คริสตั้งคำถามกับพี่ชายแต่ยังไม่ทันที่นิโคลัสจะพูดว่าอะไรป้าเจนนี่ก็เข้ามาพร้อมทั้งพูดว่า
“ต้องขอประทานโทษด้วยนะคะ คุณคริสคะมีโทรศัพท์ด่วนจากทางโรงพยาบาลค่ะ”
“โทรศัพท์ด่วนจากโรงพยาบาลอย่างนั้นล่ะครับป้า”
“ค่ะ...นี่ค่ะ...นางพยาบาลรอสายคุยกับคุณคริสอยู่ค่ะ”
ป้าเจนนี่ยื่นโทรศัพท์มือถือให้คริสที่รับไปเมื่อได้รับโทรศัพท์จากแม่บ้านเขาก็คุยสายโดยได้ยินเสียงของนางพยาบาลแล้วเขาพูดโต้ตอบกลับไป
“ครับ...ว่ายังไงนะครับ อะไรนะครับ...ครับ...เดี๋ยวผมจะไปที่โรงพยาบาลด่วนเลย ขอบคุณมากนะครับ”
คริสต์วางสายและยื่นโทรศัพท์มือถือกลับไปให้ป้าเจนนี่ที่รับไว้ สีหน้าของแม่บ้านวัยกลางคนเต็มไปด้วยความสงสัยนางจึงเอ่ยถามขึ้น
“คุณคริสคะ ทางโรงพยาบาลโทรมาแจ้งเรื่องอะไรเหรอคะ เห็นว่าเป็นเรื่องด่วนหรือว่าจะเป็นเรื่องของคุณเนเน่”
“ใช่ครับป้า แต่ป้าอย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้ไปนะครับและอย่าให้โซอี้รู้อย่างเด็ดขาด”
“มีเรื่องอะไรกันคริส มันเกิดอะไรขึ้นที่โรงพยาบาลอย่างนั้นเหรอ” นิโคลัสเป็นฝ่ายถาม
“นางพยาบาลโทรมาแจ้งว่าเนเน่หายออกไปจากโรงพยาบาลน่ะครับ เขาเลยรีบโทรมาแจ้งและผมก็ต้องรีบไปที่โรงพยาบาลตอนนี้เลย”
ป้าเจนนี่เอามือทาบอกและอุทานออกมา
“พระเจ้า...แล้วคุณเนเน่หายไปไหนล่ะคะ นางพยาบาลหรือว่ายามไม่ทราบเลยอย่างนั้นเหรอคะ”
“ผมก็ยังไม่รู้รายละเอียดเลยครับป้าเจนนี่ เพียงแต่นางพยาบาลแจ้งมาก่อนคร่าว ๆ เท่านั้น เดี๋ยวผมจะรีบไปที่โรงพยาบาลก่อน”
“ฉันจะไปกับแกด้วย”
นิโคลัสกล่าวขึ้น ในน้ำเสียงของเขาฟังดูทั้งร้อนรนและเคร่งเครียดซึ่งเมื่อได้ยินน้องชายพูดเรื่องของภิณไลย์ญาทั้งก็เห็นได้ชัดว่าทั้งสีหน้าและแววตาของนิโคลัสเริ่มมีความกังวล
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวป้าจะอยู่คอยดูแลคุณหนูโซอี้นะคะถ้าได้ข่าวยังไงคุณคริสช่วยโทรมาบอกป้าด้วย”
“ครับป้า” คริสพยักน่ารับก่อนที่เขาจะเดินออกไปพร้อมด้วยพี่ชายทั้งสองมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลซึ่งในเวลานั้นโดยปกติแล้วไม่ใช่เวลาที่ญาติผู้ป่วยจะได้รับการอนุญาตให้เข้าไปเยี่ยมไข้ได้
ทั้งคริสและนิโคลัสเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์ซึ่งมีนางพยาบาลสาวคนหนึ่งประจำอยู่ เธอเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอคอมพิวเตอร์และเอ่ยกับบุรุษทั้งสองว่า
“สวัสดีค่ะ...ไม่ทราบว่ามาติดต่อเรื่องอะไรเหรอคะ?”
“ ผมคริส ซาเวียร์ครับ เมื่อกี้นี้มีเจ้าหน้าที่ของทางโรงพยาบาลโทรไปแจ้งกับผมว่าคนไข้ที่ผมพามาเมื่อเช้าเธอหายตัวไป”
“ อ๋อ...เคสของมิสภิณไลย์ญาใช่หรือเปล่าคะ ดิฉันเองค่ะที่เป็นคนโทรไปแจ้งให้ทราบ”
“แล้วตอนนี้ทางโรงพยาบาลพอจะรู้หรือเปล่าครับว่าคนไข้ที่หายไป เธอหายไปไหน”
นิโคลัสถามน้ำเสียงของเขาจริงจังก่อนที่นางพยาบาลจะตอบว่า
“ค่ะ...เมื่อช่วงบ่ายทางโรงพยาบาลได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่พยาบาลที่เข้าไปในห้องของผู้ป่วยแล้วพบว่าผู้ป่วยหายไป พวกเราก็ตกใจกันมากค่ะและได้พยายามค้นหามิสภิณไลย์ญาว่าเธอไปอยู่ส่วนไหนของโรงพยาบาลหรือเปล่าเราพยายามเช็คและตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดก็เห็นว่าเธอเดินผ่านกล้องตัวนึงที่อยู่ทางออก เราคิดว่าเธอออกไปจากโรงพยาบาลแต่ไม่ทราบว่าเธอไปไหน หลังจากนั้นก็เลยรีบโทรแจ้งให้ญาติที่พาคนไข้มาได้ทราบและคนที่เราโทรหาคนแรกก็คือคุณคริส ซาเวียร์ แต่ว่าก่อนหน้าที่คุณจะมาถึงที่นี่ประมาณไม่ถึง 5 นาทีดิฉันเพิ่งได้รับสายจากคุณภิณไลย์ญาค่ะ เธอโทรมาแจ้งกับเราว่าเธอมีความจำเป็นที่จะต้องกลับไปที่บ้านโดยที่ไม่ได้แจ้งให้ทางโรงพยาบาลทราบเพราะเธอกลัวว่าถ้าเธอแจ้งแล้วคุณหมออาจจะไม่อนุญาตให้เธอกลับ”
“แล้วเธอให้เหตุผลว่าอะไรครับ”
คริสตั้งคำถามนางพยาบาลสาว เธอมีสีหน้าครุ่นคิดเพียงชั่วอึดใจก่อนตอบว่า
“เธอแจ้งเราว่าแม่ของเธอไม่สบาย เธอเป็นห่วงมากก็เลยต้องรีบกลับไป จริง ๆ แล้วการที่คนไข้ออกไปจากโรงพยาบาลโดยที่ไม่ได้แจ้งให้เราทราบแบบนี้มันเป็นการทำผิดกฎอย่างมากเลยนะคะเพราะมันทำให้เกิดความวุ่นวายและมันก็เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบของคุณหมอที่ดูแลคนไข้ด้วยค่ะ”
“คุณพยาบาลครับ ถ้าเกิดความเสียหายใด ๆ ขึ้นกับทางโรงพยาบาลผมนิโคลัส ซาเวียร์จะขอเป็นผู้รับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่างเองครับ”
นิโคลัสกล่าวขึ้นหากแต่นางพยาบาลก็ยังมีสีหน้าเหมือนไม่สบายใจ
“เรื่องนั้นอาจจะไม่น่าเป็นห่วงเท่ากับอาการของคนไข้ที่คุณหมออยากจะให้คุณภิณไลย์ญาอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการให้แน่ใจก่อนว่าทั้งเธอ และก็เด็กในท้องจะปลอดภัยดีหรือเปล่าเท่านั้นล่ะค่ะ”
“ว่ายังไงนะครับ...เด็กในท้อง!”
นิโคลัสถึงกับสีหน้าตื่นเมื่อได้ยินคำพูดของนางพยาบาลขณะที่คริสเองเงียบงันเพราะสิ่งที่เขารู้นั้นพี่ชายของเขายังไม่รับรู้เรื่องนี้ นางพยาบาลตอบกลับไปว่า
“ก็ตอนที่คุณภิณไลย์ญามาโรงพยาบาล คุณหมอตรวจพบว่าเธอไม่สบายเพราะสาเหตุมาจากการตั้งครรภ์ เธอท้องได้ 8 สัปดาห์แล้วและมีอาการอ่อนเพลีย ตอนแรกคุณหมอจะอนุญาตให้เธอกลับได้แล้วแต่ก็ยังอยากให้เธออยู่ต่ออีกสัก 2-3 วันเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีอาการข้างเคียงอย่างอื่นเกิดขึ้นกับคนไข้น่ะคะ”
นิโคลัสหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง มันเป็นกล่องกำมะหยี่สีชมพูเล็ก ๆ และเมื่อเขาเปิดมันออกก็ทำให้เป็นภิณไลย์ญาดวงตาเบิกกว้างเพราะภายในนั้นเป็นแหวนแพลตตินัมประดับเพชรแม้เม็ดไม่ใหญ่แต่ประกายของมันก็ล้อเล่นกับแสงแดดอุ่นที่สาดส่องลงมาอาบไล้ เขาบรรจงหยิบมันและสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของภิณไลย์ญาก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากของเขาบนเรือนแหวนที่อยู่บนนิ้วของเธอหญิงสาวมองดูราวกับไม่อยากเชื่อสายตา นิโคลัสเงยหน้าขึ้นและเอ่ยว่า“คริสเคยบอกผมเหมือนกันว่าคนอย่างผมคิดถึงแต่ตัวเองและเห็นค่าของเงินเป็นใหญ่ ผมไม่เคยคิดถึงใคร แต่ตอนนี้ผมอยากพิสูจน์ให้น้องชายของผมได้เห็นว่าผมได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เขาเคยว่าเอาไว้ ผมอาจจะเลวร้ายกับคุณมาก่อนแต่คนเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นี่ไม่ใช่เหรอ คุณอาจไม่ต้องอภัยให้ผมวันนี้ มันอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ว่าแต่คุณจะยินยอมให้โอกาสนั้นกับผมไหม”“บอกแล้วไงคะว่าฉันต่ำต้อยมากเกินไป คนที่ต้องขอร้องโอกาสคุณเป็นฉันมากกว่าที่จะร้องขอจากคุณ”“ผมจะไม่ให้คุณร้องขออะไร แต่เป็นผมที่จะต้องขอร้องคุณ”นิโคลัสทรุดตัวลงนั่
“แต่ฉันยังเป็นหนี้คุณนะคะนิค ฉันเป็นหนี้คุณตั้ง 3 ล้านดอลลาร์ ฉันจะพยายามหามันมาใช้คุณ”“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะนะ รู้หรือเปล่าว่าจริง ๆ ผมลืมมันไปตั้งนานแล้ว”“ฉันรู้ค่ะนิคว่าเงินสำคัญสำหรับคุณเสมอและไม่ใช่สิ่งที่คุณจะลืมมันได้ง่าย ๆ”“อยากรู้ไหมว่าผมลืมมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมลืมมันไปตั้งแต่ที่คุณเป็นของผมครั้งแรก”เธอเม้มปากแน่นน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“คุณคงอยากให้ฉันดีใจ คุณคงแค่อยากจะปลอบใจฉัน”“เปล่าเลย...นี่เป็นคำสารภาพแบบโง่ ๆ ของคนที่ไม่เคยมีและไม่เคยเห็นค่าในความรักอย่างผม แม้แต่จะพูดคำนี้ก็ยังไม่เคย ผมได้แต่ภาวนาขอให้คุณเข้าใจ”“ฉันเข้าใจว่าคุณไม่เคยรักใครไม่เคยจริงจัง”“ผมอาจจะไม่เคยรักใครอย่างที่คุณว่าแต่ผมไม่เคยหลอกผู้หญิงเล่น ๆ และคุณก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมได้เห็นคุณค่าของความรักจากที่ผมรู้จักแต่งการใช้เงิน รู้ไหมว่าตอนที่คริสต์อยากจะใช้หนี้แทนคุณมันทำให้ผมโกรธมาก ผมรู้ว่าผมกำลังหึงคุณและคิดบ้าๆ ว่าคริสมันคงอยากได้คุณกลับคืนไป ผมลืมไปว่าสัมพันธภาพอันยิ่งใหญ่ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมันไม่ได้มีแค่เรื่องนั้น แต่มันหมายถึงความรักและความหวังดี คริสหวังดีกับคุณมากกว่าที่จะรู้สึกรั
“ผมยอมรับนะว่าตอนแรกตกใจมากที่รู้เรื่องระหว่างคุณกับนิคแต่มันก็ทำให้ผมมาคิดได้ในหลาย ๆ เรื่องว่าที่ผ่านมาหลาย ๆ เหตุการณ์และเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมมันก็ล้วนเกิดขึ้นมาจากตัวผมเองและคนที่เข้ามาคอยจัดการให้ผมทุกสิ่งทุกอย่างก็คือพี่ชายของผม บางทีถ้าเราสองคนยังรักกันมันก็อาจจะทำให้ผมไม่ได้คิดถึงสิ่งสวยงามที่สุดที่ผมทอดทิ้งไปนานนั่นก็คือโซอี้ ถึงแม้ว่าผมจะต้องเลิกกับลาลิสาแต่มันก็ทำให้ผมคิดได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือความรับผิดชอบและมันทำให้ได้มองเห็นตัวเอง มองเห็นความจริงว่าถ้าหากผมยังไม่กล้าคิดและตัดสินใจคงจะไม่มีวันค้นพบว่าต้องจัดการชีวิตตัวเองยังไงบ้างการไปอยู่ฝรั่งเศสมันเกิดจากการเลือกของผมเองและนิคก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้โซอี้ไปอยู่กับผมเพราะอย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีคุณกับชีวิตเล็ก ๆ”“ฉันกับเขาไม่คู่ควรกัน เหมือนที่เขามองฉันกับคุณว่าไม่คู่ควร ฉันต่ำต้อยเหลือเกินค่ะคริส ฉันคิดว่า...”“ว่าไงล่ะคริส...จะไปกันแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มห้าวที่ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของคริสและภิณไลย์ญาแต่โซอี้กลับกระโดดลงจากโซฟาแล้ววิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียงทรงอำนาจนั้น นิโคลัสช้อนร่างเด็กน้อยขึ้นอุ้มและจูบแ
“คุณอาคริสจะพาหนูไปฝรั่งเศสค่ะ”โซอี้เป็นฝ่ายตอบขณะที่นั่งอยู่บนตักของคริส เขาโอบกอดหนูน้อยเอาไว้และจูบแก้มยุ้ยเบาๆแสดงความรักความห่วงใยพร้อมกันนั้นก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา“ผมจะมารับโซอี้ไปฝรั่งเศสวันนี้ นี่ก็ให้คนของผมจัดกระเป๋ากับของใช้เรียบร้อยแล้ว พวกเขารอผมอยู่ที่สนามบิน”กล่าวจบเขาก็จับเด็กหญิงให้เลื่อนลงจากตักและนั่งบนโซฟา เขาลุกขึ้นและก้าวเข้าไปหาภิณไลย์ญาซึ่งตอนนี้เธออยู่ในชุดนอนสวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมสีละมุนตา คริสหยุดยืนตรงหน้าเธอ รอยยิ้มจางผุดขึ้นบนมุมปากได้รูป“เป็นยังไงบ้าง คุณสบายดีแล้วใช่ไหม?”“ฉันสบายดีค่ะ ว่าแต่คุณเถอะค่ะ คุณจะไปฝรั่งเศสแล้วจะพาโซอี้ไปด้วยเหรอคะ”“ใช่...ผมจะไปอยู่ที่ฝรั่งเศสและรับตำแหน่ง CEO ของบริษัทในเครือของซาเวียร์กรุ๊ปที่นั่น”“คุณลาริสาไปด้วยใช่ไหมคะ พวกคุณเข้าใจกันแล้วใช่ไหมคะ”เขาส่ายหน้าและตอบว่า “ผมหย่ากับลาลิสาแล้ว เราเพิ่งหย่ากันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง”“ว่ายังไงนะคะ! คุณหย่ากับลาริสา...คุณพระ...เธอคงโกรธเรื่องของฉันอย่างนั้นสินะคะ ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะคริส ฉันไม่ตั้งใจที่จะทำให้ครอบครัวของคุณต้องแตกหักกันอย่างนี้เลย”เขาส่ายหน้าอีก
“คุณน้าเนเน่นอนพักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจะเช็ดตัวให้คุณน้านะคะ”โซอี้กระวีกระวาดทำเหมือนผู้ใหญ่ไม่มีผิด เด็กหญิงวิ่งออกไปจากห้องนั้นนิโคลัสจึงหันมาทางภิณไลย์ญาที่นอนบนเตียงโดยมีเขานั่งอยู่ข้าง ๆ“ผมรู้ว่าคุณไม่สบายและต้องการพักผ่อน”“ใช่...ฉันต้องการพักผ่อนแต่เป็นบ้านของฉันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน ถ้าคุณไม่ว่างไปส่งฉันก็เรียกคนขับรถของคุณให้พาฉันไปส่งก็ได้ค่ะนิค”“วันนี้คนของผมไม่มีใครว่างหรอกนะ”“ฉันไม่เชื่อ คุณโกหก คุณอยากจะกักตัวฉันไว้ที่นี่ หรือว่าถ้าคุณอยากจะให้ฉันอยู่ที่นี่ก็ให้ฉันกลับไปที่บ้านก่อนแล้วฉันจะบอกแม่ฉันว่าฉันต้องออกมาทำงานท่านจะได้เข้าใจจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”“ท่านไม่เป็นห่วงคุณหรอกนะ ท่านรู้ว่าคุณอยู่กับโซอี้และผมก็อยากจะขอร้องให้คุณอยู่กับแกที่นี่คืนนี้”“ด้วยเหตุผลอะไรกันคะ ได้โปรดเถอะค่ะ คุณไม่ควรจะใช้คำว่าขอร้องกับฉันเพราะนี่เป็นการบังคับ”“OK… ถ้าคุณอยากจะกลับก็ได้แต่โซอี้จะรู้สึกยังไงในเมื่อแกคิดว่าคุณไม่สบายและแกก็ตั้งใจที่จะดูแลคุณ ถ้าคุณกลับไปมันก็เหมือนเป็นการทำร้ายจิตใจแก”“คุณกำลังสร้างเงื่อนไขและกำลังกดดันฉันอยู่นะคะ”“ผมพูดความจริงต่างหากและมันก
“ คุณคิดแบบนั้นเหรอเนเน่”“ ใช่ค่ะ...และฉันก็คิดถูกใช่ไหมคะ ฉันพูดถูกทุกอย่าง ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะฉันจะไม่ผิดสัญญาเรื่องที่จะหาเงินมาชดใช้ให้คุณ”“ผมรู้ว่าคุณจะไม่ผิดสัญญาแต่คุณก็ผิดคำพูดกับผม ““แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันทำยังไงคะนิค ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปแล้ว”ภิณไลย์ญาเผลอร้องไห้ออกมาและทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องน้ำ เธอกอดเข่าแล้วร้องไห้อย่างคนสิ้นหวัง ตอนนี้หัวใจของเธอแหลกสลายทั้งจากความผิดหวังและร่างกายที่ยิ่งนับวันยิ่งอ่อนแอ เธอดูเหมือนคนสิ้นไร้ไม้ตอกและถึงทางตันของชีวิต นิโคลัสทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ จ้องมองร่างเล็กที่ก้มหน้าร้องไห้เหมือนแทบขาดใจแต่ภิณไลย์ญาก็ไม่ส่งเสียงออกมาดัง ๆ เธอกดเก็บตัวเองไว้เพราะกลัวโซอี้จะได้ยินแต่ในเวลานี้เธอช่างดูอ่อนแอและเป็นภาพที่ฉุดรั้งความรู้สึกของนิโคลัสให้ยิ่งดำดิ่ง เขารู้ตัวดีว่าทำให้เธอเจ็บช้ำอย่างสาหัสหากทว่าคนที่เจ็บปวดยิ่งกว่ากลับเป็นเขาเสียเอง ขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือเพื่อลูบเรือนผมของภิณไลย์ญาที่นั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้นั้นก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นข้างหลั
“เข้าไปในบ้านกันเถอะเนเน่ โซอี้หิวขนมแล้ว”“ค่ะ” เธอรับปากสั้น ๆ และเดินตามเขากับเด็กหญิงตัวเล็กเข้าไปโดยที่นิโคลัสก็ยังจูงมือไม่ยอมปล่อยมือของเธอจากมือของเขา มันไม่ได้ทำให้ภิณไลย์ญาอบอุ่นแม้แต่น้อยยิ่งใกล้ชิดเขามากเท่าไหร่มันก็ยิ่งหนาวยะเยือกในหัวใจมากขึ้นเท่านั้น นิโคลัสเหมือนซาตานเขาอาจกลายร่างเป็นเทพบุตรก่อนที่จะกลายเป็นปีศาจร้ายภายในเสี้ยววินาที เธอรู้ดีและไม่เคยลืมสิ่งที่เขากระทำกับเธอเมื่อประตูบ้านเปิดออกทั้งสามก็ก้าวเข้าไปในห้องรับแขกภายในได้รับการตกแต่งอย่างเรียบหรู มันดูกว้างขวาง หลังคาทรงสูงทำให้บ้านดูโอ่อ่าหากทว่าสำหรับภิณไลย์ญาแล้วเธอยิ่งรู้สึกอึดอัด ไม่ได้คิดว่าบรรยากาศโล่งหรือโปร่งสบายเลย เมื่อเข้าไปในห้องรับแขกนิโคลัสก็วางถุงใส่ขนมลงบนโต๊ะ โซอี้เปิดถุงขนมดูและล้วงหยิบเค้กกับคุกกี้ออกมาก่อนหันมาทางภิณไลย์ญาและพูดด้วยประกายตาใสแจ๋วว่า“คุณน้าเนเน่ขา คุณน้าเนเน่ชอบขนมนี้หรือเปล่าคะ”“ว่าแล้วเด็กหญิงก็หยิบคุกกี้ในห่อสีสวยอยู่ในภิณไลย์ญาที่รับไปเธอยิ้มตอบและบอกว่า”“ชอบค่ะ...เอ้อ...”“ชอบก็กินเลยสิคะ แดดี๊ขา มากินขนมด้วยกันเถอะค่ะหนูหิวแล้ว”“ได้สิจ๊ะทูนหัวของ daddy มาเราม
“แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อน ฉันไม่ได้อยู่กับคุณแล้ว “คุณจะมาทำอะไรแบบนี้ไม่ได้นะคะนิค”“ลืมไปแล้วหรอเนเน่ว่าคุณยังติดค้างอะไรผมอยู่ คุณเป็นคนผิดกฎและทำผิดสัญญากับผมหรือว่าคุณไม่ยอมรับว่าการที่คุณหนีมานี่มันเป็นการไม่รักษาสัญญาที่คุณเคยให้ไว้”“แล้วคุณต้องการอะไรกันล่ะคะ ถ้าคุณต้องการเงินฉันจะพยายามหามาคืนคุณ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ของคุณแม้แต่เซ็นเดียว”“เรื่องนี้คนที่ได้รับผลประโยชน์ไปเต็ม ๆ ก็คือคุณนะเนเน่ผมจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้น้องชายของคุณและพอเขาหายดีคุณก็คิดจะหนีผมไปดื้อ ๆ แบบนี้น่ะหรือ มันไม่ยุติธรรมสำหรับผมรู้ไหม”เขาพูดจบก็บัยดตัวเข้าหาเธอโดยไม่สนใจใครในที่นั้น แต่แล้วนิโคลัสต้องชะงักเมื่อภิณไลย์ญาเงยหน้ามองเขาดวงตาของเธอแดงก่ำ ปากของเธอระริกสั่นและร่างนั้นสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขนทรงพลัง“ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะค่ะนิค คุณจะให้ฉันทำยังไงก็ได้ ฉันขอร้องเถอะนะคะ”“ผมปล่อยคุณไปไม่ได้หรอกและจะไม่มีวันยอมปล่อยคุณไปไหนด้วย”เขากดน้ำเสียงต่ำแต่คำพูดนั้นหนักแน่นและมีพลังสั่นไหวความรู้สึกของภิณไลย์ญา เธอแทบทรงตัวไว้ไม่อยู่แต่แล้วเสียงของโซอี้ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“แดดี๊ขา...หนูเลือกข
“ไม่เป็นไรหรอกนะ ตอนนี้พิชญ์ดีขึ้นมากแล้ว แม่ก็แค่คอยดูแลให้เขากินอาหาร กินยาให้ตรงเวลาก็เท่านั้นเอง นอกเหนือจากนี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าเป็นกังวลเลย ลูกไปกับหนูโซอี้เถอะนะ เขาอุตส่าห์มาหาถึงที่นี่แสดงว่าคิดถึงลูกจริง ๆ”“นั่นน่ะสิครับ...เหมือนอย่างที่คุณแม่ว่า เนเน่อย่าขัดใจโซอี้เลยนะ แกคิดถึง อยากอยู่กับคุณน่ะ”นิโคลัสกล่าวเสริมแต่ภิณไลย์ญารู้สึกราวกับว่าเขากำลังบีบบังคับเธอทางอ้อมอีกแล้ว มันทำให้เธออึดอัดและเครียดขึ้นมาแต่แล้วหัวใจดวงนั้นก็อ่อนยวบลงเมื่อโซอี้เข้ามาสวมกอดและพูดว่า“ไปกินขนมกับหนูเถอะนะคะ คุณน้าเนเน่ขา หนูอยากชวนคุณน้าเนเน่ไปซื้อพาเล็ทสวย ๆ ด้วยค่ะ คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูสวยที่สุดเลย หนูอยากให้คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูอีกค่ะ แดดี๊ก็ไม่ว่าอะไรแล้วนะคะ”“ค่ะ...ก็ได้ค่ะ”ภิญญารับปากทั้งที่ใจจริงเธออยากปฏิเสธและขณะที่พูดกับโซอี้เธอก็พยายามไม่สบนัยน์ตาเข้มของนิโคลัสที่จ้องมองหญิงสาวตลอดเวลา เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคิดหรือวางแผนอะไรอยู่การที่เขามาที่นี่คงไม่ได้อยากรู้จักครอบครัวของเธอซึ่งอยู่ในย่านของคนที่มีฐานะการเงินต่ำกว่าเขามากนัก เขาอาจรังเกียจด้วยซ้ำ คนอย่างนิโคลัสซาเวีย