“คุณหวัง ครับ ผู้หญิงไทยที่ชื่อศจีมาถึงแล้วครับ จะให้ผมเรียกเข้ามาพบเลยไหมครับ”
จิน หั่วบอกผู้เป็นเจ้านายที่นั่งหันหลังให้ หวัง จางเหว่ยที่มัวแต่มองวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนผ่านกระจกใสที่มองไปทางไหนก็มีแต่ตึกระฟ้าเต็มไปหมด เขาหันกลับไปพยักหน้าให้ลูกน้อง ว่าให้พาเธอเข้ามาได้
ศจีค่อยๆ ก้าวขาเข้าห้องมาอย่างช้าๆ มือที่ถือซองเอกสารเข้ามาเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ สายตามองไปยังรอบๆ ห้องที่ตกแต่งอย่างดูดีมีระดับ เมื่อหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ เธอก็เลื่อนซองเอกสารให้มาเฟียหนุ่ม ที่จ้องมองเธอไม่ละสายตา
“ฉะ ฉันหาเงินมาใช้หนี้คุณไม่ทัน ก็เลยเอาโฉนดบ้านมาให้ก่อน ตามที่ฉันเคยบอกคุณไว้”
ศจีพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่น ตะกุกตะกัก ใบหน้าที่ก้มต่ำไม่กล้าสบตา
หวัง จางเหว่ย หยิบเอกสารขึ้นมาดู แผ่นกระดาษโฉนดด้านในที่ข้อความตัวอักษรเป็นภาษาไทย เขาไม่แน่ใจว่ามันแปลว่าอย่างไร จึงยื่นเอกสารให้จิน หั่ว
ลูกน้องรับเอกสารมาแบบรู้งานโดยที่ไม่ต้องให้เจ้านายบอก นำไปให้พนักงานแปลทันที หายไปไม่นานก็เดินกลับมารายงานชายหนุ่ม
ศจีนั่งมองด้วยใจที่เต้นระส่ำระสายเพราะไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรกัน เพราะภาษาที่ใช้สื่อออกมาเป็นภาษาจีนล้วนๆ ไม่มีอังกฤษสักคำที่พอจะให้เธอแปลออก
“โฉนดบ้านและที่ดินบนเกาะสมุย ไม่ใช่ชื่อคุณ เป็นชื่อใคร?”
น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยพูดกับศจีเป็นครั้งแรกตั้งแต่เธอเดินเข้ามานั่งอยู่ตรงนี้ เธอเองถึงกับสะดุ้งตอบไม่เป็นภาษา
“ปะ เป็นชื่อของลูกสาวฉันค่ะ”
“งั้น คุณก็ผิดสัญญา เพราะเอกสารสองฉบับนี้ไม่ใช่ชื่อคุณ”
“แต่ฉันเป็นแม่มัน ยังไงมันก็ยอมเซ็นโอนให้คุณแน่ๆ ค่ะ”
“คุณคิดว่าผมโง่เหรอ การซื้อขายที่ดินในประเทศไทยมันมีข้อจำกัด คุณเลยคิดว่าจะเอาที่ดินหลายไร่ ที่เป็นชื่อลูกคุณมาให้ผม ต่อให้ทำสัญญาซื้อขาย หรือโอนสุดท้ายมันก็เป็นโมฆะอยู่ดี มันไม่แฟร์กับผมสักนิดเลยนะครับคุณผู้หญิง”
“แต่กฎหมายไทยมีช่องว่าง ยังไงมันก็สามารถทำได้อยู่แล้ว”
“ผมรู้ แต่มันคงยุ่งยากเกินไป เสียเวลา กับแค่เงินไม่กี่ล้าน ผมมีทางเลือกให้คุณสองทาง ทางแรกหาเงินมาใช้หนี้ผมภายในสามวัน แต่ถ้าหาไม่ได้คุณกับลูก ตาย! ส่วนทางที่สอง…..”
หวัง จางเหว่ยไม่พูดต่อ แต่เลือกที่จะเปิดลิ้นชัก แล้วหยิบรูปถ่ายของกวิตาขึ้นมาวางบนโต๊ะ แล้วเลื่อนมาให้เธอเห็นเต็มๆ ตา
“หมายความว่าไงคะ”
“ส่งลูกสาวคุณ มาเป็นนางบำเรอผม”
“ไม่มีทาง ยังไงฉันก็ไม่มีทางให้ลูกสาวฉันต้องเอาร่างกายมาใช้หนี้แทนฉัน” น้ำเสียงของศจีสั่นเครือ ใบหน้าแดงก่ำ
“ถ้าไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น ก็หาเงินมาคืนผมให้ได้ภายในสามวัน ส่วนเอกสารโฉนดนี้ผมจะเก็บไว้เป็นหลักค้ำประกันแล้วกันนะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็เชิญ”
หวัง จางเหว่ย ไล่ผู้หญิงตรงหน้าแบบอ้อมๆ ศจีที่สีหน้าวิตกกังวลเหมือนเจอมรสุมชีวิต เธอค่อยๆ ลุกเดินออกจากห้องไปด้วยอาการมึนงงว่าจะหาทางออกอย่างไร
“คุณหวังรู้อยู่แล้วนี่ครับว่าการครอบครองที่ดินในไทยค่อนข้างยุ่งยาก แล้วทำไมตอนแรกคุณหวังถึงยอมให้ผู้หญิงคนนั้นกู้เงินง่ายๆ ”
“แกอย่าลืมสิจิน หั่ว ว่าเรามีหุ้นบริษัทในประเทศไทยกี่บริษัท กับแค่ที่ดินไม่กี่ไร่ ยังไงเราก็ได้มาแบบถูกต้องอยู่แล้ว สิ่งที่ฉันอยากได้มากกว่าที่ดินตอนนี้คือ สิ่งนี้ต่างหาก..”
ชายหนุ่มหยิบรูปภาพของกวิตาขึ้นมามองด้วยสายตาแพรวพราว เขารู้สึกหลงใหลใบหน้ารูปไข่ คิ้วบาง จมูกโด่งที่โค้งรับกับริมฝีปากอวบอิ่ม รูปร่างหน้าตาชวนหลงใหล
จิน หั่วถึงกับอึ้งในความคิดเจ้านาย ที่รู้อยู่แล้วว่าเวลาสามวันผู้หญิงไทยคนนั้นคงหาเงินไม่ทันต่อให้ผู้เป็นแม่ยอมตายเพื่อใช้หนี้ แต่หากคนเป็นลูก เห็นแม่กำลังจะตายก็คงไม่ยอมเช่นเดียวกัน สุดท้ายแล้วก็ต้องยอมเป็นนางบำเรอ
“แม่ แม่!!”
“โอ๊ย แกจะเรียกฉันเสียงดังทำไมยัยมน ฉันตกใจหมด”
“ก็เรียกตั้งนานแม่ไม่ได้ยินเองนี่ ไม่รู้จะเหม่อ อะไรนักหนา แม่เป็นอะไรหรือเปล่า ตั้งแต่กลับมาจากไปหาเพื่อนหนูเห็นแม่เหม่อลอยตลอดเลย”
“เปล่า ไม่มีอะไร แล้วแกสั่งอาหารอะไรมาเยอะแยะ จะพากันกินหมดไหม” ศจีพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย
“ก็มนหิวนี่ แม่เล่นหายไปกับเพื่อนเป็นชั่วโมง อยู่กันตั้งสามคนทำไมจะกินไม่หมด”
“หือ ตาไม่สวาปามเข้าไปหมดนี่ หรอกนะพี่มน กินหมดนี่น้ำหนักขึ้นมาหลายกิโลแน่ๆ “
“แกจะคลั่งผอมไปไหนเนี่ยยัยตา ดูแกตอนนี่สิ ผอมจนฉันนึกว่ากระดูกเดินได้”
“ใครจะไปมีไขมันส่วนเกินที่แก้มแบบพี่ละ” สองศรีพี่น้องจิกกัดกันไปมา จนแม่ต้องห้ามทัพ เพราะกลัวจะวางมวย
“ยัยมน พรุ่งนี้แกอยากไปเที่ยวที่ไหนเป็นพิเศษไหมฉันจะพาไป”
“จริงเหรอแม่ แม่จะพามนไปจริงๆ เหรอ”
หน้าตาแป้นแล่น ชะโงกไปถามมารดาด้วยความดีใจ รอยยิ้มที่สดใสถูกส่งให้มารดา ตั้งแต่จำความได้ แม่เธอไม่เคยตามใจเธอสักครั้ง พอได้ยินแบบนี้มนสิชาเองก็อดดีใจไม่ได้
“เออ สิ ถามมากจังสรุปแกจะไปที่ไหน”
“หนูอยากไป วัดนางชีหลินกับสวนหนานเหลียน”
“ฉันพาแกมาถึงตั้งฮ่องกง แต่แกอยากไปวัดเนี่ยนะ”
“โธ่แม่ ก็วัดเนี่ยมีแต่คนรีวิวว่าสวย มันอาจจะไม่เหมือนวัดไร่ขิงที่แม่เคยเข้าก็ได้นะ”
“พูดแล้ว มาย้อนเดี๋ยวแกจะโดน”
ศจีทำเสียงดุใส่ลูกสาวไปอย่างนั้น แต่ในใจตอนนี้กำลังว้าวุ่นไปหมด เธอคิดว่าสิ่งที่เธอจะทำต่อไปเธอตัดสินใจถูกแล้ว แล้วมันคงจะเป็นผลดีต่อมนสิชาเองด้วย
ศจีนั่งมองสองพี่น้องที่ถึงแม้ภายนอกจะจิกกัดกัน แต่ลึกๆ แล้วเธอรู้ดีกว่าใครๆ ว่าทั้งสองคนรัก กันมากเพียงไหน
รุ่งเช้าของอีกวันศจีและกวิตาลงมารอมนสิชาที่ล๊อบบี้ทางออกของโรงแรม ระหว่างที่นั่งรอ กลุ่มชายใส่สูทชุดดำที่เดินออกมาจากลิฟต์ส่วนตัวอีกฝั่งหนึ่ง เหล่าพนักงานโรงแรมเห็นว่าเป็นประธานหวัง ต่างก็หยุดนิ่งแล้วโค้งคำนับให้กับชายหนุ่ม
เรียวขายาวที่รับกับรูปร่างกำยำ ย่างก้าวเข้ามาใน อพาร์ทเม้นท์ ก็ทำเอาเหล่าพนักงานที่อาศัยอยู่ที่นี่ถึงกับแตกตื่น ว่าเกิดอะไรขึ้นกับที่นี่หรือเปล่า เพราะท่านประธานหวังไม่เคยมาที่นี่เลยสักครั้งหากแม้ว่าที่นี่มีปัญหาอะไรผิดพลาดจะมีเพียงแค่ลูกน้องปลายแถวที่ถูกส่งมาจัดการความเรียบร้อย เมื่อวันก่อนคุณจิน หั่ว มาที่นี่ว่าแปลกแล้ว แต่วันนี้ท่านประธานมาเองน่าแปลกเสียยิ่งกว่าจางเหว่ยเดินมาหยุดที่ประตูห้องหนึ่ง ก่อนจะเคาะห้องสองสามทีเพื่อให้คนด้านในรู้ว่ามีผู้มาเยือนแต่ก็ไร้ซึ่งปฏิกิริยาของบุคคลที่อยู่ด้านในจะเดินมาเปิดประตูให้สักนิด เขาได้ยินเพียงเสียงดนตรีเพลงEDMที่จังหวะ ชวนให้ออกมาแดนซ์เสียมากกว่าจางเหว่ยยืนรออยู่นานและคิดว่าแม่สาวเจ้าที่อยู่ด้านในนั้นคงไม่ออกมาเปิดประตูให้เขาเป็นแน่ ใบหน้าคมจึงพยักหน้าให้ลูกน้อง ที่ยืนท่าสงบนิ่งอยู่ไม่ไกล เขาล้วงกุญแจสำรองออกมายื่นให้กับเจ้านายอย่างไว ราวกับรู้ใจนิ้วมือเรียวค่อยๆ ไขประตูลูกบิดเข้าไป วินาทีที่เปิดประตูออก จางเหว่ย ถึงกับตะลึงทางด้านลูกน้องที่ตามติดมาด้วยก็ถึงกับหันหลังให้กับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้ามนสิชาที่อยู่ในสภาพนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว ซึ
“ พระธาตุเชิงชุมคู่บ้าน พระตำหนักภูพานคู่เมือง งามลือเลื่องหนองหาน แลตระการปราสาทผึ้ง สวยสุดซึ้งสาวภูไท ถิ่นมั่นในพุทธธรรม ที่นี่ FM 91.5….”เสียงคำขวัญประจำจังหวัดสกลนครที่ดังแว่วผ่านโฆษณาวิทยุธานินทร์สีดำเงา ของลุงกับป้าที่อายุราวๆ 50 ปี ซึ่งได้ศจีจ้างบุคคลทั้งสองมาตัดหญ้าที่บริเวณรอบๆ บ้านสวนในตำบลเล็กๆ ของอำเภอพรรณนานิคม“แม่คะ ตาว่าเรากลับไปรับพี่มนเถอะนะคะ”เรียวขายาวยังก้าวไม่ทันถึงคนเป็นมารดาด้วยซ้ำ กวิตาก็เปิดประเด็นนี้ขึ้นมาคุยกับศจีทันที พอมาถึงสกลนคร เธอก็คะยั้นคะยอให้มารดาเล่าทุกอย่างให้ฟังกวิตาจึงรู้เรื่องแล้วว่า มารดาได้ติดหนี้การพนัน จนต้องเอาบ้านเอาที่ดินไปค้ำประกัน แถมยังทิ้งพี่มนเอาไว้ใช้หนี้แทนเธอเสียอีก“แกจะกลับไปให้พวกมันฆ่าทิ้งหรือไงหนีเอาตัวรอดมาได้ก็บุญแล้ว”“แล้วพี่มนละแม่ ที่เราทำอยู่ตอนนี้ไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยเหรอ พี่มนก็ลูกแม่นะ แม่ไม่ห่วงพี่มนเลยหรือไง”“ฉันรู้แล้ว กำลังคิดหาวิธีหาเงินกลับไปไถ่ตัวพี่แกอยู่นี้ไง”ศจีตัดบทสนทนา ไม่อยากฟังคำบ่นของลูกสาวคนเล็ก จึงเลี่ยงการต่อปากต่อคำแล้วเดินขึ้นมาบนห้องพระ ซึ่งมีรูปของสามีที่ตายไปแล้วตั้งอยู่อีกมุมของบ้านมื
“คุณจะพาฉันไปไหนเนี่ย บอกให้ปล่อย”จางเหว่ย ไม่ตอบ แต่กลับผลักเธอเข้าไปในรถและสั่งคนขับให้ออกรถพร้อมกับบอกสถานที่ที่จะไป น่าจะเป็นที่ไหนสักแห่ง แต่เธอฟังเขาคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก เพราะพวกเขาสนทนาเป็นภาษาจีนตลอดทางที่รถเคลื่อนตัวมาบนถนน มนสิชาก็เอาแต่บ่นกระปอดกระแปดมาตลอดทาง จนจางเหว่ยเองก็เริ่มรำคาญและหมดความอดทน จึงหันไปผลักเธอลงบนเบาะแล้วโถมตัวคร่อมไว้ มนสิชาเองถึงกับตกใจใบหน้าซีด“คะ คุณจะทำอะไร อย่าคิดจะทำอะไรบ้าๆ นะ”“เธอจะหยุดพูดได้หรือยัง ฉันรำคาญ ถ้าเธอไม่หยุดฉันจะปิดปากเธอด้วยปากของฉันเอง”“แต่คุณ...”“ยังไม่หยุดอีก”สายตาดุๆ ที่จ้องมา ใบหน้ามึนตึง มนสิชาถึงกับเม้มปากมองเขาด้วยตาใสแจ๋วก่อนพยักหน้างึกๆ ให้บอกว่าจะไม่พูดแล้ว เขาเห็นว่าเธอเงียบสงบลงแล้ว จึงลุกขึ้นนั่งมนสิชาพอหลุดพ้นจากพันธนาการได้ก็เขยิบไปชิดติดกับประตูอีกฝั่งของเบาะรถทำตัวลีบเล็กหากสิงประตูได้คงทำไปแล้วจางเหว่ย แอบชำเลืองมองท่าทางนั้นแล้วหันหน้าหนี เผลออมยิ้มเบาๆ นึกว่าจะแน่ ไม่เก่งให้ตลอดนี่นาเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาของ จิน หั่ว ที่นั่งอยู่เบาะหน้าข้างคนขับ เขาเห็นท่าทีของเจ้านายผ่านกระจกมองหลังในร
สูดอากาศเข้าให้เต็มปอด ขันติๆ แต่ตอนนี้ขันแตกแล้ว มนสิชาเดินกระแทกไหล่จิน หั่ว อย่างแรงเพื่อให้เขาหลบทางให้แล้วก้าวเดินลงบันไดไปอย่างเร็วตรงลิ่วไปที่โรงแรมที่ตั้งอยู่ไม่ไกลทันที มีเพียงจิน หั่ว ที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามมนสิชาให้ทันโดยมีลูกน้องสองสามคนวิ่งตามหลังมา ตั้งแต่ทำงานกับคุณหวังมาไม่เคยมีใครจะมีปัญหาและปวดหัวได้เท่ากับยัยผู้หญิงคนนี้สักคน คุณหวังคิดอะไรของเขาอยู่จะต่อรองอะไรให้เสียเวลามนสิชาเดินมาถึงโรงแรมได้ก็เดินตรงดิ่งไปยังลิฟต์ VIP ที่เธอเคยขึ้นประจำเมื่อหลายวันก่อน แต่ก็ถูกพนักงานวิ่งมาดักไว้ ไม่ให้ขึ้นไปเพราะเธอยังไม่ได้แจ้งว่าขึ้นไปพบใคร และจะขึ้นไปด้วยจุดประสงค์อะไร อีกอย่างรายชื่อเธอก็ไม่ได้อยู่ในลิสต์แล้วตั้งแต่เมื่อเช้า“ฉันมาหา หวัง จาง...เหว่ย,,, “เธอเอ่ยชื่อลอดผ่านร่องฟันออกมาทีละคำ“นัดไว้หรือเปล่าคะ”“ไม่ได้นัดค่ะ แต่ฉันมีธุระสำคัญที่ต้องคุยกับเขา”“ถ้าไม่ได้นัด ก็ขึ้นไปพบไม่ได้ค่ะ”มนสิชาถอนหายใจด้วยความเซ็ง แล้วหันกลับไปมองหน้า จิน หั่ว ที่เดินมาถึงพอดี เชิงบอกว่าจะเอายังไงจิน หั่วจึงพยักหน้าให้พนักงานสาวว่าหลบทางให้เธอขึ้นไป หญิงสาวจึงหลบให้ด้วยท่าทางงงๆ ว่
“ฮาโหล มน นั้น มนหรือเปล่า นี่มีนเองนะ”เสียงใสรอดผ่านปลายสายมาทันที ที่มนสิชากดรับ แค่ได้เห็นว่าเป็นเบอร์เพื่อนรักโทรข้ามประเทศมา เธอเองก็เหมือนเห็นแสงสว่างอยู่ที่ปลายอุโมงค์แล้ว“มีน มนอยากลับบ้าน “ เสียงแหบสั่นที่พยายามกลั้นน้ำเสียงสะอื้นเอาไว้“แกเป็นอะไรวะมน ใครทำอะไรแล้วแกร้องไห้ทำไม ทะเลาะกับคุณป้ามาเหรอ”“เปล่า มนถูกแม่กับน้องทิ้งไว้ที่ฮ่องกงอ่า มีน ........”เรื่องราวทุกอย่างถูกถ่ายทอดออกมาให้มีนาฟัง เธอพรั่งพรูทุกอย่างออกมาด้วยความทุกข์ใจเพราะยังคิดไม่ออกเลยว่าจะหาเงินด้วยวิธีไหนมาใช้หนี้ให้ทันภายใน 6เดือนให้เจ้าหนี้อย่างหวัง จางเหว่ย“ทำไมคุณป้าใจร้ายแบบนี้นะ ให้ฉันไปยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือที่สถานทูตให้ไหม”“ไม่ได้นะมีน ถ้าทำแบบนั้นแม่กับน้องฉันได้ถูกพวกนั้นตามฆ่าตายแน่ๆ”“ทำไมแกต้องห่วงด้วยวะ พวกเขาทำกับแกขนาดนี้นะมน เฮอ แล้วฉันจะช่วยอะไรแกได้มั่งเนี่ย”มีนาถามออกมาด้วยความร้อนใจ และเป็นห่วงไม่คิดเลยว่าแม่แท้ๆจะทำกับลูกได้ เห็นแค่ในนิยายเจอเรื่องจริงก็กับเพื่อนตัวเองนี่ละ“ฉันต้องทำ ต้องหาเงินมาคืนเขาให้ได้ แต่มีนช่วยอะไรมนหน่อยได้ไหม”“ได้สิ ให้ช่วยอะไร ให้มีนบินไปหาตอน
หลังจากนั้นไม่นานลูกน้องก็หิ้วปีกของชายวัยกลางคนเข้ามา ใบหน้าที่มีรอยช้ำเหมือนถูกซ้อมมาไม่นาน พอเห็นว่าหวัง จางเหว่ยยืนอยู่ก็แทบคลานเข่า เข้าไปหา พร้อมกับร้องขอให้ไว้ชีวิต“มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ ทำไมสภาพคุณหมอถึงเป็นแบบนี้” เฟ่ยตง ถามออกไปด้วยความโมโหแต่ก็ทำอะไรไม่ได้“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณเฟ่ยตงนะครับ คุณหวัง เขาไม่รู้เรื่องนี้”“ถ้างั้น ใครเป็นคนสั่งให้แกทำ”“ผมเองก็ไม่ทราบครับ ผมไม่ได้รู้จักกับพวกมือปืนนั้นเลย แต่มีคนส่งข้อความมาจ้างให้ผมผสมยาให้ ผมเห็นว่าเขาให้ค่าจ้างเยอะเลยตกลงยอมทำให้”หวัง จางเหว่ย หรี่ตามองทั้งเจ้านายทั้งลูกน้องอย่างใช้ความคิด“ที่มันพูดมาน่าจะเป็นความจริงครับ เพราะเมื่อเช้าตอนที่ผมให้ลูกน้องไปลากมันมา มันกำลังหนีกลุ่มมือปืน สงสัยจะถูกตามมาฆ่าปิดปาก”จิน หั่ว เดินเข้ามาบอกเจ้านาย เพราะดูจากสภาพที่ถูกตามเช็ดล้างแล้วก็คงจะเป็นเรื่องจริง“แล้วคนที่จ้างให้แกทำงาน แกเห็นหน้ามันไหม”“ผมไม่เห็นครับ มันใช้วิธีส่งข้อความมาหรือไม่ก็โทรมา ส่วนค่าจ้างมันก็ให้ผมไปเอาที่ตู้ฝากของที่สถานีรถไฟใต้ดิน”“แกแน่ใจนะว่าพูดความจริง ถ้าฉันจับได้ว่าแกโกหก แกจะไม่เหลือลมหายใจบนโลกใบ