Mag-log inศิลาไปถึงออฟฟิศด้วยอาการหัวเสีย มนตรีและพนักงานที่อยู่ในนั้นเข้าหน้าไม่ติด
“มีอะไรให้เซ็นอีกไหม” ถามด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์นัก
“ไม่มีแล้วครับ คือ...คุณหินครับ กุหลาบที่คุณหินสั่งมาจากต่างประเทศ คนงานเรียกชื่อไม่ถูก จะให้ชื่อว่าอะไรดีครับ” มนตรีถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ ไรรู้ว่าเจ้านายไปกินรังแตนที่ไหนมาถึงได้หงุดหงิดตั้งแต่เช้า
“เรียกอะไรก็เรียก ๆ ไปเถอะ เรื่องแค่นี้ยังตัดสินใจไม่ได้ ลาออกไปเลยดีไหม” ศิลาหันมาบอกกับลูกน้อง ด้วยน้ำเสียงบอกความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน
“คืออย่างนี้ครับ” มนตรีตั้งท่าจะอธิบาย
“หนึ่งฤทัย” ศิลาเรียกชื่อคนที่กำลังเดินมาทางเขา
“หนึ่งฤทัยเหรอครับ ได้ครับ” มนตรีทวนคำเจ้านาย แล้วเดินออกไป
“มาทำไมวะ” ศิลาพูดเมื่อหนึ่งฤทัยเดินมาถึงหน้าประตู แล้วเปิดเข้ามา
“ขออนุญาตค่ะ ฉันเข้าไปได้ไหมคะ” หนึ่งฤทัยถาม ถึงจะเปิดประตูแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ก้าวเข้ามา
“เชิญค่ะคุณหนึ่ง” ทัศนาเอ่ยอนุญาตแล้วลุกขึ้นมาหาหญิงสาว
“คุณหนึ่งเป็นไงบ้างคะ หายดีแล้วหรือยัง เชิญค่ะเชิญ” ทัศนาถามสารทุกข์สุกดิบ ก่อนจะจูงมือเธอเข้ามาข้างใน ศิลากลอกตาไปมาแปลกใจกับการกระทำของพนักงานบัญชีที่ทำท่าทางเหมือนสนิทกับหนึ่งฤทัยมาตั้งแต่ชาติปางก่อน
หนึ่งฤทัยไม่ตอบคำถาม ยิ้มให้คนที่จูงมือเธอเข้ามาในห้อง แล้วมองไปยังคนที่นั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ที่โต๊ะด้านในสุด เหมือนขอคำตอบว่าเธอคนนี้เป็นใคร แล้วสนิทกับเธอมากแค่ไหน
“ดูมองเข้าสิ พี่ชื่อทัศนาค่ะ เป็นพนักงานบัญชีของที่นี่ คุณหนึ่งจำพี่ไม่ได้เหรอคะ” ทัศนาแนะนำตัวพร้อมกับถามคำถาม
“คือ...ฉัน” หนึ่งฤทัยพูดไม่เต็มเสียงนัก ทัศนาคนนี้ไม่รู้เหรอว่าเธอความจำเสื่อม
“คุณนกช่วยไปบอกให้มนตรี หยิบแฟ้มเอกสารในรถมาให้ผมที” ศิลาสั่งงาน เมื่อเห็นว่าทัศนากำลังทำให้หนึ่งฤทัยลำบากใจ ทัศนาทำเหมือนสนิทสนมกับเธอเสียมากมาย ทั้ง ๆ ที่นี่เป็นครั้งแรกที่สองคนนี้เจอกัน ทัศนาอาจจะเห็นหนึ่งฤทัยผ่านตามาบ้าง แต่เขารู้ว่าสองคนนี้ไม่เคยคุยกัน เพราะตอนนั้นหนึ่งฤทัยไม่ได้มาเดินในไร่เขาแบบนี้
“เรียกพี่ว่าพี่นกนะคะ ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ” ทัศนาบอกกับหญิงสาว แล้วเดินออกจากห้องไป
“มาทำไมครับ” ศิลาถามแต่ไม่มองหน้าเธอเลยสักนิด
“คุณโกรธฉันเหรอคะ” หนึ่งฤทัยถามแล้วเดินไปยืนตรงหน้าเขา
“เปล่าครับ” ศิลาปฏิเสธ แล้วหยิบแฟ้มเอกสารที่เซ็นแล้ว เปิดดูไปเรื่อย
“โกรธจริง ๆ ด้วย” หนึ่งฤทัยพูดกับตัวเองเมื่อเห็นอาการของเขา
“มาถึงที่นี่ มีอะไรหรือเปล่าครับ” ศิลาเงยหน้าขึ้นมาถาม แล้วก้มหน้ามองเอกสารตามเดิม ทำเหมือนกับว่างานของเขากำลังยุ่งซะมากมาย
“ขอโทษนะคะ” หนึ่งฤทัยเอ่ยคำขอโทษ เธอมั่นใจว่าที่เขาเมินเฉยใส่เธอก็เพราะโกรธเรื่องเมื่อเช้า
“ขอโทษทำไมครับ คุณไม่ได้ทำอะไรผิด”
“คุณหินค่ะ อย่าเป็นแบบนี้สิคะ ฉันไม่สบายใจเลย” หนึ่งฤทัยก้าวเข้าไปประชิดตัวเขา เมื่อพูดจบประโยค
“ผมไม่ได้โกรธครับ ผมเข้าใจ”
“เข้าใจว่าอะไรคะ” หนึ่งฤทัยย้อนถาม เมื่อเขาพูดประโยคนี้ออกมา
“คุณรังเกียจผม”
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่ได้รังเกียจคุณ ฉันแค่ขอเวลา ฉันยังไม่พร้อม” หนึ่งฤทัยเถียงเขาออกมา และได้ผลศิลามองหน้าเธอ
“ผมรู้ว่าคุณไม่สบาย แต่เราแต่งงานกันแล้ว เราเป็นของกันและกันแล้ว อยู่ ๆ คุณมาปฏิเสธ ใครบ้างจะไม่เสียใจ”
“เรื่องนี้ฉันขอโทษ แต่คุณกำลังเข้าใจผิด ฉันไม่ได้รังเกียจคุณเลยนะคะ”
“ไม่รังเกียจแต่ไม่ยอมให้ผม...ทำอย่างนั้น”
“ก็ตอนนั้นฉันยังไม่พร้อมนี่คะ” คำพูดของเธอส่งผลให้คนตรงหน้ามองหน้าเธอเขม็ง
“อย่าบอกนะว่า ที่มาหาผมเพราะคุณพร้อมแล้ว ไม่เอาทูนหัวนี่ห้องทำงานครับ แต่ถ้าคุณต้องการจริง ๆ ห้องข้างในน่าจะใช้ได้” ศิลาพูดแล้วมองเลยไปยังประตูห้องด้วนหลังเก้าอี้ของเขา
“จะบ้าเหรอ!” หนึ่งฤทัยตวาดลั่น ในหัวของเขามีแต่เรื่องนี้หรือไง หญิงสาวถามตัวเองในใจ
“อ้าว...ด่าเฉย”
“ก็ดูคุณพูดสิ ฉันเอาข้าวกลางวันมาให้ค่ะ”
“โอ๋ ๆ ผมล้อเล่น มานั่งก่อนครับ ทำไมไม่ให้คนขับรถมาส่งล่ะครับ แดดร้อนเดี๋ยวไม่สบายอีก” ศิลาบอกกับหญิงสาว ต่อให้โมโหสักแค่ไหน แต่พอเห็นใบหน้าที่แดงเป็นสีระเรื่อกับตากลมโตที่มีความสับสนอยู่ในนั้น ศิลาก็หายโกรธเป็นปลิดทิ้ง
“กุหลาบสวยมาก ฉันขอไปเดินดูได้ไหมคะ” หนึ่งฤทัยถาม อยากพาตัวเองออกไปจากตรงนี้เร็ว ๆ เพราะไม่ไว้ใจสายตาแพราวพราวของเขา เมื่อเช้าเขาก็มองเธอแบบนี้ และมันก็ทำให้เธอเอาตัวแทบมีรอด
“มานี่ก่อนครับ” ศิลาเรียกเป็นครั้งที่สอง ร่างสูงที่นั่งตัวตรงในตอนแรก เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางผ่อนคลาย หนึ่งฤทัยยังยืนอยู่ที่เดิม ร่างบางเกร็งขึ้นเมื่อสบกับสายตาของเขา ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
“ดูทำเข้า ผมน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ” ศิลาล้อเลียนให้กับท่าทางของเธอ
“ฉัน ต้องกลับบ้านแล้วค่ะ ป้าสายพิณจะสอนทำขนมทองม้วน ไม่อยากให้แกรอนาน” หนึ่งฤทัยบอกพร้อมกับหันหลังให้เขา
“มานี่เลย” แต่ก็ช้าไปกว่ามือแกร่งที่คว้าลงมาที่ข้อมือของเธอ แล้วออกแรงดึง จนเธอล้มลงมาบนตัก
“ว้าย! ทำอะไรของคุณเนี่ย” หนึ่งฤทัยร้องออกมาด้วยความตกใจ พร้อมกับดิ้นหนี แต่ก็ถูกแขนแกร่งกอดรัดเอาไว้ ศิลายิ้มออกมาด้วยความพอใจ เมื่อเช้าเธอทำให้เขาค้างคา จนหงุดหงิดใส่พนักงาน จมูกโด่งเป็นสันฝังลงมาที่ลำคอขาวเนียน แล้วซุกไซ้ไปมาอย่างมันเขี้ยว
“อย่าค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” หนึ่งฤทัยสะดุ้งในตอนแรก ก่อนจะร้องห้ามแล้วดิ้นหนี
“ดิ้นสิครับ ดิ้นอีก” ศิลาว่าให้อย่างล้อเลียน เวลานี้ไม่มีใครเข้ามาหรอกเพราะรู้ว่าเป็นเวลาส่วนตัวของเขา
“ปล่อยก่อนค่ะ ฉันร้อน”
“ร้อนตรงไหนครับแอร์เย็นเฉียบ”
“คุณหินคะ อย่างรังแกกันสิคะ” ขัดขืนก็แล้ว ขอร้องก็แล้ว แต่ศิลาก็ยังเฉย หนึ่งฤทัยเลยใช้ลูกอ้อนกับเขา บางทีเขาอาจจะแพ้ทางลูกอ้อน เพราะเมื่อเช้าเธอก็ทำแบบนั้น
“รังแกที่ไหนครับ ผมกำลังแสดงความรักต่างหาก” ศิลาแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ แปลกใจตัวเองไม่น้อย เมื่อก่อนเขาไม่คิดจะแตะเธอเลยสักนิด แต่ตอนนี้อยากเข้าใกล้ อยากจูบอยากหอม อยากทำอะไรมากกว่านั้นทุกครั้งที่อยู่ใกล้ ๆ เธอ
“ปล่อยฉันเถอะค่ะคุณหิน เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า จะดูไม่ดีนะคะ นี่เป็นห้องทำงาน ไม่ใช่พื้นที่ส่วนตัว” หนึ่งฤทัยนับหนึ่งถึงสิบในใจ แล้วบอกกับเขา
“อายด้วยเหรอครับ เมื่อก่อนเราก็ทำแบบนี้กันประจำ บนโต๊ะตัวนี้ กลางไร่ ที่น้ำตก ไม่มีพื้นที่ตรงไหนในไร่ ที่เราสองคนจะไม่มีอะไรกัน” ศิลาบอกด้วยเสียงกระเส่า
“ห๋า!!!” หนึ่งฤทัยร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อฟังเขาพูดจบประโยค ถึงจะจำเรื่องที่เขาพูดไม่ได้ แต่จิตใต้สำนึกราง ๆ บอกกับเธอว่า เธอไม่น่าจะใช่คนแบบนั้น
“เมื่อก่อนหนึ่งร้อนแรงแค่ไหน จำไม่ได้เลยเหรอครับ หนึ่งชอบให้ผมพาไปเอ้าดอ เพราะตื่นเต้นเร้าใจดี ดูสิครับแค่พูด ตรงนั้นของผมก็ตอบรับคุณ ของมันเคย ๆ นะครับ”
“อุ้ย!” หนึ่งฤทัยอุทานออกมา เมื่อความแข็งแกร่งของเขาดุนดันสะโพกที่วางอยู่บนตักของเขา
“คือ...คุณหินค่ะ ฉันคิดว่า...คือ...” หนึ่งฤทัยนึกคำพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าต้องพูดกับเขายังไง เขาถึงจะหยุดพูดเรื่องที่เธอจำไม่ได้ ต่อให้เป็นแบบที่เขาพูดจริง ๆ แต่นั่นมันคือเมื่อก่อน ตอนนี้เธอจำอะไรไม่ได้ เขาก็น่าจะให้เวลาเธอบ้าง ขอบคุณที่เขาช่วยรื้อฟื้นความทรงจำให้ แต่ขอเป็นเรื่องอื่นได้ไหม เรื่องนี้มันใช่เรื่องที่จะเอามาพูดเล่นเหรอ
“ฉันจำเรื่องที่คุณพูดไม่ได้เลยค่ะ ฉันน่าจะจำได้สักวัน ตอนนี้คุณช่วยปล่อยฉันก่อนได้ไหมคะ ฉันอยากกลับบ้านแล้ว ไม่อยากให้ผู้ใหญ่รอนานนะคะ” หนึ่งฤทัยยกสายพิณมาอ้างรอบที่สอง เพราะคิดว่าสายพิณน่าจะมีอิทธิพลกับเขาไม่มากก็น้อย และได้ผลแขนแกร่งที่รัดอยู่ที่เอวของเธอคลายออก แต่แค่นิดเดียวเท่านั้น ก็ยังดีหนึ่งฤทัยคิดในใจ
“ดีใจนะคะที่ได้ยินคำว่ารักจากคุณ แต่ฉันคงแต่งงานกับคุณไม่ได้ เพราะฉันไม่ได้รักคุณ” หนึ่งฤทัยปฏิเสธอย่างไม่ใยดี นี่คือสิ่งที่เธอต้องการ เธอต้องการให้เขารักเธอ “หนึ่ง!” ศิลาเรียกหญิงสาวเมื่อเธอหันหลังกลับ ตกใจกับคำพูดที่ได้ยินจนทำอะไรไม่ถูก “ขอโทษนะคะ ฉันขอตัว” “หญิง ฟังผมก่อนสิครับ” “ไม่ค่ะ ฉันไม่ฟังอะไรทั้งนั้น” “ผมรักคุณนะครับ” “แต่ฉันไม่ได้รักคุณ ฟังชัด ๆ นะคะ คุณศิลา ฉันไม่ได้รักคุณ ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหน ๆ ฉันก็ไม่มีทางรักคุณ” “ฟังผมก่อนนะครับ” ศิลากอดหญิงสาวไว้จากทางด้านหลัง “ปล่อย” “ผมขอโทษกับสิ่งที่ผมเคยทำไว้กับคุณ ผมรู้ว่าคุณไม่ได้รังเกียจผม เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะครับ เพื่อลูกของเรา” “ปล่อยค่ะ” หนึ่งฤทัยดิ้นรนออกจากอ้อมแขนของเขา “ไม่ปล่อย” ศิลาบอกพร้อมกับรัดเธอให้แน่นขึ้นกว่าเดิม “อยู่กับผม อยู่เป็นครอบครัวนะครับ ผมรู้ว่าผมผิดที่เคยทำร้ายคุณ ผมกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่ผมสัญญาว่าผมจะทำวันนี้ให้ดีที่สุด ไม่ต้องให้อภัยผมตอนนี้ก็ได้ ให้เว
หนึ่งฤทัยตื่นขึ้นมาในตอนเช้ามืด หญิงสาวเดินลงมาข้างล่างเพื่อเตรียมอาหารเช้า แต่ก็ช้าไปกว่าป้าสายพิณที่ตอนนี้กำลังง่วนอยู่ที่หน้าเตา “ตื่นแต่เช้าเลยค่ะคุณหนึ่ง หลับสบายดีไหมคะ” สายพิณถามคนที่เดินเข้ามาในครัว “อรุณสวัสดิ์ค่ะป้า หนึ่งหลับสบายดีค่ะ” บอกแล้วเดินเข้ามาดูวัตถุดิบที่วางไว้บนโต๊ะ “ทำอะไรคะป้า” “ป้าต้มข้าวต้มกุ้งให้คุณหนูแก้วนะคะ คุณหนูทานได้ไหมคะ” สายพิณถาม “ทานได้ค่ะ ยายแก้วทานได้หมดเลยค่ะ ยกเว้นของเผ็ด” “แกงส้มค่ะคุณหนึ่ง คุณหนึ่งอยากทานไหมคะ” “ทานได้ค่ะ ดีกว่าแกงแคหน่อยนะคะ” หนึ่งฤทัยบอกกับสายพิณ “ขอโทษนะคะ ป้าไม่รู้ว่าคุณหนึ่งไม่ทานปลาร้า ตอนนั้นคุณหินบอกว่าคุณหนึ่งอยากกิน ป้าก็ทำให้ค่ะ” “ไม่เป็นไรค่ะป้า ทานได้อร่อยดี” เรื่องราวมันผ่านมานานแล้ว สายพิณไม่ได้ตั้งใจที่จะแกล้งเธอ ที่ทำไปก็เพราะเป็นคำสั่งของเจ้านาย “ดื่มกาแฟเลยไหมคะ เดี๋ยวป้าชงให้” “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนึ่งจัดการเอง” หนึ่งฤทัยบอกอย่างเกร็งใจ “คุณหินลุกมาดูกุหลาบแต่เช้า
ศิลาพาหนึ่งฤทัยกับลูกขึ้นมาบนบ้าน หนึ่งฤทัยมองไปรอบ ๆ เมื่อก่อนเธอเคยอยู่ที่นี่ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ที่เปลี่ยนไปคงเป็นภาพถ่ายรูปคู่มากมาย ที่เคยแขวนอยู่ตามฝาผนัง ที่ตอนนี้เป็นรูปวาดวิวมาแขวนไว้แทน รูปแต่งงานรูปคู่ของเธอกับเขา เขาใช้โปรแกรมแต่งภาพมาแต่งเพื่อตบตาเธอ และเธอก็เชื่อเขาสนิทใจ “รูปแต่งงานของเราไปไหนแล้วคะ” หนึ่งฤทัยถามเพื่อลองเชิงเขา “ผมให้คนงานเก็บออกไปหมดแล้วครับ” ศิลาบอกไปตามตรง “เอาออกทำไมคะ สวยดี” หนึ่งฤทัยประชดเขา ถึงจะไม่บอกแต่ศิลาก็รู้ “เอาไว้เราถ่ายกันใหม่นะ” “เราเคยถ่ายรูปด้วยกันด้วยเหรอคะ” หนึ่งฤทัยถาม “ไม่เอาน่าคุณ อย่าชวนทะเลาะสิครับ” “ชวนทะเลาะเหรอคะ ตรงไหนคะที่ชวนทะเลาะ ฉันถามเพราะฉันจำไม่ได้ว่าเราเคยถ่ายรูปด้วยกันด้วยเหรอ” หนึ่งฤทัยถามตาใส “ผมรู้ว่าคุณกำลังประชดผม” “ประชดเหรอคะ ฉันมีสิทธิ์ทำแบบนั้นด้วยเหรอ” “เข้าห้องเถอะครับ อย่าเถียงกันต่อหน้าลูกเลย ยายแก้วกำลังจำ ผมไม่อยากให้ลูกเห็นภาพแบบนี้” “ไม่ได้ชวนทะเลาะค่ะ ฉันพูดความจริ
อาหารกลางวันผ่านไปด้วยดี หลายครั้งที่ศิลากับหนึ่งฤทัยสบตากัน มือสัมผัสกันบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะต้องดูแลลูก และทุกครั้งหนึ่งฤทัยจะเป็นคนชักมือกลับ เหมือนมือของศิลาเป็นของร้อน การเดินทางเริ่มต้นขึ้น เมื่อทั้งสามกลับขึ้นมานั่งประจำที่บนรถ ศิลาขับรถในขณะที่หนึ่งฤทัยกับลูกหลับไปพร้อม ๆ กัน หลายครั้งที่ตาคมเข้มปรายตามามองใบหน้าสวยของคนที่หลับสนิท ยอมรับว่าที่ผ่านมาเขามัวคิดแต่แก้แค้น จนหลายอย่างในชีวิตพลาดไป โดยเฉพาะเรื่องของเธอกับลูก ความสุขและความอบอุ่นที่เคยได้จากเธอ เขาเคยคิดว่าเป็นเพราะความใคร่และอารมณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้น แต่ศิลารู้แล้วว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเขา ทั้งก่อนหน้านั้นและตอนนี้ มันคือความรู้สึกเดียวกัน บอกตัวเองว่าเกลียดเธอ แต่แท้จริงแล้วเขาใช้คำว่าเกลียดเพื่อปิดบังความขี้ขลาดในหัวใจ เขาขี้ขลาดเกินกว่าจะยอมรับได้ว่าเขารู้สึกดีกับเธอ ขับรถไปมองหน้าคนนั่งข้าง ๆ มองลูกที่หลับอยู่เบาะหลัง มันมีความสุขอย่างนี้นี่เอง โอกาสมาถึงมือเขาแล้ว เขาจะไม่ปล่อยให้หลุดมือไปอีก “ถึงไหนแล้วคะ” หนึ่งฤทัยถามเมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วพบความมืด ร่างบางขยับอย่างเมื่อยขบเธอหลับยาวขนาดนี้เ
“หนึ่ง หนึ่ง นะ...หนึ่ง” ศิลาเรียกคน ที่วิ่งหนีเขาเข้าไปในห้อง ร่างสูงยืนพิงห้องอยู่อย่างนั้น จนได้สินะทนมาตั้งนาน สุดท้ายก็ทนไม่ไหว แล้วต่อไปนี้เขาจะทำยังไง เพราะเธอคงตกใจ และระแวงเขาแล้วหนึ่งฤทัยวิ่งไปที่เตียงนอน ถอนหายออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวขึ้นเตียง ล้มตัวลงนอนข้างลูก ศิลากลับไปหรือยังเธอไม่รู้ แต่สิ่งที่เขาทำไว้ ทำให้หัวใจของเธอเต้นระส่ำ พยายามข่มตาให้หลับ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น ทำให้เธอนอนไม่หลับ “กลับดึกเลยนะครับคุณหิน” มนตรีถามเมื่อเจ้านายเปิดประตูเข้ามา “ทำไมยังไม่นอน” ศิลาถาม “ผมเคลียร์งานนะครับ” “อืม...” “คุณหินครับ วันนี้คุณภากรมาที่บริษัทครับ” มนตรีรายงานให้เจ้านายรู้ “ลูกสาวเขาเลือกฉันแล้ว จะมาวุ่นวายอะไรอีก” ตั้งแต่วันที่หนึ่งฤทัยออกจากโรงพยาบาล ภากรก็ออกจากบริษัทไป เพราะพ่ายแพ้ให้เขาอย่างราบคาบ “คิดถึงคุณกับลูกครับ” “คิดถึงแล้วทำไมไม่ไปหาที่คอนโด กูไม่ได้ห้ามนี่” “ก็นั่นแหละครับ คุณภีมคงมีแผนอย่างอื่น” “จะมามีแผนอะไรกับกูอีก ลูกหลา
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารไม่ได้เครียด อย่างที่หนึ่งฤทัยกลัวในตอนแรก เพราะมีแก้วตาเป็นคนเชื่อมความสัมพันธ์ หลายครั้งที่ตาสองคู่และเป็นหนึ่งฤทัยที่ต้องหลบตาเขา “ขอโทษ” จังหวะที่มือของทั้งสองชนกัน เพราะจะตักกับข้าวอย่างเดียวกัน ศิลาก็เอ่ยขอโทษเพราะมือของเขาจับมือของเธอเข้าเต็ม ๆ “ไม่เป็นไรคะ” หนึ่งฤทัยเอ่ยพร้อมกับดึงมือกลับ แล้วเอื้อมไปหยิบช้อนในจานอื่น ใจของทั้งสองก็ตรงกันเพราศิลาก็จะตักจานนั้นเหมือนกัน ต่างคนต่างชักมือกลับ ใบหน้าสวยร้อนขึ้น ก่อนจะหันไปเช็ดปากลูกเพื่อแก้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้ “ผมตักให้คุณดีกว่า” พูดจบศิลาก็ตักต้มจืดใส่จานให้เธอ “ขอบคุณค่ะ” หนึ่งฤทัยเอ่ยขอบคุณแล้วสนใจลูกที่นั่งอยู่ข้าง ๆ มากกว่าอาหารที่อยู่บนโต๊ะ อยู่ ๆ หัวใจก็เต้นคร่อมจังหวะขึ้นมาเสียอย่างนั้น “เอาลูกชิ้นค่ะ” แก้วตาพูดพร้อมกับชี้ไปที่ลูกชิ้นในชามต้มจืด ศิลาตักลูกชิ้นและเต้าหู้ไข่ใส่จานให้ลูก “ขอบคุณค่ะ” แก้วตาเอ่ยขอบคุณพ่อ “หนึ่ง...” “คะ” ร่างบางสะดุ้ง เมื่ออยู่ ๆ ศิลาก็เรียกชื่อเธอ “เปล่า ๆ ผมจะบอ







