“แล้วมึงล่ะไอ้คีรินเอาอะไร”
“กูเอาเอสเพรสโซ่ มึงสั่งมอคค่าให้ไอ้เตอร์ด้วยนะ เสือกจะมานั่งฟรี”คีรินบ่นถึงเพื่อนที่เดินไปนั่งหลบมุม ไม่อยากเจอสายตาใครตามนิสัย ก่อนจะเดินไปนั่งด้วยกับคาเตอร์ ทิ้งให้สกายยืนสั่งเครื่องดื่มที่เคาท์เตอร์คนเดียว “คนเยอะฉิบหาย”เมื่อกลับมานั่งที่ สกายก็บ่นทันที “เออ…จะว่าเยอะเพราะพวกเราก็ไม่ใช่”คีรินตั้งข้อสังเกตุ หันมองรอบ ๆ จะเห็นผู้ชายนั่งอยู่มากกว่าผู้หญิง ส่วนพายที่เสิร์ฟเครื่องดื่มโต๊ะลูกค้าเสร็จ เธอก็เดินกลับมาที่เคาท์เตอร์ และก็ได้ออเดอร์กาแฟร้อนสามแก้ว ให้ไปเสิร์ฟอีกโต๊ะทันที “สงสัยรุ่นพี่สามคนนั้น อยากมาดูเธอด้วยเหมือนกัน”กวินพูดพร้อมกับส่งยิ้มแปลก ๆ มาให้เธอ เขารู้จักรุ่นพี่วิศวะสามคนนั้น และตั้งแต่ทำงานที่นี่มา ไม่เคยเห็นมาคาเฟ่มหาลัยเลยสักครั้ง แล้วเลือกมาวันนี้พอดีคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ “เราไม่ใช่ดารานะ ใครจะอยากมาดู”พายว่าก่อนจะยกเครื่องดื่มเดินไปยังโต๊ะนั้นทันที เมื่อได้เห็นหน้าเจ้าของเครื่องดื่มที่เธอเอามาเสิร์ฟทั้งสามคน ใบหน้าก็ถอดสีทันที อะไรโลกจะกลมขนาดนั้น คณะวิศวะก็อยู่ห่างจากคาเฟ่มหาลัยมากโข แต่เธอก็ยังอุตส่าห์เจอกับเขาที่นี่อีกจนได้ ด้านคาเตอร์ที่เห็นพนักงานเสิร์ฟ เขาก็ยกยิ้มมุมปากทันที ตอนช่วยเธอเขามองว่าเป็นเรื่องบังเอิญ แต่การที่เขากับเธอเจอกันที่นี่อีกครั้ง เขามองว่าไม่ใช่แล้ว “มึงรู้จักเหรอไอ้เตอร์”คีรินเอ่ยถามทันทีที่เห็นเพื่อนสนิทมองเด็กเสิร์ฟไม่วางตา แถมเขายังเห็นเพื่อนยกยิ้มมุมปากอีกด้วย ถึงจะเพียงแวบเดียวก็เถอะ “เครื่องดื่มได้แล้วนะคะ” พายไม่สนใจสายตาของเขาที่มองตลอด เธอพยายามทำหน้าที่ของตัวเองแต่ทว่าเมื่อเธอเอาแก้วกาแฟวางตรงหน้าเขา ขาเขาด้านล่างดันมาสะกิดที่ขาเธอเหมือนจงใจ จนเธอต้องก้มลงไปมองด้านล่างและเงยขึ้นมามองหน้าเขา แล้วก็ต้องหงุดหงิดที่เขายักคิ้วให้เธอเหมือนต้องการกวนเธอ “ชื่ออะไรครับ?”คีรินจงใจถามแล้วก็มองหน้าคาเตอร์ไปด้วย ที่จริงเขาไม่ได้คิดอะไรกับผู้หญิงตรงหน้า แต่เหมือนเขาจะเจอเรื่องสนุกอะไรบางอย่างขึ้นมา “อะ เอ่อ ชื่อพายค่ะ” “น้องพาย”คาเตอร์ทำเป็นไม่สนใจท่าทางของคีรินที่ส่งยิ้มให้เธอ “มึงสนใจน้องเขาเหรอว่ะ”สกายที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เพราะเอาแต่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ถามขึ้น “เออ สนใจสิ มึงไม่เห็นเหรอสวยขนาดนั้น กูรู้แล้วทำไมวันนี้ผู้ชายในร้านถึงเยอะกว่าปกติ เพราะน้องพายคนสวยนี่เอง” คีรินจงใจเน้นย้ำคำพูดนั้นพร้อมสายตาที่มองไปยังหญิงสาว ที่กำลังยืนเสิร์ฟเครื่องดื่มผู้ชายอีกโต๊ะ มองดูก็รู้ว่าผู้ชายกลุ่มนั้นก็ถูกใจเธอไม่น้อย แต่ไอ้เพื่อนสนิทที่นั่งข้างเขายังทำหน้าเฉย ๆ เหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไร “แม่ง!!! ใครบอกให้มึงสั่งกาแฟแบบนี้มาให้กูว่ะ” คาเตอร์โวยวายออกมาเรียกความสนใจจากพายที่ยืนอยู่อีกโต๊ะ เธอหันมองหน้าเขาด้วยความงง แต่ทว่าก็สะบัดตัวเดินไปยังเคาท์เตอร์ทันที โดยไม่สนใจเขาอีก “ไม่แน่ต่อไปมึงอาจจะชอบจนต้องมากินทุกวันก็ได้”คีรินพูดด้วยน้ำเสียงยียวน ค่อนข้างมั่นใจว่าเพื่อนเขากับพนักงานเสิร์ฟเมื่อกี้รู้จักกันแน่ แต่จะรู้จักกันแบบไหนคงต้องให้เจ้าตัวหลุดปากออกมาเอง “มึงก็ไปแกล้งมัน บอกกูให้สั่งม็อคค่าให้มันไอ้คีริน” “อ้าว...กูกลัวมันไม่ชอบกินกาแฟขม ๆ นี่หว่า” “สัดคีริน กูไม่ชอบแดกกาแฟโว้ย!!!”ถึงปากจะพูดออกไปแบบนั้น แต่ทว่าตาคมของเขา ยังคอยมองไปยังหญิงสาวที่กำลังเดินไปเสิร์ฟโต๊ะผู้ชายอีกกลุ่มอยู่ ดูเหมือนชีวิตนี้เธอจะหนีไม่พ้นผู้ชาย หลังผ่านพ้นช่วงคนเยอะไปแล้ว พายก็ได้ยืนพักตรงหน้าเคาท์เตอร์ ถึงแม้กลุ่มนักศักษาจะทยอยออกไปแล้ว แต่ทว่ากลุ่มของคาเตอร์ยังคงนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่เหมือนเดิม ไม่ได้มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นแต่อย่างใด ซึ่งสายตาคมของเขาทำให้เธออึดอัดเป็นอย่างมาก ไม่ว่าเธอจะเดินไปทางไหน ดูเหมือนเขาจะคอยมองเธอตลอด ไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรจากเธอกันแน่ “ผู้ชายโต๊ะนั้นรู้จักพายเหรอ”กวินถามขึ้นทันทีด้วยความสงสัย หลังจากเห็นโต๊ะรุ่นพี่วิศวะมีคนหนึ่งในกลุ่ม คอยส่งสายตาหาเพื่อนร่วมงานของเขาอยู่เรื่อย ๆ “เรียกว่ายังไงดี…คือเราไม่ได้รู้จักชื่อเขา แต่ก็รู้จักเขานิดหน่อย” “อะไรอ่ะ พูดจาแปลก ๆ”พายถอนหายใจออกมา เธอไม่รู้ต้องอธิบายเรื่องระหว่างเธอกับเขาว่ายังไง ก็เธอไม่รู้จักชื่อเขาจริง ๆ แต่คิดว่าเขาน่าจะเป็นรุ่นพี่เธอ อีกอย่างเขาน่าจะฮอตมากในหมู่สาว ๆ สังเกตุได้จากเมื่อกี้ตอนมีนักศึกษาผู้หญิงอยู่ในร้าน พวกเธอก็คอยส่งยิ้มให้เขาตลอด แต่ทว่าเจ้าตัวกลับทำหน้าเบื่อหน่ายใส่สาว ๆ พวกนั้น “เอาเป็นว่ารู้จักแต่ไม่ได้สนิทแล้วกัน”เธอเอ่ยตัดบทออกไป ก่อนจะเดินเอาแก้วที่เก็บมาจากโต๊ะเข้าไปหลังร้าน ก็พอดีกับที่ได้ยินเสียงสายเข้าดังจากโทรศัพท์ของตัวเอง “ฮัลโหลค่ะ” (คุณเป็นหลานสาวของคุณยายวรรณหรือเปล่าคะ) “ใช่ค่ะ” (โทรจากโรงพยาบาลนะคะ ผลการตรวจก้อนเนื้อที่ขาของคุณยายวรรณออกแล้วนะคะ คุณหมอให้โทรมาแจ้งว่าให้เข้ามาฟังผลพรุ่งนี้ค่ะ) ภายในใจเต้นรัวเร็วทันที เธอจำได้ว่าหากผลตรวจก้อนเนื้อไม่มีอะไรน่าห่วง ทางโรงพยาบาลจะไม่โทรมาแจ้งเรื่องนี้ จะให้เธอไปพบคุณหมอตามนัดปกติ “ขอถามได้ไหมคะว่าคุณยายของหนูเป็นอะไร?” (ดิฉันเป็นพยาบาลไม่สามารถตอบได้นะคะ ต้องมาฟังกับคุณหมอเจ้าของเคสโดยตรงค่ะ) ดวงตากลมโตมีน้ำรื้นออกมาทันที ได้แต่ภาวนาให้ผลตรวจไม่มีอะไรมากขนาดนั้น ตอนนี้ทั้งชีวิตเธอเหลือยายแค่คนเดียวแล้ว “ได้ค่ะ งั้นพรุ่งนี้จะพายายเข้าไปนะคะ” หลังจากวางสาย พายก็ยังยืนนิ่งอยู่ด้านหลังร้าน เหมือนสติเธอหลุดลอยไปชั่วขณะ สมองยังประมวลผลและรับความรู้สึกนี้ไม่ได้ จนกระทั่งกวินเดินเข้ามาหา เธอถึงได้กลับมาปกติอีกครั้ง “มีอะไรหรือเปล่า?” “ไม่มีอะไร”กวินมองตามร่างเล็กของเพื่อนร่วมงานที่เดินไปเก็บโต๊ะด้วยท่าทางปกติ แต่เธอคงไม่รู้ตัวว่าท่าทางเธอปกติแล้วก็จริง แต่ทว่าหน้าตาเธอซีดมากขนาดไหน เมื่อถึงเวลาเลิกงาน พายก็เดินมารอรถเมล์หน้ามหาลัยด้วยท่าทีเลื่อนลอย ได้แต่นึกภาวนาให้ก้อนเนื้อที่ขาของยายไม่เป็นอะไรร้ายแรงและมีทางรักษาได้ เธอคงไม่โชคร้ายขนาดยายต้องเป็นอะไรร้ายแรงไปอีกคน แค่ทุกวันเธอก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียวบนโลกนี้แล้ว โชคชะตาคงไม่เล่นตลกกับเธออีกหรอกนะ เพราะครั้งนี้เธอคงรับความรู้สึกเหล่านั้นไม่ไหวแล้วจริง ๆ ติ้ง! เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้นรัว ๆ น่าจะเป็นแชทกลุ่มของเธอและเพื่อนสองคน คงจะเป็นห่วงที่เธอเริ่มงานเป็นวันแรกเลยส่งข้อความมาถาม ลลิล: เป็นไงบ้างพาย มีนา: นั่นสิ มึงหายเงียบไปทั้งวันเลย มีนา: กูจะชวนลลิลไปหามึงนะ ถ้ามึงไม่ตอบ พายยิ้มกับข้อความเป็นห่วงของเพื่อน อย่างน้อยในชีวิตเธอที่รู้สึกว่าโชคดีที่สุดก็คือการได้เป็นเพื่อนกับสองคนนี้ ทั้ง ๆ ที่สองคนฐานะต่างจากเธอมาก แต่ก็ไม่เคยเอาเรื่องพวกนี้มาเป็นสิ่งชี้วัดในความเป็นเพื่อนของเรา อีกทั้งยังพร้อมจะช่วยเหลือและซัพพอร์ตเธอเสมอ อย่างเช่นเวลาไปเที่ยวไหน ก็จะเป็นฝ่ายเลี้ยงเธอ จนเธอเกรงใจไม่ค่อยออกไปไหนด้วย เพราะปฏิเสธไปสองคนนี้ก็ไม่ยอม ไปกินข้าวร้านอาหาร ก็เป็นฝ่ายออกค่าอาหารแทนเธอเสมอ กระเป๋าหรือเสื้อผ้า ก็ซื้อให้ในเทศกาลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวันเกิด ปีใหม่ อะไรก็แล้วแต่ที่สองคนนี้จะอ้าง พาย: กูเลิกงานแล้ว พาย: ไม่เป็นไร ลลิล: เออ…กว่าจะตอบ มีนา: แล้วตอนนี้มึงอยู่ที่ไหน? พาย: รอรถอยู่ รถเมล์สายที่เธอนั่งมาแล้ว เลยเอาโทรศัพท์เก็บและเตรียมตัวขึ้นไปเบียดเสียดกับผู้โดยสารจำนวนมากในเวลาเย็น แต่ทว่าเธอชินเสียแล้วกับการใช้ชีวิตแบบนี้ มันเหมือนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเธอที่ต้องเจอเป็นประจำทุกวัน เมื่อลงจากรถก็ใช้เวลาเดินไม่กี่นาทีก็ถึงบ้านเช่าที่เธออยู่กับยาย แต่ทว่าวันนี้มีบางอย่างผิดปกติคือมีชายกลุ่มหนึ่งกำลังยืนอยู่หน้าบ้าน หากมองเผิน ๆ ก็เหมือนไม่มีอะไร แต่เธอจำหน้าผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มนั้นได้ดี มันคือกลุ่มเดียวกับที่เธอมีเรื่องด้วย และมันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่พวกมันมาอยู่ตรงหน้าบ้านเธอพอดิบ พอดีแบบนี้“แล้วมึงล่ะไอ้คีรินเอาอะไร” “กูเอาเอสเพรสโซ่ มึงสั่งมอคค่าให้ไอ้เตอร์ด้วยนะ เสือกจะมานั่งฟรี”คีรินบ่นถึงเพื่อนที่เดินไปนั่งหลบมุม ไม่อยากเจอสายตาใครตามนิสัย ก่อนจะเดินไปนั่งด้วยกับคาเตอร์ ทิ้งให้สกายยืนสั่งเครื่องดื่มที่เคาท์เตอร์คนเดียว “คนเยอะฉิบหาย”เมื่อกลับมานั่งที่ สกายก็บ่นทันที “เออ…จะว่าเยอะเพราะพวกเราก็ไม่ใช่”คีรินตั้งข้อสังเกตุ หันมองรอบ ๆ จะเห็นผู้ชายนั่งอยู่มากกว่าผู้หญิง ส่วนพายที่เสิร์ฟเครื่องดื่มโต๊ะลูกค้าเสร็จ เธอก็เดินกลับมาที่เคาท์เตอร์ และก็ได้ออเดอร์กาแฟร้อนสามแก้ว ให้ไปเสิร์ฟอีกโต๊ะทันที “สงสัยรุ่นพี่สามคนนั้น อยากมาดูเธอด้วยเหมือนกัน”กวินพูดพร้อมกับส่งยิ้มแปลก ๆ มาให้เธอ เขารู้จักรุ่นพี่วิศวะสามคนนั้น และตั้งแต่ทำงานที่นี่มา ไม่เคยเห็นมาคาเฟ่มหาลัยเลยสักครั้ง แล้วเลือกมาวันนี้พอดีคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ “เราไม่ใช่ดารานะ ใครจะอยากมาดู”พายว่าก่อนจะยกเครื่องดื่มเดินไปยังโต๊ะนั้นทันที เมื่อได้เห็นหน้าเจ้าของเครื่องดื่มที่เธอเอามาเสิร์ฟทั้งสามคน ใบหน้าก็ถอดสีทันที อะไรโลกจะกลมขนาดนั้น คณะวิศวะก็อยู่ห่างจากคาเฟ่มหาลัยมากโข แต่เธอก็ยังอุตส่าห์เจอกับเขาที่นี่อีกจนไ
“เรื่องเมื่อคืน?” “เรื่องเมื่อคืนฉันไม่ผิด”เสียงหวานของพายสะบัดใส่ธันเดอร์ทันที เธอยังเคืองเรื่องที่เขาไล่เธอออก ในใจคิดไปแล้วว่าเขาคงเรียกเธอมาต่อว่าอีกแน่นอน “เรื่องเป็นยังไง?” “ทำไมคุณไม่ถามผู้ชายคนนี้ล่ะคะ หรือว่าถามแล้วแต่เขาก็ยังยืนยันว่าฉันผิด”คาเตอร์ที่กำลังยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ ชะงักไปทันที เมื่อถูกหญิงสาวพาดพิงถึง “ฉันอยากฟังจากปากเธอมากกว่า” พายเหยียดยิ้มออกมาทันที ปกติเธอไม่ใช่ผู้หญิงไม่มีมารยาทกับคนที่อายุมากกว่า แต่วันนี้ขอทำตัวแหกกฎตัวเองหน่อยเถอะ“ฟังไปทำไมคะ ในเมื่อคุณไล่ฉันออกไปแล้ว” “ยังปากดีไม่เลิกนะ”คาเตอร์ส่งเสียงพูดออกไปทันทีอย่างเหลืออด เขาพอจะรู้ว่าเธอไม่พอใจที่โดนไล่ออก แต่ควรฟังเหตุผลก่อนไหม ไม่ใช่เอาแต่ทำสีหน้าและท่าทางไม่พอใจอยู่แบบนี้ เห็นแล้วมันอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงต่อว่าเธอออกไป แถมเขายังเป็นคนช่วยเธอต่างหาก แต่เหมือนไม่มีบุญคุณกับเธอสักนิด หรือเห็นว่าเขาไม่ทวงบุญคุณเรื่องที่ช่วย เธอเลยทำตัวได้ใจอยู่แบบนี้ “ที่ฉันไล่เธอออกก็เพราะความปลอดภัยของเธอนะ คิดว่าฉันเป็นคนยังไง ที่จริงฉันจะไล่ใครออกก็ไม่ต้องมานั่งอธิบายให้ฟังนะ แต่รู้ว่าเธอกำลังคิดว่าฉันเข้าข
หลังจากสมัครงานเรียบร้อยแล้ว เจ้าของร้านคงเห็นว่าพายเป็นคนหน้าตาสวย หุ่นดี บุคลิกดี เลยรับเธอเข้าทำงานทันที อันนี้ก็น่าจะเป็นความโชคดีของเธอในรอบวันเลยก็ว่าได้ ระหว่างที่กำลังเดินกลับตึกคณะ ก็มีรถยนต์หรูคันคุ้นตาขับผ่านหน้าเธอไปด้วยความเร็ว ถึงจะผ่านไปเพียงเสี้ยววินาที แต่เธอกลับจำมันได้ทันทีว่าเป็นรถของผู้ชายที่ช่วยเธอไว้เมื่อคืน นี่เขาเรียนมหาลัยเดียวกับเธอเหรอ ทำไมเธอไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน แต่ก็ไม่แปลกอะไร เพราะเธอไม่เคยไปไหนไกลจากคณะตัวเอง "มีอะไร? กูเห็นมึงมองรถคันที่ผ่านไปแปลก ๆ"เธอพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เมื่อเจอคำถามของมีนา เรื่องเมื่อคืนเพื่อนสองคนยังไม่รู้ แต่เธอก็ไม่ได้คิดจะปิดบังเพื่อนหรอก เพียงแต่ไม่อยากบอกตอนนี้ อยากรอให้พ้นช่วงนี้ไปสักพักก่อน "ไม่มีอะไรหรอก รีบไปเถอะ" ส่วนคาเตอร์ขณะที่กำลังขับรถผ่านตึกคณะนิติศาสตร์ เขาก็เห็นพายเหมือนกัน ถึงจะเป็นเวลากลางวัน แต่เขากลับจำเธอได้ทันที เธอคือเด็กเสิร์ฟที่เขาช่วยไว้เมื่อคืน ดูเหมือนโลกจะกลมเกินไปหรือเปล่า เขาไม่คิดว่าเธอจะเรียนมหาลัยเดียวกับเขา ตอนนี้เขากำลังขับรถมุ่งตรงไปยังผับธันเดอร์ เพราะโดนเรียกตัวไปด่วน คงจ
09.20น. “มาถึงมันก็หลับอีกแล้ว”มีนาเพื่อนในกลุ่มของพายพูดขึ้น เมื่อเดินมาถึงโต๊ะประจำของกลุ่มแล้วเห็นเพื่อนสนิทฟุบหน้าหลับอยู่บนโต๊ะเหมือนทุกวัน “เมื่อคืนมันโดนลวนลามอีกแล้ว”ลลิลเพื่อนสนิทอีกคนเอ่ยบอกมีนาทันที ที่เธอรู้เรื่องนี้ก็เพราะเจอกับปริมเพื่อนที่ทำงานที่ผับเดียวกันกับพายเมื่อเช้าตรงลานจอดรถ “เมื่อไหร่ไอ้พวกเศษเดนพวกนี้จะหายไปจากโลกนี้สักทีว่ะ ไม่เห็นใจเพื่อนร่วมมนุษย์กันบ้างหรือไง เห็นว่าเป็นผู้หญิงหน่อย มันคิดจะทำอะไรก็ได้เหรอว่ะ”มีนาบ่นอุบ จะห้ามเพื่อนไม่ให้ไปทำงานก็ไม่ได้ เพราะรู้ว่าเพื่อนมีปัญหาด้านการเงินมาตลอด แต่พายไม่เคยรับความช่วยเหลือจากพวกเธอสองคนเลยสักครั้ง บอกแค่ว่าถ้าไม่ไหวจริง ๆ จะบอก แต่คบกันมาสองปีแล้ว ไม่เคยเห็นบอกสักทีว่าไม่ไหว มีแต่ยิ่งทำงานหนักขึ้นทุกวัน “แล้วเจ้าของผับทำอะไรอยู่ว่ะ กูเห็นพายมันโดนแบบนี้หลายครั้งแล้วนะ เขาไม่มีมาตรการอะไรปกป้องลูกน้องบ้างหรือไง” “หึ พวกนักธุรกิจหน้าเลือดแบบนั้น ไม่มาสนใจลูกน้องตัวเล็ก ๆ หรอก ถึงไปบอกมันก็คงเข้าข้างลูกค้าพวกนั้นแหละ เงินถึงขนาดนั้น”มีนาพูดตามหลักความเป็นจริงที่เคยเห็นมา เธอมองว่าเจ้าของผับที่เพื่อนเธอท
“ถ้าไม่ติดว่าฉันเพิ่งช่วยเธอมานะ ฉันไม่สนใจผู้หญิงปากดีแบบเธอหรอก รอให้พ้นวันนี้ก่อนนะ หลังจากนี้จะเป็นจะตายก็เรื่องของเธอ” พายนั่งกำมือเข้าหากันแน่น เธอไม่อยากต่อปากต่อคำกับผู้ชายคนนี้ เขาดูอันตรายกว่าที่เธอคิด ดูจากหน้าตา อายุเขาน่าจะแก่กว่าเธอไม่เท่าไหร่ แต่เขากลับมีปืนผาหน้าไม้ ถ้าหากเถียงเขาไปมาก ๆ เธออาจจะถูกเขาสาดกระสุนใส่แทนไอ้พวกเลวก่อนหน้านี้ก็ได้ “เงียบทำไม?”ที่จริงก็ไม่อยากสนใจว่าเธอจะพูดหรือเงียบ แต่เห็นใบหน้าเธอซีดลงเรื่อย ๆ ก็สงสัยว่าเป็นอะไร ไม่ใช่ว่าจะมาเป็นลมในรถเขาหรอกนะ แค่ช่วยจากไอ้พวกนั้นก็พอแล้ว อย่าให้ต้องถึงขั้นพาไปส่งโรงพยาบาลอีกเลยนะ “ตกลงบ้านเธออยู่ไหน?” “…..” “เธอนี่เป็นคนแบบไหนกันนะ พอพูดมากก็ปากดีเหลือเกิน พอจำเป็นต้องพูดกลับไม่พูด เธออยากให้ฉันโมโหไปมากกว่านี้สินะ” “ขับตรงไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวใกล้ถึงฉันจะบอก”เมื่อเขาเริ่มโมโห เธอก็ส่งเสียงออกมาทันที เธอยังอยากกลับไปหายาย ไม่อยากทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ตอนนี้ “เธอกลัวฉัน?” “พี่มีปืน”เธอตอบออกไปทันที มีใครบ้างในโลกนี้ไม่กลัวปืน ขนาดไอ้พวกอันธพาลเมื่อกี้ มันมีกันสี่คน พอเขาชักปืนออกมาขู่ มันก็ถอยไปทันที แล้
คาเตอร์กำลังข่มอารมณ์อย่างหนัก เขากำลังคิดว่าทำไมตัวเองถึงต้องมายุ่งเรื่องไร้สาระพวกนี้ด้วย แทนที่จะกลับบ้านไปนอนหลับพักผ่อนให้สบายดีกว่า แต่ทว่าพอหันไปสบตาผู้หญิงคนนั้น เขาก็รู้สึกบางอย่าง เหมือนกับว่าหากเขาไม่ช่วย เธอจะตายอย่างนั้นแหละ ทั้งที่เขามองออกว่าพวกนี้คงไม่ถึงขนาดฆ่าเธอหรอก คงแค่อยากสั่งสอนที่เธอปากดีไปดูถูกพวกมันเท่านั้น แต่ทว่าขายาวของเขาก็ไม่เดินกลับไปที่รถเสียที มือหนาก็ยังคงกำกระบอกปืนพกสั้นที่เขาพกติดตัวตลอด ไม่ใช่ว่าจะเอามาใช้สุ่มสี่สุ่มห้า เพียงแต่พกไว้ป้องกันตัวเวลากลับบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ แค่นั้นเอง ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เอาออกมาช่วยผู้หญิงปากดีคนนี้ไว้ “กูให้โอกาสมึงอีกครั้ง ปล่อยผู้หญิงคนนั้นมาให้กู แล้วเรื่องทุกอย่างก็จะจบ” “มึงพูดไร้สาระอะไรอยู่ว่ะ ถ้าไม่ร่วมด้วยก็ถอยออกไป ก่อนที่พวกกูจะทำให้มึงขับรถกลับบ้านไม่ได้” พายมองเหตุการณ์ตรงหน้า น้ำตาเธอเริ่มไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เธอไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นจะช่วยเธอได้หรือเปล่า แต่เขาคือความหวังเดียวของเธอตอนนี้ เธอหลับตาช้า ๆ ภาวนาถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายบนโลกใบนี้ว่าขอให้เขาช่วยเธอให้พ้นจากผู้ชายกลุ่มนี้ด้วย ไม่ว่