ตอนที่ 4 ท่านไม่ใช่คุณหนูของข้า
ฝั่งด้านหวังหมิงหลังจากที่เขาเดินออกมาจากตำหนักของพระชายารองเขากลับมาที่ห้องของตนเองเปลี่ยนอาภรณ์เตรียมออกไปด้านนอก
“ท่านจะออกไปที่ใดกันจะทิ้งพระชายารองตั้งแต่วันแรกที่แต่งนางเข้ามาเลยหรือขอรับ” เสียงในเงามืดดังขึ้นพร้อมเดินออกมาจากด้านหลัง
“ข้าไม่ได้ทิ้งนางแต่นางต่างหากที่ปฏิเสธข้า แต่ก็ดีเช่นเดียวกัน ข้าได้ยินมาว่าวันนี้ฝั่งนั้นจะแอบดำเนินการเมื่อข้าใช้เวลาอยู่ในห้องหอ วันนี้เราจะต้องออกไปจัดการคนเหล่านั้นเจ้าเองก็ไปเตรียมเรียกคนของเราเอาไว้ ข้าจะไม่ยอมให้แผนการของคนพวกนั้นทำร้ายข้าได้” เจิงหลงชายคนสนิทที่เป็นเหมือนข้ารับใช้ สหายคนรู้ใจที่เล่นและคอยอยู่เคียงข้างหวังหมิงมาตั้งแต่ยังเยาว์ ยิ้มเยาะก่อนจะน้อมรับคำสั่งของหวังหมิงและเอ่ยถามเขาเรื่องพระชายารองอีกครา
“ขอรับ ข้าจะรีบไปทำตามที่ท่านสั่งเดี๋ยวนี้ แต่ว่าข้าอดสงสัยมิได้พระชายารองที่งดงามไม่สามารถมัดใจท่านให้เข้าหอได้เลยหรือ? เมื่อครู่ท่านบอกนางปฏิเสธ ใบหน้าเช่นท่านนะหรือ? สตรีใดเห็นต่างพากันลุ่มหลง ไม่น่าจะเป็นไปได้"
“เพราะนางไม่เหมือนสตรีใดในใต้หล้านะสิ” เพียงแค่คิดใบหน้าของหวังเมิงพลันเปลี่ยนสียิ้มเยาะอย่างพึงพอใจนางแตกจากสตรีที่เขาได้พบเจอมา เพราะทุกคนต่างอยากเข้าหา แต่นางกลับไม่สนใจและพยายามหาข้ออ้างไม่เข้าห้องหอกับตนอีกด้วย เดิมทีเขารู้และเคยเห็นใบหน้าของซูอี้หานหลายต่อหลายครั้ง มีหรือที่เขาจะไม่สืบเรื่องของผู้ที่จะเข้ามาเป็นพระชายารอง ครั้นเมื่อใต้เท้าซูเข้ามาหาอ้อนวอนให้เขาช่วยเหลือตระกูลซูไม่ว่าเขาต้องการอันใดใต้เท้าซูยอมให้ทุกอย่าง หวังหมิงได้ยินเรื่องเกี่ยวกับบุตรสาวคนรองของใต้เท้าซู จึงขอให้เขายกนางให้กับตน หากใต้เท้าซูยอมยกนางให้จริง ๆ ตระกูลของนางยามนี้เขาจะช่วยเหลือ ใต้เท้าซูเริ่มคิดหนักแต่เมื่อหมดสิ้นหนทางจึงยอมตกลงยกซูอี้หานให้กับชินอ๋องหวังหมิง ชินอ๋องยอมยกสมบัติของตนที่มีมอบให้แก่ใต้เท้าซูหนึ่งส่วนสี่ของตน หากเมื่อได้ปรองดองกันจริงๆ อำนาจของชินอ๋องจะทำให้ตระกูลซูกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะไม่สนใจเรื่องราวในวังหลวงแต่เขาก็ยังเป็นชินอ๋องอำนาจล้นมือ
“ข้าเองก็อยากจะรู้ว่านางจะทำเช่นนี้ได้อีกนานเพียงใด ลูกไม้ตื้น ๆ ของนางคิดหรือว่าข้าจะดูไม่ออก ช่วงนี้ปล่อยให้นางได้ทำตามใจไปก่อนเพราะเรามีเรื่องที่สำคัญกว่าจะต้องทำ” ดวงตาของชินอ๋องแข็งกร้าวเมื่อกล่าวถึงเรื่องที่เขากำลังจะออกไปทำต่อจากนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้สนใจเรื่องในวังหลวง ทว่ายังมีใต้เท้าบางส่วนที่เกรงกลัวว่าเขาจะก่อการกบฏล้มล้างราชวงศ์เพื่อขึ้นไปเป็นใหญ่ปกครองใต้หล้า วางแผนกำจัดเขาใส่ร้ายทุกทางเพื่อให้ฮ่องเต้เข้าใจว่าเขาต้องการแย่งชิงบัลลังก์ ตลอดเวลาหวังหมิงจึงทำเป็นไม่สนใจเรื่องในวังหลวงเลย และทำเป็นว่าตนเองเป็นเพียงชินอ๋องบ้ากามมัวเมาในตัณหา แท้ที่จริงแล้วที่นั่นเป็นเพียงที่ให้เขาหารือกับคนที่จงรักภักดีและหาหนทางวางแผนรับมือทุกครั้ง และครั้งนี้ก็เหมือนกันเขากำลังออกไปขัดขวางไม่ให้แผนการที่ฝั่งนั้นได้ใส่ความเขา หากครั้งนี้เขาพลาดมีหวังฝ่าบาทคงเชื่อความเรื่องราวที่เกิดขึ้นแน่ ๆ หวังหมิงออกไปจากจวนพร้อมทหารส่วนตัวบอกกับสาวใช้หน้าตำหนักของตนว่าจะออกไปหอนางโลม สาวใช้เงยหน้ามองเพียงครู่ก่อนจะก้มลงพยักหน้ารับรู้ นางคิดว่าชินอ๋องเป็นบุรุษที่บ้าตัณหาจริง ๆ ขนาดคืนเข้าหอกับพระชายารองยังไม่ทำให้เขาพึงพอใจจนต้องออกไปหานางโลมที่หอคณิกานั่นคือสิ่งที่เขาต้องการให้ทุกคนกล่าวขานถึงเช่นนั้น
รุ่งเช้าวันต่อมา
อี้หานตื่นมาตั้งแต่เช้าตรู่แต่งหน้าอย่างเช่นเคยเหมือนเมื่อวาน เพราะวันนี้นางจะต้องเข้าเฝ้าพระชายาเอกตามขนบธรรมเนียม ซูซูส่ายหน้าไปมาไม่เข้าใจคุณหนูตัวเองสักนิดทำไมต้องแต่งใบหน้าที่งดงามให้กลายเป็นสตรีอัปลักษณ์เช่นนี้
“ตอนนี้ข้าแต่งหน้าเสร็จแล้ว เราจะเดินทางไปที่ตำหนักพระชายาเอกได้หรือยัง”
“ยังเพคะ พระชายาต้องเสวยอาหารเช้าเสียก่อนได้ยินมาจากหัวหน้าห้องเครื่องว่าวันนี้ท่านชินอ๋องจะมาเสวยอาหารเช้าพร้อมท่านเพคะ”
“เมื่อคืนนี้หนีไปอย่างนั้นคิดว่าจะรังเกียจข้าจนไม่กล้ามาเจอหน้าเสียอีกคงเห็นไม่ชัดสินะ ได้วันนี้ข้าจะทำให้เห็นว่าข้ามิได้อัปลักษณ์แค่เพียงใบหน้าแต่ข้าอัปลักษณ์ไปทั้งร่างกาย ” รอยยิ้มมีเลศนัยเปื้อนบนใบหน้านวล ทว่าซูซูกลับรู้สึกว่าคุณหนููของตนต้องทำให้เกิดเรื่องขึ้นอีกแน่ ๆ ตอนนี้นางมั่นใจแล้วว่านี่มิใช่นิสัยเดิมของคุณหนูซูอี้หาน วันนี้นางจะต้องถามให้ได้ว่าผู้ที่อยู่ในร่างของคุณหนูของนางคือผู้ใด แล้วตอนนี้คุณหนูตัวจริงอยู่ที่ใด
“พระชายาเพคะ ข้าตามรับใช้คุณหนูตั้งแต่ยังเยาว์จำได้แม้กระทั่งลมหายใจของท่าน ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมคุณหนูซูอี้หานของข้ามิได้หายใจเร็วและถี่เช่นนี้ แม้แต่วาจาในการเอ่ยก็ต่างออกไปคุณหนูไม่เคยเอ่ยวาจาพิลึกและไม่เคยมีแววตาเช่นที่เป็นอยู่ตอนนี้ กิริยาท่าทางแม้แต่การก้าวเท้าเดินเสมือนสตรีชั้นสูงก็ไม่มีเหลืออยู่ ท่านเดินเหมือนกับตนเองเป็นหญิงชาวบ้านตระโดกกระเดกไร้การอบรมบ่มสอนเช่นนี้เหมือนไม่เคยร่ำเรียนมาก่อน ท่านเป็นผู้ใดกันแน่เจ้าคะแล้วคุณหนูของข้าอยู่ที่ใด” อี้หานคิ้วขมวดเข้าหากัน พร้อมเอ่ยความจริงให้กับซูซูได้รับรู้เพราะนางเองก็ไม่อยากจะโกหกหลอกลวงกับคนที่จะต้องอยู่กับนางจนกว่านางจะได้ทะลุมิติกลับไปที่โลกเดิมของตนเอง
“หากข้าบอกเจ้า เจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่? ข้ามิใช่คุณหนูซูอี้หานของเจ้าจริง ๆ เพราะข้าคือหญิงสาวที่มาจากมิติอื่นนะสิ ตั้งแต่ที่ลืมตาขึ้นมาเมื่อวานนี้ข้าบอกเจ้าไปแล้ว พวกเจ้าไม่เชื่อข้าเองส่วนคุณหนูของเจ้าตอนนี้ไปอยู่ที่ใดข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ”
“แล้วทำไมท่านถึงรู้จักทุกคนหากท่านมิใช่คุณหนูของข้า”
"เฮ้อ ! ข้าคิดไว้แล้วว่าเจ้าคงไม่ค่อยเชื่อ เพราะมันคือเรื่องเหลือเชื่อขนาดข้าเองที่เข้ามาอยู่ในร่างนี้ยังแทบไม่อยากจะเชื่อเลย แต่ว่าตอนนี้ทุกอย่างก็เป็นอย่างเจ้าเห็น ข้านะรับรู้ถึงความทรงจำของคุณหนูซูอี้หานอย่าว่าแต่รับรู้ความทรงจำความรู้สึกที่นางมีต่อทุกคนข้ารับรู้ได้ทั้งนั้นไม่ว่าจะรักหรือว่าโกรธผู้ใดอยู่ก่อนหน้านี้ และเรื่องการแต่งงานครั้งนี้นางมิได้เต็มใจแต่ความกตัญญูต่อท่านพ่อและตระกูลซู นางจึงยอมแต่งเข้าจวนชินอ๋องใช่หรือไม่" ทันทีที่เอ่ยจบซูซูดวงตาเอ่อแดงทรุดตัวนั่งลงกับพื้น ทั้งตกใจและเป็นห่วงว่าตอนนี้นคุณหนูของตนเองอยู่ที่ใด ทำเอาอี้หานตกใจทำอะไรไม่ถูก
ตอนที่ 13 ข้าเหนื่อยเหลือเกินฝั่งด้านหวังหมิงเขากลับห้องเปลี่ยนอาภรณ์เตรียมเดินทางเข้าวังหลวงเนื่องจากมีราชโองการให้เขาไปเข้าเฝ้า ระหว่างนั้นเจิงหลงเดินเข้ามาแจ้งเรื่องที่เขาให้ตามเฝ้าสังเกตการ“ท่านชินอ๋องข้าได้ตามเฝ้าพระชายาเสวี่ยหมิ่นตามที่ท่านบอก พระชายาไม่ได้เป็นคนออกไปนอกตำหนักด้วยตนเองทว่าให้เหม่ยหนิงออกไปยามวิกาล ข้าได้แอบตามออกไปเห็นว่านางออกไปพบกับชายฉกรรจ์เมื่อมองดี ๆ นั่นคือหลางอี้ลูกน้องของใต้เท้าจางขอรับ ”“เหม่ยหนิงนางออกไปแต่ไม่มีทหารที่เฝ้าหน้าจวนมาแจ้งข้าเลยอย่างนั้นหรือ คนพวกนี้เป็นคนของพระชายาหมดเลยหรืออย่างไร”“เอ่อ.. เรื่องนั้นข้าคิดว่าเหม่ยหนิงนางติดสินบนมากกว่าขอรับ ข้าเห็นนางยื่นถุงเบี้ยให้ทหารที่เฝ้าประตู ”“เจ้าได้ยินหรือไม่ว่าทั้งสองหารือเรื่องอันใดกัน”“ข้าอยู่ไกลเกินกว่าจะได้ยินขอรับ ”“เช่นนั้นก็จงตามต่อไป และข้ามีอีกเรื่องที่ให้เจ้าทำเจ้าจงไปตรวจสอบการยักยอกเงินจากคลังของข้า เวลาสองปีให้หลังเงินในคลังของข้าหายไปไม่น้อย อยากรู้เหลือเกินว่าเป็นฝีมือพ่อครัวหรือเป็นฝีมือของเสวี่ยหมิ่นกันแน่”“พะย่ะค่ะ” หลังจากแต่งกายเสร็จหวังหมิงเดินทางเข้าวังหลวง
ตอนที่ 12 เปลี่ยนไปทีละนิด“เฮ้อ! ไม่ว่าข้าจะวางแผนอันใดท่านจับได้เสมอสินะ คำพูดของท่านข้ายังไม่วางใจหรอกนะเพคะ ตอนนี้ช่วยปล่อยกายของข้าได้หรือไม่ข้าหายใจไม่ออกเพคะ” ใจของอี้หานเต้นแรงตึกตักเมื่อได้ยินคำพูดของหวังหมิงที่จริงจังและหนักแน่นราวกับว่าสิ่งที่เขาเอ่ยมาคือความจริง เขายอมทำตามที่นางกล่าวมาค่อย ๆ ปล่อยนางออกจากอ้อมแขน และเอ่ยถามเรื่องที่เขาได้สงสัยตั้งแต่ที่สาวรับใช้กล่าวบอกเขา“เจ้าออกไปที่ตลาดเพราะเรื่องอันใด เสวี่ยหมิ่นมอบหมายงานให้เจ้าทำหรือ ถึงกระนั้นก็ไม่เห็นต้องออกไปเดินตลาดด้วยตนเอง”“จะไม่ให้ข้าไปที่ตลาดด้วยตนเองเช่นไรเพคะ ในเมื่อท่านต้องการให้ข้าเลิกเล่นและจริงจังข้าเองก็มีเรื่องอยากจะหารือกับท่านเช่นเดียวกัน เพราะต่อจากนี้หน้าที่ของข้าคือการดูแลการเงินหลังจวน ข้ามิอยากจะให้เกิดเรื่องขึ้นทีหลัง” อี้หานหมดสิ้นหนทางหนีจึงนำเรื่องที่นางสงสัยและคาใจบอกพร้อมหารือกับชินอ๋องเลย นางไม่รู้ว่าเขารู้หรือยังเกี่ยวกับบันทึกการจ่ายเงิน อี้หานลุกขึ้นจากเตียงเดินไปที่โต๊ะหน้าห้องบรรทม หวังหมิงอดสงสัยไม่ได้รีบเดินตามนางมา เมื่อมาถึงโต๊ะเห็นบันทึกมากมายที่กองอยู่ และยังมีหมึกใหม่ที
ตอนที่ 11 อับอาย ยามโหย่ว(19.00) อี้หานนอนนิ่งอยู่บนเตียงร่างกายเต็มไปด้วยผื่นแดง ใจจดจ้องอยู่หน้าประตูว่าวันนี้หวังหมิงจะมาที่นี่หรือไม่ ไม่นานนักเสียงของสาวใช้หน้าตำหนักเดินมาแจ้งกับซูซูที่ยืนอยู่หน้าประตู“พระชายาเพคะ ยามนี้ท่านชินอ๋องกำลังเสด็จมาที่นี่แล้วเพคะ”“ดีเลยเจ้าไปบอกชินอ๋องว่าข้าไม่สบาย และเล่าเรื่องที่ได้ยินมาจากตลาดให้ชินอ๋องได้ทราบด้วยจะได้ไม่กล้าเข้ามาหาข้าในห้อง"“เพคะ” ซูซูเดินออกไปข้างนอกเพื่อรอต้อนรับชินอ๋องตามคำสั่งของอี้หาน เมื่อเขาเดินมาถึงนางรีบไปยืนขวางด้านหน้าทันที“ท่านชินอ๋องเพคะ วันนี้พระชายารองไม่สบายหม่อมฉันเกรงว่าน่าจะติดโรคจากด้านนอกเข้ามาเพคะ”“ติดโรค โรคอันใดกันในเมื่อพระชายาอยู่แต่ในตำหนัก หรือว่านางสร้างเรื่องไม่อยากให้ข้าเข้าไปด้านใน”“มิใช่เพคะ วันนี้พระชายาเดินทางไปตลาดพร้อมกับพ่อครัวเพื่อตรวจสอบค่าใช้จ่ายหลังจวน ไม่คิดว่าตอนนี้ที่หมู่บ้านใกล้ ๆ จะมีโรคระบาดเกิดขึ้น รู้อีกทีก็ได้ยินชาวบ้านพูดคุยกันอยู่เพคะ เมื่อกลับมาที่จวนพระชายามีอาการไม่ดี เริ่มจับไข้ปวดเนื่อปวดตัวร่างกายเต็มไปด้วยผื่นแดงราวกับอาการที่เขาลือกันที่ตลาดเพคะ พระชายากลัว
ตอนที่ 10 โรคระบาดฝั่งด้านอี้หานหลังจากที่นางกินข้าวเสร็จได้เดินทางมาที่ห้องเครื่องพร้อมสาวใช้สามสี่คนที่เดินตามมาคอยดูแลและมีซูซูที่ยืนถือร่มตามหลังนางมาติด ๆ เพราะยามนี้แสงแดดเริ่มร้อน“ว้าวนี่หรือห้องเครื่องช่างกว้างใหญ่จริง ๆ นี่ ” อี้หานตื่นเต้นกวาดสายตามองสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ตรงหน้า สาวใช้ในห้องครับตกใจรีบพากกันออกมาต้อนรับแม้กระทั่งพ่อครัวใหญ่“พระชายารองมีเรื่องอันใดถึงมาเยือนที่ห้องเครื่องหรือพะย่ะค่ะ หรือว่าอาหารที่กระหม่อมทำไม่ถูกปาก”“มิใช่ มิใช่ท่านพ่อครัวมิต้องเป็นกังวลข้าแค่อยากมาเดินสำรวจดูในสิ่งที่ข้าต้องดูแลเท่านั้น พระชายาเสวี่ยหมิ่นมอบงานให้ข้าดูแลบันทึกการใช้จ่ายหลังจวน ข้าอยากรู้ว่าสิ่งของที่ซื้อในแต่ละครั้งต้องใช้เบี้ยอัฐเท่าไหร่ เท่านั้นเอง”“เป็นเช่นนั้นเองหรือพะย่ะค่ะ พอดีวันนี้เป็นวันที่ของใช้ในครัวเรือนหมดพอดีพระชายาอยากจะออกไปที่ตลาดกับพวกกระหม่อมหรือไม่จะได้รู้ว่าของที่ใช้มีอะไรบ้างราคาเท่าไหร่พะย่ะค่ะ”“ดีเลย ข้าเองก็อยากออกไปเปิดหูเปิดตา เช่นนั้นออกไปตลาดกันเถอะ” อี้หานกระปรี้กระเปร่าเมื่อได้ยินว่าจะได้ออกไปข้างนอกตั้งแต่ทะลุมิติมานางไม่เคยไปที่ใดเลยนอก
ตอนที่ 9 มีเรื่องให้ตรวจสอบ รุ่งเช้าวันต่อมา อี้หานนอนไม่หลับทั้งคืนไม่ว่าจะข่มตานอนเพียงใดนางก็มักจะคิดถึงยามที่ริมฝีปากของหวังหมิงประทับลงที่ริมฝีปากของนาง หัวใจเต้นโครมครามทั้งคืน ซูซูเดินเข้ามาในห้องถึงกับตกใจเมื่อเห็นพระชายานั่งอยู่ที่เก้าอี้ในห้องมืดสลัว“พระชายาทำหม่อมฉันตกใจหมดเลยเพคะ ปกติทุกเช้าหม่อมฉันจะเป็นคนมาปลุกท่านให้ลุกแต่งกายเหตุใดวันนี้ท่านถึงตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เช่นนี้ ” ใบหน้าอิดโรยไม่ได้หลับได้นอนหันมามองซูซูยิ่งทำให้นางตกใจมากกว่าเดิมรอบดวงตาของอี้หานดำคล้ำคล้ายคนไม่ได้หลับได้นอน“ข้าไม่ใช่ตื่นแต่เช้าตรู่แต่ข้าไม่ได้นอนเลยต่างหาก โอ๊ยตอนนี้ข้าปวดหัวจริง ๆ” อี้หานใช้มือทั้งสองข้างจับที่หัวของตนเอง ซูซูรีบเข้าไปนวดบ่าไหล่พร้อมเอ่ยถาม“เหตุใดพระชายาถึงนอนไม่หลับเพคะ ให้ตามท่านหมอหลวงมาตรวจอาการดีหรือไม่ ? หรือว่ามื้อคืนนี้หม่อมฉันลืมจุดกำยานไว้ให้เช่นนั้นเช้านี้พระชายานอนพักสักนิดเถิดเพคะ หม่อมฉันจะจุดกำยามเพื่อให้ท่านผ่อนคลายเอง”“จะเป็นอะไรได้ก็เพราะท่านชินอ๋องบ้านั่นผู้เดียวทำข้าไม่ได้หลับได้นอน ข้าเกลียดเขาจริง ๆ ”ซูซูเริ่มเข้าใจอาการของนายหญิงที่นอนไม่หล
ตอนที่ 8 ค่าเสียเวลาเวลาผ่านไป 1 ชั่วยามอี้หานนอนตัวแข็งทื่อแทบไม่กล้าขยับไปทางใด ในห้องนอนยามนี้มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งสองและเสียงหัวใจเต้นแรงของอี้หาน'ทำไมถึงไม่ยอมกลับไปกันนะเป็นอย่างนี้ใครจะไปนอนหลับได้ ไม่น่าคิดแผนนี้เลยเพราะความโง่และสมองอันน้อยนิดของข้า โอ๊ย! แล้วอย่างนี้จะหาทางหนีเขาได้อย่างไรนะ' อี้หานคิดในใจพยายามขยับกายเล็กน้อยเพื่อคลายตัวออกจากแขนแกร่งของเขา"พระชายาเจ้ายังไม่หลับหรือ? หรือว่าไข้ขึ้นแต่ว่าร่างกายของเจ้าไม่ได้ร้อนแล้วนะ รู้สึกเหมือนมันจะเย็นราวกับคนปกติ ""เอ่อ..ที่ข้านอนไม่หลับเพราะไม่คุ้นชินที่ท่านชินอ๋องมานอนกอดเช่นนี้เพคะ อีกอย่างการเจ็บป่วยของข้ามักจะเป็นเช่นนี้ เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็นทว่าข้างในยังคงร้อนระอุอยู่เพคะ""เป็นอย่างนี้นี่เอง ตั้งแต่ข้าเกิดมาพึ่งจะเคยได้ยินอาการป่วยของพระชายาช่างแปลกจริง ๆ ข้าอยากให้ร่างกายของเจ้ากลับมาแข็งแรงในเร็ววันเช่นนั้นคืนนี้ข้าจะกลับไปนอนที่ตำหนักของข้า " อี้หานใลหน้าพลันเปลี่ยนสีเมื่อได้ยินคำพูดของหวังหมิงคิดว่าคืนนี้จะไม่ได้หลับได้นอนต้องคอยระแวงเสียแล้ว“ข้าขออภัยด้วยนะเพคะที่ทำให้ท่านชินอ๋องต้องเสียเวลาอีกวัน”