หนึ่งฤทัยล้มตัวลงนอน พยายามคิดทบทวน ถึงเรื่องราวและคำพูดที่เขาบอกกับเธอ เธอจำไม่ได้เลยว่า เคยอยู่ที่นี่ ไม่มีความคุ้นชินใด ๆ กับสถานที่และกับเขา รู้เพียงแต่ว่าเธอชื่อหนึ่งฤทัย เป็นภรรยาของเขาและเป็นนายหญิงของที่นี่
“แน่ใจเหรอครับว่าจะทำแบบนี้” มนตรีถามเมื่อเดินมารับแฟ้มเอกสารจากเจ้านาย
“มีอะไร” ศิลาถามเสียงเรียบ ไม่แสดงความรู้สึกออกมาจากน้ำเสียง
“ผมกลัวว่าถ้าคุณหนึ่งจำได้ เรื่องมันจะไปกันใหญ่นะสิครับ” มนตรีบอกด้วยความหวังดี
“แล้วไง ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัว นายและคนงานในไร่ ทำตามที่ฉันบอกก็พอ”
“ครับ” มนตรีรับคำ ถึงจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เจ้านายกำลังทำ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“งานเป็นไงบ้าง ฝนตกเมื่อคืนเสียหายเยอะไหม” ศิลาเปลี่ยนเรื่องคุย
“โชคดีที่คนหินสั่งให้คนงานคลุมดอกเอาไว้ เลยเสียหายไม่มาก พอส่งออกครับ”
“สั่งให้คนงานทำเหมือนเดิมนะ ฟ้าฝนไว้ใจไม่ได้” ศิลาบอกแล้วกลับไปสนใจกับเอกวารตรงหน้าต่อ สองวันมานี้เขาวุ่นวายกับยายตัวแสบจนงานกองบนโต๊ะมากมาย เห็นทีต้องทำโทษให้เข็ดหลาบจะไม่ทำแบบคืนนั้นอีก ถึงจะความจำเสื่อมจำอะไรไม่ได้แต่ก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น
“ใกล้เปิดเทอมแล้ว คุณหินจะส่งคุณหนึ่งกลับตอนไหนครับ” มนตรีถามเพราะหนึ่งฤทัยยังเรียนหนังสือไม่จบ และตอนนี้ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว
“สมองเสื่อมคงไม่ต้องเรียนแล้วมั้ง” ศิลาตอบ
“ไม่ได้นะครับคุณหิน!” มนตรีตอบด้วยความลืมตัว
“ทำไม! แล้วมึงเกี่ยวอะไรด้วย” ศิลาถามพร้อมกับจ้องหน้ามนตรีเขม็ง
“ปะ...เปล่าครับ ไม่มีอะไรครับ” เพราะความห่วงใยที่มีต่อหญิงสาว ทำให้มนตรีลืมตัวเผลอตวาดเจ้านาย
“เอาเวลาไปทำงานดีกว่าไหม ถ้าไม่อยากทำก็เขียนใบลาออกมา” ศิลาบอกพร้อมกับจ้องหน้ามนตรี
“ขอโทษครับ”
“ไปทำงานไป๊!”
“ครับ ครับ” มนตรีพูดพร้อมกับวิ่งออกไป แฟ้มเอกสารที่เจ้านายเหวี่ยงมาเฉี่ยวหัวไปนิด ดีนะที่หลบทัน
“รักกันมาก ห่วงกันมาก ก็เอาไปดูแลกันเองเลยสิ” อยู่ ๆ ก็โมโหที่มนตรีเป็นห่วงหนึ่งฤทัย จนกล้าออกหน้ามาพูดแทนเธอ
“คุณหนึ่งลงไปทานข้าวเย็นเถอะค่ะ” สายพิณขึ้นมาตามหนึ่งฤทัยลงไปกินข้าว เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น
“คุณศิลายังไม่กลับมาเหรอคะ”
“ยังค่ะ”
“เขากลับแบบนี้ทุกวันเลยเหรอคะ” ถามเพราะเมื่อวานศิลากลับมาตอนมืด จังหวะที่เขาเดินเข้าห้องเธอก็แกล้งหลับ แต่น่าจะเป็นเพราะฤทธิ์ยาเลยทำให้เธอหลับไปจริง ๆ
“คุณหินกลับไม่เป็นเวลาหรอกค่ะ ขึ้นอยู่กับงาน ฝนตกแบบนี้งานยิ่งเยอะต้องเฝ้าระวังน้ำป่านะคะ” สายพิณบอกกับหญิงสาว
“ค่ะ” หนึ่งฤทัยขานรับ แล้วเดินลงบันไดไปยังห้องอาหาร จังหวะนั้นศิลาก็ขับรถเข้ามาจอดในบ้านพอดี
“คุณหินมาพอดีเลย เดี๋ยวป้าไปเรียกคุณหินมาทานข้าวนะคะ” สายพิณบอกแล้วเดินออกไป หนึ่งฤทัยพนักหน้าให้แม่บ้าน แล้วนั่งลงตรงเก้าอี้ตัวที่นั่งทุกวัน หญิงสาวยังไม่แตะอาหารที่สายพิณเตรียมไว้ให้ รอกินพร้อมศิลาน่าจะดีกว่า
“คุณหินมาแล้ว” หนึ่งฤทัยลุกขึ้นจากเก้าอี้เมื่อศิลาเดินเข้ามาในห้องอาหาร
“ทำไมยังไม่ทานครับ” ศิลาถามเมื่อเห็นเธอยังไม่แตะอาหารบนโต๊ะ
“ฉันรอทานพร้อมคุณค่ะ” หนึ่งฤทัยบอกแล้วส่งยิ้มบาง ๆ ให้เขา
“วันหลังไม่ต้องรอนะครับ ผมกลับไม่เป็นเวลา หนึ่งหิวตอนไหนก็ทานเลยนะครับ” ศิลาเดินเข้ามาหา แล้วจูบลงที่หน้าผากมนของเธอ หนึ่งฤทัยอายจนหน้าแดง เมื่อเห็นอาการของสายพิณที่มองมาด้วยสายตาเอ็นดู
“ชินแล้วนะครับ ไม่ได้จูบคุณทานข้าวไม่อร่อย” ศิลาบอกแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตัวว่างข้าง ๆ เธอ
“เราทำแบบนี้กันทุกวันเลยเหรอคะ” หนึ่งฤทัยถามแล้วมองไปที่สายพิณที่กำลังจัดแจงตักข้าวให้เขา ถึงจะทำแบบนี้จนเป็นปรกติสำหรับเขา แต่สำหรับเธอไม่ชินเลยสักนิด
“ครับ ถ้าหนึ่งจำไม่ได้ก็ถามป้าดูสิครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ทานข้าวกันเถอะค่ะ” หนึ่งฤทัยบอกกับเขา แค่นี้เธอก็อายจะแย่อยู่แล้ว จะให้ถามอะไรอีก
“ไม่สบายหรือเปล่า หน้าแดงเชียว” ศิลาถามเมื่อเห็นสีเรื่อกระจายไปทั่วใบหน้าหญิงสาว
“เปล่าค่ะ” หนึ่งฤทัยบอกพร้อมกับหลบตาของเขา
“แกงแคไก่บ้าน หนึ่งชอบทานเยอะ ๆ นะครับ” ตักแกงใส่จานให้หญิงสาว แล้วลอบยิ้มกับสายพิณ ที่ถลึงตาใส่ทำนองดุที่เขาแกล้งเธอ หนึ่งฤทัยไม่กินแกงแคเพราะเธอไม่กินปลาร้า แต่ตอนนี้เธอจำอะไรไม่ได้ก็กิน ๆ ไปเถอะ
“แค่ก ๆ ๆ” หนึ่งฤทัยสำนักเมื่อตักข้าวเข้าปาก
“เป็นอะไรครับ ดื่มน้ำก่อนครับ” ศิลาลูบหลังให้พร้อมกับหยิบแก้วน้ำส่งให้เธอ
“เผ็ดค่ะ”
“เผ็ดมากเลยเหรอครับ เมื่อก่อนไม่เห็นบ่นเลย ป้าพิณทำผิดสูตรหรือเปล่า ทำไมถึงเผ็ด ถ้างั้นให้ป้าพิณเจียวไข่ให้นะครับ เผ็ดก็ไม่ต้องกิน”
“กินได้ค่ะ ไม่เป็นไร” หนึ่งฤทัยบอกเพราะเกร็งใจ และไม่อยากทำตัวให้มีปัญหา
“ไม่เป็นไรครับ อย่าคิดมาก แค่ไข่เจียวไม่ได้ลำบากอะไร” ศิลาบอกแล้วหันไปบอกสายพิณ
ไม่นานไข่เจียวหอม ๆ ก็วางลงบนโต๊ะ หนึ่งฤทัยเอ่ยขอบคุณ ตักไข่เจียวใส่จานกินข้าวในจานจนหมด มื้อนี้เธอได้ไข่เจียวเป็นกับข้าว ไม่งั้นคงกินไม่หมด เพราะกับข้าวแต่ล่ะอย่างรสชาติเผ็ดและหน้าตาไม่คุ้น เลยไม่อยากกิน
หลังอาหารเย็นศิลาพาเธอออกมาเดินเล่นหน้าบ้านเพื่อย่อยอาหาร เด็กรับใช้ยกเครื่องดื่มออกมาให้ ศิลาจิบแอลกอฮอล์ ส่วนหนึ่งฤทัยขอโกโก้ร้อนเพราะดื่มไม่เป็น
“คุณศิลาคะ ฉันเป็นใครมาจากไหนเหรอคะ” หนึ่งฤทัยถามคำถาม ศิลาสำลักเครื่องดื่มที่จิบลงคอ เพราะไม่คิดว่าเธอจะถามแบบนี้
“คือ...” ศิลาไม่ตอบในทันทีเพราะไม่ได้เตรียมคำตอบสำหับคำถามนี้เอาไว้
“ไม่เป็นไรคะ ฉันแค่อยากรู้ว่าเรารักกันได้ยังไง” หนึ่งฤทัยเปลี่ยนคำถาม เพราะอยากรู้ว่าเขาและเธอแต่งงานกันตอนไหน
“เราเจอกันที่มหาวิทยาลัย คุณสวยมาก สวยจนผมละสายตาไม่ได้เลย” ศิลาเริ่มเล่าเรื่องราวในอดีตให้เธอฟัง
“มหาวิทยาลัยเหรอคะ” หนึ่งฤทัยทวนคำพูดของเขา คำว่ามหาวิทยาลัยที่ได้ยิน ทำให้เกิดภาพราง ๆ ขึ้นในหัว แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก
“โอ้ย!” หนึ่งฤทัยร้องออกมาเมื่ออยู่ ๆ ก็ปวดศีรษะขึ้นมา
“หนึ่ง เป็นอะไรครับ”
“ปวดหัวค่ะ ฉันปวดหัว”
“นึกอีกแล้วใช่ไหม นึกไม่ออกก็ยังไม่ต้องนึกครับ” ตาคมเข้มมองคนที่ยกมือขึ้นมากุมศีรษะแล้วส่ายหัวไปมา ใจหนึ่งก็สงสาร แต่อีกใจก็รำคาญ
“ไปครับ ผมจะพาไปพักผ่อน” ศิลาช้อนคนที่นั่งกุมศีรษะเข้าสู่วงแขน จังหวะที่ตาคมเข้มสบเข้ากับดวงตากลมโตที่คลอไปด้วยน้ำตา หัวใจแกร่งกระตุกก่อนจะรีบหลบตาแล้วพาเธอเดินเข้าบ้านไป
“นอนพักนะครับ” วางคนในอ้อมแขนลงบนเตียงแล้วหย่อนสะโพกนั่งลงข้าง ๆ เตียงนอน
“ขอบคุณค่ะ” หนึ่งฤทัยขอบคุณ แล้วหลับตาลง คำว่านักศึกษากับมหาวิทยาลัยที่ได้ยิน ทำให้เห็นภาพราง ๆ ในหัว แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่า เคยเห็นภาพนั้นตอนไหน
“นึกอีกแล้วใช่ไหมครับ ไม่เอาครับนอนพักผ่อนดีกว่านะ”
“คุณจะไปไหนอีกไหมคะ”
“ทำไมครับ”
“ฉันอยากให้คุณอยู่กับฉัน ได้ไหมคะ” หนึ่งฤทัยบอกกับเขา เธอไม่อยากอยู่คนเดียว ถึงจะอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว แต่ทุกครั้งที่หลับตาลงภาพต่าง ๆ ก็ปรากฏขึ้นในหัว แต่ก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก
ศิลาล้มตัวลงนอนข้าง ๆ ใช้แขนรองศีรษะ แขนอีกข้างกอดลงที่เอวบาง คนในอ้อมแขนเกร็งเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ ผ่อนคลายลงจนศิลาสัมผัสได้
หนึ่งฤทัยรู้สึกตัวในเวลาต่อมา ตากลมโตมองฝ้าเพดานหลัง ก่อนจะหลับตาลงแล้วคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา เมื่อแน่ใจว่าเธออยู่ที่โรงพยาบาล “ฟื้นแล้วเหรอลูก เป็นยังไงบ้าง เดี๋ยวพ่อตามหมอให้นะ” ภากรถามแล้วเดินมายืนข้างเตียงที่ลูกสาวนอนพักฟื้นอยู่ “คุณพ่อคะ คุณหินล่ะคะ คุณหินไปไหนคะ” ภากรขมวดคิ้วเข้าหากัน ที่ได้ยินลูกถามหาศิลาทันทีที่ลืมตาขึ้นมา “ศิลาพายายแก้วตาไปตั้งแต่เช้า ยังไม่พายายแก้วมาส่งเลย” คำพูดนี้ภากรหวังผลให้หนึ่งฤทัยโกรธ แต่หนึ่งฤทัยกลับเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “หนึ่งมาอยู่โรงพยาบาลได้ยังไงคะ คุณพ่อบอกคุณหินด้วยนะคะว่าหนึ่งฟื้นแล้ว หนึ่งอยากกลับบ้านค่ะ หนึ่งคิดถึงคุณหิน หนึ่งคิดถึงลูก” “หนึ่งว่าอะไรนะ หนึ่งคิดถึงใครนะลูก” ภากรถามเพื่อความแน่ใจว่าเขาฟังไม่ผิด “หนึ่งคิดถึงคุณหินกับลูกค่ะ” หนึ่งฤทัยตอบด้วยน้ำเสียงชัดเจน “พ่อว่า พ่อเรียกหมอมาดูอาการหนึ่งดีกว่า” พูดจบภากรก็กดกริ่งเรียกหมอ ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆเพราะหนึ่งฤทัยจะคิดถึงศิลาได้อย่างไร เพราะคนที่ทำให้หนึ่งฤทัยตกอยู่ในสภาพนี้ก็คือศิลา แถมศิลา
ศิลาพาหญิงสาวพามาโรงพยาบาล ภากรและเลขาตามมาในเวลาต่อมา “ยายหนึ่งเป็นยังไงบ้างคุณหิน” ภากรถามเมื่อพาตัวเองมายืนหน้าห้องฉุกเฉิน แววตาเจ้าเล่ห์หลบแววตาคมดุที่มองมาที่เขาเขม็ง “ทำไมคุณมองผมแบบนี้ล่ะหิน แล้วยายแก้วอยู่ที่ไหน คุณเอาหลานผมไว้ไหน" “ไม่ต้องห่วงแก้ตาอยู่ในที่ที่ปลอดภัยแล้ว ทันที่ที่หนึ่งฤทัยฟื้น ผมจะพาเธอไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยด้วยเช่นกัน” “หมายความว่ายังไงหิน เรื่องนี้ให้ยายหนึ่งเป็นคนตัดสินใจเองดีกว่านะ คืนหลานให้ผมเถอะ เราจะตัดสินใจกันเอง” ภากรบอกกับคนหนุ่ม สิ้นเสียงภากรศิลาก็ยืนขึ้นเต็มความสูง “คุณยังไม่ได้ตัดสินใจอีกหรือคุณภีม ผมนึกว่าคุณตัดสินใจเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อสามปีก่อนแล้วซีก” “พูดอะไรของคุณ” ภากรถามพร้อมกับหลบตา “ที่คุณคืนทุกอย่างให้ผม ก็เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอคุณภีม คุณรู้ว่าถึงยังไงผมก็ต้องรับผิดชอบหนึ่งฤทัยกับลูก มันก็เป็นไปตามแผนของคุณแล้วไง ยังต้องการอะไรอีก” “หมายความว่ายังไง” “หมายความว่าผมรู้ทันแผนการของคุณไงครับ ต่อไปนี้เรื่องของผมกับหนึ่งฤทัย คุณไม่ต
หนึ่งฤทัยตื่นขึ้นมาทำอาหารเช้าให้ลูก เมื่อตัดสินใจอยู่ที่บ้านแล้วก็ต้องเดินหน้าต่อไป การเผชิญหน้าระหว่างเธอกับเขาต้องเกิดขึ้นอีกแน่ ๆ แต่เธอจะมีสติให้มากกว่านี้ เธอจะไม่หวาดกลัว และจะไม่หนีเขาอีกแล้ว ศิลาก็แค่ผู้ชายธรรมดาเท่านั้น คนที่ร้ายที่สุดคือพ่อของเธอต่างหาก ความเสียใจตีตื้นเข้ามาในหัวใจ นอกจากลูกแล้ว พ่อเป็นอีกคนที่เธอรักมากที่สุด ไม่คิดเลยว่าพ่อจะทำแบบนี้กับเธอ “คุณศิลามาขอพบค่ะ” คำพูดของแม่บ้านทำให้คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน “คุณศิลาขอพบหนึ่งเหรอคะ” ถามเพื่อความแน่ใจ เพราะไม่รู้ว่าคนที่เขาต้องการพบคือเธอหรือพ่อกันแน่ “ใช่ค่ะ คุณศิลาบอกว่าต้องการพบคุณหนึ่ง” แม่บ้านเน้นย้ำคำพูดของศิลาให้เธอฟัง “คุณศิลาอยู่ที่ไหน” “อยู่ในห้องรับแขกค่ะ” “ไปบอกเขานะคะว่าเดี๋ยวหนึ่งลงไป” แม่บ้านออกไปแล้ว หนึ่งฤทัยถอนหายใจออกมา ตากลมโตมองไปที่ลูกที่ยังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง “คุณต้องการพบฉันเหรอคะ” หนึ่งฤทัยถามเมื่อเดินเข้ามาเผชิญหน้าเขาในห้องรับแขก “แก้วตาอยู่ไหน” ศิลาถามเมื่อไม่เห็นคนตัวเล็กลงมาก
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ มีผลกับหัวใจของศิลาไม่น้อย เพราะภาพใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของหนูแก้ตายังติดอยู่ในหัวของเขา สลัดยังไงก็ไม่ออก หนึ่งฤทัยตกใจมากที่เจอเขา เขาเองก็ตกใจมากเช่นกัน หลายปีมานี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขายังนึกถึงเธอ ถึงแม้จะพยายามลืม แต่ก็ลืมเธอไม่ได้สักครั้ง หนึ่งฤทัยยังคงอยู่ในความทรงจำของเขา การเจอกันครั้งนี้ทำให้ศิลาทำตัวไม่ถูก ความรู้สึกในหัวตีกันจนวุ่นวายไปหมด โดยเฉพาะตอนที่ตาของเขาสบเข้ากับตากลมโตคู่เล็กโลกของเขาก็แทบจะหยุดหมุน เมื่อคิดไม่ตกศิลาก็พาตัวเอง ออกไปยังที่ที่เขามักจะไปซ่อนตัวอยู่ในนั้น บ้านท้ายไร่เป็นที่ที่เขาจะมาอยู่เป็นประจำ บางครั้งก็นอนค้างที่นี่ ที่นี่ยังเป็นเหมือนเดิม มืดและเงียบเหงา ครั้งหนึ่งเขาเคยใช้มันเป็นคุกกักขังและทำร้ายเธอ หนึ่งฤทัยยังคงเหมือนเดิมมีเพียงสายตาเท่านั้นที่เปลี่ยนไป ในความตกใจและสับสนมันมีความว่างเปล่าอยู่ในนั้น ว่างเปล่าซะจนเขาคิดว่าเธอมองเขาเป็นแค่อากาศเท่านั้น เด็กคนนั้นชื่อแก้วตา ภากรบอกว่าแก้วตาฉลาดเกินวัย อายุแค่สามขวบกว่า ๆ แต่รู้เรื่องทุกอย่าง พูดคุยตอบโต้ได้ทุกอย่าง ตอนแรกเขาก็ไม่เชื่อจนได้มาเห็นกับตา ลูกเขาฉลาดเกิ
สามปีต่อมา“หนึ่งจะกลับเมืองไทยพร้อมอาหรือเปล่าลูก” อรนภาถามคนที่นอนตะแคงป้อนนมลูกอยู่บนเตียงนอน “หนึ่งยังไม่พร้อมค่ะคุณอา หนึ่งกลัว” หนึ่งฤทัยบอกกับคนที่เดินมาหย่อนสะโพกลงบนเตียงนอนของเธอ “หนึ่งไม่ได้ทำอะไรผิด จะกลัวทำไมลูก” อรนภาบอกกับหญิงสาว พร้อมกับเอื้อมมือมาลูบศีรษะเจ้าตัวเล็กที่หลับพริ้มอยู่กับหน้าอกของแม่ “หนึ่งกลัวผู้ชายคนนั้นจะมาวุ่นวายกับหนูแก้วตานะคะ” หนึ่งฤทัยบอกอรนภาไปตามตรง ตั้งแต่พ่อกับแม่หย่าร้างกัน เธอก็ถูกส่งตัวมาอยู่กับอาที่ต่างประเทศ อรนภาจึงเป็นเหมือนแม่คนที่สองของเธอ “เขาเป็นคนบอกเองว่าไม่ต้องการลูก หนึ่งจะเก็บเอาไว้หรือเอาลูกออกก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา ไม่ต้องกลัวนะลูกอาจะอยู่ข้าง ๆ หนึ่งเสมอ” “ขอบคุณค่ะอาอร” หนึ่งฤทัยพูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา “เป็นอะไรลูก ร้องไห้ทำไม” อรนภาถามด้วยความตกใจ “หนึ่งดีใจนะคะ ที่หนึ่งมีอาเป็นแม่ของหนึ่งอีกคน ถ้าวันนั้นหนึ่งไม่มีคุณอา หนึ่งคงไม่ได้เก็บหนูแก้วตาเอาไว้ หนึ่งขอบคุณอาอรนะคะ ที่ดูแลหนึ่งกับลูกมาตลอด” “ไม่ต้องคิดมากนะลูก อะไรที่ม
ศิลาเดินทางมากรุงเทพฯ อีกครั้ง ปลายทางของการเดินทางครั้งนี้คือบ้านของภากร “ผมคิดไว้แล้วว่าคุณต้องมา” ภากรพูดขึ้น เมื่อศิลาเดินเข้ามาในห้องโถงของบ้าน “หนึ่งฤทัยอยู่ไหน” ศิลาถาม “คิดถึงยายหนึ่งเหรอหิน” ภากรไม่ตอบคำถาม แต่ถามคำถามกลับมา “ผมถามว่าหนึ่งฤทัยอยู่ไหน เรียกเธอลงมาพบผมเดียวนี้ เรามีเรื่องต้องคุยกัน” “ยายหนึ่งไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก กลับฝรั่งเศสตั้งแต่วันที่กลับมาจากเชียงรายเลย ผมเองก็ยังไม่ได้เจอหน้าลูกเหมือนกัน” “ไม่จริง!” “ไม่มีเหตุผลที่ผมต้องโกหกคุณ ยายหนึ่งกลับฝรั่งเศสไปแล้ว ไม่เชื่อก็ตามไปสิ” “ไม่! ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น” เขาไม่ได้อยากเจอเธอถึงขนาดจะต้องบินข้ามฟ้าไปหาขนาดนั้น “เดี๋ยวก่อนหิน” ภากรเรียกชายหนุ่มเอาไว้ เมื่อเขาจะก้าวเท้าออกจากบ้าน “อะไร” ศิลาถาม ตาคู่คมจ้องมองซองสีน้ำตาลในมือภากรเขม็ง “เอกสาร...” ภากรตอบเสียงราบเรียบ “อย่าคิดว่าจะให้ผมรับผิดชอบอะไร เรื่องที่เกิดขึ้นกับหนึ่งฤทัยมันก็แค่ความใคร่” คำพูดของศิลาทำให้หัวใจของคนเป็น