หน้าหลัก / โรแมนติก / หนี้รักราชันสีเลือด / บทที่ 8 : ใกล้ชิดในสวนหลวง

แชร์

บทที่ 8 : ใกล้ชิดในสวนหลวง

ผู้เขียน: Luffy.g
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-23 17:40:23

บทที่ 8 : ใกล้ชิดในสวนหลวง

ในค่ำคืนฉลองวันประสูติขององค์ฮองเฮา งานเลี้ยงภายในวังหลวงถูกจัดขึ้นอย่างเอิกเกริก ทั้งราชสำนักและขุนนางชั้นสูงต่างมาร่วมงานเฉลิมฉลองกันอย่างคับคั่ง ทุกคนในวังหลวงต่างสวมใส่เสื้อผ้าอันหรูหราและประดับประดาเครื่องประดับอย่างงดงาม ท่ามกลางแสงไฟที่สว่างไสวและเสียงดนตรีที่ก้องกังวาน งานเลี้ยงในครั้งนี้จะขาดบุคคลสำคัญอย่างครอบครัวตระกูลชิงไปไม่ได้ พวกเขาได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงดังกล่าวเช่นกัน

พระราชวังยามค่ำคืนถูกประดับประดาไปด้วยโคมไฟสีแดงสดใสที่แขวนเรียงรายตามทางเดินและเสาต่าง ๆ แสงโคมไฟสะท้อนแสงเงางามบนพื้นหินอ่อน ทำให้บรรยากาศทั้งงานดูอบอุ่นและหรูหรา กลิ่นหอมของดอกไม้สดที่ประดับตามโต๊ะและประตูใหญ่แผ่กระจายไปทั่ว ทำให้ทุกคนรู้สึกสดชื่น

ในลานกว้างกลางพระราชวัง ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยง วันประสูติของฮองเฮา ตกแต่งด้วยธงสีทองและผ้าลายดอกไม้สวยงาม แขกผู้มีเกียรติและขุนนางน้อยใหญ่ต่างเดินเข้ามาในงานด้วยชุดคลุมหรูหราประดับด้วยผ้าไหมและลายปักอย่างละเอียด ทุกคนต่างพากันมอบของขวัญและกล่าวคำอวยพรต่อฮองเฮา

โต๊ะอาหารยาวถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ บนโต๊ะมีอาหารเลิศรสมากมาย ทั้งเป็ดปักกิ่ง หมูหัน ปลาอบเกลือ และซุปรังนก นอกจากนี้ยังมีผลไม้สดและขนมหวานที่จัดเรียงอย่างสวยงาม เหล้าหอมหมื่นลี้ถูกเสิร์ฟในแก้วทองคำ สร้างบรรยากาศแห่งความสำราญและความยินดี

ในระหว่างงานเลี้ยง มีกลุ่มนักดนตรีและนักแสดงที่มาแสดงการบรรเลงเพลงและรำโบราณเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับแขกทุกคน เสียงดนตรีที่ไพเราะและการร่ายรำที่งดงามทำให้บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความประทับใจ

ชิงอี้หรานนั่งอยู่ท่ามกลางงานเลี้ยง สายตามากมายต่างจับจ้องมาที่หญิงสาว ทำให้ชิงอี้หรานรู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย สักพักหญิงสาวรู้สึกเบื่อหน่าย ชิงอี้หรานตัดสินใจปลีกตัวออกมาเดินเล่นที่สวนอุทยานเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ หญิงสาวเดินลัดเลาะไปตามลานดอกไม้ดอกไม้นานาพันธุ์ กลิ่นหอมของดอกไม้กระจายตัวทั่วบริเวณ ทำให้ชิงอี้หรานค่อยรู้สึกผ่อนคลายลงไปได้บ้าง

ระหว่างที่ชิงอี้หรานกำลังจะเดินกลับเข้าไปในงานเลี้ยง จู่ ๆ พลันร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นจากที่ลับ ร่างแกร่งประชิดตัวเข้ามาอย่างรวดเร็วและปิดปากหญิงสาว ชิงอี้หรานถูกดันตัวแนบกับเสาหินสลักใหญ่ ชิงอี้หรานตกตะลึงแต่มิอาจเปล่งเสียงร้องใดออกมาได้ ใจเต้นรัวอย่างไม่เป็นจังหวะ เมื่อสายตาเบิ่งโตพลันได้เห็นหน้าบุคคลดังกล่าว

“หนิงซีโย่ว!” ชิงอี้หรานกระซิบเสียงสั่น

ชิงอี้หรานพบว่าชายหนุ่มคือหนิงซีโย่ว หญิงสาวทั้งดีใจและตกใจในคราเดียวกัน

"เงียบก่อนนะ" หนิงซีโย่วทำนิ้วจุ๊ปากพร้อมมองไปยังทหารรักษาการที่เดินผ่านทางมา

สัมผัสที่แนบชิดและไอร้อนจากกายหนุ่มที่แผ่ซ่านทำให้ชิงอี้หรานหน้าแดงก่ำ หัวใจเต้นรัว ราวกับจะหลุดออกมา หลังจากทหารเดินผ่านทางไปแล้ว หนิงซีโย่วถอนหายใจยาว แล้วพลันเหลือบตามองหญิงสาวในอ้อมกอด ท่าทางเขินอายของชิงอี้หรานทำให้ชายหนุ่มอดใจกลั่นแกล้งและกระเซ้าไม่ได้

“เจ้าเขินหรือ” หนิงซีโย่วแกล้งถามด้วยรอยยิ้ม

ชิงอี้หรานก้มหน้านิ่ง ไม่กล้าสบตา “ข้า... ข้าไม่ได้เขิน”

หนิงซีโย่วหัวเราะเบาๆ และฉวยโอกาสรังแกหญิงสาวโดยจุมพิตเบาๆ ที่แก้มของนาง ทำให้ชิงอี้หรานหัวใจเต้นรัวและหน้าแดงก่ำยิ่งขึ้น

“ท่าน..ท่านทำอะไร!” ชิงอี้หรานกระซิบเสียงสั่น

“ข้าไม่ได้ตั้งใจเอาเปรียบเจ้า ข้าเพียงคิดถึงเจ้า หยวนเอ๋อ” หนิงซีโย่วมีรอยยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน เสียงกระซิบแผ่วเบาที่แผ่วเบา ชายหนุ่มกล่าวพลางแกล้งก้มหน้าใกล้จนหญิงสาวได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นเบา ๆ

ชิงอี้หรานรู้สึกเขินอายมาก แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธความรู้สึกที่มีต่อหนิงซีโย่วได้ หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยในอ้อมกอดของชายหนุ่ม

ชิงอี้หรานพยายามหันหน้าเบี่ยงไปทางอื่น แต่หนิงซีโย่วจับคางหญิงสาวเบา ๆ หันกลับมา ท่าทางที่ทำให้ชายหนุ่มดูจริงจัง

"ข้าคิดถึงเจ้า แล้วเจ้าเล่า คิดถึงข้าบ้างหรือไม่" หนิงซีโย่วพูดพลางหัวเราะเบา ๆ แต่แววตาของชายหนุ่มดูอ่อนโยนมากกว่าทุกครั้ง

ชิงอี้หรานได้ยินเช่นนั้น ยิ่งทำให้หญิงสาวใจเต้นรัว หน้าแดงก่ำ ไม่กล้าสบตา

“ท่าน..ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” ชิงอี้หรานถามออกไปพยายามบ่ายเบี่ยงคำถามน่าอับอายเช่นนั้น

หนิงชิงโย่วหัวเราะเบาๆ ออกมา ชายหนุ่มค่อย ๆ คลายมือออกจากร่างบางของชิงอี้หราน ปลดปล่อยให้หญิงสาวได้ยืนอย่างอิสระ

“ข้าเพียงมาร่วมงานเลี้ยงอันน่าเบื่อนี้เท่านั้น” หนิงซีโย่วตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ

"ข้าอยากคุยกับเจ้าต่อ หยวนเอ๋อเจ้าอยู่เป็นเพื่อนข้าสักครู่ได้หรือไม่" หนิงซีโย่วเอื้อมมือมากุมมือหญิงสาวไว้ไม่อยากปล่อยโอกาสอันดีนี้ไป

คำพูดของชายหนุ่มทำให้ชิงอี้หรานใจเต้นแรงขึ้น หญิงสาวรู้สึกล่องลอยราวกับอยู่ในห้วงฝันที่ไม่ต้องการตื่นชิงอี้หรานพยักหน้าเบา ๆ ภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องสว่าง หนิงซีโย่วจับมือชิงอี้หรานแน่น แล้วทั้งสองก็เดินไปตามทางเดินในสวนด้วยกัน

คืนนั้น สวนในวังหลวงกลายเป็นสถานที่ที่ทั้งสองได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ทั้งสองพูดคุยและแบ่งปันความรู้สึกในใจ ภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องสว่าง ทั้งคู่รู้สึกว่าความรักของพวกเขาเป็นดั่งแสงดาวที่ส่องสว่างในคืนมืด ความรักที่ไม่มีสิ่งใดสามารถดับลงได้

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • หนี้รักราชันสีเลือด   บทที่ 64 : จบบริบูรณ์

    บทที่ 64 : จบบริบูรณ์ หลังจากการต่อสู้และความวุ่นวายในราชสำนักได้สงบลง หนิงซีโย่วได้สร้างความประหลาดใจให้กับเหล่าขุนนางในราชสำนักด้วยการประกาศเรียกตัวครอบครัวสกุลชิงเข้าวัง ในท้องพระโรงที่ประดับประดาด้วยผ้าไหมสีทองและภาพจิตรกรรมที่งดงามบัดนี้เสียงดังเซ็งแซ่อย่างต่อเนื่อง เหล่าขุนนางต่างเฝ้ารอดูเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างสงสัยใคร่รู้ พวกเขาต่างพากันคาดเดาเหตุการณ์ต่าง ๆ บ้างมีสีหน้าดีใจ บ้างมีสีหน้าหนักใจปะปนกันไปเมื่อทุกคนพร้อมหน้าในท้องพระโรง ขันทีก็ออกประกาศราชโองการ “ด้วยฝ่าบาทมีพระกรุณาแต่งตั้งใต้เท้าชิงหยวนเปากลับคืนสู่ตำแหน่งอัครมหาเสนาบดี บุตรชายทั้งสามล้วนมากความสามารถ แต่งตั้งชิงหยางบุตรชายคนโตเป็นแม่ทัพบูรพา และชิงเฟยบุตรชายคนเล็กเป็นรองแม่ทัพดูแลกองทัพรักษาดินแดน แต่งตั้งชิงหลงบุตรชายคนรองเป็นที่ปรึกษาราชกิจ จบราชโองการ”เมื่อสิ้นเสียงราชโองการ ขุนนางทั้งหลายล้วนจับต้นชนปลายไม่ถูกเมื่อเรื่องราวกลับพลิกผันเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือ หลายคนพยายามเหลือบมองหนิงซีโย่วด้วยไม่อาจคาดเดาความคิดของฮ่องเต้ผู้เอาแต่ใจคนนี้ได้ คงมีเพียงหลีซานที่ยังคงรักษาท่าทีสุขุม ชาย

  • หนี้รักราชันสีเลือด   บทที่ 63 : ข้ายินดีให้เจ้าลงโทษข้าทุกค่ำคืน

    บทที่ 63 : ข้ายินดีให้เจ้าลงโทษข้าทุกค่ำคืนในตำหนักบรรทมที่เงียบสงบ แสงจันทร์ส่องแสงอ่อนๆ ผ่านหน้าต่างทำให้ห้องดูมีมนต์ขลัง หนิงซีโย่วและชิงอี้หรานนั่งหันหน้าเข้าหากันบนเตียงผ้าไหมเนื้อนุ่ม สายลมยามค่ำคืนพัดเข้ามาทำให้ผ้าม่านปลิวไหว เสียงหอบหายใจของทั้งสองดังชัดในความเงียบ สายตาทั้งคู่ประสานกันด้วยความโหยหา ความตึงเครียดต่าง ๆ ค่อย ๆ บรรเทาลงหนิงซีโย่วมองชิงอี้หรานด้วยความรู้สึกผสมผสานทั้งความรักและความรู้สึกผิด ในขณะที่เขากำลังคิดจะพูดอะไรบางอย่างออกมา พลันทหารองครักษ์สามสี่นายก็ก้าวเข้ามาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ชิงอี้หรานทำหน้าตื่นตระหนก เธอสะดุ้งขึ้นอย่างแรง เบี่ยงตัวไปข้างหนึ่งและปกป้องหนิงซีโย่วไว้ข้างหลัง มือบางล้วงกริชสั้นชูขึ้นมา ดวงตาของเธอกวาดมองทหารเหล่านั้นด้วยความแข็งกร้าว ความหวาดระแวงทำให้หญิงสาวพลันกล่าวออกไปด้วยเสียงอันดัง "พวกเจ้าบังอาจนัก"องครักษ์คุกเข่าลง "หม่อมฉันได้ยินเสียงจากภายนอกจึงเข้ามาตรวจสอบพ่ะย่ะค่ะ"หนิงซีโย่วทำหน้าเคร่งครึม พลันตวาดไล่ทหารทั้งหมดให้ออกไป "พวกเจ้าถอยออกไปเสีย ไม่มีคำสั่งข้า ห้ามใครเข้ามารบกวนอีก" เหล่าองครักษ์รีบเร่งเดินจากไปอย่างหวาด

  • หนี้รักราชันสีเลือด   บทที่ 62 : เป็นเจ้าที่คิดถึงข้าหรือเป็นเพราะข้าคิดถึงเจ้ากันแน่

    บทที่ 62 : เป็นเจ้าที่คิดถึงข้าหรือเป็นเพราะข้าคิดถึงเจ้ากันแน่ท่ามกลางเงามืดและแสงจันทร์ที่สาดส่อง ชิงหยางและชิงเฟยใช้ประสบการณ์และความชำนาญในการหลบเลี่ยงการสังเกตของผู้คน ทั้งคู่พาชิงอี้หรานเคลื่อนที่ผ่านเงามืดและตรอกที่เล็กแคบและมืดมิดของพระราชวังอย่างเงียบกริบ ท้องฟ้ามืดมิดแสงจันทร์ที่แทรกซึมผ่านยอดไม้ใหญ่สร้างแสงสลัวบนทางเดินที่พวกเขาเคลื่อนที่ไปช่วยให้พวกเขาเห็นทางไปยังตำหนักของหนิงซีโย่วได้ชัดเจนขึ้น เส้นทางที่พวกเขาเดินผ่านนั้นเงียบสงบอย่างน่าประหลาด ชิงอี้หรานไม่อาจห้ามใจได้ที่จะรู้สึกแปลกใจกับความเงียบงันนี้ ไม่มีเสียงของทหารยาม ไม่มีเสียงขององค์รักษ์ ราวกับทุกอย่างถูกระงับเวลาไว้ท่ามกลางความมืดและความเงียบ ชิงหยางกระซิบถามชิงอี้หรานด้วยความเป็นห่วงที่แฝงไว้ในน้ำเสียงที่เบาและอ่อนโยน "อี้หราน เจ้ารู้สึกยังไงบ้าง พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับเขาแล้วใช่ไหม" เสียงของเขาเบาและอ่อนโยน พยายามลดความกังวลใจที่นางมีชิงอี้หรานเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพยักหน้าช้าๆ คำตอบของนางแทบจะไม่มีเสียง "ข้าพร้อม ข้าต้องเห็นเขา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม" คำพูดของหญิงสาวดูมั่นคงแต่ก็ประหนึ่งมีอะไรบางอย่างที

  • หนี้รักราชันสีเลือด   บทที่ 61 : ข้าจะห่วงหาเขาทำไมกัน

    บทที่ 61 : ข้าจะห่วงหาเขาทำไมกันหนึ่งวันก่อนการเดินทาง ทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมจนสิ้น ชิงอี้หรานนั่งเหม่อลอยอยู่ที่สวนภายในบ้าน สวนที่เคยเต็มไปด้วยความสดใสและความงดงามของดอกไม้บัดนี้กลับดูเศร้าหมองตามความรู้สึกของนาง ใบหน้าของนางดูหม่นหมอง แววตาเศร้าสร้อยยิ่งนัก เสียงนกร้องขับกล่อม ลมที่พัดผ่านเบาๆ ทำให้บรรยากาศยิ่งเหงาหงอยชิงหยาง ชิงหลง ชิงเฟยต่างมองหน้ากันไปมา พวกเขารับรู้เรื่องจากหลีซานเกี่ยวกับการที่หญิงสาวปฏิเสธชายหนุ่ม ทำให้พวกเขาต่างเข้าใจดีว่าภายในใจหญิงสาวมีใครที่แอบซ่อนไว้ ทั้งสามจึงได้แต่อดเป็นห่วงน้องสาวของตนชิงหลงมีสีหน้าเคร่งขรึมอย่างรู้สึกเป็นห่วงน้องสาว เขาหยุดมองชิงอี้หรานอยู่พักใหญ่ ก่อนจะหันไปถามทั้งสองด้วยเสียงเคร่งเครียด "พวกเราปล่อยให้เป็นเช่นนี้จะดีหรือ"ชิงหยางได้แต่ส่ายหน้า เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวล "อี้หรานแม้ภายนอกจะดูเรียบร้อยอ่อนโยน แต่พวกเจ้าก็รู้ดีว่านางดื้อรั้นมากเพียงใด"ชิงเฟยรีบถามกลับ "หรือเราควร...เอ่อ...ควรช่วยพวกเขากันดี"ชิงหยางได้ยินคำถามนี้ก็หันมองหน้าน้องชายด้วยสายตาโกรธขึ้ง "ชิงเฟย เจ้านี่นะ" เขาตำหนิด้วยเสียงเข้มชิงเฟยยกมือขึ้นลูบลำคอไปมา

  • หนี้รักราชันสีเลือด   บทที่ 60 : ไม่ว่าจะรักหรือแค้น ข้าก็มิอาจตอบรับผู้ใดได้อีก

    บทที่ 60 : ไม่ว่าจะรักหรือแค้น ข้าก็มิอาจตอบรับผู้ใดได้อีก ในระหว่างที่ครอบครัวสกุลชิงเตรียมตัวสำหรับการเดินทางไกล แขกประจำบ้านสกุลชิงคงไม่พ้นหลีซาน ชายหนุ่มที่คอยแวะเวียนมาพูดคุย ถามไถ่ รวมถึงช่วยตระเตรียมข้าวของอยู่เสมอแรกเริ่มเมื่อหลีซานถูกกักตัวอยู่ที่จวนของเขา ชายหนุ่มรู้สึกเป็นห่วงครอบครัวสกุลชิงอย่างมาก แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากนักนอกจากสืบถามข่าวคราวจากคนใกล้ชิด แต่ข่าวที่ได้รับมามักน้อยนิดและไร้ประโยชน์จนทำให้เขาเครียดและวิตกกังวลกระทั่งราชโองการประกาศเรื่องการปลดชิงอี้หรานออกจากตำแหน่งฮองเฮา ในช่วงแรกที่ได้รับข่าวดังกล่าวหลีซานรู้สึกตื่นตระหนกอย่างมาก ภาพความเป็นไปได้ที่ชิงอี้หรานอาจถูกทำร้ายหรือถูกกักขังวนเวียนอยู่ในหัวของเขา ความห่วงใยที่มีต่อหญิงสาวทำให้เขาไม่อาจนอนหลับได้อย่างสงบ ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบรัด แม้ภายหลังจวนของเขาเองจะไม่ถูกทหารควบคุมเช่นเดิม แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความกังวลในใจของเขาลดน้อยลงเลย เขาหวังว่าจะมีข่าวคราวเกี่ยวกับชิงอี้หรานที่ปลอดภัย แต่ความเงียบงันอย่างผิดปกติยิ่งทำให้เขาอยู่ไม่เป็นสุขจนกระทั่งวันหนึ่ง ข่าวดีที่เขารอคอย

  • หนี้รักราชันสีเลือด   บทที่ 59 : เรื่องราวระหว่างท่านและข้าขอให้เป็นเพียงฝันชั่วข้ามคืนหนึ่งเถิด

    บทที่ 59 : เรื่องราวระหว่างท่านและข้าขอให้เป็นเพียงฝันชั่วข้ามคืนหนึ่งเถิด ภายในตำหนักที่เงียบสงบ ชิงอี้หรานพักฟื้นอยู่เกือบเดือน ตั้งแต่คืนนั้นหนิงซีโย่วก็ไม่เคยมาหาหญิงสาวอีกเลย ข่าวคราวเรื่องการกบฏถูกปิดเงียบไม่ปรากฏให้ผู้ใดได้รู้ เฉกเช่นไม่เคยเกิดเรื่องราวใดมาก่อน หลังจากนั้นไม่นานหนิงซีโย่วมีราชโองการปลดชิงอี้หรานออกจากตำแหน่งฮองเฮาชิงอี้หรานนั่งอยู่ที่หน้าต่างทอดสายตามองออกไปภายนอก รู้สึกเหมือนดวงตาของนางได้มองทะลุผ่านทุกสิ่ง หัวใจของนางเหมือนถูกดึงออกไปจากร่างกาย มีเพียงความเมินเฉยและความว่างเปล่าเพียงเท่านั้นซิวเอ๋อเดินเข้ามาหานายหญิงของตนด้วยความห่วงใย "คุณหนู ฝ่าบาทมิได้มาหาท่านตั้งแต่คืนนั้นอีกเลย ท่านยังคิดถึงฝ่าบาทอยู่หรือไม่"ชิงอี้หรานยังคงมองออกไปด้านนอกอย่างเหม่อลอย "ความคิดถึงนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความแค้น ข้ารู้ว่าทั้งตัวข้าและซีโย่ว ไม่ว่าจะรักหรือแค้นก็ไม่อาจอยู่ร่วมกันอีก จากกันวันนี้ก็คงดีกว่าต้องประหัตประหารกันจนใครคนใดคนหนึ่งต้องตายจาก"ซิวเอ๋อมองหญิงสาวด้วยความสงสาร "คุณหนู โปรดทบทวนอีกสักคราเถิด บางทีท่านและฝ่าบาทอาจจะสามารถหาทางแก้ไขแล

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status