Mag-log inหนึ่งฤทัยล้มตัวลงนอน พยายามคิดทบทวน ถึงเรื่องราวและคำพูดที่เขาบอกกับเธอ เธอจำไม่ได้เลยว่า เคยอยู่ที่นี่ ไม่มีความคุ้นชินใด ๆ กับสถานที่และกับเขา รู้เพียงแต่ว่าเธอชื่อหนึ่งฤทัย เป็นภรรยาของเขาและเป็นนายหญิงของที่นี่
“แน่ใจเหรอครับว่าจะทำแบบนี้” มนตรีถามเมื่อเดินมารับแฟ้มเอกสารจากเจ้านาย
“มีอะไร” ศิลาถามเสียงเรียบ ไม่แสดงความรู้สึกออกมาจากน้ำเสียง
“ผมกลัวว่าถ้าคุณหนึ่งจำได้ เรื่องมันจะไปกันใหญ่นะสิครับ” มนตรีบอกด้วยความหวังดี
“แล้วไง ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัว นายและคนงานในไร่ ทำตามที่ฉันบอกก็พอ”
“ครับ” มนตรีรับคำ ถึงจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เจ้านายกำลังทำ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“งานเป็นไงบ้าง ฝนตกเมื่อคืนเสียหายเยอะไหม” ศิลาเปลี่ยนเรื่องคุย
“โชคดีที่คนหินสั่งให้คนงานคลุมดอกเอาไว้ เลยเสียหายไม่มาก พอส่งออกครับ”
“สั่งให้คนงานทำเหมือนเดิมนะ ฟ้าฝนไว้ใจไม่ได้” ศิลาบอกแล้วกลับไปสนใจกับเอกวารตรงหน้าต่อ สองวันมานี้เขาวุ่นวายกับยายตัวแสบจนงานกองบนโต๊ะมากมาย เห็นทีต้องทำโทษให้เข็ดหลาบจะไม่ทำแบบคืนนั้นอีก ถึงจะความจำเสื่อมจำอะไรไม่ได้แต่ก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น
“ใกล้เปิดเทอมแล้ว คุณหินจะส่งคุณหนึ่งกลับตอนไหนครับ” มนตรีถามเพราะหนึ่งฤทัยยังเรียนหนังสือไม่จบ และตอนนี้ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว
“สมองเสื่อมคงไม่ต้องเรียนแล้วมั้ง” ศิลาตอบ
“ไม่ได้นะครับคุณหิน!” มนตรีตอบด้วยความลืมตัว
“ทำไม! แล้วมึงเกี่ยวอะไรด้วย” ศิลาถามพร้อมกับจ้องหน้ามนตรีเขม็ง
“ปะ...เปล่าครับ ไม่มีอะไรครับ” เพราะความห่วงใยที่มีต่อหญิงสาว ทำให้มนตรีลืมตัวเผลอตวาดเจ้านาย
“เอาเวลาไปทำงานดีกว่าไหม ถ้าไม่อยากทำก็เขียนใบลาออกมา” ศิลาบอกพร้อมกับจ้องหน้ามนตรี
“ขอโทษครับ”
“ไปทำงานไป๊!”
“ครับ ครับ” มนตรีพูดพร้อมกับวิ่งออกไป แฟ้มเอกสารที่เจ้านายเหวี่ยงมาเฉี่ยวหัวไปนิด ดีนะที่หลบทัน
“รักกันมาก ห่วงกันมาก ก็เอาไปดูแลกันเองเลยสิ” อยู่ ๆ ก็โมโหที่มนตรีเป็นห่วงหนึ่งฤทัย จนกล้าออกหน้ามาพูดแทนเธอ
“คุณหนึ่งลงไปทานข้าวเย็นเถอะค่ะ” สายพิณขึ้นมาตามหนึ่งฤทัยลงไปกินข้าว เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น
“คุณศิลายังไม่กลับมาเหรอคะ”
“ยังค่ะ”
“เขากลับแบบนี้ทุกวันเลยเหรอคะ” ถามเพราะเมื่อวานศิลากลับมาตอนมืด จังหวะที่เขาเดินเข้าห้องเธอก็แกล้งหลับ แต่น่าจะเป็นเพราะฤทธิ์ยาเลยทำให้เธอหลับไปจริง ๆ
“คุณหินกลับไม่เป็นเวลาหรอกค่ะ ขึ้นอยู่กับงาน ฝนตกแบบนี้งานยิ่งเยอะต้องเฝ้าระวังน้ำป่านะคะ” สายพิณบอกกับหญิงสาว
“ค่ะ” หนึ่งฤทัยขานรับ แล้วเดินลงบันไดไปยังห้องอาหาร จังหวะนั้นศิลาก็ขับรถเข้ามาจอดในบ้านพอดี
“คุณหินมาพอดีเลย เดี๋ยวป้าไปเรียกคุณหินมาทานข้าวนะคะ” สายพิณบอกแล้วเดินออกไป หนึ่งฤทัยพนักหน้าให้แม่บ้าน แล้วนั่งลงตรงเก้าอี้ตัวที่นั่งทุกวัน หญิงสาวยังไม่แตะอาหารที่สายพิณเตรียมไว้ให้ รอกินพร้อมศิลาน่าจะดีกว่า
“คุณหินมาแล้ว” หนึ่งฤทัยลุกขึ้นจากเก้าอี้เมื่อศิลาเดินเข้ามาในห้องอาหาร
“ทำไมยังไม่ทานครับ” ศิลาถามเมื่อเห็นเธอยังไม่แตะอาหารบนโต๊ะ
“ฉันรอทานพร้อมคุณค่ะ” หนึ่งฤทัยบอกแล้วส่งยิ้มบาง ๆ ให้เขา
“วันหลังไม่ต้องรอนะครับ ผมกลับไม่เป็นเวลา หนึ่งหิวตอนไหนก็ทานเลยนะครับ” ศิลาเดินเข้ามาหา แล้วจูบลงที่หน้าผากมนของเธอ หนึ่งฤทัยอายจนหน้าแดง เมื่อเห็นอาการของสายพิณที่มองมาด้วยสายตาเอ็นดู
“ชินแล้วนะครับ ไม่ได้จูบคุณทานข้าวไม่อร่อย” ศิลาบอกแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตัวว่างข้าง ๆ เธอ
“เราทำแบบนี้กันทุกวันเลยเหรอคะ” หนึ่งฤทัยถามแล้วมองไปที่สายพิณที่กำลังจัดแจงตักข้าวให้เขา ถึงจะทำแบบนี้จนเป็นปรกติสำหรับเขา แต่สำหรับเธอไม่ชินเลยสักนิด
“ครับ ถ้าหนึ่งจำไม่ได้ก็ถามป้าดูสิครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ทานข้าวกันเถอะค่ะ” หนึ่งฤทัยบอกกับเขา แค่นี้เธอก็อายจะแย่อยู่แล้ว จะให้ถามอะไรอีก
“ไม่สบายหรือเปล่า หน้าแดงเชียว” ศิลาถามเมื่อเห็นสีเรื่อกระจายไปทั่วใบหน้าหญิงสาว
“เปล่าค่ะ” หนึ่งฤทัยบอกพร้อมกับหลบตาของเขา
“แกงแคไก่บ้าน หนึ่งชอบทานเยอะ ๆ นะครับ” ตักแกงใส่จานให้หญิงสาว แล้วลอบยิ้มกับสายพิณ ที่ถลึงตาใส่ทำนองดุที่เขาแกล้งเธอ หนึ่งฤทัยไม่กินแกงแคเพราะเธอไม่กินปลาร้า แต่ตอนนี้เธอจำอะไรไม่ได้ก็กิน ๆ ไปเถอะ
“แค่ก ๆ ๆ” หนึ่งฤทัยสำนักเมื่อตักข้าวเข้าปาก
“เป็นอะไรครับ ดื่มน้ำก่อนครับ” ศิลาลูบหลังให้พร้อมกับหยิบแก้วน้ำส่งให้เธอ
“เผ็ดค่ะ”
“เผ็ดมากเลยเหรอครับ เมื่อก่อนไม่เห็นบ่นเลย ป้าพิณทำผิดสูตรหรือเปล่า ทำไมถึงเผ็ด ถ้างั้นให้ป้าพิณเจียวไข่ให้นะครับ เผ็ดก็ไม่ต้องกิน”
“กินได้ค่ะ ไม่เป็นไร” หนึ่งฤทัยบอกเพราะเกร็งใจ และไม่อยากทำตัวให้มีปัญหา
“ไม่เป็นไรครับ อย่าคิดมาก แค่ไข่เจียวไม่ได้ลำบากอะไร” ศิลาบอกแล้วหันไปบอกสายพิณ
ไม่นานไข่เจียวหอม ๆ ก็วางลงบนโต๊ะ หนึ่งฤทัยเอ่ยขอบคุณ ตักไข่เจียวใส่จานกินข้าวในจานจนหมด มื้อนี้เธอได้ไข่เจียวเป็นกับข้าว ไม่งั้นคงกินไม่หมด เพราะกับข้าวแต่ล่ะอย่างรสชาติเผ็ดและหน้าตาไม่คุ้น เลยไม่อยากกิน
หลังอาหารเย็นศิลาพาเธอออกมาเดินเล่นหน้าบ้านเพื่อย่อยอาหาร เด็กรับใช้ยกเครื่องดื่มออกมาให้ ศิลาจิบแอลกอฮอล์ ส่วนหนึ่งฤทัยขอโกโก้ร้อนเพราะดื่มไม่เป็น
“คุณศิลาคะ ฉันเป็นใครมาจากไหนเหรอคะ” หนึ่งฤทัยถามคำถาม ศิลาสำลักเครื่องดื่มที่จิบลงคอ เพราะไม่คิดว่าเธอจะถามแบบนี้
“คือ...” ศิลาไม่ตอบในทันทีเพราะไม่ได้เตรียมคำตอบสำหับคำถามนี้เอาไว้
“ไม่เป็นไรคะ ฉันแค่อยากรู้ว่าเรารักกันได้ยังไง” หนึ่งฤทัยเปลี่ยนคำถาม เพราะอยากรู้ว่าเขาและเธอแต่งงานกันตอนไหน
“เราเจอกันที่มหาวิทยาลัย คุณสวยมาก สวยจนผมละสายตาไม่ได้เลย” ศิลาเริ่มเล่าเรื่องราวในอดีตให้เธอฟัง
“มหาวิทยาลัยเหรอคะ” หนึ่งฤทัยทวนคำพูดของเขา คำว่ามหาวิทยาลัยที่ได้ยิน ทำให้เกิดภาพราง ๆ ขึ้นในหัว แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก
“โอ้ย!” หนึ่งฤทัยร้องออกมาเมื่ออยู่ ๆ ก็ปวดศีรษะขึ้นมา
“หนึ่ง เป็นอะไรครับ”
“ปวดหัวค่ะ ฉันปวดหัว”
“นึกอีกแล้วใช่ไหม นึกไม่ออกก็ยังไม่ต้องนึกครับ” ตาคมเข้มมองคนที่ยกมือขึ้นมากุมศีรษะแล้วส่ายหัวไปมา ใจหนึ่งก็สงสาร แต่อีกใจก็รำคาญ
“ไปครับ ผมจะพาไปพักผ่อน” ศิลาช้อนคนที่นั่งกุมศีรษะเข้าสู่วงแขน จังหวะที่ตาคมเข้มสบเข้ากับดวงตากลมโตที่คลอไปด้วยน้ำตา หัวใจแกร่งกระตุกก่อนจะรีบหลบตาแล้วพาเธอเดินเข้าบ้านไป
“นอนพักนะครับ” วางคนในอ้อมแขนลงบนเตียงแล้วหย่อนสะโพกนั่งลงข้าง ๆ เตียงนอน
“ขอบคุณค่ะ” หนึ่งฤทัยขอบคุณ แล้วหลับตาลง คำว่านักศึกษากับมหาวิทยาลัยที่ได้ยิน ทำให้เห็นภาพราง ๆ ในหัว แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่า เคยเห็นภาพนั้นตอนไหน
“นึกอีกแล้วใช่ไหมครับ ไม่เอาครับนอนพักผ่อนดีกว่านะ”
“คุณจะไปไหนอีกไหมคะ”
“ทำไมครับ”
“ฉันอยากให้คุณอยู่กับฉัน ได้ไหมคะ” หนึ่งฤทัยบอกกับเขา เธอไม่อยากอยู่คนเดียว ถึงจะอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว แต่ทุกครั้งที่หลับตาลงภาพต่าง ๆ ก็ปรากฏขึ้นในหัว แต่ก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก
ศิลาล้มตัวลงนอนข้าง ๆ ใช้แขนรองศีรษะ แขนอีกข้างกอดลงที่เอวบาง คนในอ้อมแขนเกร็งเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ ผ่อนคลายลงจนศิลาสัมผัสได้
“ดีใจนะคะที่ได้ยินคำว่ารักจากคุณ แต่ฉันคงแต่งงานกับคุณไม่ได้ เพราะฉันไม่ได้รักคุณ” หนึ่งฤทัยปฏิเสธอย่างไม่ใยดี นี่คือสิ่งที่เธอต้องการ เธอต้องการให้เขารักเธอ “หนึ่ง!” ศิลาเรียกหญิงสาวเมื่อเธอหันหลังกลับ ตกใจกับคำพูดที่ได้ยินจนทำอะไรไม่ถูก “ขอโทษนะคะ ฉันขอตัว” “หญิง ฟังผมก่อนสิครับ” “ไม่ค่ะ ฉันไม่ฟังอะไรทั้งนั้น” “ผมรักคุณนะครับ” “แต่ฉันไม่ได้รักคุณ ฟังชัด ๆ นะคะ คุณศิลา ฉันไม่ได้รักคุณ ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหน ๆ ฉันก็ไม่มีทางรักคุณ” “ฟังผมก่อนนะครับ” ศิลากอดหญิงสาวไว้จากทางด้านหลัง “ปล่อย” “ผมขอโทษกับสิ่งที่ผมเคยทำไว้กับคุณ ผมรู้ว่าคุณไม่ได้รังเกียจผม เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะครับ เพื่อลูกของเรา” “ปล่อยค่ะ” หนึ่งฤทัยดิ้นรนออกจากอ้อมแขนของเขา “ไม่ปล่อย” ศิลาบอกพร้อมกับรัดเธอให้แน่นขึ้นกว่าเดิม “อยู่กับผม อยู่เป็นครอบครัวนะครับ ผมรู้ว่าผมผิดที่เคยทำร้ายคุณ ผมกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่ผมสัญญาว่าผมจะทำวันนี้ให้ดีที่สุด ไม่ต้องให้อภัยผมตอนนี้ก็ได้ ให้เว
หนึ่งฤทัยตื่นขึ้นมาในตอนเช้ามืด หญิงสาวเดินลงมาข้างล่างเพื่อเตรียมอาหารเช้า แต่ก็ช้าไปกว่าป้าสายพิณที่ตอนนี้กำลังง่วนอยู่ที่หน้าเตา “ตื่นแต่เช้าเลยค่ะคุณหนึ่ง หลับสบายดีไหมคะ” สายพิณถามคนที่เดินเข้ามาในครัว “อรุณสวัสดิ์ค่ะป้า หนึ่งหลับสบายดีค่ะ” บอกแล้วเดินเข้ามาดูวัตถุดิบที่วางไว้บนโต๊ะ “ทำอะไรคะป้า” “ป้าต้มข้าวต้มกุ้งให้คุณหนูแก้วนะคะ คุณหนูทานได้ไหมคะ” สายพิณถาม “ทานได้ค่ะ ยายแก้วทานได้หมดเลยค่ะ ยกเว้นของเผ็ด” “แกงส้มค่ะคุณหนึ่ง คุณหนึ่งอยากทานไหมคะ” “ทานได้ค่ะ ดีกว่าแกงแคหน่อยนะคะ” หนึ่งฤทัยบอกกับสายพิณ “ขอโทษนะคะ ป้าไม่รู้ว่าคุณหนึ่งไม่ทานปลาร้า ตอนนั้นคุณหินบอกว่าคุณหนึ่งอยากกิน ป้าก็ทำให้ค่ะ” “ไม่เป็นไรค่ะป้า ทานได้อร่อยดี” เรื่องราวมันผ่านมานานแล้ว สายพิณไม่ได้ตั้งใจที่จะแกล้งเธอ ที่ทำไปก็เพราะเป็นคำสั่งของเจ้านาย “ดื่มกาแฟเลยไหมคะ เดี๋ยวป้าชงให้” “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนึ่งจัดการเอง” หนึ่งฤทัยบอกอย่างเกร็งใจ “คุณหินลุกมาดูกุหลาบแต่เช้า
ศิลาพาหนึ่งฤทัยกับลูกขึ้นมาบนบ้าน หนึ่งฤทัยมองไปรอบ ๆ เมื่อก่อนเธอเคยอยู่ที่นี่ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ที่เปลี่ยนไปคงเป็นภาพถ่ายรูปคู่มากมาย ที่เคยแขวนอยู่ตามฝาผนัง ที่ตอนนี้เป็นรูปวาดวิวมาแขวนไว้แทน รูปแต่งงานรูปคู่ของเธอกับเขา เขาใช้โปรแกรมแต่งภาพมาแต่งเพื่อตบตาเธอ และเธอก็เชื่อเขาสนิทใจ “รูปแต่งงานของเราไปไหนแล้วคะ” หนึ่งฤทัยถามเพื่อลองเชิงเขา “ผมให้คนงานเก็บออกไปหมดแล้วครับ” ศิลาบอกไปตามตรง “เอาออกทำไมคะ สวยดี” หนึ่งฤทัยประชดเขา ถึงจะไม่บอกแต่ศิลาก็รู้ “เอาไว้เราถ่ายกันใหม่นะ” “เราเคยถ่ายรูปด้วยกันด้วยเหรอคะ” หนึ่งฤทัยถาม “ไม่เอาน่าคุณ อย่าชวนทะเลาะสิครับ” “ชวนทะเลาะเหรอคะ ตรงไหนคะที่ชวนทะเลาะ ฉันถามเพราะฉันจำไม่ได้ว่าเราเคยถ่ายรูปด้วยกันด้วยเหรอ” หนึ่งฤทัยถามตาใส “ผมรู้ว่าคุณกำลังประชดผม” “ประชดเหรอคะ ฉันมีสิทธิ์ทำแบบนั้นด้วยเหรอ” “เข้าห้องเถอะครับ อย่าเถียงกันต่อหน้าลูกเลย ยายแก้วกำลังจำ ผมไม่อยากให้ลูกเห็นภาพแบบนี้” “ไม่ได้ชวนทะเลาะค่ะ ฉันพูดความจริ
อาหารกลางวันผ่านไปด้วยดี หลายครั้งที่ศิลากับหนึ่งฤทัยสบตากัน มือสัมผัสกันบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะต้องดูแลลูก และทุกครั้งหนึ่งฤทัยจะเป็นคนชักมือกลับ เหมือนมือของศิลาเป็นของร้อน การเดินทางเริ่มต้นขึ้น เมื่อทั้งสามกลับขึ้นมานั่งประจำที่บนรถ ศิลาขับรถในขณะที่หนึ่งฤทัยกับลูกหลับไปพร้อม ๆ กัน หลายครั้งที่ตาคมเข้มปรายตามามองใบหน้าสวยของคนที่หลับสนิท ยอมรับว่าที่ผ่านมาเขามัวคิดแต่แก้แค้น จนหลายอย่างในชีวิตพลาดไป โดยเฉพาะเรื่องของเธอกับลูก ความสุขและความอบอุ่นที่เคยได้จากเธอ เขาเคยคิดว่าเป็นเพราะความใคร่และอารมณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้น แต่ศิลารู้แล้วว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเขา ทั้งก่อนหน้านั้นและตอนนี้ มันคือความรู้สึกเดียวกัน บอกตัวเองว่าเกลียดเธอ แต่แท้จริงแล้วเขาใช้คำว่าเกลียดเพื่อปิดบังความขี้ขลาดในหัวใจ เขาขี้ขลาดเกินกว่าจะยอมรับได้ว่าเขารู้สึกดีกับเธอ ขับรถไปมองหน้าคนนั่งข้าง ๆ มองลูกที่หลับอยู่เบาะหลัง มันมีความสุขอย่างนี้นี่เอง โอกาสมาถึงมือเขาแล้ว เขาจะไม่ปล่อยให้หลุดมือไปอีก “ถึงไหนแล้วคะ” หนึ่งฤทัยถามเมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วพบความมืด ร่างบางขยับอย่างเมื่อยขบเธอหลับยาวขนาดนี้เ
“หนึ่ง หนึ่ง นะ...หนึ่ง” ศิลาเรียกคน ที่วิ่งหนีเขาเข้าไปในห้อง ร่างสูงยืนพิงห้องอยู่อย่างนั้น จนได้สินะทนมาตั้งนาน สุดท้ายก็ทนไม่ไหว แล้วต่อไปนี้เขาจะทำยังไง เพราะเธอคงตกใจ และระแวงเขาแล้วหนึ่งฤทัยวิ่งไปที่เตียงนอน ถอนหายออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวขึ้นเตียง ล้มตัวลงนอนข้างลูก ศิลากลับไปหรือยังเธอไม่รู้ แต่สิ่งที่เขาทำไว้ ทำให้หัวใจของเธอเต้นระส่ำ พยายามข่มตาให้หลับ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น ทำให้เธอนอนไม่หลับ “กลับดึกเลยนะครับคุณหิน” มนตรีถามเมื่อเจ้านายเปิดประตูเข้ามา “ทำไมยังไม่นอน” ศิลาถาม “ผมเคลียร์งานนะครับ” “อืม...” “คุณหินครับ วันนี้คุณภากรมาที่บริษัทครับ” มนตรีรายงานให้เจ้านายรู้ “ลูกสาวเขาเลือกฉันแล้ว จะมาวุ่นวายอะไรอีก” ตั้งแต่วันที่หนึ่งฤทัยออกจากโรงพยาบาล ภากรก็ออกจากบริษัทไป เพราะพ่ายแพ้ให้เขาอย่างราบคาบ “คิดถึงคุณกับลูกครับ” “คิดถึงแล้วทำไมไม่ไปหาที่คอนโด กูไม่ได้ห้ามนี่” “ก็นั่นแหละครับ คุณภีมคงมีแผนอย่างอื่น” “จะมามีแผนอะไรกับกูอีก ลูกหลา
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารไม่ได้เครียด อย่างที่หนึ่งฤทัยกลัวในตอนแรก เพราะมีแก้วตาเป็นคนเชื่อมความสัมพันธ์ หลายครั้งที่ตาสองคู่และเป็นหนึ่งฤทัยที่ต้องหลบตาเขา “ขอโทษ” จังหวะที่มือของทั้งสองชนกัน เพราะจะตักกับข้าวอย่างเดียวกัน ศิลาก็เอ่ยขอโทษเพราะมือของเขาจับมือของเธอเข้าเต็ม ๆ “ไม่เป็นไรคะ” หนึ่งฤทัยเอ่ยพร้อมกับดึงมือกลับ แล้วเอื้อมไปหยิบช้อนในจานอื่น ใจของทั้งสองก็ตรงกันเพราศิลาก็จะตักจานนั้นเหมือนกัน ต่างคนต่างชักมือกลับ ใบหน้าสวยร้อนขึ้น ก่อนจะหันไปเช็ดปากลูกเพื่อแก้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้ “ผมตักให้คุณดีกว่า” พูดจบศิลาก็ตักต้มจืดใส่จานให้เธอ “ขอบคุณค่ะ” หนึ่งฤทัยเอ่ยขอบคุณแล้วสนใจลูกที่นั่งอยู่ข้าง ๆ มากกว่าอาหารที่อยู่บนโต๊ะ อยู่ ๆ หัวใจก็เต้นคร่อมจังหวะขึ้นมาเสียอย่างนั้น “เอาลูกชิ้นค่ะ” แก้วตาพูดพร้อมกับชี้ไปที่ลูกชิ้นในชามต้มจืด ศิลาตักลูกชิ้นและเต้าหู้ไข่ใส่จานให้ลูก “ขอบคุณค่ะ” แก้วตาเอ่ยขอบคุณพ่อ “หนึ่ง...” “คะ” ร่างบางสะดุ้ง เมื่ออยู่ ๆ ศิลาก็เรียกชื่อเธอ “เปล่า ๆ ผมจะบอ







