บทที่ 4 : การพบพานอีกครั้งในอาราม
หลังเหตุการณ์ในตลาด ชิงอี้หรานได้แต่เฝ้าคิดถึงหนิงซีโย่ว ทุกคืนวันหญิงสาวรำลึกถึงสายตาคมกริบและเสียงห่วงใยของชายหนุ่ม ด้วยความรักที่เกิดขึ้นในใจหญิงสาวตั้งแต่แรกพบ
วันหนึ่งชิงอี้หรานตัดสินใจเดินทางไปไหว้พระยังอารามบนเขาเพื่อหาความสงบในใจ อารามนี้ตั้งอยู่ในป่าลึก ล้อมรอบด้วยธรรมชาติที่งดงามและสงบเงียบ หญิงสาวรู้สึกสงบใจและหวังว่าการมาไหว้พระในครั้งนี้จะทำให้ลืมความฟุ้งซ่านในหัวออกไปได้บ้าง
ขณะที่ชิงอี้หรานพักอยู่ในอาราม หญิงสาวได้ยินเสียงครางเบาๆ มาจากที่ไกลๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จึงเดินเข้าไปใกล้ ชิงอี้หรานพบชายหนุ่มผู้หนึ่งนอนอยู่ใต้ต้นไม้ในสภาพที่บาดเจ็บ หญิงสาวรีบเข้าไปดูใกล้ ๆ และพบว่าชายหนุ่มดังกล่าวคือหนิงซีโย่ว ชิงอี้หรานรู้สึกตกใจและห่วงใยในทันที
เมื่อพามาถึงห้อง ชิงอี้หรานเห็นว่าบาดแผลของหนิงซีโย่วค่อนข้างลึก หญิงสาวรู้ว่าต้องรีบรักษา ด้วยบ้านชิงอี้หรานมีแต่ผู้ชายที่ประดาบฟาดฟันจนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเสมอ ทำให้นางค่อนข้างเชี่ยวชาญในการรักษาแผล
“ซิวเอ๋อ ไปเอาน้ำร้อนมาให้ข้าเร็ว” ชิงอี้หรานสั่งสาวใช้
หญิงสาวหยิบขวดยาที่พกอยู่ออกมาและหันไปหาหนิงซีโย่ว
"ท่านหนิงซีโย่ว! ท่านเป็นอะไรไป" ชิงอี้หรานร้องเรียกด้วยเสียงที่สั่นไหว
หนิงซีโย่วเงยหน้ามองหญิงสาวด้วยความเหนื่อยล้า "ข้า...ถูกซุ่มโจมตี ข้าพยายามหนีมาที่นี่..."
ชิงอี้หรานรีบเรียกสาวใช้คนสนิทให้มาช่วย "ซิวเอ๋อ! รีบมาช่วยข้าเร็ว!"
ชิงอี้หรานรีบพาชายหนุ่มเข้าไปในอารามอย่างทุลักทุเล ชิงอี้หรานรู้สึกใจเต้นรัวเมื่อเห็นแผลบนร่างของหนิงซีโย่ว แต่หญิงสาวค่อนข้างเชี่ยวชาญในการรักษาแผลเพราะเคยช่วยรักษาบาดแผลของพี่ชายทั้งสามที่ได้รับบาดเจ็บจากการฝึกดาบ
"ท่านถอดเสื้อออกก่อน ข้าจะทายาให้ท่าน" ชิงอี้หรานเอ่ย
หนิงซีโย่วมองหญิงสาวด้วยสายตาหวานซึ้ง "ข้าเจ็บจนขยับตัวไม่ไหว เจ้า...ช่วยข้าหน่อยได้ไหม"
ชิงอี้หรานใจเต้นรัว รู้สึกเขินอายแต่ก็ต้องรักษา หญิงสาวค่อยๆ เอื้อมมือปลดปลายเชือกคาดเอวของชายหนุ่ม
ชิงอี้หรานใจเต้นรัว รู้สึกกระดากอายแต่ก็จนใจ หญิงสาวก็ไม่สามารถปล่อยให้ชายหนุ่มบาดเจ็บต่อไป ชิงอี้หรานค่อย ๆ เอื้อมมือปลดปลายเชือกคาดเอวของหนิงซีโย่ว แม้หญิงสาวมีใจรักษา แต่นางก็เป็นหญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงาน และยิ่งอยู่ต่อหน้าชายหนุ่มที่ตนหลงรัก ยิ่งทำให้หญิงสาวมีท่าทางเงอะงะ ความใกล้ชิดนี้ทำให้หญิงสาวรู้สึกเขินอายและมือสั่นเทา
"นี่เจ้าพกยาติดตัวตลอดเลยหรือ" หนิงซีโย่วเอ่ยแซวชิงอี้หรานเบา ๆ ขณะหญิงสาวโน้มตัวเข้าใกล้
ชิงอี้หรานหน้าแดงและตอบอย่างเขินอาย "ข้า...ข้ามักพกยาไว้เพราะพี่ชายของข้ามักบาดเจ็บจากการฝึกดาบ ท่านอดทนหน่อยนะ ข้าจะรีบรักษาให้ท่านหายไว ๆ"
หนิงซีโย่วอมยิ้มเล็กน้อยและมองหญิงสาวด้วยสายตาหวานซึ้ง หญิงสาวค่อย ๆ ใช้น้ำร้อนเช็ดแผลและทายาด้วยความระมัดระวัง กลิ่นหอมบางจากร่างกายของหญิงสาวทำให้หนิงซีโย่วอดใจไม่ไหวที่จะแอบสูดดม
"เจ้าเป็นห่วงข้ามากขนาดนี้ ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจมาก" หนิงซีโย่วเอ่ยเบา ๆ
ชิงอี้หรานรู้สึกใจเต้นรัวและยิ้ม "ข้าเพียงทำหน้าที่ของข้า ท่านต้องพักผ่อนมาก ๆ เพื่อให้แผลหายไว ๆ"
หลังจากทายาและพันผ้าเสร็จ ชิงอี้หรานนั่งลงข้างๆ หนิงซีโย่ว ทั้งสองคนมองตากันด้วยความรู้สึกที่อบอุ่นและซาบซึ้ง ชิงอี้หรานช่วยห่มผ้าให้หนิงซีโย่วและดูแลชายหนุ่มอย่างใกล้ชิด หนิงซีโย่วรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขที่ได้พบกับชิงอี้หรานอีกครั้ง ชายหนุ่มตั้งใจจะใช้เวลานี้เพื่อใกล้ชิดกับหญิงสาวมากขึ้น และหญิงสาวก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
ทั้งสองสบตากันอย่างลึกซึ้ง ความรักที่เกิดขึ้นในใจทั้งสองเริ่มเติบโตอย่างรวดเร็วในบรรยากาศอันเงียบสงบของอารามบนเขาแห่งนี้
บทที่ 64 : จบบริบูรณ์ หลังจากการต่อสู้และความวุ่นวายในราชสำนักได้สงบลง หนิงซีโย่วได้สร้างความประหลาดใจให้กับเหล่าขุนนางในราชสำนักด้วยการประกาศเรียกตัวครอบครัวสกุลชิงเข้าวัง ในท้องพระโรงที่ประดับประดาด้วยผ้าไหมสีทองและภาพจิตรกรรมที่งดงามบัดนี้เสียงดังเซ็งแซ่อย่างต่อเนื่อง เหล่าขุนนางต่างเฝ้ารอดูเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างสงสัยใคร่รู้ พวกเขาต่างพากันคาดเดาเหตุการณ์ต่าง ๆ บ้างมีสีหน้าดีใจ บ้างมีสีหน้าหนักใจปะปนกันไปเมื่อทุกคนพร้อมหน้าในท้องพระโรง ขันทีก็ออกประกาศราชโองการ “ด้วยฝ่าบาทมีพระกรุณาแต่งตั้งใต้เท้าชิงหยวนเปากลับคืนสู่ตำแหน่งอัครมหาเสนาบดี บุตรชายทั้งสามล้วนมากความสามารถ แต่งตั้งชิงหยางบุตรชายคนโตเป็นแม่ทัพบูรพา และชิงเฟยบุตรชายคนเล็กเป็นรองแม่ทัพดูแลกองทัพรักษาดินแดน แต่งตั้งชิงหลงบุตรชายคนรองเป็นที่ปรึกษาราชกิจ จบราชโองการ”เมื่อสิ้นเสียงราชโองการ ขุนนางทั้งหลายล้วนจับต้นชนปลายไม่ถูกเมื่อเรื่องราวกลับพลิกผันเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือ หลายคนพยายามเหลือบมองหนิงซีโย่วด้วยไม่อาจคาดเดาความคิดของฮ่องเต้ผู้เอาแต่ใจคนนี้ได้ คงมีเพียงหลีซานที่ยังคงรักษาท่าทีสุขุม ชาย
บทที่ 63 : ข้ายินดีให้เจ้าลงโทษข้าทุกค่ำคืนในตำหนักบรรทมที่เงียบสงบ แสงจันทร์ส่องแสงอ่อนๆ ผ่านหน้าต่างทำให้ห้องดูมีมนต์ขลัง หนิงซีโย่วและชิงอี้หรานนั่งหันหน้าเข้าหากันบนเตียงผ้าไหมเนื้อนุ่ม สายลมยามค่ำคืนพัดเข้ามาทำให้ผ้าม่านปลิวไหว เสียงหอบหายใจของทั้งสองดังชัดในความเงียบ สายตาทั้งคู่ประสานกันด้วยความโหยหา ความตึงเครียดต่าง ๆ ค่อย ๆ บรรเทาลงหนิงซีโย่วมองชิงอี้หรานด้วยความรู้สึกผสมผสานทั้งความรักและความรู้สึกผิด ในขณะที่เขากำลังคิดจะพูดอะไรบางอย่างออกมา พลันทหารองครักษ์สามสี่นายก็ก้าวเข้ามาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ชิงอี้หรานทำหน้าตื่นตระหนก เธอสะดุ้งขึ้นอย่างแรง เบี่ยงตัวไปข้างหนึ่งและปกป้องหนิงซีโย่วไว้ข้างหลัง มือบางล้วงกริชสั้นชูขึ้นมา ดวงตาของเธอกวาดมองทหารเหล่านั้นด้วยความแข็งกร้าว ความหวาดระแวงทำให้หญิงสาวพลันกล่าวออกไปด้วยเสียงอันดัง "พวกเจ้าบังอาจนัก"องครักษ์คุกเข่าลง "หม่อมฉันได้ยินเสียงจากภายนอกจึงเข้ามาตรวจสอบพ่ะย่ะค่ะ"หนิงซีโย่วทำหน้าเคร่งครึม พลันตวาดไล่ทหารทั้งหมดให้ออกไป "พวกเจ้าถอยออกไปเสีย ไม่มีคำสั่งข้า ห้ามใครเข้ามารบกวนอีก" เหล่าองครักษ์รีบเร่งเดินจากไปอย่างหวาด
บทที่ 62 : เป็นเจ้าที่คิดถึงข้าหรือเป็นเพราะข้าคิดถึงเจ้ากันแน่ท่ามกลางเงามืดและแสงจันทร์ที่สาดส่อง ชิงหยางและชิงเฟยใช้ประสบการณ์และความชำนาญในการหลบเลี่ยงการสังเกตของผู้คน ทั้งคู่พาชิงอี้หรานเคลื่อนที่ผ่านเงามืดและตรอกที่เล็กแคบและมืดมิดของพระราชวังอย่างเงียบกริบ ท้องฟ้ามืดมิดแสงจันทร์ที่แทรกซึมผ่านยอดไม้ใหญ่สร้างแสงสลัวบนทางเดินที่พวกเขาเคลื่อนที่ไปช่วยให้พวกเขาเห็นทางไปยังตำหนักของหนิงซีโย่วได้ชัดเจนขึ้น เส้นทางที่พวกเขาเดินผ่านนั้นเงียบสงบอย่างน่าประหลาด ชิงอี้หรานไม่อาจห้ามใจได้ที่จะรู้สึกแปลกใจกับความเงียบงันนี้ ไม่มีเสียงของทหารยาม ไม่มีเสียงขององค์รักษ์ ราวกับทุกอย่างถูกระงับเวลาไว้ท่ามกลางความมืดและความเงียบ ชิงหยางกระซิบถามชิงอี้หรานด้วยความเป็นห่วงที่แฝงไว้ในน้ำเสียงที่เบาและอ่อนโยน "อี้หราน เจ้ารู้สึกยังไงบ้าง พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับเขาแล้วใช่ไหม" เสียงของเขาเบาและอ่อนโยน พยายามลดความกังวลใจที่นางมีชิงอี้หรานเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพยักหน้าช้าๆ คำตอบของนางแทบจะไม่มีเสียง "ข้าพร้อม ข้าต้องเห็นเขา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม" คำพูดของหญิงสาวดูมั่นคงแต่ก็ประหนึ่งมีอะไรบางอย่างที
บทที่ 61 : ข้าจะห่วงหาเขาทำไมกันหนึ่งวันก่อนการเดินทาง ทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมจนสิ้น ชิงอี้หรานนั่งเหม่อลอยอยู่ที่สวนภายในบ้าน สวนที่เคยเต็มไปด้วยความสดใสและความงดงามของดอกไม้บัดนี้กลับดูเศร้าหมองตามความรู้สึกของนาง ใบหน้าของนางดูหม่นหมอง แววตาเศร้าสร้อยยิ่งนัก เสียงนกร้องขับกล่อม ลมที่พัดผ่านเบาๆ ทำให้บรรยากาศยิ่งเหงาหงอยชิงหยาง ชิงหลง ชิงเฟยต่างมองหน้ากันไปมา พวกเขารับรู้เรื่องจากหลีซานเกี่ยวกับการที่หญิงสาวปฏิเสธชายหนุ่ม ทำให้พวกเขาต่างเข้าใจดีว่าภายในใจหญิงสาวมีใครที่แอบซ่อนไว้ ทั้งสามจึงได้แต่อดเป็นห่วงน้องสาวของตนชิงหลงมีสีหน้าเคร่งขรึมอย่างรู้สึกเป็นห่วงน้องสาว เขาหยุดมองชิงอี้หรานอยู่พักใหญ่ ก่อนจะหันไปถามทั้งสองด้วยเสียงเคร่งเครียด "พวกเราปล่อยให้เป็นเช่นนี้จะดีหรือ"ชิงหยางได้แต่ส่ายหน้า เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวล "อี้หรานแม้ภายนอกจะดูเรียบร้อยอ่อนโยน แต่พวกเจ้าก็รู้ดีว่านางดื้อรั้นมากเพียงใด"ชิงเฟยรีบถามกลับ "หรือเราควร...เอ่อ...ควรช่วยพวกเขากันดี"ชิงหยางได้ยินคำถามนี้ก็หันมองหน้าน้องชายด้วยสายตาโกรธขึ้ง "ชิงเฟย เจ้านี่นะ" เขาตำหนิด้วยเสียงเข้มชิงเฟยยกมือขึ้นลูบลำคอไปมา
บทที่ 60 : ไม่ว่าจะรักหรือแค้น ข้าก็มิอาจตอบรับผู้ใดได้อีก ในระหว่างที่ครอบครัวสกุลชิงเตรียมตัวสำหรับการเดินทางไกล แขกประจำบ้านสกุลชิงคงไม่พ้นหลีซาน ชายหนุ่มที่คอยแวะเวียนมาพูดคุย ถามไถ่ รวมถึงช่วยตระเตรียมข้าวของอยู่เสมอแรกเริ่มเมื่อหลีซานถูกกักตัวอยู่ที่จวนของเขา ชายหนุ่มรู้สึกเป็นห่วงครอบครัวสกุลชิงอย่างมาก แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากนักนอกจากสืบถามข่าวคราวจากคนใกล้ชิด แต่ข่าวที่ได้รับมามักน้อยนิดและไร้ประโยชน์จนทำให้เขาเครียดและวิตกกังวลกระทั่งราชโองการประกาศเรื่องการปลดชิงอี้หรานออกจากตำแหน่งฮองเฮา ในช่วงแรกที่ได้รับข่าวดังกล่าวหลีซานรู้สึกตื่นตระหนกอย่างมาก ภาพความเป็นไปได้ที่ชิงอี้หรานอาจถูกทำร้ายหรือถูกกักขังวนเวียนอยู่ในหัวของเขา ความห่วงใยที่มีต่อหญิงสาวทำให้เขาไม่อาจนอนหลับได้อย่างสงบ ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบรัด แม้ภายหลังจวนของเขาเองจะไม่ถูกทหารควบคุมเช่นเดิม แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความกังวลในใจของเขาลดน้อยลงเลย เขาหวังว่าจะมีข่าวคราวเกี่ยวกับชิงอี้หรานที่ปลอดภัย แต่ความเงียบงันอย่างผิดปกติยิ่งทำให้เขาอยู่ไม่เป็นสุขจนกระทั่งวันหนึ่ง ข่าวดีที่เขารอคอย
บทที่ 59 : เรื่องราวระหว่างท่านและข้าขอให้เป็นเพียงฝันชั่วข้ามคืนหนึ่งเถิด ภายในตำหนักที่เงียบสงบ ชิงอี้หรานพักฟื้นอยู่เกือบเดือน ตั้งแต่คืนนั้นหนิงซีโย่วก็ไม่เคยมาหาหญิงสาวอีกเลย ข่าวคราวเรื่องการกบฏถูกปิดเงียบไม่ปรากฏให้ผู้ใดได้รู้ เฉกเช่นไม่เคยเกิดเรื่องราวใดมาก่อน หลังจากนั้นไม่นานหนิงซีโย่วมีราชโองการปลดชิงอี้หรานออกจากตำแหน่งฮองเฮาชิงอี้หรานนั่งอยู่ที่หน้าต่างทอดสายตามองออกไปภายนอก รู้สึกเหมือนดวงตาของนางได้มองทะลุผ่านทุกสิ่ง หัวใจของนางเหมือนถูกดึงออกไปจากร่างกาย มีเพียงความเมินเฉยและความว่างเปล่าเพียงเท่านั้นซิวเอ๋อเดินเข้ามาหานายหญิงของตนด้วยความห่วงใย "คุณหนู ฝ่าบาทมิได้มาหาท่านตั้งแต่คืนนั้นอีกเลย ท่านยังคิดถึงฝ่าบาทอยู่หรือไม่"ชิงอี้หรานยังคงมองออกไปด้านนอกอย่างเหม่อลอย "ความคิดถึงนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความแค้น ข้ารู้ว่าทั้งตัวข้าและซีโย่ว ไม่ว่าจะรักหรือแค้นก็ไม่อาจอยู่ร่วมกันอีก จากกันวันนี้ก็คงดีกว่าต้องประหัตประหารกันจนใครคนใดคนหนึ่งต้องตายจาก"ซิวเอ๋อมองหญิงสาวด้วยความสงสาร "คุณหนู โปรดทบทวนอีกสักคราเถิด บางทีท่านและฝ่าบาทอาจจะสามารถหาทางแก้ไขแล