Masukเสียงทักทายอย่างไม่เป็นมิตรแฝงไปด้วยความเย้ยหยันเมื่อร่างของรมิตาเดินมาถึงที่โต๊ะ สายตาเหยียดมองจ้องหาเรื่องเต็มร้อย แม้แฟนหนุ่มของเธอจะห้ามเท่าไหร่รมิตาก็ไม่ยอมฟัง เพราะภายในร่างกายของรมิตานั้นร้อนเป็นไฟ บวกกับแอลกอฮอร์ผสมอยู่พอสมควร เธอจะต้องปิดเกมบ้าบอนี้ให้ได้
“แล้วคุณคิดว่าจะเจอดิฉันที่ไหนหรือคะ...ที่นอกจากเพนท์เฮ้าส์สุดหรูของคุณพริษฐ์แล้ว...ดิฉันเองก็ไม่ค่อยจะมีที่ไปสักเท่าไหร่เลยค่ะ...ช่วยแนะนำหน่อยสิคะ”
นันท์นลินก็มีฤทธิ์ของแอลกอฮอร์อยู่ในร่างกายไม่น้อยเลยทีเดียว บวกความกล้าที่มีอยู่ทุนเดิมอยู่แล้ว ก็ยิ่งเหมือนสุมไฟเพิ่มเข้าไปอีก
“แก! มันจะมากเกินไปแล้วนะ...แกคิดเหรอว่าธัญญ์เลี้ยงแกไว้และปล่อยให้อยู่สุขสบายแบบนี้...แล้วแกจะมากล้ามาพูดแบบนี้กับฉัน!”
ความโกรธแล่นปรี๊ดขึ้นมาทันที เมื่อเจอความพูดตอกกลับจากอีกฝ่าย
“แล้วดิฉันจะต้องพูดแบบไหนกับคุณล่ะคะ...ในเมื่อคุณกลับไปถามแฟนของคุณแล้ว คำตอบที่ชัดเจนแบบนั้น คุณก็น่าจะรู้แล้วนะคะ จะต้องให้ดิฉันตอบแบบไหนถึงจะตรงใจคุณคะ”
ใบหน้าสวยเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่เกรงกลัวใดๆ ความมึนตึงเพราะฤทธิ์ของเครื่องดื่มทำให้นันท์นลินแสดงความกล้าของตัวเองออกมาแบบไม่สนใจใครใดๆ ทั้งสิ้น
“แก! รู้จักฉันน้อยไปแล้ว อีนังหน้าด้าน!”
สึ่บ! น้ำสีเหลืองอำพันเกือบเต็มแก้วถูกสาดเข้าไปทันทีที่ใบหน้าของนันท์นลิน
“เฮ้ย!” เสียงร้องของภรัณยูดังขึ้นอย่างตกใจ พร้อมกับรีบกระชากแขนของรมิตาทันที
“พระพาย!” นารารัตน์รีบประกบเพื่อนสาว เหตุการณ์ค่อนข้างเร็ว จนทุกคนไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ
“ปล่อยฉันนะ! ไอ่บ้า! แกจะมาจับฉันไว้ทำไม! ไปจับเพื่อนแกนู่น! ร่านดีนัก! เป็นไงรู้จักฉันน้อยเกินไปแล้ว...ปล่อยนะ!”
รมิตาดิ้นสุดฤทธิ์เพื่อจะให้ตัวเองหลุดพ้นจากพันธนาการ
“หยุดเจนิส!!”
เสียงทุ้มของชายหนุ่มตะคอกออกมาดังลั่น เพื่อต้องการยุติแฟนสาวของตัวเอง พริษฐ์คอยดูเหตุการณ์นี้อยู่ก่อนแล้ว จึงรีบพรวดเข้ามาอย่างทันที
“ไม่ค่ะ! อีนังนี่มันยั่วเจนิสเอง! สมแล้วต้องเจอซะบ้าง! ความร่านของแกจะได้ลดลง”
“มันไม่ลดลงหรอกค่ะ...เพราะแอลกอฮอร์แค่นี้มันล้างความร่านของดิฉันไม่ได้หรอก...ไม่ระคายเคืองสักนิด...ใช่มั้ยคะคุณพริษฐ์...เจ้าหนี้ของสุดที่รักของฉัน”
มือบางสอดเข้าไปควงแขนชายหนุ่มทันทีพร้อมกับเบียดร่างแนบชิดอย่างจงใจ นันท์นลินไม่ใช่นางเอกในละครนะที่จะต้องยอมตลอด ขอโทษเรื่องนี้บังเอิญเธอคือนางร้าย
“กรี๊ดดดดดดด! แก! อีบ้า!”
รมิตาดิ้นพล่าน! กรีดร้องเสียงดังจนผู้คนหันมามองอย่างสนใจ พนักงานของคลับรีบวิ่งเข้ามาในเหตุการณ์ แต่เมื่อเห็นภรัณยูผู้เป็นเจ้าของคลับกำลังหิ้วปีกสาวบ้าพลังคนนั้นก็พากันโล่งใจ
“พอเถอะเจนิส! กลับบ้าน คุณทำแบบนี้จะได้อะไร”
พริษฐ์กำลังงงๆ กับเหตุการณ์ของลูกหนี้สาวของเขาที่เกาะแขนเขาเอาไว้แน่น ‘เธอนี่แสบไม่เบาเลยนะ...สาวน้อย’
“ไม่! ธัญญ์จะให้มันเกาะแขนทำไม! เอามันออกเดี๋ยวนี้!”
“คืนนี้พระพายกลับด้วยนะคะธัญญ์...พระพายอยากใช้หนี้คุณแล้วค่ะ...นะ...นะคะ”
นันท์นลินสวมบทบาทนางร้ายเต็มขั้น เพราะฤทธิ์น้ำเมามันทำให้เธอแสดงความก๋ากั่นออกมาแบบไม่ยั้ง จนเพื่อนที่ยื่นอยู่ข้างออกอาการค้างไปโดยปริยาย
“นี่! ปล่อยฉันนะ! แกจะมาจับฉันไว้ทำไมไอ่บ้า! เอามือสกปรกของแกออกจากตัวฉันไปเดี๋ยวนี้! แกคงเป็นผัวของมันล่ะสิ ถึงได้ปกป้องมันแบบนี้...ธัญญ์เงียบอยู่ทำไมคะ ช่วยเจนิสหน่อยสิคะ”
“ผู้หญิงบ้าอะไรปากหมาชะมัด! แบบนี้ไงล่ะเขาถึงไม่เอาคุณ...ต่อให้วางอยู่ข้างถนนก็คงไม่มีใครเอาคุณหรอก!”
ภรัณยูตอกกลับผู้หญิงที่เขากำลังพันธนาการเอาไว้ มือหนาจับแขนทั้งสองข้างของเธอเอาไว้ ถ้าเขาปล่อยตอนนี้ รับรองเพื่อนของเขาคงแหลกไม่มีชิ้นดีแน่ๆ ‘ยัยหมาบ้า!’
“นะคะคุณธัญญ์...พระพายอยากกลับบ้านแล้วค่ะ ไปกันเถอะค่ะ...พระพายอยากใช้หนี้คุณแล้วค่ะ”
ความกล้าในระดับเกินร้อยของนันท์นลินมีมากถึงขนาดลากแขนชายหนุ่มที่กำลังงงงวยกับสงครามของหญิงสาวเดินก้าวตามออกไปเกือบจะทันที ถ้าไม่มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นก่อน
“ไม่ธัญญ์! กรี๊ดดด! ปล่อยฉันนะ!”
“เดี๋ยวผมพาเธอไปส่งเองครับ!”
ภรัณยูสวมบทเพื่อนรักตบเท้าแท็คทีมกัน แก้แค้นทันที พร้อมกับลากม้าพยศที่ดิ้นไม่ยอมหยุดเดินหลบออกไป ทั้งที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะพายัยหมาบ้านี้ออกไปที่ไหน บ้านของเธออยู่ที่ไหนเขายังไม่รู้เลย ขอพาเธอออกมาก่อน ไม่งั้นคนหายหมดคลับเขาแน่ๆ
“ไอ้รัณ!” นารารัตน์ยืนตะลึงกับเหตุการณ์มองซ้ายทีขวาที
“นะคะธัญญ์…พระพายอยากจะใช้หนี้คุณแล้วค่ะ”
พูดจบนันท์นลินก็กระชากแขนของชายหนุ่มออกมาจากตรงนั้นทันที ตอกย้ำความร้ายกาจของนางร้ายป้ายแดงที่ช่วงชิงพระเอกจากนางเอกได้สำเร็จ!
“เอ่อ...คุณพริษฐ์ไม่ต้องห่วงค่ะ เดี๋ยวพวกเราไปส่งเธอเองค่ะ”
นารารัตน์ตะโกนออกไปเพื่อช่วยเพื่อนนางร้ายของเธอ อีกแรงบนความงงงวยที่ยังมึนงง...
“แก! ไอ่บ้า! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ! กรี๊ดดดด! ช่วยด้วยค่ะ กรี๊ดดดดดด! ไอ่บ้า! ไอ่สกปรก! ไอ่แมงดา! ไอ่...”
เสียงร้องของรมิตาดังจนแสบแก้วหูทั้งที่เจ้าตัวกำลังโดน หิ้วปีกออกมาด้านนอก
“ปากอย่างนี้ไง! ยัยบ้า! ถึงไม่มีใครเขาเอาเธอ!”
ภรัณยูด่ากลับทันที
“แกจะเอายังไงรัณ...”
นารารัตน์ตามมาติดๆ เอ่ยถามเพื่อนของเธอ ดูแล้วไม่น่าจะปล่อยเธอได้เลย แผลงฤทธิ์ดิ้นพล่านแบบสุดๆ
“ต้องรอสักพัก...ปล่อยไม่ได้หรอก เดี๋ยวได้ขับรถตามไปหาพระพายอีก! จับไว้แบบนี้แหละ!”
“แก! พวกแกทำกันเป็นทีมเหรอ! อย่าให้ฉันหลุดออกไปได้นะ! ฉันจะแจ้งตำรวจมาจับพวกแกเข้าคุกให้หมดเลยคอยดู! ปล่อยนะ! ไอ่บ้า! ปล่อยฉัน!”
“ผมจะปล่อยคุณได้ยังไง! ดิ้นเป็นหมาบ้าแบบนี้! ผู้หญิงอะไรวะ!”
ภรัญยูเริ่มเดือดขึ้นเรื่อยๆ นี่แหละผู้หญิงที่ทำตัวไร้คุณค่าแบบนี้ ถึงไม่มีใครเขาสนใจ สวยแค่เพียงภายนอก จิตใจกลับใช้ไม่ได้เลย
“แก! กรี๊ดดดดดด!!!!”
“โอ้ย!! รัณ! แกจะทำอะไรก็รีบทำดิวะ ทำให้เธอเงียบเสียงซะที! ฉันว่าเราจับเธอมัดไว้ดีกว่า หรือเอาเข้าไปไว้ในรถดีมั้ย อยู่ข้างนอกแบบนี้ คนมองกันใหญ่แล้ว”
นารารัตน์ผู้อยู่ในเหตุการณ์ชุลมุนอันน่าหวาดเสียวนี้ แนะนำเพื่อนชายของเธออย่างไม่รู้จะหาวิธีไหนได้อีกแล้ว
“เออ...ดีเหมือนกันฉันแสบแก้วหูหมดแล้วเนี่ย! แกไปเปิดรถและติดเครื่องรถรอฉันหน่อย”
“ไม่นะ! ปล่อยฉัน! แก!”ในเมื่อข้อมือของเธอถูกมัดเอาไว้ รมิตาก็ใช่ว่าจะยอมแพ้เสียเมื่อไหร่ เท้าของเธอทำงานแทบจะทันที ทั้งเตะทั้งถีบแบบทุลักทุเลภายในรถยนต์คันหรูสีดำที่ติดฟิล์มดำสนิททั้งคันกับแอร์เย็นฉ่ำ “เธอนี่มันวอนหาเรื่องจริงๆ พับผ่าสิ!!” เสียงของภรัณยูคำรามออกมา เขาไม่คิดว่าคืนนี้จะเป็นคืนที่หนักหนาที่สุดในชีวิตของเขา จากนี้ไปเขาคงหลีกหนีผู้หญิงไปสักพัก “แกก็ปล่อยฉันสิ!”เสียงหอบหายใจกระเส่า รมิตาเริ่มหมดแรงตอนนี้สภาพของเธอที่นั่งอยู่ตักของชายแปลกหน้า อกกระเพื่อมไหวภายใต้บราตัวจิ๋ว ทำให้สายตาคมจ้องมาที่เต้าใหญ่คู่นั้นทันที “ปากดีขนาดนี้โดนสักที ก็คงจะดีนะ!” ภรัณยูเริ่มมีความคิดใหม่แทรกเข้ามา สายตาคมกวาดไปทั่วเรือนร่างอันขาวโพลนที่อยู่บนตักของเขา ลมหายใจร้อนสะดุดเข้าที่สองเต้าขาวที่กระเพื่อมขึ้นลงไปมาตามแรงหายใจของเจ้าตัว “ไอ้แมงดา! อย่างแก! ฉันไม่เอาหรอก! อย่าได้แม้แต่จะคิด!” “อ่อ...ปากดีให้ตลอดล่ะกัน! ไอ่แมงดาคนนี้แหละ! จะทำให้เธอร้องไม่หยุด!”สิ้นประโยค มือหนาก็ยกร่างของเธอคร่อมกับบนตักเขาในสภาพที่เขานั่งพิงอยู
ภรัณยูเห็นด้วยกับเพื่อนหมดแล้วตอนนี้ เขามองไม่เห็นทางที่จะกลบเสียงร้องของยัยม้าพยศนี้ได้ยังไง “กรี๊ดดดด! ฉันไม่ไป! แกปล่อยฉันเดี๋ยวนี้! ธัญญ์! ธัญญ์คะ”เสียงหวีดร้องคร่ำครวญพร้อมกับความเสียใจที่มีต่อคนรักของเธอตอนนี้มันชัดเจนแล้ว พริษฐ์ไม่ได้รักเธอแล้ว คนรักของเธอเลือกอีนังผู้หญิงคนนั้น ไม่ได้รักรมิตาอีกแล้ว... “มานี่! หยุดร้องได้แล้ว! ผมเหนื่อยแล้วนะ” “แกก็ปล่อยฉันสิ! ไอ้แมงดา!”รมิตาใช้คำพูดหยาบคายด่าทอผู้ชายที่จับเธอไว้แน่น เพื่อหวังให้ชายหนุ่มนี้หมดความอดทน “ยัยผู้หญิงปากปลาร้า! อึ่ม!”ภรัณยูพยายามนับหนึ่งถึงร้อย กลั้นความโกรธอย่างที่สุด มือหนาบีบแขนของเธอเอาไว้แน่น เกิดมาก็ไม่เคยเจอ ผู้หญิงอะไรบ้าชะมัด “รัณ! แกพาเธอเข้าไปเถอะ ฉันจะรออยู่ข้างนอก ไม่ไหวจริงๆ แก้วหูจะแตกแล้ว”นารารัตน์ขับรถมาจอดตรงหลังคลับ ที่ห่างไกลผู้คนพอสมควร พร้อมกับร้องเรียกเพื่อนของเธอ วิธีนี้อาจจะช่วยกลบเสียงยัยหมาบ้านี้ได้ “โอเค เส้นด้าย! แก้วหูฉันระเบิดแล้วเหมือนกัน!” “อีนังบ้า! แกเป็นเพื่อนกับอีนังหน้าด้าน พวกแกกักขังหน่วงเหนี่ยวฉัน! อย่
เสียงทักทายอย่างไม่เป็นมิตรแฝงไปด้วยความเย้ยหยันเมื่อร่างของรมิตาเดินมาถึงที่โต๊ะ สายตาเหยียดมองจ้องหาเรื่องเต็มร้อย แม้แฟนหนุ่มของเธอจะห้ามเท่าไหร่รมิตาก็ไม่ยอมฟัง เพราะภายในร่างกายของรมิตานั้นร้อนเป็นไฟ บวกกับแอลกอฮอร์ผสมอยู่พอสมควร เธอจะต้องปิดเกมบ้าบอนี้ให้ได้ “แล้วคุณคิดว่าจะเจอดิฉันที่ไหนหรือคะ...ที่นอกจากเพนท์เฮ้าส์สุดหรูของคุณพริษฐ์แล้ว...ดิฉันเองก็ไม่ค่อยจะมีที่ไปสักเท่าไหร่เลยค่ะ...ช่วยแนะนำหน่อยสิคะ”นันท์นลินก็มีฤทธิ์ของแอลกอฮอร์อยู่ในร่างกายไม่น้อยเลยทีเดียว บวกความกล้าที่มีอยู่ทุนเดิมอยู่แล้ว ก็ยิ่งเหมือนสุมไฟเพิ่มเข้าไปอีก “แก! มันจะมากเกินไปแล้วนะ...แกคิดเหรอว่าธัญญ์เลี้ยงแกไว้และปล่อยให้อยู่สุขสบายแบบนี้...แล้วแกจะมากล้ามาพูดแบบนี้กับฉัน!”ความโกรธแล่นปรี๊ดขึ้นมาทันที เมื่อเจอความพูดตอกกลับจากอีกฝ่าย “แล้วดิฉันจะต้องพูดแบบไหนกับคุณล่ะคะ...ในเมื่อคุณกลับไปถามแฟนของคุณแล้ว คำตอบที่ชัดเจนแบบนั้น คุณก็น่าจะรู้แล้วนะคะ จะต้องให้ดิฉันตอบแบบไหนถึงจะตรงใจคุณคะ”ใบหน้าสวยเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่เกรงกลัวใดๆ ความมึนตึงเพราะฤทธิ์ของเครื่องดื่มทำให้นันท์น
“อะไรของแกรัณ! อยู่ดีๆ ก็พูดอะไรบ้าๆ ขึ้นมา”นารารัตน์มองเพื่อนชายสุดเฮ้วของเธอ ภรัณยูเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างมุทะลุ บ้าดีเดือด ผิดกับรูปลักษณ์ของตัวเองเป็นอย่างยิ่ง หล่อ ขาว คม ริมฝีปากสีชมพูอ่อนๆ รูปร่างสูงโปร่งแต่ไม่ถึงกับผอม อกแกร่งกำยำ หุ่นค่อนข้างไปทางสำอางมากกว่าที่ออกแนวชายชาตรี ทำให้ผู้หญิงนับร้อยนับพันมองเพื่อนของนารารัตน์เป็นเกย์มาตลอด “ก็หมายถึงเธอคนนั้น ที่เป็นแฟนของนายพริษฐ์นั่นไง ก่อนหน้านี้เธอจะหาเรื่องพระพายอยู่ไม่ใช่เหรอ...ฉันจะอาสาจัดการให้ เธอจะได้ไม่มายุ่งกับพระพายอีก” “รัณ! นี่แกจะบ้าหรือไง คิดอะไรไม่ออกแล้วใช่มั้ย แกถึงใช้วิธีแบบเผด็จการของแกน่ะ” “พระพายไม่เป็นอะไรหรอกรัณ...ขอบคุณรัณมากเลยนะที่จะช่วยพระพาย...จริงๆ เธอจะโมโหก็ไม่แปลกหรอก เพราะเธอก็ต้องหึงหวงแฟนของตัวเองเป็นเรื่องธรรมดา เป็นใครก็ต้องโกรธกันทั้งนั้นพระพายเข้าใจ” “โอเค...ถ้าพระพายไม่เป็นไรก็ดีแล้ว...รัณเองจะได้สบายใจ เอ้า...ดื่มกันบ้างสิ...ไหนๆ วันนี้เราก็มาเจอกัน...ในรอบเท่าไหร่นะ...รอบสองเดือนน่าจะใช่...มาๆ ชนแก้ว!” “นานจนจำไม่ได้แล้วสิรัณ...โอเค...ด
เสียงร้องครวญอย่างเจ็บปวด พรินทร์ไม่คิดว่ามันจะเจ็บขนาดนี้ ในหัวของเธอก่อนหน้านี้คิดว่ามันคงสุขสมและเสียวซ่าน แต่ทว่ามันกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดเลยสักนิด หัวใจของพรินทร์เริ่มเต้นแรงและถี่ขึ้นเรื่อยๆ อาการบางอย่างของเธอกำลังจะตามมา ริมฝีปากบางกัดเม้มเอาไว้เพื่ออดกลั้นกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น “ไม่!! โอ๊ะ! ผมก็ปวด! ธารา!”เสียงทุ้มรอดไรฟันออกมา เอวหนายกขึ้นสูงกดเน้นสะโพกกระแทกแท่งเหล็กฝ่าความคับแคบเข้าไปอย่างแรง! จนทำให้แท่งร้อนแกร่งนั้นทะลุทะลวงเยื้อกั้นเข้าลึกจนสุดลำ! สวบ! มังกรใหญ่กระแทกกระทั้นเสียงดังสนั่น! “กรี๊ดดดด! ไม่นะ! ปล่อย! ฮึก!”เสียงร้องของเธอดังพร้อมกับแท่งร้อนกระแทกเข้ามาช่องทางรักของเธอจนจุก “โอวว์ ซี๊ดดดด...อึ้มมม์ ปล่อยตัวตามสบายธารา!”เสียงหอบกระเส่าสั่งคนตัวเล็ก เมื่อเรือนร่างงามพยายามจะเด้งร่างตัวเองออก จนมือหนาต้องจับล็อคเอวบางเอาไว้แน่น! ตั่บ! เสียงมังกรใหญ่กระทุ้งกระแทกเสียงดังสนั่นจนร่างบางสั่นสะท้านสะเทือน “ฮึก! แต่มันจะ- เจ็บ!”เสียงร้องของหญิงสาวดังลั่นห้อง ช่วงล่างของเธอเจ็บปวดจนแทบแตกสลาย มือบ
คำหวานถูกหยอดอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีบางอย่างที่เป็นความจริง กวินกานต์ไม่ได้โกหกตรงที่เธอเป็นคนสวยและน่ารักเลย เพราะเธอคนนี้เป็นแบบนั้นจริงๆ ใบหน้าขาวนวลเนียนใส ดวงตากลมโตหวานซึ้ง ริมฝีปากบางอวบอิ่มสีชมพู มันทำให้กวินกานต์แอบหลงใหลเคลิบเคลิ้ม แต่ก็เป็นเพียงชั่วขณะชั่วครู่ เพราะว่า กวินกานต์นั้นรักนันท์นลินเกินกว่าที่จะมองหญิงอื่น เขารักนันท์นลินเพียงคนเดียวเท่านั้น สิ่งที่เขาแสดงตอนนี้คือการแก้แค้นเอาคืนนายพริษฐ์ ชายที่พรากคนที่รักไปจากเขา เวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง... “อื้อออ...” พึมพําอย่างเคลิบเคลิ้มของหญิงสาวดังขึ้น เมื่อริมฝีปากร้อนกำลังดูดดุนปากบางอย่างดุเดือด ร่างของพรินทร์ลอยเคว้งขึ้นไปในอากาศ กลุ่มผีเสื้อน้อยใหญ่โบยบินไปทั่วช่องท้อง อันเรียบแบนของเธอ ลิ้นหนาชอนไชเข้าไปในโพรงปากเล็ก เกี่ยวกวัดรัดลิ้นบางอย่างรุนแรงตามอารมณ์ที่กำลังกระเพื่อมไหว “ธะ-ธารา ผะ-ผม โอววว์”เสียงทุ้มครวญครางอย่างเจ็บปวด กวินกานต์ไม่คิดว่าร่างงามจะให้ความรู้กระสันถึงเพียงนี้ ความหวานอันดูดดื่มจากเรียวปากสวย ทำให้กวินกานต์ตกอยู่ในห้วงอารมณ์หวามอย่างง่ายดาย “คะ?” ใ







