ราชันย์สาวเอวสอบเข้าออกอีกสองสามครั้งเพื่อรูดน้ำรักออกจากปากแก่นกายให้หมดสิ้น ก่อนจะผละมือออกจาสะโพกกลมกลึงของกอหญ้า ค่อยๆ ถอดถอนแก่นกายออกจากช่อบุปผาอย่างช้า ๆ น้ำกามสีขาวขุ่นไหลทะลักออกตามมาเป็นทาง ราชันย์ใช้นิ้วแกร่งกรีดไปกลางบุปผาที่บัดนี้เจิ่งนองไปด้วยน้ำกามสีขาว ถูไถขึ้นลงทำให้แขนทั้งสองข้างของเธอหมดแรงฟุบลงกับพื้นเตียง
ยิ่งทำให้กลีบบุปผาของเธอถลาแล่นโผล่เด่นชัดต่อสายตาราชันย์ยิ่งขึ้น นิ้วแกร่งไม่อยู่นิ่งคอยกวาดขึ้นลงช้า ๆ ก่อนจะผลุบหยอกล้อ เข้าออกในโพรงบุปผาอีกครั้ง
“อื้อ!”
ราชันย์ชักนิ้วที่มีน้ำสีขาวขุ่นปะปนกับเมือกสีใสออกมามองตรงหน้า ก่อนจะตบก้นกลมกลึงของกอหญ้าให้นอนราบกับพื้นเตียงนุ่มดี ๆ เดินไปหยิบกระเป๋าเงินในกระเป๋ากางเกงออกมาควักแบงก์สีเทาออกมาหกเจ็ดใบ ก่อนจะโยนไปให้กอหญ้าที่นอนหมดแรงอยู่บนเตียง
“ไปซื้อยาคุมกินซะ แล้วก็ซื้อเสื้อผ้าดี ๆ มาใส่ซะ พรุ่งนี้จะพาไปทำงานที่กาสิโน แล้วคงรู้นะว่าถ้าเธอกล้าหนีไป พ่อเธอจะเป็นยังไง”
กอหญ้าที่ได้ยินว่ากาสิโนก็เด้งตัวลุกขึ้นทันทีแต่อาการแปลบปลาบที่ท้องน้อยรุนแรงกว่า ทำให้เธอลุกขึ้นมาแต่กลับต้องตัวงอเป็นกุ้งลงไปบนที่นอนดังเดิม เธอหันหน้าไปมองราชันย์ที่ตอนนี้ยืนตัวเปล่าเปลือยอยู่ปลายเตียง ก็ต้องเอามือปิดหน้าทันทีที่เห็นเจ้าโลกตัวใหญ่ที่มีท่าทีว่าจะสงบลงบ้างแล้วแต่ก็ยังชูชันตัวใหญ่เด่นสง่าอยู่ตรงหน้าของเธอ
“ทำเป็นไม่เคย จะเอาอีกสักรอบยังได้นะกอหญ้า มาขัดดอกทั้งทีก็ทำงานให้มันคุ้ม ๆ กับเงินห้าล้านหน่อย เฉพาะค่าตัวเธอเอาทีสองทีคงไม่คิดว่าจะครบห้าล้านไวหรอกนะ”
เขาพ่นคำพูดเหยียดหยามใส่เธอทำให้เธอรู้สึกหน้าชาทันที เธอได้แต่นอนนิ่ง ๆ รับคำดูแคลนจากบุคคลที่ขึ้นชื่อว่าเจ้าหนี้ของพ่อ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้พอเธอได้ยินเสียงราชันย์เดินเข้าไปในห้องน้ำ ทำให้เธอค่อย ๆ พยุงตัวขึ้นมาเอื้อมมือหยิบเงินที่เขาโยนให้แล้วค่อย ๆ ก้าวขาลงจากเตียงเก็บเสื้อยืดตัวโตที่เธอสวมขึ้นมาสวมอย่างทุลักทุเล
หยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดคราบน้ำที่ไหลเปอะเปื้อนลงมาตามขาของเธอ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูหลังห้องที่เธอตากชั้นในทิ้งไว้ ก็พบว่ามันยังไม่แห้งดีก่อนที่เธอก็หยิบมันมาสวมอย่างเลี่ยงไม่ได้ เธอเดินไปหากุญแจห้องกับคีย์การ์ดในกระเป๋ากางเกงของราชันย์ เมื่อได้มันมาตามแล้วเธอก็ค่อย ๆ เดินออกจากห้องปลายทางคือร้านขายยาซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าร้านขายยาอยู่ที่ไหน
เธอเองที่บัดนี้อยู่ในสภาพเสื้อยืดสีขาวตัวโต ด้านในสวมแค่บราเซียกับกางเกงชั้นใน ผมเผ้ารุงรังถูกมัดรวมแบบลวก ๆ กำลังเดินหาร้านยาอยู่นั้นยิ่งตามหาก็ยิ่งไกลจากคอนโดมากขึ้นบรรยากาศรอบตัวก็ยิ่งวังเวงมากขึ้น เธอเดินเข้ามาในซอยที่ไม่ได้มีแสงสว่างมากนักตามคำบอกทางของคนที่เธอเจอเมื่อสักครู่ เธอรู้สึกยิ่งเดินก็ยิ่งเปลี่ยวทำให้เธอตัดสินใจหันหลังเพื่อจะเดินกลับที่เดิม
และก็ต้องตกใจเมื่อด้านหน้าของเธอตอนนี้กลับมีกลุ่มชายฉกรรจ์ สามคนทำหน้าหื่นกระหายจ้องมาที่ร่างกายของเธออย่างปิดไม่มิด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือผู้ชายที่เธอเพิ่งถามทางไปร้านขายยา เธอจำได้ดีและตอนนี้เธอก็รู้แล้วว่าเธอถูกหลอกให้มาในซอยเปลี่ยว กอหญ้าหันซ้ายหันขวาหาลู่ทางหนีแต่ร่างกายก็ไม่อำนวยเท่าไหร่ ความรู้สึกเจ็บแปลบที่ช่องทางรักมาเป็นระยะปนเปมากับความรู้สึกปวดหน่วงที่ท้องน้อยทำให้เธอทำหน้าเหยเก
ชายคนหนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ทำหน้าหื่นกระหายเดินไล่ต้อนเธอเข้ามา ทำให้เธอค่อย ๆ ถอยหลังไปเรื่อย ๆ อีกสองคนด้านหลังชายฉกรรจ์ก็ค่อย ๆ เดินตามมาอย่างอุกอาจ จนแผ่นหลังของเธอปะทะกับกระเบื้องเย็น ๆ ทำให้กอหญ้าสะดุ้งตัวโยนทันทีฝ่ามือสาก ๆ จากชายฉกรรจ์คนหนึ่งเอื้อมมาลูบไล้ใบหน้าของกอหญ้าอย่างกระหาย ไม่ว่าเธอจะปัดป้องแค่ไหนก็ไม่มีท่าทีว่าจะหลุดพ้นและเมื่อเธอต่อต้านมากยิ่งขึ้นชายอีกสองคนจึงวิ่งกรูมาจับแขนทั้งสองข้างของเธอทันทีที่เธอเริ่มปัดป่ายแรงขึ้น มือหนาของชายฉกรรจ์เริ่มลูบไล้จากใบหน้า ลงมาเรื่อย ๆ
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย!!”
“เรียกไปก็ไม่มีใครมาช่วยหรอก ตรงนี้ถิ่นพวกพี่นะน้องสาว”
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย ช่วยด้วย!!”
ตุ๊บ! ตุ๊บ!
“มาเดินอ่อยผู้ชายอะไรแถวนี้”
“เห้ย! มึงเป็นใครวะ! มายุ่งอะไรเรื่องผัว ๆ เมีย ๆ”
“ผัว เมีย?”
“เออ! นังนี่มันเมียกู มันอยากสวิงกิ้งแบบเอาทดอร์กูเลยพามันมาจัดสักหน่อย”
“ไม่ยักกะรู้ ว่าเธอเป็นเมียมัน? ..แล้วที่เอากันมาเมื่อกี้ ฉันก็เป็นชู้นะสิ”
“คุณราชันย์ช่วยกอหญ้าด้วย ปล่อยมือฉัน! มันเจ็บ!!”
“ราชันย์?”
“มีปัญหาอะไรกับชื่อฉัน?”
‘ใช่ว่ะ ราชันย์เจ้าของกาสิโนที่มึงทำงานไง เหี้ยแล้วไหมมึง เล่นใครไม่เล่น เล่นเด็กมาเฟีย กูไปละเว้ย’
หลังจากที่พวกมันกระซิบกระซาบกันสักพัก อยู่ ๆ พวกมันก็พากันวิ่งกรูออกไปทันทีดั่งกับผึ้งแตกรัง ทิ้งไว้แค่กอหญ้าที่หมดแรงร่างกายร่วงหล่นไปกองที่พื้น ดั่งดอกไม้ที่ร่วงหล่นจากต้น จะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก จะสมน้ำหน้าตัวเองก็ไม่เต็มปาก ชีวิตที่ต้องมาพบเจอแต่เรื่องบัดซบอะไรแบบนี้ มันทำให้เธอจมดิ่งอยู่กับที่ ความรู้สึกที่สลายแทบทุกอย่าง แม้จะรับรู้ว่าราชันย์ไม่ได้มองเธอในมุมที่ดีมากเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยเธอก็ยังสบายใจที่เขามาช่วยได้ทันพอดี
เธอนึกไม่ออกเลยว่าถ้าเขาไม่เดินเข้ามา เธอจะต้องตกอยู่ในสภาพไหน เธอไม่ได้แหงนมองหน้าเขา และไม่รู้ว่าเขาทำตัวแบบไหน สายตายังไง ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสักพัก ก่อนที่จะได้ยินเสียงจุดไฟแช๊กหนึ่งครั้ง กับกลิ่นบุหรี่ที่ลอยตามลมมา ไม่ต้องเดาเลยว่าเขาคงไม่สบอารมณ์มาก ๆ อาจจะเป็นเพราะเธอสร้างปัญหา ในเมื่อไม่อยากให้เขาต้องโมโหแล้วไปลงที่พ่อของเธอ เธอจึงค่อย ๆ พยุงตัวเองให้ยืนขึ้นเพื่อจะเดินตามหาร้านขายยาอีกครั้ง
แต่เมื่อเธอลุกขึ้นมาได้แล้วด้วยสภาพเซไปเซมา มือหนาก็ตะปบเข้าที่แขนของเธออย่างแรงทำให้ร่างกายและจิตใจที่เสียขวัญสะดุ้งตกใจจนน้ำตาไหลร่วงมาทันที เมื่อเธอหันไปมองเห็นว่าเป็นมือของราชันย์เธอถึงรู้สึกสงบขึ้นมานิดหน่อย ราชันย์ที่เห็นใบหน้าและแววตาตื่นตระหนกของเธอก็ค่อย ๆ คลายมือลงก่อนจะโยนบุหรี่ในมือทิ้งลงพื้นอย่างไม่ไยดี ค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้กอหญ้าเล็กน้อยก่อนจะแบมือไปที่ตรงหน้ากอหญ้า
“คะ?”
กอหญ้าคลานขึ้นมาบนเตียงที่มีราชันย์นอนหน้ามุ่ยคอหักดั่งปลาทูแม่กลอง ก่อนจะมุดเข้าไปในผ้านวมผืนหนา มือเล็กลูบไล้ขาแกร่งของราชันย์อย่างเบามือ รับรู้ได้ว่าราชันย์เองก็เกร็งขาเป็นระยะ แต่ยังทำท่าทีไม่สนใจเมียเหมือนเดิมมือเล็กของกอหญ้าเลื่อนไปปลดเข็มขัดของเขาออก ปลดกระดุมกางเกงช้า ๆ รูดซิปออกก่อนจะดึงกางเกงของผู้ชายใต้ร่างของเธอออกอย่างง่ายดาย เหลือเพียงกางเกงในสีขาวแบรนด์ดังที่บัดนี้ปิดเจ้าโลกไว้ไม่มิดด้วยซ้ำ ราชันย์น้อยที่หัวเห็ดขนาดใหญ่โผล่พ้นออกมาจากขอบกางเกงใน ผงกหัวราวกับกำลังเชิญชวนให้เธอมาทำมิดีมิร้าย แต่เจ้าตัวกลับยังทำหน้ามุ่ยไม่สนใจ เพียงแค่ปลายนิ้วชี้ของเธอกระตุกทั้งกางเกงนอกกางเกงในของราชันย์ก็ถูกถอดออกโยนไปกองที่พื้นโดยที่ได้รับการช่วยเหลืออย่างไม่ขัดแม้แต่น้อยของเขามือเล็กของเธอกำเข้ากับเจ้าโลกที่ขยายเต็มที่ หัวเห็ดบานยั่วเย้าเหล่าแมลงมีน้ำหวานผุดออกมาจากปลายหัวเห็ดให้นิ้วชี้ของกอหญ้าได้ไล้วน สร้างความเสียวซ่านกระตุกถี่ กอหญ้าใช้ลิ้นอุ่น ๆ ไล้เลียไปที่หัวเห็ดบานจนทั่วยิ่งเธอวนรอบหัวมากเท่าไหร่ น้ำหวานที่ไหลเยิ้มก็ยิ่งผลิตออกมามากเท่านั้น ไล้เลียรอบหัวจนพอใจลิ้นของเธอก็ค่อย
“ค่ะเฮีย หญ้าได้ยินแล้ว เฮียดีใจเสียงดังไปแล้วค่ะ”“คุณแม่ฝากครรภ์เลยไหมคะ”“ฝากเลยค่ะ”“ได้เลยค่ะ”คนที่ดูจะตื่นเต้นสุดเหมือนจะเป็นผู้ชายข้าง ๆ มากกว่าเธอเสียอีก กอหญ้าที่เห็นราชันย์ดีใจมากก็ทำให้เธอยิ้มออกมาอย่างดีใจ เธอเองก็ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าเด็กผู้หญิงที่ครอบครัวล้มละลาย จะได้มีครอบครัวที่มีความสุขขนาดนี้ ผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดแต่จะรีบให้หมดเวลาสัญญา ผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเธอตกหลุมรักเขาโดยที่รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่แม้แต่จะชายตามอง ผู้ชายที่เธอไม่คิดว่าวันหนึ่งจะมายืนเคียงข้างเธอเป็นครอบครัวของเธอจริง ๆ“เฮีย”“ว่าไงจ๊ะเมียจ๋า”“หญ้ารักเฮียนะ”“เฮียก็รักหญ้า รักมาก ๆ รักที่สุดเลย”“แต่หญ้าเหม็นหน้าเฮียมากนะ”“…”“หญ้าว่าจนกว่าจะคลอด อยากให้เฮียอยู่ห่าง ๆ หญ้าหน่อยจะได้ไหมคะ”“แต่เฮียอะ..อยากอยู่กับหญ้าตลอดเวลาเลยจริง ๆ นะ”“อะแห่ม! เดี๋ยวเรื่องนั้นยังไงค่อยกลับไปตกลงกันเนอะ แต่ตอนนี้เรามาทำประวัติฝากครรภ์กันก่อนดีกว่าน๊า”ถึงแม้คุณหมอจะพูดแบบนั้น แต่แก้มหมอกลับยิ้มไม่หุบเมื่อเห็นความมุ้งมิ้งของสองสามีภรรยานี้ ยิ่งทำให้หมอยิ้มแก้มแทบปริ กอหญ้าเองก็ลืมตัวว่ายังอยู่ที่โรงพยาบาล ทำ
กอหญ้าไม่ได้พูดเล่น แต่เธอรู้สึกว่าราชันย์นั้นมีกลิ่นตัวที่ผิดจากปกติ เป็นกลิ่นที่เตะจมูกแบบแปลกกว่าที่ผ่านมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ยังคงใช้แชมพูกลิ่นเดิม ครีมอาบน้ำกลิ่นเดิม และน้ำหอมก็ยังคงกลิ่นเดิม แต่สองสามวันมานี้เวลาเจอราชันย์กลับมีกลิ่นที่แปลกไป แต่เธอไม่กล้าพอที่จะบอกกับเขา กลัวว่าผู้เป็นสามีของตนจะน้อยใจแต่พอยิ่งเห็นเขา อาการเหม็นกลิ่นตัวเขาก็ยิ่งจุกในอกมากขึ้นจนบางครั้ง ก็อยากที่จะเดินหนีเขาให้พ้น ๆ ต่างกันกับราชันย์ที่มีความต้องการที่อยากจะคลอเคลียนัวเนียกับผู้เป็นภรรยาตลอดเวลา อยากอยู่ใกล้อยากเห็นหน้าตลอดเวลา อยากจะไปไหนมาไหนทำอะไรด้วย เขารู้สึกว่ากลิ่นกายของกอหญ้าหอมเป็นพิเศษ และเป็นสิ่งเดียวที่เขาไม่รู้สึกคลื่นไส้เวลาพบเจอและเพียงแค่เขาออดอ้อนเมียได้ไม่นานนัก ความมวนท้องก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับความรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกที่คอ ยังไม่ทันที่จะได้เดินออกจากหน้าห้องน้ำ ราชันย์ก็หันหลังตรงดิ่งเจ้าไปกอดคอชักโครกสุดที่รักเช่นเดิม กอหญ้าเองถึงแม้จะเห็นความทรมานของราชันย์ก็เถอะ แต่พอเธอจะก้าวขาเข้าไปลูบหลังก็ต้องชะงัก เพราะเมื่อเห็นหน้าราชันย์เธอเองกลับรู้สึกคลื่นไส้มาเสียอย่างนั้น
พิเศษ ตอนที่ 3...“หม่ำ หม่ำ”เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยวัยหนึ่งขวบเศษ ที่กำลังนั่งเก้าอี้รอกินข้าวอย่างใจจดใจจ่อ โดยที่เก้าอี้ข้างกันนั้นยังมีเด็กชายพี่น้องฝาแฝดที่ทำหน้านิ่งมองหน้าอลิซที มองหน้าผู้เป็นพ่อที และเด็กน้อยก็รอเพียงไม่นานผู้เป็นแม่อย่างกอหญ้าก็เดินมาพร้อมกับอาหารสีสันสดใสน่ารับประทานนำมาวางไว้ที่เก้าอี้ ส่งผลให้เด็กน้อยอารมณ์ดีอย่างอลิซปรบมือดีใจยกใหญ่“หม่ำ หม่ำ”“โอเค ข้าวมาแล้วลูกสาวป๊าจะได้กินข้าวแล้ว”“อาร์เดนหิวข้าวมั้ยลูก”“…”ไม่มีเสียงตอบรับจากลูกชายของเธอมีเพียงตาตาที่ดุราวกับเสือร้ายที่จดจ้องมองไปที่จานข้าวอย่างไม่ละสายตา ดูท่าทางแล้วเขาจะได้ลูกชายที่ค่อนข้างเงียบมากมาคนหนึ่งแน่นอน กอหญ้าไม่ลีลาให้ลูกต้องรอนาน เธอส่งสัญญาณให้ราชันย์เริ่มป้อนข้าวลูกได้ ถึงแม้อาร์เดนจะมีท่าทีไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่ แต่พอเธอป้อนข้าวให้ก็ไม่มีท่าทีว่าจะไม่ทาน ผ่านไปเพียงไม่นานข้าวผัดสีสันสดใสก็หมดเกลี้ยงจานทั้งคู่ สร้างความพึงพอใจให้กับผู้เป็นแม่เป็นอย่างมาก“หม่ำ”และยังคงเป็นเช่นนี้ อาร์เดนจะส่งเสียงร้องขอก็ต่อเมื่อเห็นจานผลไม้เท่านั้น ครั้งนี้ก็เช่นกัน ลูกชายของเขาแลดูจะชอบผลไม
“ยังเลย”“ทำไมเธอดูตื่นเต้นขนาดนี้”“ทำอย่างกับนายไม่ตื่นเต้น”“ก็ไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่นะ”เพียงไม่นานประตูห้องคลอดก็ถูกเปิดออกโดยมีกลุ่มคุณหมอเดินออกมาสามสี่คน ทั้งคู่รีบวิ่งเข้าไปหาคุณหมอทันที“คุณหมอคะ คนไข้ที่เพิ่งเข้าไปเป็นยังไงบ้างคะ คลอดหรือยังคะ”“คุณแม่ยังไม่คลอดนะคะ ปากมดลูกยังไม่เปิด”“เธอเป็นยังไงบ้างคะ”“ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วค่ะ แต่เบื้องต้นอายุครรภ์ยังไม่ถึงกำหนด คลอดออกมาเด็ก ๆ อาจจะต้องเข้าตู้อบก่อนนะคะ”“ขอบคุณมากค่ะ”เวลาผ่านไปเกือบสามชั่วโมงก็ไม่มีท่าทีว่าเธอจะคลอด ทั้งธันวาและเว่ยเอินเองก็สลับกันลุกนั่ง วนอยู่หน้าห้องคลอด และไม่มีท่าทีจะคลอดง่าย ๆ ยิ่งทำให้เว่ยอินและธันวารู้สึกกังวลเพิ่มขึ้น“ไอ้ธัน”“มาสักที”“กอหญ้าเป็นไงบ้าง นานแล้วนะยังไม่คลอดอีกหรอ”“ยังเลย”“คุณเป็นใครคะ”“อ่อ..คนนี้เว่ยเอินที่เคยเล่าให้ฟัง..ส่วนนี่ราชันย์”“สวัสดีครับ”ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้ทำความรู้จักกัน ก็มีกลุ่มคุณหมอสามสี่คนรีบวิ่งมาที่หน้าห้องคลอด ทำให้ราชันย์เองก็ตกใจไปด้วยเขาคว้าข้อมือของหมอผู้ชายคนหนึ่งเอาไว้“เกิดอะไรขึ้นครับ”“คุณแม่มีภาวะครรภ์เป็นพิษครับ หมอขอตัวก่อนนะคร
เขาอุ้มกอหญ้าและเดินช้าๆ ให้เข้าไปนั่งรอในรถ ทางด้านเว่ยเอินเองเธอก็รีบวิ่งมาหอบหิ้วข้าวของอย่างพะรุงพะรังเข้าไปยัดไว้ในรถเช่นเดียวกัน ก่อนที่เธอกระโดดขึ้นรถด้วยความเร็วแสง เคาะเบาะรถเบา ๆ ให้ธันวานั้นขับรถออกไปอย่างรวดเร็วปลายทางคือโรงพยาบาล ถึงแม้โรงพยาบาลจะอยู่ไม่ไกลมากนักแต่ช่วงเวลานี้ รถบนท้องถนนย่อมมีมากกว่าปกติเพราะเป็นช่วงเวลาทำงานพอดีนั่นจึงทำให้รถของเขาที่กำลังจะมุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลนั้นเกิดการล่าช้าอย่างช่วยไม่ได้ ธันวาที่พยายามเหยียบคันเร่งรถอย่างเต็มที่เพื่อให้ไปถึงโรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุด ก็ต้องฟันฝ่ากับอุปสรรคบนท้องถนน คนข้างๆ เขาเองก็ต้องฝ่าอุปสรรคความเจ็บปวดที่รู้สึกได้เลยว่ามดลูกกำลังบีบตัวลง และเวลาต่อมาก็ยิ่งทำให้เธอตกใจเข้าไปอีก เมื่อเธอรู้สึกว่าเบาะที่เธอนั่งนั้นตอนนี้เปียกชุ่มไปด้วยน้ำที่เธอเองก็ไม่รู้ว่ามาจากไหน จะบอกว่าเธอฉี่แตกก็ไม่น่าจะใช่ เธอไม่รู้สึกเลยว่ามันไหลออกมาตอนไหน เมื่อรู้ตัวอีกทีมันก็เปียกชุ่มไปหมดแล้ว"น้ำเปียกเบาะหมดแล้ว""ห๊ะ! เดี๋ยวนะอย่าเพิ่งคลอดนะ บนรถอันตราย""คุณธันวาขับเร็วกว่านี้ได้ไหม เห็นไหมพี่หญ้าหน้าซีดหมดแล้ว""ฉันก็กำลังรีบอยู่"ใ