ตอนที่ 6 งานวัด
“เธอไม่แต่งตัวเวอร์ไปหน่อยเหรอ แค่พิธีเปิดงานวัดธรรมดาๆ เอง เธอแต่งตัวอย่างกับประธานเปิดพิธี”
“นี่เวอร์ไปเหรอ ฉันว่าไม่นะปกติเวลามีงานที่วัดเราก็ต้องใส่ลูกไม้ไม่ใช่เหรอ ยายฉันก็ใส่นะ ฉันเห็นเมื่อเช้า” ชุดที่ฉันใส่มันก็ไม่ได้เวอร์อะไรสักหน่อย เป็นเสื้อลูกไม้มีซับในตรงแขนเป็นแขนตุ๊กตาไม่เล็กไม่ใหญ่กำลังน่ารัก ความยาวของเสื้อก็เลยเอวมานิดหน่อย ใส่คู่กับกระโปรงลูกไม้เอวสูงตัวยาวแต่พอใส่กับส้นสูงก็จะพอดี
“มันก็ไม่ได้จำเป็นอะไรขนาดนั้น แค่ปกติคนต่างจังหวัดเขาจะไม่ได้แต่ตัวกัน จะแต่งทีแค่เฉพาะตอนมีงานซึ่งก็นานๆ ที อย่างเช่นงานบุญแบบนี้”
“ก็ใช่ ฉันถึงใส่ชุดนี้ไงนี่ลูกไม้จากฝรั่งเศสเลยนะ ไม่สวยเหรอ” ฉันถามพลางหมุนตัวให้ดินดู
“ไอ้สวยมันก็สวย แต่เธออย่าลืมสิที่นี่ต่างจังหวัดนะไม่ใช่กรุงเทพที่คนจะต้องแต่งตัวแข่งกัน”
“ฉันก็ไม่ได้จะแต่งตัวไปแข่งกับใครสักหน่อย ฉันก็แค่อยากแต่งตัวสวยๆ ฉันผิดเหรอแล้วนี่ก็คือชุดลูกไม้ที่ธรรมดาที่สุดที่ฉันมีเลยนะ ฉันถือมาเผื่อว่าอาจจะได้ใส่นะ”
“อยากจะใส่อะไรก็ใส่ เอาที่เธอสบายใจเลย ชุดยาวถึงพื้นแบบนั้นเดินก็ระวังหัวทิ่มด้วย เดี๋ยวจะหาว่าฉันไม่เตือน” หมอนั่นพูดเสร็จก็เดินออกจากบ้านไป ฉันเลยต้องรีบเดินตามไปถ้าไปช้าเดี๋ยวจะมาว่าฉันอีก
“แล้วรถนายอยู่ไหน” ฉันถามเพราะว่ามองซ้ายมองขวาแล้วก็ยังไม่เห็นรถของหมอนั่น
“นี่ไง” เขาชี้ไปที่รถมอไซค์ยามาฮ่า เอ็กซ์เอสอาร์หนึ่งห้าห้า ที่จอดอยู่ ถ้าถามว่าฉันรู้จักได้ยังไงละก็อย่าลืมสิพี่ชายฉันก็ชอบรถมอไซค์เหมือนกัน
“นายจะให้ฉันนั่งคันนี้ไปนี่นะ นายดูชุดฉันก่อนจะนั่งไปได้ยังไง”
“ใช่ วัดกับบ้านเธอใกล้แค่นี้เองจะเดินไปก็ยังได้ แล้วอีกอย่างวันนี้ที่วัดมีงานใครเขาจะให้เอารถไปจอดในวัดกัน เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากเดินคันนี้ดีที่สุด ส่วนชุดเธอก็รวบๆ ไว้อย่าให้ไปพันกับล้อรถก็แล้วกัน” ดู ดูมันพูด มิน่าถึงได้ถามฉันนักหนาว่าจะใส่ชุดนี้จริงเหรอ แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกว่าเอารถมอไซค์มา ฉันจะได้ใส่ชุดอื่น
“งั้นฉันไปเปลี่ยนชุดก่อน นายรอแป๊บ” ฉันหันหลังกลับแต่ถูกหมอนั่นจับแขนเอาไว้ก่อน
“ไม่ต้องเปลี่ยนแล้ว ฉันขี้เกลียดรอ แค่นี้ฉันก็รอมาเป็นชั่วโมงแล้วขืนให้เธอกลับไปเปลี่ยนชุด ก็ไม่ทันทอดผ้าป่ากองแรกพอดี” อะไรวะ กลัวไม่ทันทอดผ้าป่า แต่ไม่กลัวว่าชุดฉันจะไปพันกับรถแล้วหัวทิ่มหรือไง
“เออ นายก็ขับดีๆ ก็แล้วกัน ห้ามพาฉันล้มนะ”
“รีบเถอะ อย่าลีลาเยอะ” ฉันจับชายกระโปรงของตัวเองมารวบไว้ ก่อนจะขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายหมอนั่น เขามองดูความเรียบร้อยของฉันนิดนึงก่อนจะเริ่มออกรถ
ฉันมาถึงวัดในตอนที่ประธานในพิธีกำลังเปิดงานพอดี ฉันมองหาตายายก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆ ท่าน แต่ระหว่างทางที่เดินผ่านทุกคนเพื่อไปหาตายาย ดูเหมือนทุกคนจะหันมองมาทางฉันเป็นตาเดียว ไม่มีใครสนใจประธานที่กำลังเปิดงานเลย
“นี่หลานสาวเอ็งแต่งตัวสวยเชียว ตอนแรกที่เดินมาข้านึกว่าเจ้าสาวที่ไหนหนีงานแต่งมาเที่ยวงานวัดซะอีก” ยายที่นั่งข้างๆ ยายฉันพูดขึ้น ฉันล่ะอยากจะตอบจริงๆ ว่าถ้าเป็นชุดแต่งงานของฉันมันต้องอลังการกว่านี้เป็นสิบเท่า
“เอ็งจะไปรู้อะไร เขาเรียกว่าแฟชั่นคนที่กรุงเทพเขาแต่งแบบนี้กันเป็นปกติ” ยายฉันตอบ แต่พูดก็พูดเถอะยายฉันนี่ก็แต่งตัวใช่ย่อยซะที่ไหน สมกับเป็นยายหลานกันจริงๆ
“นี่ๆ ไอ้ดินเหนียวนายดูนั่นสิ ผู้หญิงคนนั้นใช่คนเมื่อวานที่เราเจอที่ห้องพี่น้ำหรือเปล่า” ระหว่างที่พิธีกรกำลังพูด ฉันก็ตาดีเหลือบไปเห็นคุณรีลูกค้าที่เจอเมื่อวานที่ห้องทำงานพี่น้ำ
“อืม ใช่”
“แล้วผู้ชายที่นั่งข้างเธอคือใครเหรอ ทั้งสองคนเป็นอะไรกัน”
“หมอนั่นชื่อวิชิต เป็นลูกชายของ ส.ส.วิเชียร มีอะไรเธอสนใจหมอนั่นงั้นเหรอ แต่เสียใจด้วยนะพอดีหมอนั่นเป็นแฟนกับคุณรี”
“ฉันไม่ได้สนใจสักหน่อยแค่ถามเฉยๆ ก็ไม่ได้หรือไง นายเถอะไม่เป็นไรแน่เหรอ”
“เป็นอะไร”
“ก็คุณรีของนายมากับแฟน นายไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ”
“โอ๊ย เจ็บนะ นายเขกหัวฉันทำไม” ฉันลูบหัวตรงบริเวณที่ถูกไอ้ดินเหนียวเขก
“ก็ใครใช้ให้คิดอะไรไม่เข้าท่า ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าคุณรีเขาเป็นแค่ลูกค้า”
“ก็ไม่แน่หรอกลูกค้าแล้วยังไง นั้นสเปคนายเลยไม่ใช่เหรอ”
“สเปคเหรอ สเปคฉันเป็นยังไง” ยังจะมาถามอีก
“นายลืมไปแล้วเหรอ นายเคยบอกว่าสเปคนายคือคนสวย ฉันว่าก็ได้อยู่นะ แต่น่าเสียดายดันมีเจ้าของแล้ว”
“ก็ใช่ คุณรีก็สวย แต่ฉันว่าเธอสวยกว่านะ” คำตอบของหมอนั่นทำเอาฉันเงียบเพราะไม่รู้จะพูดอะไรเลย ถึงจะรู้ว่าหมอนั่นพูดเล่นแต่เรื่องแบบนี้ใครเขาพูดเล่นกัน ไอ้ดินเหนียวบ้า
“เดี๋ยวฉันมารับตอนหนึ่งทุ่มนะเตรียมตัวให้เรียบร้อยด้วย ฉันขี้เกลียดมารอ”
“รู้แล้วน่า” เขามาส่งฉันที่บ้านหลังจากพิธีเปิดและทอดผ้าป่ากองแรกเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพราะตอนกลางวันจะไม่จะมีอะไรมากมีแค่คนออกมาทำบุญ ต้องตอนกลางคืนถึงจะมีงานให้เที่ยว
“แล้วพวกนั้นจะมาเจอเราที่วัดเลยหรือเปล่าหรือนายต้องไปรับ” พวกนั้นที่ฉันถามถึงก็คือ นายชัดเจนกับส้ม แล้วก็ชมพู่ลูกสาวของพวกนั้น
“ไม่อ่ะ พวกนั้นจะมาเองอีกอย่างตอนกลางคืนหาที่จอดรถอยากกว่าตอนกลางวันอีก ฉันจะเอาคันนี้มารับธอนั่นแหละ” บอกไว้ก่อนแบบนี้ก็ดี ฉันจะได้แต่งตัวถูก
“อืม แล้วนี่นายจะกลับบ้านนายเลยหรือจะไปไหนต่อ” ฉันถามเพราะอยากรู้
“ฉันจะกลับไปที่อู่รถ ทำไม อยากไปด้วยเหรอ” หมายถึงอู่รถสิบล้อของที่บ้านสินะ
“ไม่ ฉันแค่ถามเฉยๆ ใครอยากไปกับนายกัน ฉันร้อนจะแย่ขอไปนอนเปิดแอร์เย็นๆ ที่ห้องดีกว่า”
“ที่นั่นก็มีแอร์นะ อยากเปิดเย็นแค่ไหนก็เปิดฉันไม่คิดค่าไฟเธอหรอก ไปไหม” อยู่ๆ ก็มาชวนประสาทปะเนี่ย
“ไม่ไป ทำไมฉันต้องไปด้วย”
“ไม่อยากจะไปสำรวจหน่อยเหรอ”
“ไม่ นายกลับไปได้แล้ว ฉันจะเข้าบ้านแล้วร้อน” ฉันไล่
“เออๆ ฉันกลับละ ตอนเย็นเจอกัน” พูดจบหมอนั่นก็สตาร์ทรถแล้วขับออกไป ส่วนฉันก็เดินเข้าบ้าน
ระหว่างที่ฉันกำลังนอนกลิ้งอยู่บนที่นอนโทรศัพท์ฉันก็ร้องเสียงดัง ฉันหยิบโทรศัพท์มาดูหน้าจอว่าใครโทรมาก่อนจะกดรับสาย
“ว่ายังไงคะพี่ชายสุดหล่อ จะโทรมาสมน้ำหน้าฉันเหรอ” คนที่โทรมาก็คือพี่วี พี่ชายของฉันเอง
“สบายดีไหมตัวเล็ก” พี่ชายฉันเวลาที่อยู่ในโมทพี่ชายแสนดีจะเรียกฉันว่าตัวเล็ก
“อยู่บ้านตายายจะลำบากอะไรละ ฉันไม่ได้ถูกส่งไปใช้แรงงานที่ไหนสักหน่อย”
“แล้วเธอคิดออกหรือยังว่าจะหาเงินได้ยังไง”
“ยัง ฉันมาที่นี่ได้แค่สามวันเองนะ ยังงงๆ กับที่นี่อยู่เลย ขอเวลาปรับตัวหน่อยสิ ถ้าไม่ยังงั้นพี่ก็ให้เงินฉันสิ ฉันจะได้กลับบ้านเร็วๆ” ฉันลองแหย่ ทั้งๆ ที่รู้ว่าคำตอบจะเป็นยังไง
“ถ้าพี่ให้ได้พี่ให้แล้ว แต่ถ้าพี่ให้เราพี่โดนแม่ด่าแน่ เมื่อคืนพี่เห็นแม่ไล่พ่อออกจากห้องเพราะพ่อพยายามช่วยพูดเรื่องเธอด้วย” โธ่พ่อฉันน่าสงสารจัง โดนแม่ไล่ออกมาแบบนี้ไม่นอนร้องไห้ขี้มูกโป่งแล้วเหรอ
“แล้วพ่อเป็นยังไงบ้าง”
“จะเป็นยังไงละ ก็ได้แต่เกาประตูเรียกแม่ไง” เกาประตูเรียกเลยเหรอ แน่ใจนะว่านั่นพ่อฉันไม่ใช่แมว
“ฝากพี่ไปบอกพ่อด้วยว่าฉันสบายดี แล้วก็ไม่ต้องห่วงฉันจะหาเงินให้ครบให้ได้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องพูดกับแม่เรื่องฉันแล้ว จะได้ไม่โดนแม่ไล่ออกจากห้องอีก”
“แล้วถ้าได้ไม่ครบละ”
“ถ้าไม่ครบก็อยู่กับตายายแบบนี้แหละ ให้ตายายเลี้ยง” ฉันพูดจริงๆ นะ สามวันมานี่ฉันเริ่มทำใจได้แล้วว่าฉันคงต้องอยู่ที่นี่ ยกเว้นแม่ฉันจะเปลี่ยนใจ เพราะฉันคงไม่มีปัญญาไปหาเงินมากขนาดนั้นได้
“อย่าพึ่งยอมแพ้สิ พี่อยากให้เธอรีบๆ กลับมานะ พี่คิดถึงเรา” นี่สินะที่เขาเรียกว่าสายสัมพันธ์พี่น้องตอนฉันอยู่บ้าน แกล้งกันยังกับอะไร แต่พอห่างกันก็คิดถึงกัน
“ถ้าพี่คิดถึงก็มาหาฉันสิ แล้วก็หิ้วคอลเลคชั่นใหม่ของปราดี๊ด๋า มาฝากฉันด้วย”
“ยังจะคิดเรื่องนี้อยู่อีก ยังไม่เข็ดอีกเหรอ”
“เอาน่านิดหน่อยเอง แล้วพี่ว่างเหรอถึงโทรหาฉันได้ ไม่ทำงานหรือไง”
“แค่โทรหาน้องสาวมันคงไม่เสียเวลามากมายจนทำให้บริษัทล้มละลายหรอกมั้ง”
“ฮ่า ฮ่า พี่ไปทำงานต่อเถอะ เป็นถึงรองประธานบริษัทต้องทำตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดีสิ” แล้วฉันกับพี่ก็คุยกันต่ออีกนิดหน่อยก่อนที่พี่ฉันจะว่างสายไป
พอได้ยินเสียงพี่วีแบบนี้แล้วฉันก็คิดถึงทุกคนจัง โดยเฉพาะห้องแต่งตัวของฉันป่านนี้ลูกๆ ของฉันจะเป็นยังไงบ้าง หวังว่าแม่คงยังให้คนไปทำความสะอาดนะ จะปล่อยให้ลูกๆ ของฉันโดนฝุ่นเกาะไม่ได้นะ
ตอนพิเศษ 2ชื่อของเธอคือหนึ่ง ชื่อของนายคือดินเหนียว“คุณแม่ขา ทำไมเราต้องไปบ้านคุณตาคุณยายด้วยคะ เราให้คุณตาคุณยายมาหาเหมือนทุกที ไม่ได้เหรอ” เด็กหญิงวรัญญาในวัยเก้าขวบถามขึ้น ตอนนี้เธอกำลังไปที่บ้านเกิดของแม่เธอซึ่งก็คือบ้านที่ตายายของเธออยู่ตอนนี้“เพราะแม่จะไปทำธุระที่ที่ดินด้วยไง อีกอย่างลูกๆ ก็ปิดเทอมแม่ก็เลยพามาเล่นบ้านตายายไม่ดีเหรอ”“ดีครับผมอยากไปเล่นบ้านตายาย” พี่วี พี่ชายเธอพูดด้วยความตื่นเต้น“ไม่ดี วรรณไม่อยากไป”“ดี”“ไม่ดี พี่วีว่าดีก็ไปคนเดียวสิ วรรณไม่ได้อยากไปสักหน่อย”“ทำไมเราถึงไม่อยากไปบ้านตายายเหรอ” แม่ถาม“ก็คุณตาเล่าให้ฟังว่าที่บ้านคุณตามีควายตัวใหญ่มาก แล้วยังมีเป็ดมีไก่ แล้วคุณตาก็ยังเคยบอกว่าตอนคุณตาไปเก็บไข่ไก่คุณตาเคยถูกไก่ตีด้วย คุณแม่ว่าไม่น่ากลัวเหรอคะ”“ไม่น่ากลัวหรอก ถ้าเราไม่ไปยุ่งกับเขา เขาก็ไม่ยุ่งกับเราหรอก แล้วพวกนั้นก็ไม่ได้อยู่ใกล้บ้านเราสักหน่อย ต้องไปที่สวนต่างหากถึงจะเจอ” แม่เธออธิบาย“อ้าว ไม่ได้อยู่ในบ้านคุณตาหรอกเหรอคะ”“ไม่ได้อยู่จ้ะ ที่บ้านคุณตามีแค่แมวตัวเดียวที่ลูกไม่อยากไปเพราะเรื่องนี้เหรอ”“ค่ะ ก็คุณตาบอกว่าที่บ้านมี วรรณเลยคิดว่า
ตอนพิเศษ 1สองขีด- ดิน –“ไอ้ชัด มึงห่อให้ดีๆ หน่อย นั่นของชำร่วยงานแต่งกูนะเว้ย ตั้งใจทำหน่อยดิวะ”“กูก็ตั้งใจทำอยู่เนี่ย มึงไม่แหกตาดูวะ แต่กูมีปัญญาทำได้แค่นี้คนอุตส่าห์มาช่วยแม่งยังบ่นอีก เดี๋ยวก็ปล่อยให้ทำคนเดียวหรอก”“เออๆ ไม่บ่นแล้วทำให้ดีหน่อยก็แล้วกัน”“จะมีเมียทั้งทีลำบากเพื่อนจริงนะมึง” ชัดยังบ่นไม่เลิก ตอนนี้พวกเรามารวมตัวที่บ้านของผมเพื่อมาเตรียมของชำร่วยสำกหรับงานแต่งของผมกับหนึ่งที่จะถึงในอาทิตย์หน้า นี้ก็ผ่านมาตั้งสามเดือนแล้วจากวันที่ผมขอหนึ่งแต่งงาน ในที่สุดเราก็จะเป็นสามีภรรยากันสักที“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด” เสียงกรี๊ดของหนึ่งดังมาจากในห้องน้ำ ผมรีบทิ้งงานทั้งหมดแล้วตรงไปทางห้องน้ำทันที“หนึ่งเป็นอะไร เปิดประตู” ผมถามเสียงดังด้วยความตกใจพร้อมกับทุบประตูห้องน้ำด้วยความร้อนใจ “หนึ่งเปิดประตู”“จะเรียกทำไมเสียงดัง แล้วอยากได้ประตูห้องน้ำใหม่หรือไงถึงได้ทุบแรงขนาดนั้น” หนึ่งที่เปิดประตูออกมาบ่นผมทันที“ก็ฉันได้ยินเสียงเธอกรี๊ด เธอเป็นอะไรหรือเปล่า”“เปล่า” หนึ่งตอบพร้อมกับยื่นของบางอย่างให้ผม “ที่ฉันกรี๊ดเพราะอันนี้มันขึ้นสองขีดนะ”“สองขีด” ผมมองเจ้าสิ่งนั้นที่หนึ่งยื่นให้
บทส่งท้าย หนึ่งเดียวของดิน“นายพาฉันมาบ้านนายทำไม” หลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จดินก็บอกว่าให้ฉันช่วยไปกับเขาหน่อย เขามีอะไรจะให้ฉันดูฉันก็นึกว่าเขาจะพาฉันไปไหนที่แท้ก็พามาบ้านของเขาที่อยู่ที่อู่รถนั่นเอง“เข้ามาข้างในก่อนสิ” ฉันเดินเข้ามาในบ้านตามที่เขาบอกก่อนที่จะรู้สึกแปลกๆ“นายจัดบ้านใหม่เหรอ” ที่ฉันรู้สึกแปลกๆ เพราะเขาจัดบ้านใหม่นี่เอง “นี่เหรอที่นายบอกว่าอยากให้ฉันดู แค่นายจัดบ้านใหม่เนี่ยนะ”“ไม่ใช่ตรงนี้ ที่ฉันอยากให้เธอดูคือข้างบนต่างหาก” เขาชี้ไปที่ชั้นสอง ฉันเลยมองเขาด้วยความระแวงหมอนี่ไม่ได้คิดจะหลอกให้ฉันขึ้นไปข้างบนแล้วทำอะไรแปลกๆ ใช่ไหม “ไม่ต้องมองฉันระแวงแบบนั้นหรอกน่า ฉันสัญญากับพ่อกับพี่ชายเธอไว้แล้วว่าจะไม่ทำอะไรเธอเด็ดขาด”“นายจะรักษาสัญญาใช่ไหม” ฉันถามย้ำเพื่อความมั่นใจถึงจะรู้ว่าเขาเป็นคนรักษาสัญญามากแค่ไหนก็ตาม นี่แหละมั้งพ่อกับพี่ฉันเลยวางใจให้ฉันคบกับเขา“อืม ถ้าเธอไม่ทำให้ฉันตบะแตก” พอเขาพูดจบฉันก็หันหลังเดินลงบันไดทันทีจนเขาต้องรีบขว้าไว้ “เดี๋ยวสิหนึ่งใจเย็นๆ ฉันพูดเล่น ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก”“นายแน่ใจนะ”“แน่ใจสิ” ฉันมองตาเขาก่อนจะยอมเดินตามเขาขึ้นชั้นสองไป ดิน
ตอนที่ 29 กลับมาอีกครั้ง“ถ้าลูกไม่มีความสุขต้องรีบบอกพ่อนะ พ่อจะไปรับลูกกลับมาทันที”“นี่คุณลูกแค่กลับไปอยู่บ้านตายายจะไม่มีความสุขอะไร ไม่ได้ไปลำบากอะไรสักหน่อย”“ไม่ต้องไปฟังแม่นะลูก ถ้าลูกอยากกลับมาบอกพ่อได้เสมอเลยพ่อจะรีบไปรับ”“เอะ นี่คุณกล้าพูดแบบนี้กับฉันเหรอ ทีตอนเราเป็นแฟนกันคุณก็ยังอยากให้ฉันไปอยู่ใกล้ๆ ไม่ใช่เหรอ ขนาดพ่อฉันเอาปืนไล่ยิงคุณยังไม่กลัวเลย จะพาฉันมาอยู่ด้วยให้ได้ ทีตอนนี้ทำเป็นร้องไห้ฟูมฟาย” ฉันพึ่งเคยได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย คุณตาฉันก็แสบใช่เล่นเหมือนกันนะเนี่ยก็อย่างว่าแหละแม่ฉันออกจะสวย“โธ่คุณ อย่าพูดเรื่องอดีตสิมันไม่เหมือนกันสักหน่อย”“ไม่เหมือนยังไง ทีนี้เข้าใจหรือยังว่าตอนนั้นพ่อฉันรู้สึกยังไง”“รู้สึกแล้วค้าบ” พ่อฉันตอบเสียงอ่อย“รู้แล้วก็ดี แล้วก็รู้ใช่ไหมว่าทำแบบนี้ลูกจะลำบากใจ” แม่ฉันถามเสียงดุ“รู้”“ถ้ารู้แล้วจะทำทำไม จะเลิกทำให้ลูกลำบากใจไหม”“เลิกแล้ว” แล้วพ่อฉันก็ต้องยอมแม่อีกตามเคย แม่ฉันนี่สุดยอดไปเลย“ดี” แม่ฉันบอกกับพ่อก่อนจะหันมาพูดกับดิน “ดินเราจำได้ใช่ไหมว่าสัญญาอะไรกับป้าไว้”“จำได้ครับ”“ดี งั้นก็ไปเถอะเดี๋ยวตากับยายจะรอ”
ตอนที่ 28 ถูกเท“เรียบร้อยแล้วค่ะ” พี่ปุ้มปุ้ยช่างประจำตัวฉันบอกก่อนจะก็บเครื่องสำอางใส่กระเป๋า ฉันมองสำรวจตัวเองก่อนจะขอบคุณ“ขอบคุณมากค่ะ พี่ปุ้มปุ้ย แล้วพี่วีเสร็จหรือยังคะ” ฉันถามถึงพี่ชาย ที่จะไปร่วมงานกับฉันคืนนี้“คุณวีไปด้วยเหรอคะ คุณวีไม่ได้บอกพี่ พี่เลยไม่ได้เตรียมช่างมาให้ นี่พี่มาคนเดียวนะคะ” หมายความว่ายังไง ไหนวันนั้นตกลงกันแล้วว่าพี่จะไปเป็นเพื่อนฉัน อย่าบอกนะว่าจะเทฉันนะฉันโกรธจริงๆ ด้วยนะ“พี่วี พี่วีอยู่ไหน” ฉันส่งเสียงเรียกพี่วีเสียงดังลงมาจากชั้นสองของบ้าน ดังขนาดที่ต่อให้พี่ชายฉันไปแอบในท่อระบายน้ำก็ต้องได้ยิน ถึงพี่ชายฉันจะไม่ไปแอบที่นั่นก็ตาม“เสียงดังอะไรตัวเล็ก พี่อยู่นี้” พี่ชายฉันเดินออกมาจากทางห้องรับแขก แล้วจากชุดที่ใส่ก็เป็นชุดอยู่บ้านจริงๆ“ไหนพี่บอกว่าจะไปกับฉัน แล้วทำไมยังไม่แต่งตัว อย่าบอกนะว่าพี่จะเทฉัน ฉันโกรธจริงๆ นะ” ฉันเดินโวยวายลงบันไดมา“เดินช้าๆ สิเดี๋ยวก็ตกบันไดหรอก” พี่วีรีบเดินมารับฉันที่บันได “พี่ก็อยากไปกับเรานะ แต่มีคนมาขออาสาไปเป็นเพื่อนเราแทนพี่นะสิ ตอนแรกพี่ก็ไม่ยอมหรอก แต่แม่นะสิอนุญาตแล้ว พี่เลยทำอะไรไม่ได้เลยต้องยอมถอย”“ใคร”“ไปดู
ตอนที่ 27 เด็กฝึกงาน“เมื่อกี้เราพูดว่าอะไรนะตัวเล็ก”“ฉันบอกว่า ฉันจะไปช่วยงานพี่ที่บริษัท” ฉันพูดย้ำอีกครั้งชัดๆ ช้าๆ“พี่หูฝาดไป หรือว่าเราไม่สบายกันแน่” พี่วีเอามือแคะหูก่อนจะเอาอีกมือมาแตะที่หน้าฝากฉัน “ตัวก็ไม่ได้ร้อนหูพี่ก็ยังปกติดี หรือว่าตอนที่อยู่ที่นู้นหัวเราไปกระแทกอะไรมาหรือเปล่า”“นี่ ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย พี่อย่าเวอร์ฉันแค่เบื่อที่จะอยู่บ้านนี่ก็อยู่เฉยๆ มาตั้งหลายวันแล้ว” ฉันเดินเข้าไปเกาะแขนพี่วีแล้วเอนหัวไปซบที่แขน พี่ชายใครเนี่ยทำไมแขนแน่นแบบนี้ “อีกอย่างที่ผ่านมาพี่กับพ่อก็อยากให้ฉันไปลองฝึกงานที่บริษัทไม่ใช่เหรอ ก็ถือโอกาสตอนนี้ให้ฉันไปฝึกเลยไม่ดีเหรอ”“เอาจริงเหรอ” พี่วีถามอีกครั้ง“จริง” ฉันตอบเสียงหนักแน่นและแล้วเช้าวันที่ฉันต้องไปทำงานที่บริษัทก็มาถึง ฉันแต่งตัวเสร็จก็เดินฮัมเพลงลงมาข้างล่างด้วยความอารมณ์ดี“อารมณ์ดีขนาดนั้นเลยเหรอที่จะได้ไปทำงานน่ะ” แม่ถาม“ใช่ค่ะ” ฉันตอบก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะทานข้าวที่พ่อกับแม่ แล้วก็พี่วีนั่งรออยู่ก่อนแล้ว นี่ฉันว่าฉันรีบแล้วนะแต่ก็ยังช้ากว่าทั้งสามคนอยู่ดี“ถ้าลูกไม่อยากไปไม่ต้องฝืนใจไปทำก็ได้นะ ลูกสาวคนเดียวพ่อเลี้ยงได้