็มสายตา ถูซินเยว่ก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนจริง ๆ

"อ้าว ซินเยว่ ทำไมถึงล้มลงได้ล่ะ" นางหยูเดินเข้ามาพร้อมอาหาร เมื่อนางเห็นถูซินเยว่ล้มลงบนพื้น ก็รีบวางอาหารไว้บนม้านั่งหิน แล้วใช้แรงพยุงเธอลุกขึ้น

"จื่อหัง เข้ามาช่วยหน่อยสิ" นางหยูส่งถูซินเยว่ต่อให้ซูจื่อหัง ส่วนตนเองก็ยกถาดอาหารขึ้นมา และทั้งสามก็เดินเข้าไปในห้องด้วยกัน

"ข้าเดินเองดีกว่า" มือของซูจื่อหังเย็น นิ้วมือสะอาดสะอ้าน ส่งผลให้มือดำ ๆ ของเธอมีสีตัดกันอย่างเห็นได้ชัด ถูซินเยว่รู้สึกเขิน จึงดึงมือตัวเองกลับและหาเก้าอี้ที่แข็งแรง ๆ ลงนั่งอย่างว่าง่าย

ซูจื่อหังสีหน้าเรียบเฉยไม่พูดอะไร

ทั้งสองนั่งลงที่โต๊ะที่ขาหายไปข้างหนึ่ง นางหยูวางถ้วยชามอาหารลง

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status