Masukเสียงไก่ขัน เสียงนกร้องที่หน้าต่าง ปลุกคนที่หลับยาวนานมาตลอดคืนให้ตื่นขึ้น ตากลมโตมองหมอนใบใหญ่ที่วางอยู่ข้าง ๆ ใบที่เธอหนุน รอยบุ๋มที่ปรากฏอยู่บนหมอนเป็นเครื่องยืนยันว่า เมื่อคืนศิลานอนอยู่บนเตียงและนอนข้าง ๆ เธอจริง ๆ ตอนนี้เขาไปไหน แล้วเขาลุกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ใบหน้าสวยร้อนผ่าวเมื่อสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่เกิดขึ้นจากอ้อมแขนของเขา ความอบอุ่นแพร่กระจายในหัวใจดวงน้อย ที่เต้นผิดจังหวะ เมื่อนึกถึงคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ
“ทำไมใจเต้นแรงขนาดนี้” หนึ่งฤทัยพูดกับตัวเอง เขาเป็นสามีเธอ เธอเป็นภรรยาของเขา แต่ทำไมความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับตอนนี้ทำไม เธอรู้สึกเหมือนคนกำลังมีความรัก เธอกำลังตกหลุมรักสามีตัวเองอยู่ใช่ไหม
“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงที่ดังมาจากคนที่เดินออกมาจากห้องน้ำ ทำให้หนึ่งฤทัยต้องหันไปมอง ใบหน้าสวย
แดงก่ำ เมื่อสบตากับคนที่เดินออกมาจากห้องน้ำ ในสภาพที่มีเพียงผ้าขนหนูพันเอวมาแบบหลวม ๆ“อาบน้ำเลยไหม” ศิลาถาม คิ้วหนายกขึ้นเป็นเชิงถาม เมื่อเห็นเธอเอาแต่จ้องมองเขาเขม็ง
“ฉันนึกว่าคุณไปทำงานแล้ว” ถามแก้เขิน แสดงว่าเขาพึ่งลุกจากที่นอนไม่นานสินะ
“ยังครับตื่นสายไปหน่อย” ศิลาตอบแล้วหันมาสบตากับเธอตรง ๆ คนที่เป็นสาเหตุที่เขาให้เขาตื่นสายกำลังจ้องเขาเหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน
“มองอะไรครับ มีอะไรแปลกไปหรือเปล่าครับ” ศิลาถามพร้อมกับเริ่มมองสำรวจตัวเอง ผ้าขนหนูที่คิดว่าหลุดไปแล้ว ยังพันอยู่ที่เอวแล้วเธอมองอะไรขนาดนั้น
“เปล่าค่ะ” หนึ่งฤทัยตอบพร้อมกับหลบตาเขา
“ไม่ต้องหลบเลย มาคุยกันก่อนครับ” พูดพร้อมกับก้าวมาที่เตียงนอน
“คุยอะไรคะ” หนึ่งฤทัยถามด้วยความไม่แน่ใจ เขามายืนใกล้จนได้กลิ่นสบู่ผสมน้ำยาหลังโกนหนวด ไม่ดีกับหัวใจของเธอเลยสักนิด
“คุยอะไรดีล่ะ” ประโยคนี้ศิลาถามตัวเอง แต่เผลอพูดออกมา ใบหน้าสวยหวานที่ไม่ต้องพึ่งเครื่องสำอาง กับตากลมโตที่มองมาอย่างหวาดระแวงนั่น ยิ่งทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง
“คุณหิน อย่าแกล้งสิคะ” หนึ่งฤทัยบอกกับเขา ศิลายังไม่ได้ทำอะไรเธอก็จริง แต่การที่เขาพาร่างกายเปลือยท่อนบนมายืนตรงนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับแกล้งให้เธออับอาย
“ยังไม่ได้ทำอะไรเลยครับ” ศิลาพูดแล้วยกมือทั้งสองข้างขึ้นแนบลำตัว
“นี่ไงคะ คุณกำลังแกล้งฉันอยู่” ตาวาว ๆ กับใบหน้าหวานอมชมพู ยิ่งทำให้ศิลาอยากแกล้งเธอมากขึ้นไปอีก ร่างสูงขยับเข้าไปใกล้อีกนิด จนตอนนี้ห่างจากเธอไม่ถึงคืบ
“คุณหินคะ ฉัน...ฉันอยากอาบน้ำแล้วค่ะ” หนึ่งฤทัยบอก เมื่อเข้ามาใกล้
ตาคมเข้มมองใบหน้าสวยหวาน มองเรื่อยไปตามลำคอระหง แปลกแค่มองร่างกายเขาก็ร้อนผ่าวขึ้นมา นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้ปลดปล่อย
“หนึ่ง” หนึ่งฤทัยสะดุ้งเมื่อเขากระซิบที่ข้างใบหู
“ผมขอได้ไหม”
“คุณ!” ตากลมโตเบิกกว้างกับสิ่งที่ได้ยิน ร่างบางกระถดถอยหนีไปจนชิดขอบเตียง เธอเป็นภรรยาของเขา รู้ดีว่าสิ่งที่เขาขอเป็นเรื่องปรกติของสามีภรรยา แต่ไม่ใช่ตอนนี้เธอยังไม่พร้อม
“หนึ่ง อย่าหนี” ศิลาบอกกับเธอที่ทำท่าจะกระโจนหนีเขา “คุณศิลา”
“เรียกผมว่าหิน” ศิลาบอกกับหญิงสาว เมื่อพาตัวเองมาทาบทับตัวเธอเอาไว้ ใบหน้าหล่อเหลาซุกไซ้ไปตามซอกคอขาวเนียน กลิ่นกายเธอหอมสะอาด กลิ่นนี้ที่ก่อกวนเขาตลอดเวลา มือแกร่งลูบไล้ไปตามลำตัว
“ฉันไม่สบายอยู่นะคะ” หนึ่งฤทัยบอก ปากร้อนก้มลงมาปิดปากเล็ก ที่เขารู้ว่ารสชาติของมันช่างหอมหวาน มือแกร่งลูบไล้ไปตามแผ่นหลังบาง
“ไว้ใจผมนะ” บอกด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ประสบการณ์ที่ช่ำชองของเขา ไม่นานคนที่เกร็งในตอนแรก ก็เริ่มโอนอ่อนไปกับสัมผัสของเขา หนึ่งฤทัยวาบหวามไปกับรสสัมผัสที่เขามอบให้ สมองเธอสับสนไปหมด มือที่ดันอกแกร่งในตอนแรก เปลี่ยนเป็นโอบกอดรอบลำคอ
“ไม่ได้ค่ะ” ถึงจะเคลิ้มไปกับสัมผัสของเขา แต่หนึ่งฤทัยก็ใช้สติที่เหลือเพียงน้อยนิดขัดขืนเขา ร่างบางดิ้นหนี เมื่อริมฝีปากร้อนไล้เรื่อยไปตามลำคอ
“ทำไม” ศิลาถามด้วยน้ำเสียงกระเส่า
“ฉันยังไม่พร้อมค่ะ” หนึ่งฤทัยบอกเขาไปตามตรง เธอยังไม่พร้อม และยังไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้น ถึงเขาจะเป็นสามีของเธอ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ เพราะเธอยังจำไม่ได้ละยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร
“ชื่อตัวเองฉันยังจำไม่ได้เลย ขอเวลาให้ฉันหน่อยนะคะ คุณหิน” หนึ่งฤทัยอ้อนวอน ศิลาชะงักเมื่อเธอเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้าง จริงของเธอเธอยังจำอะไรไม่ได้ เขาก็ไม่อยากบังคับขืนใจเธอ แต่ความหอมหวานที่ได้รับก็ยากที่ระงับอารมณ์
“แค่ข้างนอกนะหนึ่ง คุณหอมหวานจนผมอดใจไม่ไหว” หนึ่งฤทัยตกใจกับคำขอของเขา
“คุณหินคะ ฉันยังไม่พร้อมจริง ๆ ขอเวลาให้ฉันอีกนิดนะคะ” หนึ่งฤทัยอ้อนวอนและรอร้องเขา
“คุณรังเกียจผมใช่ไหม” ศิลาตัดพ้อ แล้วลุกขึ้นจากตัวของเธอ จากที่ตั้งใจจะแกล้งเล่น แต่พอเริ่มแล้วกลับอดใจไม่ไหว
“เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้รังเกียจคุณจริง ๆ นะคะ” หนึ่งฤทัยปฏิเสธเสียงสั่น ดีใจที่เขายอมหยุด แต่อีกใจก็กลัวเขาโกรธ เพราะมันคือหน้าที่ของเธอ
“ไม่ต้องรอให้ฉันจำได้ทุกอย่างก็ได้ ฉันขอแค่เวลา”
“ผมเข้าใจ” พูดจบศิลาก็ก้าวลงจากเตียง เดินเข้าห้องน้ำแล้วเดินออกจากห้องไป
“คุณหินค่ะ ฉันขอโทษ” หนึ่งฤทัยพูดกับตัวเอง รู้สึกผิดที่ให้ความสุขเขาไม่ได้
“ดีใจนะคะที่ได้ยินคำว่ารักจากคุณ แต่ฉันคงแต่งงานกับคุณไม่ได้ เพราะฉันไม่ได้รักคุณ” หนึ่งฤทัยปฏิเสธอย่างไม่ใยดี นี่คือสิ่งที่เธอต้องการ เธอต้องการให้เขารักเธอ “หนึ่ง!” ศิลาเรียกหญิงสาวเมื่อเธอหันหลังกลับ ตกใจกับคำพูดที่ได้ยินจนทำอะไรไม่ถูก “ขอโทษนะคะ ฉันขอตัว” “หญิง ฟังผมก่อนสิครับ” “ไม่ค่ะ ฉันไม่ฟังอะไรทั้งนั้น” “ผมรักคุณนะครับ” “แต่ฉันไม่ได้รักคุณ ฟังชัด ๆ นะคะ คุณศิลา ฉันไม่ได้รักคุณ ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหน ๆ ฉันก็ไม่มีทางรักคุณ” “ฟังผมก่อนนะครับ” ศิลากอดหญิงสาวไว้จากทางด้านหลัง “ปล่อย” “ผมขอโทษกับสิ่งที่ผมเคยทำไว้กับคุณ ผมรู้ว่าคุณไม่ได้รังเกียจผม เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะครับ เพื่อลูกของเรา” “ปล่อยค่ะ” หนึ่งฤทัยดิ้นรนออกจากอ้อมแขนของเขา “ไม่ปล่อย” ศิลาบอกพร้อมกับรัดเธอให้แน่นขึ้นกว่าเดิม “อยู่กับผม อยู่เป็นครอบครัวนะครับ ผมรู้ว่าผมผิดที่เคยทำร้ายคุณ ผมกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่ผมสัญญาว่าผมจะทำวันนี้ให้ดีที่สุด ไม่ต้องให้อภัยผมตอนนี้ก็ได้ ให้เว
หนึ่งฤทัยตื่นขึ้นมาในตอนเช้ามืด หญิงสาวเดินลงมาข้างล่างเพื่อเตรียมอาหารเช้า แต่ก็ช้าไปกว่าป้าสายพิณที่ตอนนี้กำลังง่วนอยู่ที่หน้าเตา “ตื่นแต่เช้าเลยค่ะคุณหนึ่ง หลับสบายดีไหมคะ” สายพิณถามคนที่เดินเข้ามาในครัว “อรุณสวัสดิ์ค่ะป้า หนึ่งหลับสบายดีค่ะ” บอกแล้วเดินเข้ามาดูวัตถุดิบที่วางไว้บนโต๊ะ “ทำอะไรคะป้า” “ป้าต้มข้าวต้มกุ้งให้คุณหนูแก้วนะคะ คุณหนูทานได้ไหมคะ” สายพิณถาม “ทานได้ค่ะ ยายแก้วทานได้หมดเลยค่ะ ยกเว้นของเผ็ด” “แกงส้มค่ะคุณหนึ่ง คุณหนึ่งอยากทานไหมคะ” “ทานได้ค่ะ ดีกว่าแกงแคหน่อยนะคะ” หนึ่งฤทัยบอกกับสายพิณ “ขอโทษนะคะ ป้าไม่รู้ว่าคุณหนึ่งไม่ทานปลาร้า ตอนนั้นคุณหินบอกว่าคุณหนึ่งอยากกิน ป้าก็ทำให้ค่ะ” “ไม่เป็นไรค่ะป้า ทานได้อร่อยดี” เรื่องราวมันผ่านมานานแล้ว สายพิณไม่ได้ตั้งใจที่จะแกล้งเธอ ที่ทำไปก็เพราะเป็นคำสั่งของเจ้านาย “ดื่มกาแฟเลยไหมคะ เดี๋ยวป้าชงให้” “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนึ่งจัดการเอง” หนึ่งฤทัยบอกอย่างเกร็งใจ “คุณหินลุกมาดูกุหลาบแต่เช้า
ศิลาพาหนึ่งฤทัยกับลูกขึ้นมาบนบ้าน หนึ่งฤทัยมองไปรอบ ๆ เมื่อก่อนเธอเคยอยู่ที่นี่ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ที่เปลี่ยนไปคงเป็นภาพถ่ายรูปคู่มากมาย ที่เคยแขวนอยู่ตามฝาผนัง ที่ตอนนี้เป็นรูปวาดวิวมาแขวนไว้แทน รูปแต่งงานรูปคู่ของเธอกับเขา เขาใช้โปรแกรมแต่งภาพมาแต่งเพื่อตบตาเธอ และเธอก็เชื่อเขาสนิทใจ “รูปแต่งงานของเราไปไหนแล้วคะ” หนึ่งฤทัยถามเพื่อลองเชิงเขา “ผมให้คนงานเก็บออกไปหมดแล้วครับ” ศิลาบอกไปตามตรง “เอาออกทำไมคะ สวยดี” หนึ่งฤทัยประชดเขา ถึงจะไม่บอกแต่ศิลาก็รู้ “เอาไว้เราถ่ายกันใหม่นะ” “เราเคยถ่ายรูปด้วยกันด้วยเหรอคะ” หนึ่งฤทัยถาม “ไม่เอาน่าคุณ อย่าชวนทะเลาะสิครับ” “ชวนทะเลาะเหรอคะ ตรงไหนคะที่ชวนทะเลาะ ฉันถามเพราะฉันจำไม่ได้ว่าเราเคยถ่ายรูปด้วยกันด้วยเหรอ” หนึ่งฤทัยถามตาใส “ผมรู้ว่าคุณกำลังประชดผม” “ประชดเหรอคะ ฉันมีสิทธิ์ทำแบบนั้นด้วยเหรอ” “เข้าห้องเถอะครับ อย่าเถียงกันต่อหน้าลูกเลย ยายแก้วกำลังจำ ผมไม่อยากให้ลูกเห็นภาพแบบนี้” “ไม่ได้ชวนทะเลาะค่ะ ฉันพูดความจริ
อาหารกลางวันผ่านไปด้วยดี หลายครั้งที่ศิลากับหนึ่งฤทัยสบตากัน มือสัมผัสกันบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะต้องดูแลลูก และทุกครั้งหนึ่งฤทัยจะเป็นคนชักมือกลับ เหมือนมือของศิลาเป็นของร้อน การเดินทางเริ่มต้นขึ้น เมื่อทั้งสามกลับขึ้นมานั่งประจำที่บนรถ ศิลาขับรถในขณะที่หนึ่งฤทัยกับลูกหลับไปพร้อม ๆ กัน หลายครั้งที่ตาคมเข้มปรายตามามองใบหน้าสวยของคนที่หลับสนิท ยอมรับว่าที่ผ่านมาเขามัวคิดแต่แก้แค้น จนหลายอย่างในชีวิตพลาดไป โดยเฉพาะเรื่องของเธอกับลูก ความสุขและความอบอุ่นที่เคยได้จากเธอ เขาเคยคิดว่าเป็นเพราะความใคร่และอารมณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้น แต่ศิลารู้แล้วว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเขา ทั้งก่อนหน้านั้นและตอนนี้ มันคือความรู้สึกเดียวกัน บอกตัวเองว่าเกลียดเธอ แต่แท้จริงแล้วเขาใช้คำว่าเกลียดเพื่อปิดบังความขี้ขลาดในหัวใจ เขาขี้ขลาดเกินกว่าจะยอมรับได้ว่าเขารู้สึกดีกับเธอ ขับรถไปมองหน้าคนนั่งข้าง ๆ มองลูกที่หลับอยู่เบาะหลัง มันมีความสุขอย่างนี้นี่เอง โอกาสมาถึงมือเขาแล้ว เขาจะไม่ปล่อยให้หลุดมือไปอีก “ถึงไหนแล้วคะ” หนึ่งฤทัยถามเมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วพบความมืด ร่างบางขยับอย่างเมื่อยขบเธอหลับยาวขนาดนี้เ
“หนึ่ง หนึ่ง นะ...หนึ่ง” ศิลาเรียกคน ที่วิ่งหนีเขาเข้าไปในห้อง ร่างสูงยืนพิงห้องอยู่อย่างนั้น จนได้สินะทนมาตั้งนาน สุดท้ายก็ทนไม่ไหว แล้วต่อไปนี้เขาจะทำยังไง เพราะเธอคงตกใจ และระแวงเขาแล้วหนึ่งฤทัยวิ่งไปที่เตียงนอน ถอนหายออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวขึ้นเตียง ล้มตัวลงนอนข้างลูก ศิลากลับไปหรือยังเธอไม่รู้ แต่สิ่งที่เขาทำไว้ ทำให้หัวใจของเธอเต้นระส่ำ พยายามข่มตาให้หลับ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น ทำให้เธอนอนไม่หลับ “กลับดึกเลยนะครับคุณหิน” มนตรีถามเมื่อเจ้านายเปิดประตูเข้ามา “ทำไมยังไม่นอน” ศิลาถาม “ผมเคลียร์งานนะครับ” “อืม...” “คุณหินครับ วันนี้คุณภากรมาที่บริษัทครับ” มนตรีรายงานให้เจ้านายรู้ “ลูกสาวเขาเลือกฉันแล้ว จะมาวุ่นวายอะไรอีก” ตั้งแต่วันที่หนึ่งฤทัยออกจากโรงพยาบาล ภากรก็ออกจากบริษัทไป เพราะพ่ายแพ้ให้เขาอย่างราบคาบ “คิดถึงคุณกับลูกครับ” “คิดถึงแล้วทำไมไม่ไปหาที่คอนโด กูไม่ได้ห้ามนี่” “ก็นั่นแหละครับ คุณภีมคงมีแผนอย่างอื่น” “จะมามีแผนอะไรกับกูอีก ลูกหลา
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารไม่ได้เครียด อย่างที่หนึ่งฤทัยกลัวในตอนแรก เพราะมีแก้วตาเป็นคนเชื่อมความสัมพันธ์ หลายครั้งที่ตาสองคู่และเป็นหนึ่งฤทัยที่ต้องหลบตาเขา “ขอโทษ” จังหวะที่มือของทั้งสองชนกัน เพราะจะตักกับข้าวอย่างเดียวกัน ศิลาก็เอ่ยขอโทษเพราะมือของเขาจับมือของเธอเข้าเต็ม ๆ “ไม่เป็นไรคะ” หนึ่งฤทัยเอ่ยพร้อมกับดึงมือกลับ แล้วเอื้อมไปหยิบช้อนในจานอื่น ใจของทั้งสองก็ตรงกันเพราศิลาก็จะตักจานนั้นเหมือนกัน ต่างคนต่างชักมือกลับ ใบหน้าสวยร้อนขึ้น ก่อนจะหันไปเช็ดปากลูกเพื่อแก้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้ “ผมตักให้คุณดีกว่า” พูดจบศิลาก็ตักต้มจืดใส่จานให้เธอ “ขอบคุณค่ะ” หนึ่งฤทัยเอ่ยขอบคุณแล้วสนใจลูกที่นั่งอยู่ข้าง ๆ มากกว่าอาหารที่อยู่บนโต๊ะ อยู่ ๆ หัวใจก็เต้นคร่อมจังหวะขึ้นมาเสียอย่างนั้น “เอาลูกชิ้นค่ะ” แก้วตาพูดพร้อมกับชี้ไปที่ลูกชิ้นในชามต้มจืด ศิลาตักลูกชิ้นและเต้าหู้ไข่ใส่จานให้ลูก “ขอบคุณค่ะ” แก้วตาเอ่ยขอบคุณพ่อ “หนึ่ง...” “คะ” ร่างบางสะดุ้ง เมื่ออยู่ ๆ ศิลาก็เรียกชื่อเธอ “เปล่า ๆ ผมจะบอ







