สิ้นคำร่างบางก็ก้าวผ่านเขาไป ภิณไลย์ญาเปิดประตูด้วยมือสั่นเทา ความเจ็บปวดและอัดอั้นแทบระเบิดทำให้เธออยากวิ่งไปที่ไหนสักแห่งแล้วอาเจียนความกดกลั้นออกมาให้หมด หากไม่ทันที่ความสับสนถูกขจัดออกจากความคิดเธอก็ต้องผงะนิ่งอีกครั้งเมื่อเดินออกจากห้องแต่งตัวเพียงไม่กี่ก้าวก็พบใครคนหนึ่งยืนอยู่ที่โถงทางเดิน
“คริสต์!”
ภิณไลย์ญาชะงักงัน หัวใจของเธอที่ปลิวหายไปในอากาศกับความหยาบร้ายของนิโคลัสราวคืนกลับมาใหม่พร้อมการปรากฎตัวของ คริสต์ ซาเวียร์ น้องชายคนเดียวของเขา ชายหนุ่มวัยยี่สิบห้าปี ทายาทมหาเศรษฐีลำดับที่สองของตระกูลซาเวียร์ หนึ่งในตระกูลชื่อดังของแวดวงธุรกิจการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์และอิมพอร์ต เอ็กพอร์ตรถหรูของยุโรปก้าวเข้ามาหาร่างแน่งน้อยที่ยืนนิ่งราวถูกสาป
เขาก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้าหญิงสาว ภาพบุรุษร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มสะท้อนในดวงตากลมโตงดงามรื้นด้วยน้ำ ภิณไลย์ญามองฝ่าม่านพร่าพราย เธอยังคงมองเห็นคริสต์คนเดิม เขายังคงสง่างาม เค้าโครงใบหน้าหล่อเหลาใต้กรอบเรือนผมสีน้ำตาลบรูเน็ตราวหล่อจากเบ้าเดียวกับนิโคลัสหากก็ไม่เหี้ยมเกรียมและดุดันเท่า นัยน์ตาสีแอมเบอร์นุ่มนวลจ้องมองมายังร่างเล็กที่กลั้นเก็บความเจ็บปวดลงลึกเพื่อไม่ให้น้ำหยดใสถั่งจากดวงตาคู่งาม เธอทำเสมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
“เนเน่...”
คริสต์เอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำทว่าเขาเองก็ต้องชะงักงันเมื่อสายตาคู่นั้นเลื่อนจากใบหน้าสวยหวานของผู้หญิงที่เขาเฝ้าติดตามเธอมาตลอดนับแต่วันที่ภิณไลย์ญาตัดความสัมพันธ์เพื่อให้เขาเข้าพิธีหมั้นกับว่าที่เจ้าสาวซึ่งเขาไม่ได้เต็มใจไปสะดุดที่ชุดแสกสั้นสีดำคอคว้านกว้างทั้งเว้าด้านข้างเปิดเผยเนื้อนวลที่โดยปกติเขาไม่เคยเห็นหญิงสาวแต่งตัวแบบนี้ และดูเหมือนอีกฝ่ายจะอ่านสายตาของเขาออก จริงสินะ...ตอนนี้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ความเปลี่ยนแปลงคุกคามทุกอย่างและความจริงคือกำแพงกั้นกลางระหว่างหัวใจของเธอกับเขา เมื่อคิดถึงตรงนี้น้ำรื้นรอบดวงตาก็เหือดแห้งไปแทบจะในทันที เธอแสร้งยิ้มและเอ่ยว่า
“คริสต์...ไม่รู้เลยนะคะว่าคุณมางานนี้ด้วย”
“ผมตามคุณไปทุกงาน แต่...ไม่เคยเห็นงานไหนที่คุณแต่งตัวแบบนี้”
พอเขาพูดเธอจึงก้มลงมองตัวเอง แม้รู้สึกทุเรศทุรังและอับอายสิ้นดีหากก็ยังต้องฝืนยิ้ม
“ฉันก็แต่งตัวตามปกตินะคะ”
“ไม่...”
เขาส่ายหน้าและมองเธอด้วยแววตาที่แปลกเปลี่ยนไป สายตาของเขาทำภิณไลย์ญาเหน็บหนาวเข้าไปถึงกระดูก มันฉายความฉงนปนสนเท่ห์ หญิงสาวแทบกลั้นหายใจเมื่อเห็นเขามองเธอหัวจรดเท้า
“คุณทำตัวไม่เหมือนเมื่อก่อน”
คริสต์เอ่ยอีกครั้งเสียงเครียดกว่าเดิมและน้ำเสียงนั้นกระตุกสำนึกของหญิงสาว ถึงตอนนี้ใช่แต่เขาที่ประหลาดใจแม้แต่เธอเองก็ยังสับสนกับตัวเองไม่หาย ทุกอย่างราวกับตกลงไปในแรงหมุนและถูกเหวี่ยงแตกกระจาย เป็นเพราะ คนคนนั้น เพียงคนเดียว
“ทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปหรอกนะคะคริสต์ ฉันยังทำงานของฉันและคุณก็ยังคงดำเนินชีวิตของคุณไปตามปกติ จริง ๆ แล้วเราต่างไม่จำเป็นต้องยุ่งเกี่ยวกันด้วยซ้ำ”
“ผมก็แค่อยากรู้เท่านั้นว่าคุณเป็นยังไงบ้าง มันจะไม่ได้เชียวหรือกับการที่ผมอยากรู้ว่าคนที่ผมเคย...รัก...ตอนนี้เป็นยังไง”
“คุณก็ได้เห็นแล้วนี่คะ” ภิณไลย์ญาบังคับเสียงไม่ให้สั่น “ฉันก็คือฉัน เป็นพริตตี้ที่ต้องทำงานทุกวัน นี่เป็นงานของฉันนะคะ...ขอโทษค่ะคริสต์ ฉันต้องขอตัวก่อน นี่ก็สายมากแล้ว”
“ผมได้ข่าวว่าน้องชายของคุณประสบอุบัติเหตุ”
ชายหนุ่มกล่าวไล่หลังร่างบางที่ก้าวเดินไปเกือบสุดโถงทางเดินและทำให้เธอหยุดนิ่ง คริสต์เดินตามไปก่อนดึงแขนเรียวให้ภิณไลย์ญาหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา
“คริสต์!”
หญิงสาวร้องออกมาเบา ๆ เมื่อเขาดันตัวเธอชิดผนัง มือหนาทั้งสองกดไหล่บางไว้ ใบหน้าของเขาเคร่งเครียด นัยน์ตาคู่นั้นเต็มไปด้วยคำถามและทำให้เธอหวั่นกลัว
“คริสต์...ปล่อยนะคะ ฉันจะรีบไปทำงาน”
นิโคลัสหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง มันเป็นกล่องกำมะหยี่สีชมพูเล็ก ๆ และเมื่อเขาเปิดมันออกก็ทำให้เป็นภิณไลย์ญาดวงตาเบิกกว้างเพราะภายในนั้นเป็นแหวนแพลตตินัมประดับเพชรแม้เม็ดไม่ใหญ่แต่ประกายของมันก็ล้อเล่นกับแสงแดดอุ่นที่สาดส่องลงมาอาบไล้ เขาบรรจงหยิบมันและสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของภิณไลย์ญาก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากของเขาบนเรือนแหวนที่อยู่บนนิ้วของเธอหญิงสาวมองดูราวกับไม่อยากเชื่อสายตา นิโคลัสเงยหน้าขึ้นและเอ่ยว่า“คริสเคยบอกผมเหมือนกันว่าคนอย่างผมคิดถึงแต่ตัวเองและเห็นค่าของเงินเป็นใหญ่ ผมไม่เคยคิดถึงใคร แต่ตอนนี้ผมอยากพิสูจน์ให้น้องชายของผมได้เห็นว่าผมได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เขาเคยว่าเอาไว้ ผมอาจจะเลวร้ายกับคุณมาก่อนแต่คนเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นี่ไม่ใช่เหรอ คุณอาจไม่ต้องอภัยให้ผมวันนี้ มันอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ว่าแต่คุณจะยินยอมให้โอกาสนั้นกับผมไหม”“บอกแล้วไงคะว่าฉันต่ำต้อยมากเกินไป คนที่ต้องขอร้องโอกาสคุณเป็นฉันมากกว่าที่จะร้องขอจากคุณ”“ผมจะไม่ให้คุณร้องขออะไร แต่เป็นผมที่จะต้องขอร้องคุณ”นิโคลัสทรุดตัวลงนั่
“แต่ฉันยังเป็นหนี้คุณนะคะนิค ฉันเป็นหนี้คุณตั้ง 3 ล้านดอลลาร์ ฉันจะพยายามหามันมาใช้คุณ”“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะนะ รู้หรือเปล่าว่าจริง ๆ ผมลืมมันไปตั้งนานแล้ว”“ฉันรู้ค่ะนิคว่าเงินสำคัญสำหรับคุณเสมอและไม่ใช่สิ่งที่คุณจะลืมมันได้ง่าย ๆ”“อยากรู้ไหมว่าผมลืมมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมลืมมันไปตั้งแต่ที่คุณเป็นของผมครั้งแรก”เธอเม้มปากแน่นน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“คุณคงอยากให้ฉันดีใจ คุณคงแค่อยากจะปลอบใจฉัน”“เปล่าเลย...นี่เป็นคำสารภาพแบบโง่ ๆ ของคนที่ไม่เคยมีและไม่เคยเห็นค่าในความรักอย่างผม แม้แต่จะพูดคำนี้ก็ยังไม่เคย ผมได้แต่ภาวนาขอให้คุณเข้าใจ”“ฉันเข้าใจว่าคุณไม่เคยรักใครไม่เคยจริงจัง”“ผมอาจจะไม่เคยรักใครอย่างที่คุณว่าแต่ผมไม่เคยหลอกผู้หญิงเล่น ๆ และคุณก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมได้เห็นคุณค่าของความรักจากที่ผมรู้จักแต่งการใช้เงิน รู้ไหมว่าตอนที่คริสต์อยากจะใช้หนี้แทนคุณมันทำให้ผมโกรธมาก ผมรู้ว่าผมกำลังหึงคุณและคิดบ้าๆ ว่าคริสมันคงอยากได้คุณกลับคืนไป ผมลืมไปว่าสัมพันธภาพอันยิ่งใหญ่ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมันไม่ได้มีแค่เรื่องนั้น แต่มันหมายถึงความรักและความหวังดี คริสหวังดีกับคุณมากกว่าที่จะรู้สึกรั
“ผมยอมรับนะว่าตอนแรกตกใจมากที่รู้เรื่องระหว่างคุณกับนิคแต่มันก็ทำให้ผมมาคิดได้ในหลาย ๆ เรื่องว่าที่ผ่านมาหลาย ๆ เหตุการณ์และเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมมันก็ล้วนเกิดขึ้นมาจากตัวผมเองและคนที่เข้ามาคอยจัดการให้ผมทุกสิ่งทุกอย่างก็คือพี่ชายของผม บางทีถ้าเราสองคนยังรักกันมันก็อาจจะทำให้ผมไม่ได้คิดถึงสิ่งสวยงามที่สุดที่ผมทอดทิ้งไปนานนั่นก็คือโซอี้ ถึงแม้ว่าผมจะต้องเลิกกับลาลิสาแต่มันก็ทำให้ผมคิดได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือความรับผิดชอบและมันทำให้ได้มองเห็นตัวเอง มองเห็นความจริงว่าถ้าหากผมยังไม่กล้าคิดและตัดสินใจคงจะไม่มีวันค้นพบว่าต้องจัดการชีวิตตัวเองยังไงบ้างการไปอยู่ฝรั่งเศสมันเกิดจากการเลือกของผมเองและนิคก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้โซอี้ไปอยู่กับผมเพราะอย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีคุณกับชีวิตเล็ก ๆ”“ฉันกับเขาไม่คู่ควรกัน เหมือนที่เขามองฉันกับคุณว่าไม่คู่ควร ฉันต่ำต้อยเหลือเกินค่ะคริส ฉันคิดว่า...”“ว่าไงล่ะคริส...จะไปกันแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มห้าวที่ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของคริสและภิณไลย์ญาแต่โซอี้กลับกระโดดลงจากโซฟาแล้ววิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียงทรงอำนาจนั้น นิโคลัสช้อนร่างเด็กน้อยขึ้นอุ้มและจูบแ
“คุณอาคริสจะพาหนูไปฝรั่งเศสค่ะ”โซอี้เป็นฝ่ายตอบขณะที่นั่งอยู่บนตักของคริส เขาโอบกอดหนูน้อยเอาไว้และจูบแก้มยุ้ยเบาๆแสดงความรักความห่วงใยพร้อมกันนั้นก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา“ผมจะมารับโซอี้ไปฝรั่งเศสวันนี้ นี่ก็ให้คนของผมจัดกระเป๋ากับของใช้เรียบร้อยแล้ว พวกเขารอผมอยู่ที่สนามบิน”กล่าวจบเขาก็จับเด็กหญิงให้เลื่อนลงจากตักและนั่งบนโซฟา เขาลุกขึ้นและก้าวเข้าไปหาภิณไลย์ญาซึ่งตอนนี้เธออยู่ในชุดนอนสวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมสีละมุนตา คริสหยุดยืนตรงหน้าเธอ รอยยิ้มจางผุดขึ้นบนมุมปากได้รูป“เป็นยังไงบ้าง คุณสบายดีแล้วใช่ไหม?”“ฉันสบายดีค่ะ ว่าแต่คุณเถอะค่ะ คุณจะไปฝรั่งเศสแล้วจะพาโซอี้ไปด้วยเหรอคะ”“ใช่...ผมจะไปอยู่ที่ฝรั่งเศสและรับตำแหน่ง CEO ของบริษัทในเครือของซาเวียร์กรุ๊ปที่นั่น”“คุณลาริสาไปด้วยใช่ไหมคะ พวกคุณเข้าใจกันแล้วใช่ไหมคะ”เขาส่ายหน้าและตอบว่า “ผมหย่ากับลาลิสาแล้ว เราเพิ่งหย่ากันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง”“ว่ายังไงนะคะ! คุณหย่ากับลาริสา...คุณพระ...เธอคงโกรธเรื่องของฉันอย่างนั้นสินะคะ ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะคริส ฉันไม่ตั้งใจที่จะทำให้ครอบครัวของคุณต้องแตกหักกันอย่างนี้เลย”เขาส่ายหน้าอีก
“คุณน้าเนเน่นอนพักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจะเช็ดตัวให้คุณน้านะคะ”โซอี้กระวีกระวาดทำเหมือนผู้ใหญ่ไม่มีผิด เด็กหญิงวิ่งออกไปจากห้องนั้นนิโคลัสจึงหันมาทางภิณไลย์ญาที่นอนบนเตียงโดยมีเขานั่งอยู่ข้าง ๆ“ผมรู้ว่าคุณไม่สบายและต้องการพักผ่อน”“ใช่...ฉันต้องการพักผ่อนแต่เป็นบ้านของฉันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน ถ้าคุณไม่ว่างไปส่งฉันก็เรียกคนขับรถของคุณให้พาฉันไปส่งก็ได้ค่ะนิค”“วันนี้คนของผมไม่มีใครว่างหรอกนะ”“ฉันไม่เชื่อ คุณโกหก คุณอยากจะกักตัวฉันไว้ที่นี่ หรือว่าถ้าคุณอยากจะให้ฉันอยู่ที่นี่ก็ให้ฉันกลับไปที่บ้านก่อนแล้วฉันจะบอกแม่ฉันว่าฉันต้องออกมาทำงานท่านจะได้เข้าใจจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”“ท่านไม่เป็นห่วงคุณหรอกนะ ท่านรู้ว่าคุณอยู่กับโซอี้และผมก็อยากจะขอร้องให้คุณอยู่กับแกที่นี่คืนนี้”“ด้วยเหตุผลอะไรกันคะ ได้โปรดเถอะค่ะ คุณไม่ควรจะใช้คำว่าขอร้องกับฉันเพราะนี่เป็นการบังคับ”“OK… ถ้าคุณอยากจะกลับก็ได้แต่โซอี้จะรู้สึกยังไงในเมื่อแกคิดว่าคุณไม่สบายและแกก็ตั้งใจที่จะดูแลคุณ ถ้าคุณกลับไปมันก็เหมือนเป็นการทำร้ายจิตใจแก”“คุณกำลังสร้างเงื่อนไขและกำลังกดดันฉันอยู่นะคะ”“ผมพูดความจริงต่างหากและมันก
“ คุณคิดแบบนั้นเหรอเนเน่”“ ใช่ค่ะ...และฉันก็คิดถูกใช่ไหมคะ ฉันพูดถูกทุกอย่าง ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะฉันจะไม่ผิดสัญญาเรื่องที่จะหาเงินมาชดใช้ให้คุณ”“ผมรู้ว่าคุณจะไม่ผิดสัญญาแต่คุณก็ผิดคำพูดกับผม ““แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันทำยังไงคะนิค ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปแล้ว”ภิณไลย์ญาเผลอร้องไห้ออกมาและทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องน้ำ เธอกอดเข่าแล้วร้องไห้อย่างคนสิ้นหวัง ตอนนี้หัวใจของเธอแหลกสลายทั้งจากความผิดหวังและร่างกายที่ยิ่งนับวันยิ่งอ่อนแอ เธอดูเหมือนคนสิ้นไร้ไม้ตอกและถึงทางตันของชีวิต นิโคลัสทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ จ้องมองร่างเล็กที่ก้มหน้าร้องไห้เหมือนแทบขาดใจแต่ภิณไลย์ญาก็ไม่ส่งเสียงออกมาดัง ๆ เธอกดเก็บตัวเองไว้เพราะกลัวโซอี้จะได้ยินแต่ในเวลานี้เธอช่างดูอ่อนแอและเป็นภาพที่ฉุดรั้งความรู้สึกของนิโคลัสให้ยิ่งดำดิ่ง เขารู้ตัวดีว่าทำให้เธอเจ็บช้ำอย่างสาหัสหากทว่าคนที่เจ็บปวดยิ่งกว่ากลับเป็นเขาเสียเอง ขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือเพื่อลูบเรือนผมของภิณไลย์ญาที่นั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้นั้นก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นข้างหลั