บทที่ 4
...
ราชันย์ไม่พูดเปล่า พร้อมกับเลิกเสื้อยืดสีขาวตัวโตขึ้นเผยให้เห็นเต้าอวบอิ่มสองเต้าปะทะสายตาเด่นชัด ผิวขาว ๆ ของเธอที่ปะทะกับแสงไฟมันช่างขาวผ่องอย่างหาที่ติไม่ได้ ราชันย์ไม่รอช้าใช้อุ้งปากงับยอดปทุมถันที่บัดนี้ชี้แข็งเป็นไตต้อนรับหายกระหายของเขา เขาดูดเม้มอย่างเมามันทำให้คนใต้ร่างสยิววาบหวามเป็นระยะ มือหนาก็ไม่อยู่นิ่งค่อย ๆ เลื่อนจากสองเต้าอวบอิ่มลงมาที่ช่อบุปผาแสนงามที่บัดนี้ได้เฉอะแฉะไปด้วยน้ำหวาน
นิ้วแกร่งกรีดผ่านตามรอยแยกช้า ๆ เน้น ๆ ยิ่งทำให้เธอตัวเกร็งเป็นระยะ นิ้วแกร่งค่อย ๆ เข้าไปในช่อบุปผาทีละน้อย ก่อนจะกดเข้าไปในร่องสวาทนั้นจนมิดนิ้วสร้างความเสียวกระสัน ก่อนจะค่อย ๆ ผลุบเข้า ผลุบออกช้า ๆ เนิบ ๆ เรียกเสียงครางจากเธอได้เป็นอย่างดี ริมฝีปากผละออกจากยอดปทุมถันพร้อมกับดึงเสื้อตัวโตทิ้งออกไปอย่างไม่ไยดี ริมฝีปากหนาบรรจงไล่จูบก่อนจะเลื่อนไล้ไปตามร่างกายของเธอ
สลับกับดูดดึงขบเม้มจนเกิดรอยสีกุหลาบเป็นทางตั้งแต่หน้าอกคู่โต ไล่ลงมาจนถึงช่อบุปผาสวยของเธอ เขาเหลือบมองร่างบางก็เห็นว่าเธอหลับตาพริ้มลิ้นสากของเขาจึงค่อย ๆ แตะไปที่กลีบบุปผาเบา ๆ ทำให้ร่างกายของเธอสะดุ้งโยนอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ลิ้นสากตวัดชิมความหวานจากสายธารน้ำที่พร้อมใจกันหลั่งไหลมาอย่างไม่ขาดสาย
ความหวานจากร่างกายของเธอช่างกระตุ้นอารมณ์ราชันย์เป็นอย่างดี ยิ่งลิ้นสากตวัดเร็วมากเท่าไหร่ สายธารของน้ำหวานก็ยิ่งไหลออกมามากเท่านั้น ฝ่ามือน้อย ๆ ของเธอเลื่อนมาสัมผัสที่เส้นผมของราชันย์เพื่อเป็นการระบายอารมณ์ ยิ่งเธอพยายามดันออกมากเท่าไหร่ ราชันย์กลับยิ่งรุกล้ำร่องสวาทของเธอมากเท่านั้น
เธอมีอาการกระตุกเกร็งจนแผ่นหลังของเธอนั้นแอ่นขึ้นโดยอัตโนมัติ ก่อนที่จะรู้สึกหมดเรี่ยวแรง ราชันย์ไม่รอช้าดูดดื่มกับน้ำหวานชั้นเลิศจนหมด ก่อนจะลุกขึ้นเพื่อจัดการถอดปราการขั้นสุดท้ายออก เผยให้เห็นแก่นกายที่ผงาดง้ำรอเข้าถ้ำอย่างใจจดใจจ่อ เขาไม่รอช้าจับเรียวขาของกอหญ้าให้แยกจากกันอีกเล็กน้อย ค่อย ๆ ดันเอวสอบของตัวเองเข้าไปที่กึ่งกลาง พาแก่นกายไปถูไถทักทายช่อบุปผาที่ตอนนี้เริ่มผลิตน้ำหวานมาอีกครั้ง
กอหญ้าที่นอนหายใจหอบเหนื่อย ลืมตาขึ้นมาดูทุกการกระทำของราชันย์ แม้ในหัวสมองจะสั่งให้ต่อต้าน แต่ร่างกายกลับตอบสนองต่อทุกการกระทำของเขาเป็นอย่างดี ราชันย์เหลือบมองหน้าเธออีกครั้ง ก่อนจะยัดมังกรเข้าถ้ำแบบพรวดเดียวมิดด้ามอย่างหื่นกระหาย
“กรี๊ดดดดด”
ราชันย์ไม่ได้สนใจเสียงกรีดร้องของเธอแม้แต่น้อย เอวสอบเร่งจังหวะเพิ่มขึ้น ๆ ทำให้ร่างบางใต้ร่างสั่นขึ้นลงไปตามจังหวะ จากความเจ็บปวดที่ได้รับบัดนี้ได้แปลเปลี่ยนเป็นความเสียวกระสัน เธอรับรู้ได้ถึงร่างกายตัวเองที่ผลิตน้ำหวานออกมาอย่างบ้าคลั่ง ปราวกับว่ามันผลิตออกมาเพื่อปลนเปลอให้กับราชันย์อย่างไรอย่างนั้น
ปึก ๆ ป๊าบ!
“อ๊ะ! อ๊าา~”
“อืมมม..”
เสียงร้องครวญครางของทั้งคู่ดังระงมไปทั่วทั้งห้องนอน ก่อนที่ราชันย์จะบดขยี้แก่นกายนั้นกับกรีบบบุปผาอย่างบ้าคลั่ง เขาเอื้อมมือไปคว้าเอวบางที่นอนหมดแรงขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว ก่อนจะถอดถอนแก่นกายออกแล้วจับกอหญ้าให้พลิกหันหน้าเข้าหาที่นอนในสภาพที่เธอหันหลังให้กับเขา มือทั้งสองข้างของเธอดันตัวเองขึ้นจากที่นอนเพื่อพยุงตัวไม่ให้ล้ม มือหนาของราชันย์จับสะโพกของเธอไว้แน่นทั้งสองข้าง ก่อนจะสวบยัดท่อนเอ็นเข้าออกอีกครั้งถี่ ๆ
อารมณ์ตอนนี้ของเขา แม้จะเอาช้างทั้งโขลงมาหยุดก็คงจะไม่ได้ ร่างบางสั่นเทาไปด้วยแรงส่งกระแทกกระทั้นหนักหน่วง อาการจุกที่ท้องน้อยปะปนไปกับอาการเสียวกระสันที่ได้รับยิ่งทำให้ร่างกายของเธอร้อนผ่าว เสียงบทเพลงโลกีย์ของทั้งคู่ดังเซ็งแซ่ไม่หยุด ยิ่งเธอรู้สึกอยากต่อต้านมากเท่าไหร่แต่กลับกลายเป็นว่าร่างกายตอบสนองมากเท่านั้น
แรงกระแทกกระทั้นจากบุคคลด้านหลังยิ่งส่งความถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ตามอารมณ์ของเขาที่พลุ่งพล่าน และร่างกายของเธอเองก็ตอบสนองเด้งรับท่อเอ็นของเขาอย่างอัตโนมัติ รับรู้ได้ถึงความเสียวแปลบปลาบจากแก่นบุปผา ยิ่งร่างกายเธอบิดเกร็งมากเท่าไหร่ เอวสอบก็ยิ่งเร่งความเร็วของมังกรให้เข้า ออกถ้ำมากขึ้นเท่านั้น
“อ๊ะ.. เสียว..คุณราชันย์ กอหญ้าเสียว..ไม่ไหวแล้ว อ๊ะ!”
“อยากเสร็จอีกทีก็เสร็จเลยกอหญ้า แม่งตอดแน่นชะมัด อืมม”
“เสียว..อ๊า..จะเสร็จแล้ว อ๊า..อื้อ!”
“โอ้ว..อื้ม!”
กอหญ้าคลานขึ้นมาบนเตียงที่มีราชันย์นอนหน้ามุ่ยคอหักดั่งปลาทูแม่กลอง ก่อนจะมุดเข้าไปในผ้านวมผืนหนา มือเล็กลูบไล้ขาแกร่งของราชันย์อย่างเบามือ รับรู้ได้ว่าราชันย์เองก็เกร็งขาเป็นระยะ แต่ยังทำท่าทีไม่สนใจเมียเหมือนเดิมมือเล็กของกอหญ้าเลื่อนไปปลดเข็มขัดของเขาออก ปลดกระดุมกางเกงช้า ๆ รูดซิปออกก่อนจะดึงกางเกงของผู้ชายใต้ร่างของเธอออกอย่างง่ายดาย เหลือเพียงกางเกงในสีขาวแบรนด์ดังที่บัดนี้ปิดเจ้าโลกไว้ไม่มิดด้วยซ้ำ ราชันย์น้อยที่หัวเห็ดขนาดใหญ่โผล่พ้นออกมาจากขอบกางเกงใน ผงกหัวราวกับกำลังเชิญชวนให้เธอมาทำมิดีมิร้าย แต่เจ้าตัวกลับยังทำหน้ามุ่ยไม่สนใจ เพียงแค่ปลายนิ้วชี้ของเธอกระตุกทั้งกางเกงนอกกางเกงในของราชันย์ก็ถูกถอดออกโยนไปกองที่พื้นโดยที่ได้รับการช่วยเหลืออย่างไม่ขัดแม้แต่น้อยของเขามือเล็กของเธอกำเข้ากับเจ้าโลกที่ขยายเต็มที่ หัวเห็ดบานยั่วเย้าเหล่าแมลงมีน้ำหวานผุดออกมาจากปลายหัวเห็ดให้นิ้วชี้ของกอหญ้าได้ไล้วน สร้างความเสียวซ่านกระตุกถี่ กอหญ้าใช้ลิ้นอุ่น ๆ ไล้เลียไปที่หัวเห็ดบานจนทั่วยิ่งเธอวนรอบหัวมากเท่าไหร่ น้ำหวานที่ไหลเยิ้มก็ยิ่งผลิตออกมามากเท่านั้น ไล้เลียรอบหัวจนพอใจลิ้นของเธอก็ค่อย
“ค่ะเฮีย หญ้าได้ยินแล้ว เฮียดีใจเสียงดังไปแล้วค่ะ”“คุณแม่ฝากครรภ์เลยไหมคะ”“ฝากเลยค่ะ”“ได้เลยค่ะ”คนที่ดูจะตื่นเต้นสุดเหมือนจะเป็นผู้ชายข้าง ๆ มากกว่าเธอเสียอีก กอหญ้าที่เห็นราชันย์ดีใจมากก็ทำให้เธอยิ้มออกมาอย่างดีใจ เธอเองก็ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าเด็กผู้หญิงที่ครอบครัวล้มละลาย จะได้มีครอบครัวที่มีความสุขขนาดนี้ ผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดแต่จะรีบให้หมดเวลาสัญญา ผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเธอตกหลุมรักเขาโดยที่รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่แม้แต่จะชายตามอง ผู้ชายที่เธอไม่คิดว่าวันหนึ่งจะมายืนเคียงข้างเธอเป็นครอบครัวของเธอจริง ๆ“เฮีย”“ว่าไงจ๊ะเมียจ๋า”“หญ้ารักเฮียนะ”“เฮียก็รักหญ้า รักมาก ๆ รักที่สุดเลย”“แต่หญ้าเหม็นหน้าเฮียมากนะ”“…”“หญ้าว่าจนกว่าจะคลอด อยากให้เฮียอยู่ห่าง ๆ หญ้าหน่อยจะได้ไหมคะ”“แต่เฮียอะ..อยากอยู่กับหญ้าตลอดเวลาเลยจริง ๆ นะ”“อะแห่ม! เดี๋ยวเรื่องนั้นยังไงค่อยกลับไปตกลงกันเนอะ แต่ตอนนี้เรามาทำประวัติฝากครรภ์กันก่อนดีกว่าน๊า”ถึงแม้คุณหมอจะพูดแบบนั้น แต่แก้มหมอกลับยิ้มไม่หุบเมื่อเห็นความมุ้งมิ้งของสองสามีภรรยานี้ ยิ่งทำให้หมอยิ้มแก้มแทบปริ กอหญ้าเองก็ลืมตัวว่ายังอยู่ที่โรงพยาบาล ทำ
กอหญ้าไม่ได้พูดเล่น แต่เธอรู้สึกว่าราชันย์นั้นมีกลิ่นตัวที่ผิดจากปกติ เป็นกลิ่นที่เตะจมูกแบบแปลกกว่าที่ผ่านมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ยังคงใช้แชมพูกลิ่นเดิม ครีมอาบน้ำกลิ่นเดิม และน้ำหอมก็ยังคงกลิ่นเดิม แต่สองสามวันมานี้เวลาเจอราชันย์กลับมีกลิ่นที่แปลกไป แต่เธอไม่กล้าพอที่จะบอกกับเขา กลัวว่าผู้เป็นสามีของตนจะน้อยใจแต่พอยิ่งเห็นเขา อาการเหม็นกลิ่นตัวเขาก็ยิ่งจุกในอกมากขึ้นจนบางครั้ง ก็อยากที่จะเดินหนีเขาให้พ้น ๆ ต่างกันกับราชันย์ที่มีความต้องการที่อยากจะคลอเคลียนัวเนียกับผู้เป็นภรรยาตลอดเวลา อยากอยู่ใกล้อยากเห็นหน้าตลอดเวลา อยากจะไปไหนมาไหนทำอะไรด้วย เขารู้สึกว่ากลิ่นกายของกอหญ้าหอมเป็นพิเศษ และเป็นสิ่งเดียวที่เขาไม่รู้สึกคลื่นไส้เวลาพบเจอและเพียงแค่เขาออดอ้อนเมียได้ไม่นานนัก ความมวนท้องก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับความรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกที่คอ ยังไม่ทันที่จะได้เดินออกจากหน้าห้องน้ำ ราชันย์ก็หันหลังตรงดิ่งเจ้าไปกอดคอชักโครกสุดที่รักเช่นเดิม กอหญ้าเองถึงแม้จะเห็นความทรมานของราชันย์ก็เถอะ แต่พอเธอจะก้าวขาเข้าไปลูบหลังก็ต้องชะงัก เพราะเมื่อเห็นหน้าราชันย์เธอเองกลับรู้สึกคลื่นไส้มาเสียอย่างนั้น
พิเศษ ตอนที่ 3...“หม่ำ หม่ำ”เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยวัยหนึ่งขวบเศษ ที่กำลังนั่งเก้าอี้รอกินข้าวอย่างใจจดใจจ่อ โดยที่เก้าอี้ข้างกันนั้นยังมีเด็กชายพี่น้องฝาแฝดที่ทำหน้านิ่งมองหน้าอลิซที มองหน้าผู้เป็นพ่อที และเด็กน้อยก็รอเพียงไม่นานผู้เป็นแม่อย่างกอหญ้าก็เดินมาพร้อมกับอาหารสีสันสดใสน่ารับประทานนำมาวางไว้ที่เก้าอี้ ส่งผลให้เด็กน้อยอารมณ์ดีอย่างอลิซปรบมือดีใจยกใหญ่“หม่ำ หม่ำ”“โอเค ข้าวมาแล้วลูกสาวป๊าจะได้กินข้าวแล้ว”“อาร์เดนหิวข้าวมั้ยลูก”“…”ไม่มีเสียงตอบรับจากลูกชายของเธอมีเพียงตาตาที่ดุราวกับเสือร้ายที่จดจ้องมองไปที่จานข้าวอย่างไม่ละสายตา ดูท่าทางแล้วเขาจะได้ลูกชายที่ค่อนข้างเงียบมากมาคนหนึ่งแน่นอน กอหญ้าไม่ลีลาให้ลูกต้องรอนาน เธอส่งสัญญาณให้ราชันย์เริ่มป้อนข้าวลูกได้ ถึงแม้อาร์เดนจะมีท่าทีไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่ แต่พอเธอป้อนข้าวให้ก็ไม่มีท่าทีว่าจะไม่ทาน ผ่านไปเพียงไม่นานข้าวผัดสีสันสดใสก็หมดเกลี้ยงจานทั้งคู่ สร้างความพึงพอใจให้กับผู้เป็นแม่เป็นอย่างมาก“หม่ำ”และยังคงเป็นเช่นนี้ อาร์เดนจะส่งเสียงร้องขอก็ต่อเมื่อเห็นจานผลไม้เท่านั้น ครั้งนี้ก็เช่นกัน ลูกชายของเขาแลดูจะชอบผลไม
“ยังเลย”“ทำไมเธอดูตื่นเต้นขนาดนี้”“ทำอย่างกับนายไม่ตื่นเต้น”“ก็ไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่นะ”เพียงไม่นานประตูห้องคลอดก็ถูกเปิดออกโดยมีกลุ่มคุณหมอเดินออกมาสามสี่คน ทั้งคู่รีบวิ่งเข้าไปหาคุณหมอทันที“คุณหมอคะ คนไข้ที่เพิ่งเข้าไปเป็นยังไงบ้างคะ คลอดหรือยังคะ”“คุณแม่ยังไม่คลอดนะคะ ปากมดลูกยังไม่เปิด”“เธอเป็นยังไงบ้างคะ”“ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วค่ะ แต่เบื้องต้นอายุครรภ์ยังไม่ถึงกำหนด คลอดออกมาเด็ก ๆ อาจจะต้องเข้าตู้อบก่อนนะคะ”“ขอบคุณมากค่ะ”เวลาผ่านไปเกือบสามชั่วโมงก็ไม่มีท่าทีว่าเธอจะคลอด ทั้งธันวาและเว่ยเอินเองก็สลับกันลุกนั่ง วนอยู่หน้าห้องคลอด และไม่มีท่าทีจะคลอดง่าย ๆ ยิ่งทำให้เว่ยอินและธันวารู้สึกกังวลเพิ่มขึ้น“ไอ้ธัน”“มาสักที”“กอหญ้าเป็นไงบ้าง นานแล้วนะยังไม่คลอดอีกหรอ”“ยังเลย”“คุณเป็นใครคะ”“อ่อ..คนนี้เว่ยเอินที่เคยเล่าให้ฟัง..ส่วนนี่ราชันย์”“สวัสดีครับ”ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้ทำความรู้จักกัน ก็มีกลุ่มคุณหมอสามสี่คนรีบวิ่งมาที่หน้าห้องคลอด ทำให้ราชันย์เองก็ตกใจไปด้วยเขาคว้าข้อมือของหมอผู้ชายคนหนึ่งเอาไว้“เกิดอะไรขึ้นครับ”“คุณแม่มีภาวะครรภ์เป็นพิษครับ หมอขอตัวก่อนนะคร
เขาอุ้มกอหญ้าและเดินช้าๆ ให้เข้าไปนั่งรอในรถ ทางด้านเว่ยเอินเองเธอก็รีบวิ่งมาหอบหิ้วข้าวของอย่างพะรุงพะรังเข้าไปยัดไว้ในรถเช่นเดียวกัน ก่อนที่เธอกระโดดขึ้นรถด้วยความเร็วแสง เคาะเบาะรถเบา ๆ ให้ธันวานั้นขับรถออกไปอย่างรวดเร็วปลายทางคือโรงพยาบาล ถึงแม้โรงพยาบาลจะอยู่ไม่ไกลมากนักแต่ช่วงเวลานี้ รถบนท้องถนนย่อมมีมากกว่าปกติเพราะเป็นช่วงเวลาทำงานพอดีนั่นจึงทำให้รถของเขาที่กำลังจะมุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลนั้นเกิดการล่าช้าอย่างช่วยไม่ได้ ธันวาที่พยายามเหยียบคันเร่งรถอย่างเต็มที่เพื่อให้ไปถึงโรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุด ก็ต้องฟันฝ่ากับอุปสรรคบนท้องถนน คนข้างๆ เขาเองก็ต้องฝ่าอุปสรรคความเจ็บปวดที่รู้สึกได้เลยว่ามดลูกกำลังบีบตัวลง และเวลาต่อมาก็ยิ่งทำให้เธอตกใจเข้าไปอีก เมื่อเธอรู้สึกว่าเบาะที่เธอนั่งนั้นตอนนี้เปียกชุ่มไปด้วยน้ำที่เธอเองก็ไม่รู้ว่ามาจากไหน จะบอกว่าเธอฉี่แตกก็ไม่น่าจะใช่ เธอไม่รู้สึกเลยว่ามันไหลออกมาตอนไหน เมื่อรู้ตัวอีกทีมันก็เปียกชุ่มไปหมดแล้ว"น้ำเปียกเบาะหมดแล้ว""ห๊ะ! เดี๋ยวนะอย่าเพิ่งคลอดนะ บนรถอันตราย""คุณธันวาขับเร็วกว่านี้ได้ไหม เห็นไหมพี่หญ้าหน้าซีดหมดแล้ว""ฉันก็กำลังรีบอยู่"ใ