ตอนที่ 3 ไม่มีทางให้แตะต้อง
เวลาผ่านไปไม่นานเกี้ยวได้หยุดเคลื่อนไหวเสียงของบ่าวรับใช้ดังขึ้นมาจากด้านนอก
“พระชายาตอนนี้ถึงจวนของท่านชินอ่องแล้วพะย่ะค่ะ” ซูซูเปิดผ้าคุมเกี้ยวให้คุณหนูของนางเดินออกมา โดยมีชินอ๋องยืนรอรับอยู่
“มาเถอะพระชายาเจ้ามิต้องเป็นกังวลอันใด ต่อจากนี้ชีวิตของเจ้าจะดีกว่าเมื่อตอนที่เจ้าเป็นคุณหนูตระกูลซูเสียอีก ข้าจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี” น้ำเสียงที่ชวนทำให้นางขยะแขยงดังขึ้นอีกครั้ง อี้หานทำได้เพียงกัดริมฝีปากฝืนทนทำพิธีกับเขาจนเสร็จทุกอย่างจนมาถึงเวลาที่นางต้องยกน้ำชาให้แก่พระชายาเอกที่นั่งอยู่ต่อหน้า พระชายาเอกเย็นชาไม่เอ่ยวาจาได้เพียงแต่น้อยรับน้ำชายกดื่ม เท่ากับว่าตอนนี้เหลือเพียงพิธีเดียวคือการเข้าห้องหอ นางถูกนำตัวมาที่ตำหนักแยกฝั่งซ้ายของตนเองต่อจากนี้ หัวใจของอี้หานเต้นแรงตึกตักจะให้ซูซูเข้ามาอยู่ด้วยก็มิได้เพราะยังไม่เสร็จสิ้นพิธีนั่งกังวลอยู่บนเตียงหนานุ่มรอคอยชินอ๋องมาเปิดผ้าคุมหน้า
ปัง! เสียงประตูถูกเปิดเข้ามาจากด้านนอก เสียงฝีเท้ากำลังย่างกรายเข้ามาเรื่อย ๆ หัวใจของอี้หานยิ่งเต้นแรงมากกว่าเดิม
ตึก ตึก
“ในที่สุดเวลาที่ข้าเฝ้ารอคอยก็มาถึงเสียที ข้าได้ยินคำร่ำลือจากเหล่าบุรุษ เหล่าบัณฑิตว่าพระชายาของข้างดงามกิริยามารยาทเรียบร้อยอ่อนหวาน วันนี้ข้าจะได้ครอบครองเจ้าช่างเป็นวาสนาจริง ๆ หรือว่าโชคชะตาผูกด้ายแดงให้เจ้ากับข้ามาบรรจบกัน มาเถิดซูอี้หานมาทำพิธีของเราให้จบ” หวังหมิงยิ้มกริ่มเดินมาหยิบจอกสุรายื่นให้อี้หานถือเอาไว้แต่เดิมแล้วเขาต้องเปิดผ้าคุมหน้าเอาไว้ก่อน ทว่าเขาอยากที่จะเปิดผ้ายลโฉมนางดื่มสุรามงคลพร้อม ๆ กัน เมื่อเขายื่นสุรากระดกดื่มเข้าปากเห็นนางกำลังยกสุราผ่านผ้าคุมหน้า บัดนั้นเขาใช้มือหนาปัดผ้าคุมหน้าออก สุราในปากของเขาพุ่งกระฉูดออกมาเต็มใบหน้าของอี้หานด้วยความตกใจ
“พรู้ด !!! แค่ก ๆ เหตุใดใบหน้าของเจ้าถึงเป็นเช่นนี้ นี่ใช่ซูอี้หานตัวจริงนะหรือ”
“ท่านชินอ๋องข้าต่างหากเพคะต้องเป็นคนกล่าว ท่านช่างไร้มารยาทพ่นสุราใส่ข้าได้เช่นไร ช่างใจร้ายจริง ๆ หรือเพราะตกตะลึงในความงดงามของข้า มาสิเจ้าคะมาทำพิธีของเราให้จบเถอะ ฮี่ ฮี่” อี้หานใช้ผ้าเช็ดใบหน้าเดินตรงเข้าหาหวังหมิงที่ยืนหน้าเหวออยู่กับที่ จนเขาต้องขยับถอยหลังหนีนางด้วยความรังเกียจ
“อย่าเข้ามาใกล้ข้านะ เจ้าไม่เห็นเหมือนในรูปวาดสักนิดตระกูลซูหลอกลวงข้า เอาตัวประหลาดอันใดกันส่งมาให้ข้า ออกไปเจ้ามิใช่พระชายาข้า”
“โธ่ ๆ สวามีท่านเอ่ยเองมิใช่หรือว่าสตรีใต้หล้าต่างวิ่งเข้าหาท่าน ตอนนี้ท่านรังเกียจพระชายาของตนเองหรือ น่าเสียใจจริง ๆ ข้าเพียงให้นักวาด วาดข้าออกมาให้งดงามที่สุด ไม่ใช่ความผิดตระกูลซูแต่เป็นความผิดนักวาด หากท่านจะตำหนิจงตำหนินักวาดภาพเถอะ” อี้หานหัวเราะในใจอย่างพึงพอใจเพราะนี่คือสิ่งที่นางเตรียมการเอาไว้ให้ตนเองรอดพ้นในคืนเข้าเรือนหอกับชินอ๋อง นางใช้ฝีมือการแต่งหน้าแต่งเติมให้อัปลักษณ์ที่สุดเท่าที่นางจะทำได้ บนใบหน้าเต็มไปด้วยกระดำเต็มไปหมด อีกทั้งหน้าผากของนางที่บวมเป่งจากการวิ่งชนเมื่อเช้าทำให้ดูเหมือนใบหน้าปูดบวมออกช้ำเข้าทางนางเสียจริงและก็เป็นอย่างที่นางคิดเอาไว้ ชินอ๋องไม่กล้าแม้จะแตะต้องแถมยังเดินถอยนางไปทีละน้อยก่อนจะใช้มือดันหัวของนางเองไว้ไม่ให้เข้าใกล้
“อย่าเข้ามาใกล้ ถึงข้ามักมากแต่ข้าก็เลือกเช่นเดียวกัน น่าหงุดหงิดเสียจริง เรื่องของเจ้าเอาไว้ข้าจะสะสางทีหลัง พิธีเสร็จสิ้นตรงนี้และอย่าคิดว่าข้าจะร่วมหลับนอนกับเจ้า แค่เห็นใบหน้าของเจ้าข้าก็หมดอารมณ์ ”เขาเอ่ยพรางถอนหายใจรีบเดินออกจากห้องของอี้หานทันที
“ไม่คิดเลยว่าจะง่ายขนาดนี้ เป็นชินอ๋องแต่โง่เ-ลาจริง ๆ แต่ก็ดีแล้วเพราะฉันรอดไปอีกวัน ฮ่า ฮ่า” อี้หานยืนหัวเราะจนน้ำตาไหลเมื่อเห็นใบหน้าของชินอ๋องเมื่อครู่ ครั้นนั้นเสียงฝuเท้าได้ดังเข้ามาอีกครั้ง อี้หานหยุดหัวเราะยืนทำเข้มขรึมเช่นเดิม ทว่าผู้ที่เดินเข้ามาคือซูซูใบหน้าของอี้หานเริ่มผ่อนปรนคิดว่าจะถูกจับได้เสียแล้ว
“คุณหนู.. อุ้ยไม่ใช่สิ พระชายาเพคะท่านทำท่านชินอ๋องโกรธเกรี้ยวมากเลยเจ้าค่ะ เขาเดินออกไปใบหน้าเต็มไปด้วยความโมโหเช่นนี้จะดีต่อตระกูลซูหรือเจ้าคะ ”
“เจ้าคิดมากไปทำไมกัน ตอนนี้ข้ามิเห็นต้องสนใจผู้อื่นในเมื่อท่านพ่อท่านพี่ไม่เคยคิดและเข้าใจฉันสักนิดต่อให้ท่านพ่อจะเจออะไรทำไมข้าต้องใส่ใจด้วย เจ้ามาก็ดีช่วยมารบใบหน้าให้ข้าที อีกอย่างต่อจากนี้เรื่องใบหน้าและการแต่งหน้าของข้าเจ้าต้องเก็บไว้เป็นความลับอย่าให้ผู้ใดล่วงรู้เข้าใจหรือไม่”
“เข้าใจแล้วเพคะ ข้าไม่เข้าใจสักนิดทำไมคุณหนูต้องทำเช่นนี้ด้วย ท่านเห็นใบหน้าของชินอ๋องหรือไม่เพคะ ราวกับเทวดาลงจากเทวลัยลงมาเดินบนพื้นดินหากเป็นข้า ข้าจะยอมถวายตัวเลยเพคะ”
“ถวายตัวให้กับคนมักมากเช่นนั้นนะหรือ!! แค่ความหล่อข้ามิได้สนใจ หล่อแต่เอาไปทั่วนั่นคือสิ่งที่น่ากลัวสำหรับข้า” อี้หานเองก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าใบหน้าของหวังหมิงนั่นไม่หล่อเหลา ใบหน้าคมคาย จมูกสันเป็นคมดวงตาดำขลับหวานเยิ้มดึงดูดเหล่าสตรีน้อยใหญ่ ไม่แปลกเลยทำไมเขาถึงได้มัวเมาในตัณหา เพียงแค่ชายตามองเหล่าสตรีต่างพากันตกอยู่ในภวังค์ของเขา เหมือนเมื่อครู่ที่นางเกือบตกหลุมพรางของเขา โชคดีที่สามารถดึงสติเอาไว้ได้รูปหล่อแล้วอย่างไรในเมื่อเอาไม่เลือกอีกไม่นานก็คงเป็นโรคติดต่อนางไม่สนใจสักนิด
ตอนที่ 13 ข้าเหนื่อยเหลือเกินฝั่งด้านหวังหมิงเขากลับห้องเปลี่ยนอาภรณ์เตรียมเดินทางเข้าวังหลวงเนื่องจากมีราชโองการให้เขาไปเข้าเฝ้า ระหว่างนั้นเจิงหลงเดินเข้ามาแจ้งเรื่องที่เขาให้ตามเฝ้าสังเกตการ“ท่านชินอ๋องข้าได้ตามเฝ้าพระชายาเสวี่ยหมิ่นตามที่ท่านบอก พระชายาไม่ได้เป็นคนออกไปนอกตำหนักด้วยตนเองทว่าให้เหม่ยหนิงออกไปยามวิกาล ข้าได้แอบตามออกไปเห็นว่านางออกไปพบกับชายฉกรรจ์เมื่อมองดี ๆ นั่นคือหลางอี้ลูกน้องของใต้เท้าจางขอรับ ”“เหม่ยหนิงนางออกไปแต่ไม่มีทหารที่เฝ้าหน้าจวนมาแจ้งข้าเลยอย่างนั้นหรือ คนพวกนี้เป็นคนของพระชายาหมดเลยหรืออย่างไร”“เอ่อ.. เรื่องนั้นข้าคิดว่าเหม่ยหนิงนางติดสินบนมากกว่าขอรับ ข้าเห็นนางยื่นถุงเบี้ยให้ทหารที่เฝ้าประตู ”“เจ้าได้ยินหรือไม่ว่าทั้งสองหารือเรื่องอันใดกัน”“ข้าอยู่ไกลเกินกว่าจะได้ยินขอรับ ”“เช่นนั้นก็จงตามต่อไป และข้ามีอีกเรื่องที่ให้เจ้าทำเจ้าจงไปตรวจสอบการยักยอกเงินจากคลังของข้า เวลาสองปีให้หลังเงินในคลังของข้าหายไปไม่น้อย อยากรู้เหลือเกินว่าเป็นฝีมือพ่อครัวหรือเป็นฝีมือของเสวี่ยหมิ่นกันแน่”“พะย่ะค่ะ” หลังจากแต่งกายเสร็จหวังหมิงเดินทางเข้าวังหลวง
ตอนที่ 12 เปลี่ยนไปทีละนิด“เฮ้อ! ไม่ว่าข้าจะวางแผนอันใดท่านจับได้เสมอสินะ คำพูดของท่านข้ายังไม่วางใจหรอกนะเพคะ ตอนนี้ช่วยปล่อยกายของข้าได้หรือไม่ข้าหายใจไม่ออกเพคะ” ใจของอี้หานเต้นแรงตึกตักเมื่อได้ยินคำพูดของหวังหมิงที่จริงจังและหนักแน่นราวกับว่าสิ่งที่เขาเอ่ยมาคือความจริง เขายอมทำตามที่นางกล่าวมาค่อย ๆ ปล่อยนางออกจากอ้อมแขน และเอ่ยถามเรื่องที่เขาได้สงสัยตั้งแต่ที่สาวรับใช้กล่าวบอกเขา“เจ้าออกไปที่ตลาดเพราะเรื่องอันใด เสวี่ยหมิ่นมอบหมายงานให้เจ้าทำหรือ ถึงกระนั้นก็ไม่เห็นต้องออกไปเดินตลาดด้วยตนเอง”“จะไม่ให้ข้าไปที่ตลาดด้วยตนเองเช่นไรเพคะ ในเมื่อท่านต้องการให้ข้าเลิกเล่นและจริงจังข้าเองก็มีเรื่องอยากจะหารือกับท่านเช่นเดียวกัน เพราะต่อจากนี้หน้าที่ของข้าคือการดูแลการเงินหลังจวน ข้ามิอยากจะให้เกิดเรื่องขึ้นทีหลัง” อี้หานหมดสิ้นหนทางหนีจึงนำเรื่องที่นางสงสัยและคาใจบอกพร้อมหารือกับชินอ๋องเลย นางไม่รู้ว่าเขารู้หรือยังเกี่ยวกับบันทึกการจ่ายเงิน อี้หานลุกขึ้นจากเตียงเดินไปที่โต๊ะหน้าห้องบรรทม หวังหมิงอดสงสัยไม่ได้รีบเดินตามนางมา เมื่อมาถึงโต๊ะเห็นบันทึกมากมายที่กองอยู่ และยังมีหมึกใหม่ที
ตอนที่ 11 อับอาย ยามโหย่ว(19.00) อี้หานนอนนิ่งอยู่บนเตียงร่างกายเต็มไปด้วยผื่นแดง ใจจดจ้องอยู่หน้าประตูว่าวันนี้หวังหมิงจะมาที่นี่หรือไม่ ไม่นานนักเสียงของสาวใช้หน้าตำหนักเดินมาแจ้งกับซูซูที่ยืนอยู่หน้าประตู“พระชายาเพคะ ยามนี้ท่านชินอ๋องกำลังเสด็จมาที่นี่แล้วเพคะ”“ดีเลยเจ้าไปบอกชินอ๋องว่าข้าไม่สบาย และเล่าเรื่องที่ได้ยินมาจากตลาดให้ชินอ๋องได้ทราบด้วยจะได้ไม่กล้าเข้ามาหาข้าในห้อง"“เพคะ” ซูซูเดินออกไปข้างนอกเพื่อรอต้อนรับชินอ๋องตามคำสั่งของอี้หาน เมื่อเขาเดินมาถึงนางรีบไปยืนขวางด้านหน้าทันที“ท่านชินอ๋องเพคะ วันนี้พระชายารองไม่สบายหม่อมฉันเกรงว่าน่าจะติดโรคจากด้านนอกเข้ามาเพคะ”“ติดโรค โรคอันใดกันในเมื่อพระชายาอยู่แต่ในตำหนัก หรือว่านางสร้างเรื่องไม่อยากให้ข้าเข้าไปด้านใน”“มิใช่เพคะ วันนี้พระชายาเดินทางไปตลาดพร้อมกับพ่อครัวเพื่อตรวจสอบค่าใช้จ่ายหลังจวน ไม่คิดว่าตอนนี้ที่หมู่บ้านใกล้ ๆ จะมีโรคระบาดเกิดขึ้น รู้อีกทีก็ได้ยินชาวบ้านพูดคุยกันอยู่เพคะ เมื่อกลับมาที่จวนพระชายามีอาการไม่ดี เริ่มจับไข้ปวดเนื่อปวดตัวร่างกายเต็มไปด้วยผื่นแดงราวกับอาการที่เขาลือกันที่ตลาดเพคะ พระชายากลัว
ตอนที่ 10 โรคระบาดฝั่งด้านอี้หานหลังจากที่นางกินข้าวเสร็จได้เดินทางมาที่ห้องเครื่องพร้อมสาวใช้สามสี่คนที่เดินตามมาคอยดูแลและมีซูซูที่ยืนถือร่มตามหลังนางมาติด ๆ เพราะยามนี้แสงแดดเริ่มร้อน“ว้าวนี่หรือห้องเครื่องช่างกว้างใหญ่จริง ๆ นี่ ” อี้หานตื่นเต้นกวาดสายตามองสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ตรงหน้า สาวใช้ในห้องครับตกใจรีบพากกันออกมาต้อนรับแม้กระทั่งพ่อครัวใหญ่“พระชายารองมีเรื่องอันใดถึงมาเยือนที่ห้องเครื่องหรือพะย่ะค่ะ หรือว่าอาหารที่กระหม่อมทำไม่ถูกปาก”“มิใช่ มิใช่ท่านพ่อครัวมิต้องเป็นกังวลข้าแค่อยากมาเดินสำรวจดูในสิ่งที่ข้าต้องดูแลเท่านั้น พระชายาเสวี่ยหมิ่นมอบงานให้ข้าดูแลบันทึกการใช้จ่ายหลังจวน ข้าอยากรู้ว่าสิ่งของที่ซื้อในแต่ละครั้งต้องใช้เบี้ยอัฐเท่าไหร่ เท่านั้นเอง”“เป็นเช่นนั้นเองหรือพะย่ะค่ะ พอดีวันนี้เป็นวันที่ของใช้ในครัวเรือนหมดพอดีพระชายาอยากจะออกไปที่ตลาดกับพวกกระหม่อมหรือไม่จะได้รู้ว่าของที่ใช้มีอะไรบ้างราคาเท่าไหร่พะย่ะค่ะ”“ดีเลย ข้าเองก็อยากออกไปเปิดหูเปิดตา เช่นนั้นออกไปตลาดกันเถอะ” อี้หานกระปรี้กระเปร่าเมื่อได้ยินว่าจะได้ออกไปข้างนอกตั้งแต่ทะลุมิติมานางไม่เคยไปที่ใดเลยนอก
ตอนที่ 9 มีเรื่องให้ตรวจสอบ รุ่งเช้าวันต่อมา อี้หานนอนไม่หลับทั้งคืนไม่ว่าจะข่มตานอนเพียงใดนางก็มักจะคิดถึงยามที่ริมฝีปากของหวังหมิงประทับลงที่ริมฝีปากของนาง หัวใจเต้นโครมครามทั้งคืน ซูซูเดินเข้ามาในห้องถึงกับตกใจเมื่อเห็นพระชายานั่งอยู่ที่เก้าอี้ในห้องมืดสลัว“พระชายาทำหม่อมฉันตกใจหมดเลยเพคะ ปกติทุกเช้าหม่อมฉันจะเป็นคนมาปลุกท่านให้ลุกแต่งกายเหตุใดวันนี้ท่านถึงตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เช่นนี้ ” ใบหน้าอิดโรยไม่ได้หลับได้นอนหันมามองซูซูยิ่งทำให้นางตกใจมากกว่าเดิมรอบดวงตาของอี้หานดำคล้ำคล้ายคนไม่ได้หลับได้นอน“ข้าไม่ใช่ตื่นแต่เช้าตรู่แต่ข้าไม่ได้นอนเลยต่างหาก โอ๊ยตอนนี้ข้าปวดหัวจริง ๆ” อี้หานใช้มือทั้งสองข้างจับที่หัวของตนเอง ซูซูรีบเข้าไปนวดบ่าไหล่พร้อมเอ่ยถาม“เหตุใดพระชายาถึงนอนไม่หลับเพคะ ให้ตามท่านหมอหลวงมาตรวจอาการดีหรือไม่ ? หรือว่ามื้อคืนนี้หม่อมฉันลืมจุดกำยานไว้ให้เช่นนั้นเช้านี้พระชายานอนพักสักนิดเถิดเพคะ หม่อมฉันจะจุดกำยามเพื่อให้ท่านผ่อนคลายเอง”“จะเป็นอะไรได้ก็เพราะท่านชินอ๋องบ้านั่นผู้เดียวทำข้าไม่ได้หลับได้นอน ข้าเกลียดเขาจริง ๆ ”ซูซูเริ่มเข้าใจอาการของนายหญิงที่นอนไม่หล
ตอนที่ 8 ค่าเสียเวลาเวลาผ่านไป 1 ชั่วยามอี้หานนอนตัวแข็งทื่อแทบไม่กล้าขยับไปทางใด ในห้องนอนยามนี้มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งสองและเสียงหัวใจเต้นแรงของอี้หาน'ทำไมถึงไม่ยอมกลับไปกันนะเป็นอย่างนี้ใครจะไปนอนหลับได้ ไม่น่าคิดแผนนี้เลยเพราะความโง่และสมองอันน้อยนิดของข้า โอ๊ย! แล้วอย่างนี้จะหาทางหนีเขาได้อย่างไรนะ' อี้หานคิดในใจพยายามขยับกายเล็กน้อยเพื่อคลายตัวออกจากแขนแกร่งของเขา"พระชายาเจ้ายังไม่หลับหรือ? หรือว่าไข้ขึ้นแต่ว่าร่างกายของเจ้าไม่ได้ร้อนแล้วนะ รู้สึกเหมือนมันจะเย็นราวกับคนปกติ ""เอ่อ..ที่ข้านอนไม่หลับเพราะไม่คุ้นชินที่ท่านชินอ๋องมานอนกอดเช่นนี้เพคะ อีกอย่างการเจ็บป่วยของข้ามักจะเป็นเช่นนี้ เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็นทว่าข้างในยังคงร้อนระอุอยู่เพคะ""เป็นอย่างนี้นี่เอง ตั้งแต่ข้าเกิดมาพึ่งจะเคยได้ยินอาการป่วยของพระชายาช่างแปลกจริง ๆ ข้าอยากให้ร่างกายของเจ้ากลับมาแข็งแรงในเร็ววันเช่นนั้นคืนนี้ข้าจะกลับไปนอนที่ตำหนักของข้า " อี้หานใลหน้าพลันเปลี่ยนสีเมื่อได้ยินคำพูดของหวังหมิงคิดว่าคืนนี้จะไม่ได้หลับได้นอนต้องคอยระแวงเสียแล้ว“ข้าขออภัยด้วยนะเพคะที่ทำให้ท่านชินอ๋องต้องเสียเวลาอีกวัน”