“ฮาโหล มน นั้น มนหรือเปล่า นี่มีนเองนะ”
เสียงใสรอดผ่านปลายสายมาทันที ที่มนสิชากดรับ แค่ได้เห็นว่าเป็นเบอร์เพื่อนรักโทรข้ามประเทศมา เธอเองก็เหมือนเห็นแสงสว่างอยู่ที่ปลายอุโมงค์แล้ว
“มีน มนอยากลับบ้าน “ เสียงแหบสั่นที่พยายามกลั้นน้ำเสียงสะอื้นเอาไว้
“แกเป็นอะไรวะมน ใครทำอะไรแล้วแกร้องไห้ทำไม ทะเลาะกับคุณป้ามาเหรอ”
“เปล่า มนถูกแม่กับน้องทิ้งไว้ที่ฮ่องกงอ่า มีน ........”
เรื่องราวทุกอย่างถูกถ่ายทอดออกมาให้มีนาฟัง เธอพรั่งพรูทุกอย่างออกมาด้วยความทุกข์ใจเพราะยังคิดไม่ออกเลยว่าจะหาเงินด้วยวิธีไหนมาใช้หนี้ให้ทันภายใน 6เดือนให้เจ้าหนี้อย่างหวัง จางเหว่ย
“ทำไมคุณป้าใจร้ายแบบนี้นะ ให้ฉันไปยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือที่สถานทูตให้ไหม”
“ไม่ได้นะมีน ถ้าทำแบบนั้นแม่กับน้องฉันได้ถูกพวกนั้นตามฆ่าตายแน่ๆ”
“ทำไมแกต้องห่วงด้วยวะ พวกเขาทำกับแกขนาดนี้นะมน เฮอ แล้วฉันจะช่วยอะไรแกได้มั่งเนี่ย”
มีนาถามออกมาด้วยความร้อนใจ และเป็นห่วงไม่คิดเลยว่าแม่แท้ๆจะทำกับลูกได้ เห็นแค่ในนิยายเจอเรื่องจริงก็กับเพื่อนตัวเองนี่ละ
“ฉันต้องทำ ต้องหาเงินมาคืนเขาให้ได้ แต่มีนช่วยอะไรมนหน่อยได้ไหม”
“ได้สิ ให้ช่วยอะไร ให้มีนบินไปหาตอนนี้เลยไหม”
“ไม่ต้อง ที่นี่มันอันตราย มนไม่อยากให้คนอื่นมาเดือดร้อนเพราะคนในครอบครัวของมนนะ”
“อือ แต่อยู่ที่นั่นมันอันตรายมากเลยนะเว้ย แกเองก็ต้องระวัง เอาตัวรอดจากไอ้มาเฟียนั้นให้ได้เลยนะเว้ย อย่าไปยอมเป็นเมียมันเด็ดขาด”
“มีน แกอ่านนิยายมากไปปะเนี่ย ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันมีหน้าตาเป็นอาวุธและอีกอย่างเขาไม่ทำอะไรฉันหรอก ดูจากที่อยากได้น้องสาวฉันไปเป็นนางบำเรอ สเปคพ่อเจ้าพระคุณก็คงสูงอยู่หรอก”
“โอเค ฉันจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมาก ฉันรู้ว่าแกเอาตัวรอดเก่ง แล้วมนจะให้มีนช่วยอะไรเหรอ บอกมาได้เลย”
“มีน ช่วยไปที่บ้านมนหน่อย กุญแจสำรองซ่อนอยู่ที่เดิมนะ แล้วขึ้นไปเอาเอกสารที่อยู่ในซองสีน้ำตาล และเงินเก็บของมีนที่อยู่ใต้เตียงส่งมาให้หน่อย อ้อ อย่าลืมแลกเป็นเงินดอลลาร์ฮ่องกงมาให้ด้วยนะ เดี๋ยวมนหาที่อยู่ได้แล้วจะส่งไปให้ในไลน์”
บทสนทนาที่สองสาวเล่าสู่กันฟังกินเวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมง แล้วก็วางสายกันไป กว่าจะติดต่อกันได้ก็หลายวันนับตั้งแต่วันที่เธอบินมาถึงฮ่องกงก็ติดต่อยัยมีนไม่ได้ เพราะยัยนั้นดันทำโทรศัพท์ตกน้ำจนต้องส่งซ่อม พอเปิดแอปพลิเคชันขึ้นมาก็รู้ว่าเธอพยายามติดต่อหาตั้งหลายครั้ง
ครั้นเมื่อวางสายจากมีนาแล้ว มนสิชาก็เดินมาลากกระเป๋าเดินทางที่วางอยู่หน้าทางเข้าประตูเพื่อที่จะได้จัดเรียงสิ่งของเข้าที่ให้เรียบร้อย ใช่แล้ว!! เธอเพิ่งถูกเชิญออกจากโรงแรมตามคำบอกกล่าวของลูกน้องเจ้าหนี้เธอเมื่อวานนี้
จากสภาพห้องที่เขาเมตตาให้เธอย้ายมาอยู่มันก็เป็นห้องที่ไม่ได้เลวร้ายอะไรอย่างน้อยก็ยังมีห้องน้ำในตัว ไม่ต้องไปอาบน้ำรวมเหมือนที่อื่น และอีกอย่างย่านหว่านไจ๋มันก็เป็นแหล่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ครบทุกอรรถรสในย่านเดียว
เพราะอดีตที่นี่เคยเป็นหมู่บ้านชาวประมงมาก่อน จึงมีกลิ่นอายความเก่าแก่ในอดีตรวมถึง ศิลปะ วัฒนธรรมบวกกับเทคโนโลยีที่สมัยใหม่ที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว
ที่สำคัญระเบียงหลังห้องเธอยังสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ด้านนอกรวมไปถึงที่ตั้งของโรงแรมของเจ้าหนี้เธออีกด้วยที่ตั้งอยู่ไม่ไกล
หนึ่งชั่วโมงหลังจากเก็บของเสร็จแล้ว มนสิชาก็อาบน้ำแต่งตัว แล้วคว้าเอาเสื้อฮู้ดออกจากห้องไปเพื่อหาอะไรกิน เพราะตั้งแต่เมื่อวานยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย พยาธิก็เลยส่งเสียงประท้วงกันเสียยกใหญ่
ปิดประตูได้หันหลังกลับ หัวใจมนสิชาก็แทบหล่นลงไปกองอยู่ปลายนิ้วตีน เมื่อหันกลับมาเจอพญาหน้ายักษ์ยืนอยู่
“อุต๊ะ!! โอ๊ย ฉันตกใจหมดเลย มายืนเป็นรูปปั้นเป็นหินแกรนิตอะไรอยู่ตรงนี้ ไม่ส่งเสียงอีกแล้วนะคุณ”
มนสิชาตะวาดแว้ดใส่ จิน หั่วที่มายืนคอยเธออยู่หน้าห้องตั้งนานแล้วเพื่อรอเธอออกมา
“คุณหวังให้ฉันเอา สัญญาผ่อนชำระหนี้มาให้เธอเซ็น”
“กลัวฉันหนี ขนาดนั้นเลยหรือไง รีบกันจริง”
“มันก็คงต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะขนาดแม่กับน้องสาวยังทิ้งเธอเพื่อหนีเอาตัวรอดเลย”
แรง เป็นคำพูดที่แรงมากเจ็บจี๊ดไปถึงกระดองใจ คนที่นี่เขาพูดจาไม่ถนอมน้ำใจกันทุกคนไหมเนี่ย
เพื่อตัดความรำคาญ มนสิชาจึงดึงเอาสัญญาออกมาอ่านก่อนเซ็น เพื่อความรอบคอบ อนาคตหากใช้หนี้หมดแล้วจะได้ไม่มีปัญหา
สายตาค่อยๆ ไล่อ่านทีละบรรทัดแล้วก็มาสะดุดตรงประโยคที่ว่า (นางสาวมนสิชา รัตนทัศน์ ต้องผ่อนชำระหนี้ให้กับคุณหวัง จางเหว่ย ทุกวันตลอดระยะเวลา 6 เดือน จนครบยอดหนี้ 5 ล้านดอลลาร์ (20ล้านบาทไทย)
“จะบ้าเหรอ ฉันจะหางานอะไรที่จะได้เงินมากพอ มาจ่ายหนี้เจ้านายคุณได้ทุกวัน เอาเปรียบกันชัดๆ ฉันไม่เซ็น ฉันต้องไปคุยกับเจ้านายคุณให้รู้เรื่อง”
“เธอไม่มีสิทธิ์ไปต่อรองกับคุณหวังตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เซ็นๆ ไปซะจะได้จบ”
มนสิชาจ้องมองชายหนุ่มด้วยสายตาขุ่นเคืองหากวัดจากอายุของเขาและเธอก็คงห่างกันเป็นสิบปีหน้าตาก็ดูอบอุ่นแต่ทำไมใจร้ายไส้สละได้ขนาดนี้ (ไส้ระกำคนอื่นเป็นเยอะแล้ว)
เรียวขายาวที่รับกับรูปร่างกำยำ ย่างก้าวเข้ามาใน อพาร์ทเม้นท์ ก็ทำเอาเหล่าพนักงานที่อาศัยอยู่ที่นี่ถึงกับแตกตื่น ว่าเกิดอะไรขึ้นกับที่นี่หรือเปล่า เพราะท่านประธานหวังไม่เคยมาที่นี่เลยสักครั้งหากแม้ว่าที่นี่มีปัญหาอะไรผิดพลาดจะมีเพียงแค่ลูกน้องปลายแถวที่ถูกส่งมาจัดการความเรียบร้อย เมื่อวันก่อนคุณจิน หั่ว มาที่นี่ว่าแปลกแล้ว แต่วันนี้ท่านประธานมาเองน่าแปลกเสียยิ่งกว่าจางเหว่ยเดินมาหยุดที่ประตูห้องหนึ่ง ก่อนจะเคาะห้องสองสามทีเพื่อให้คนด้านในรู้ว่ามีผู้มาเยือนแต่ก็ไร้ซึ่งปฏิกิริยาของบุคคลที่อยู่ด้านในจะเดินมาเปิดประตูให้สักนิด เขาได้ยินเพียงเสียงดนตรีเพลงEDMที่จังหวะ ชวนให้ออกมาแดนซ์เสียมากกว่าจางเหว่ยยืนรออยู่นานและคิดว่าแม่สาวเจ้าที่อยู่ด้านในนั้นคงไม่ออกมาเปิดประตูให้เขาเป็นแน่ ใบหน้าคมจึงพยักหน้าให้ลูกน้อง ที่ยืนท่าสงบนิ่งอยู่ไม่ไกล เขาล้วงกุญแจสำรองออกมายื่นให้กับเจ้านายอย่างไว ราวกับรู้ใจนิ้วมือเรียวค่อยๆ ไขประตูลูกบิดเข้าไป วินาทีที่เปิดประตูออก จางเหว่ย ถึงกับตะลึงทางด้านลูกน้องที่ตามติดมาด้วยก็ถึงกับหันหลังให้กับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้ามนสิชาที่อยู่ในสภาพนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว ซึ
“ พระธาตุเชิงชุมคู่บ้าน พระตำหนักภูพานคู่เมือง งามลือเลื่องหนองหาน แลตระการปราสาทผึ้ง สวยสุดซึ้งสาวภูไท ถิ่นมั่นในพุทธธรรม ที่นี่ FM 91.5….”เสียงคำขวัญประจำจังหวัดสกลนครที่ดังแว่วผ่านโฆษณาวิทยุธานินทร์สีดำเงา ของลุงกับป้าที่อายุราวๆ 50 ปี ซึ่งได้ศจีจ้างบุคคลทั้งสองมาตัดหญ้าที่บริเวณรอบๆ บ้านสวนในตำบลเล็กๆ ของอำเภอพรรณนานิคม“แม่คะ ตาว่าเรากลับไปรับพี่มนเถอะนะคะ”เรียวขายาวยังก้าวไม่ทันถึงคนเป็นมารดาด้วยซ้ำ กวิตาก็เปิดประเด็นนี้ขึ้นมาคุยกับศจีทันที พอมาถึงสกลนคร เธอก็คะยั้นคะยอให้มารดาเล่าทุกอย่างให้ฟังกวิตาจึงรู้เรื่องแล้วว่า มารดาได้ติดหนี้การพนัน จนต้องเอาบ้านเอาที่ดินไปค้ำประกัน แถมยังทิ้งพี่มนเอาไว้ใช้หนี้แทนเธอเสียอีก“แกจะกลับไปให้พวกมันฆ่าทิ้งหรือไงหนีเอาตัวรอดมาได้ก็บุญแล้ว”“แล้วพี่มนละแม่ ที่เราทำอยู่ตอนนี้ไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยเหรอ พี่มนก็ลูกแม่นะ แม่ไม่ห่วงพี่มนเลยหรือไง”“ฉันรู้แล้ว กำลังคิดหาวิธีหาเงินกลับไปไถ่ตัวพี่แกอยู่นี้ไง”ศจีตัดบทสนทนา ไม่อยากฟังคำบ่นของลูกสาวคนเล็ก จึงเลี่ยงการต่อปากต่อคำแล้วเดินขึ้นมาบนห้องพระ ซึ่งมีรูปของสามีที่ตายไปแล้วตั้งอยู่อีกมุมของบ้านมื
“คุณจะพาฉันไปไหนเนี่ย บอกให้ปล่อย”จางเหว่ย ไม่ตอบ แต่กลับผลักเธอเข้าไปในรถและสั่งคนขับให้ออกรถพร้อมกับบอกสถานที่ที่จะไป น่าจะเป็นที่ไหนสักแห่ง แต่เธอฟังเขาคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก เพราะพวกเขาสนทนาเป็นภาษาจีนตลอดทางที่รถเคลื่อนตัวมาบนถนน มนสิชาก็เอาแต่บ่นกระปอดกระแปดมาตลอดทาง จนจางเหว่ยเองก็เริ่มรำคาญและหมดความอดทน จึงหันไปผลักเธอลงบนเบาะแล้วโถมตัวคร่อมไว้ มนสิชาเองถึงกับตกใจใบหน้าซีด“คะ คุณจะทำอะไร อย่าคิดจะทำอะไรบ้าๆ นะ”“เธอจะหยุดพูดได้หรือยัง ฉันรำคาญ ถ้าเธอไม่หยุดฉันจะปิดปากเธอด้วยปากของฉันเอง”“แต่คุณ...”“ยังไม่หยุดอีก”สายตาดุๆ ที่จ้องมา ใบหน้ามึนตึง มนสิชาถึงกับเม้มปากมองเขาด้วยตาใสแจ๋วก่อนพยักหน้างึกๆ ให้บอกว่าจะไม่พูดแล้ว เขาเห็นว่าเธอเงียบสงบลงแล้ว จึงลุกขึ้นนั่งมนสิชาพอหลุดพ้นจากพันธนาการได้ก็เขยิบไปชิดติดกับประตูอีกฝั่งของเบาะรถทำตัวลีบเล็กหากสิงประตูได้คงทำไปแล้วจางเหว่ย แอบชำเลืองมองท่าทางนั้นแล้วหันหน้าหนี เผลออมยิ้มเบาๆ นึกว่าจะแน่ ไม่เก่งให้ตลอดนี่นาเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาของ จิน หั่ว ที่นั่งอยู่เบาะหน้าข้างคนขับ เขาเห็นท่าทีของเจ้านายผ่านกระจกมองหลังในร
สูดอากาศเข้าให้เต็มปอด ขันติๆ แต่ตอนนี้ขันแตกแล้ว มนสิชาเดินกระแทกไหล่จิน หั่ว อย่างแรงเพื่อให้เขาหลบทางให้แล้วก้าวเดินลงบันไดไปอย่างเร็วตรงลิ่วไปที่โรงแรมที่ตั้งอยู่ไม่ไกลทันที มีเพียงจิน หั่ว ที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามมนสิชาให้ทันโดยมีลูกน้องสองสามคนวิ่งตามหลังมา ตั้งแต่ทำงานกับคุณหวังมาไม่เคยมีใครจะมีปัญหาและปวดหัวได้เท่ากับยัยผู้หญิงคนนี้สักคน คุณหวังคิดอะไรของเขาอยู่จะต่อรองอะไรให้เสียเวลามนสิชาเดินมาถึงโรงแรมได้ก็เดินตรงดิ่งไปยังลิฟต์ VIP ที่เธอเคยขึ้นประจำเมื่อหลายวันก่อน แต่ก็ถูกพนักงานวิ่งมาดักไว้ ไม่ให้ขึ้นไปเพราะเธอยังไม่ได้แจ้งว่าขึ้นไปพบใคร และจะขึ้นไปด้วยจุดประสงค์อะไร อีกอย่างรายชื่อเธอก็ไม่ได้อยู่ในลิสต์แล้วตั้งแต่เมื่อเช้า“ฉันมาหา หวัง จาง...เหว่ย,,, “เธอเอ่ยชื่อลอดผ่านร่องฟันออกมาทีละคำ“นัดไว้หรือเปล่าคะ”“ไม่ได้นัดค่ะ แต่ฉันมีธุระสำคัญที่ต้องคุยกับเขา”“ถ้าไม่ได้นัด ก็ขึ้นไปพบไม่ได้ค่ะ”มนสิชาถอนหายใจด้วยความเซ็ง แล้วหันกลับไปมองหน้า จิน หั่ว ที่เดินมาถึงพอดี เชิงบอกว่าจะเอายังไงจิน หั่วจึงพยักหน้าให้พนักงานสาวว่าหลบทางให้เธอขึ้นไป หญิงสาวจึงหลบให้ด้วยท่าทางงงๆ ว่
“ฮาโหล มน นั้น มนหรือเปล่า นี่มีนเองนะ”เสียงใสรอดผ่านปลายสายมาทันที ที่มนสิชากดรับ แค่ได้เห็นว่าเป็นเบอร์เพื่อนรักโทรข้ามประเทศมา เธอเองก็เหมือนเห็นแสงสว่างอยู่ที่ปลายอุโมงค์แล้ว“มีน มนอยากลับบ้าน “ เสียงแหบสั่นที่พยายามกลั้นน้ำเสียงสะอื้นเอาไว้“แกเป็นอะไรวะมน ใครทำอะไรแล้วแกร้องไห้ทำไม ทะเลาะกับคุณป้ามาเหรอ”“เปล่า มนถูกแม่กับน้องทิ้งไว้ที่ฮ่องกงอ่า มีน ........”เรื่องราวทุกอย่างถูกถ่ายทอดออกมาให้มีนาฟัง เธอพรั่งพรูทุกอย่างออกมาด้วยความทุกข์ใจเพราะยังคิดไม่ออกเลยว่าจะหาเงินด้วยวิธีไหนมาใช้หนี้ให้ทันภายใน 6เดือนให้เจ้าหนี้อย่างหวัง จางเหว่ย“ทำไมคุณป้าใจร้ายแบบนี้นะ ให้ฉันไปยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือที่สถานทูตให้ไหม”“ไม่ได้นะมีน ถ้าทำแบบนั้นแม่กับน้องฉันได้ถูกพวกนั้นตามฆ่าตายแน่ๆ”“ทำไมแกต้องห่วงด้วยวะ พวกเขาทำกับแกขนาดนี้นะมน เฮอ แล้วฉันจะช่วยอะไรแกได้มั่งเนี่ย”มีนาถามออกมาด้วยความร้อนใจ และเป็นห่วงไม่คิดเลยว่าแม่แท้ๆจะทำกับลูกได้ เห็นแค่ในนิยายเจอเรื่องจริงก็กับเพื่อนตัวเองนี่ละ“ฉันต้องทำ ต้องหาเงินมาคืนเขาให้ได้ แต่มีนช่วยอะไรมนหน่อยได้ไหม”“ได้สิ ให้ช่วยอะไร ให้มีนบินไปหาตอน
หลังจากนั้นไม่นานลูกน้องก็หิ้วปีกของชายวัยกลางคนเข้ามา ใบหน้าที่มีรอยช้ำเหมือนถูกซ้อมมาไม่นาน พอเห็นว่าหวัง จางเหว่ยยืนอยู่ก็แทบคลานเข่า เข้าไปหา พร้อมกับร้องขอให้ไว้ชีวิต“มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ ทำไมสภาพคุณหมอถึงเป็นแบบนี้” เฟ่ยตง ถามออกไปด้วยความโมโหแต่ก็ทำอะไรไม่ได้“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณเฟ่ยตงนะครับ คุณหวัง เขาไม่รู้เรื่องนี้”“ถ้างั้น ใครเป็นคนสั่งให้แกทำ”“ผมเองก็ไม่ทราบครับ ผมไม่ได้รู้จักกับพวกมือปืนนั้นเลย แต่มีคนส่งข้อความมาจ้างให้ผมผสมยาให้ ผมเห็นว่าเขาให้ค่าจ้างเยอะเลยตกลงยอมทำให้”หวัง จางเหว่ย หรี่ตามองทั้งเจ้านายทั้งลูกน้องอย่างใช้ความคิด“ที่มันพูดมาน่าจะเป็นความจริงครับ เพราะเมื่อเช้าตอนที่ผมให้ลูกน้องไปลากมันมา มันกำลังหนีกลุ่มมือปืน สงสัยจะถูกตามมาฆ่าปิดปาก”จิน หั่ว เดินเข้ามาบอกเจ้านาย เพราะดูจากสภาพที่ถูกตามเช็ดล้างแล้วก็คงจะเป็นเรื่องจริง“แล้วคนที่จ้างให้แกทำงาน แกเห็นหน้ามันไหม”“ผมไม่เห็นครับ มันใช้วิธีส่งข้อความมาหรือไม่ก็โทรมา ส่วนค่าจ้างมันก็ให้ผมไปเอาที่ตู้ฝากของที่สถานีรถไฟใต้ดิน”“แกแน่ใจนะว่าพูดความจริง ถ้าฉันจับได้ว่าแกโกหก แกจะไม่เหลือลมหายใจบนโลกใบ