พัณณ์ชิตาราวน์คนไข้จนครบทุกคนแล้วก็กำลังคิดหาทางกลับคอนโดของตนเองโดยไม่ให้คนของนิโคไลที่เตร็ดเตร่อยู่หน้าประตูโรงพยาบาลรู้ แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออกจนกระทั่งได้ยินพยาบาลที่วอร์ดคุยกันว่าเที่ยงนี้รถพยาบาลจะออกไปให้บริการประชาชนที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
“พี่ภัทรคะ จะเป็นไรไหมคะถ้าพั้นช์จะขอติดรถไปที่ห้างด้วยค่ะ”
“ได้สิคะ วันนี้หมอพั้นช์ไม่เอารถมาเหรอคะ”
“ค่ะ เมื่อเช้าติดรถเพื่อนมาน่ะคะ”
“หมอให้แผนกรับส่งเอารถคันอื่นไปส่งที่คอนโดได้นะคะ ไม่ต้องนั่งรถพยาบาลไปก็ได้” จิตาภัทรบอกคุณหมอคนสวยเพราะปกติแล้วที่โรงพยาบาลก็จะมีรถไว้คอยรับส่งบุคลากรต่างหากอยู่แล้ว
“ไม่เป็นไรค่ะ พั้นช์ว่าจะไปเดินเล่นที่ห้างอยู่พอดี”
“งั้นไปรอที่รถเลยนะคะ ตอนนี้เขากำลังเตรียมของกันอยู่เดี๋ยวพี่โทรบอกให้เขารอนะคะ”
“ขอบคุณค่ะพี่ภัทร” พัณณ์ชิตายังคงสวมแมสก์และชุดกาวน์อีกทั้งยังหยิบแว่นกรองแสงที่มักเอาใช้เวลาต้องนั่งหน้าคอมนานๆ ออกมาสวม
หญิงสาวเดินผ่านคนของนิโคไลที่ประตูทางออกแล้วเดินขึ้นรถพยาบาลไปโดยที่ไม่มีใครผิดสังเกต
พอมาถึงห้างสรรพสินค้าพัณณ์ชิตาก็เดินเลือกซื้อของอย่างสบายใจ แม้จะรู้ว่าคงหลบเขาได้ไม่ตลอดแต่อย่างน้อยวันนี้เธอก็ไม่ต้องอยู่ในการควบคุมของเขา
หลังจากได้ของใช้ที่จำเป็นครบแล้วพัณณ์ชิตาก็ออกมาเรียกแท็กซี่เพื่อไปยังบ้านของบิดามารดาซึ่งปกติแล้วเธอก็จะไปที่นั่นทุกบ่ายวันเสาร์
“สวัสดีค่ะพ่อ” คุณหมอสาวทักทายบิดาซึ่งเป็นอดีตนายตำรวจใหญ่ที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่บริเวณหน้าบ้าน
“อ้าว ทำไมวันนี้นั่งแท็กซี่มาล่ะลูก รถเราไปไหนหรือรถมีปัญหา”
“พั้นช์จอดไว้ที่คอนโดค่ะ พอดีเมื่อเช้าติดรถเพื่อนไปที่โรงพยาบาลค่ะ”
“คืนนี้ค้างกับพ่อที่นี่ใช่ไหมพั้นช์”
“ค่ะพ่อ พั้นช์ขอตัวไปข้างในก่อนนะคะ”
หญิงสาวเดินเข้าในบ้านก็ยกมือสวัสดีมารดาก่อนจะเข้าไปสวมกอดอย่างประจบ
“คิดถึงแม่จังเลยค่ะ”
“แม่ก็คิดถึง เมื่อไหร่จะกลับมาอยู่บ้านล่ะพั้นช์”
“อยู่คอนโดสะดวกกว่านี่คะ อยู่บ้านแล้วโรงพยาบาลโทรตามกลางคืนกว่าพั้นช์จะขับรถไปถึงคนไข้คงคลอดก่อนพอดีค่ะ”
“ถ้าแม่รู้ว่าเรียนหมอแล้วจะไม่มีเวลาให้ครอบครัวแบบนี้แม่คงไม่ให้เรียนแต่แรก” คุณชนิตาบ่นลูกสาวคนเล็กที่กว่าจะได้เจอกันก็ต้องรอให้ถึงวันเสาร์
“อาพั้นช์!” เสียงที่ตะโกนมาจากทางหลังบ้านเหมือนเป็นระฆังช่วยชีวิตพัณณ์ชิตาออกจากเสียงบ่นของมารดาที่มักจะบ่นแบบเดิมทุกครั้งที่เธอกลับมาบ้าน
“โชกุน อาพั้นช์ไม่เจอแค่สองอาทิตย์ สูงขึ้นหรือเปล่าเนี่ย” ปกติแล้วเธอจะเจอกับหลายชายทุกสัปดาห์ แต่สัปดาห์ที่แล้วพี่สะใภ้ของเธอพาหลานชายไปเยี่ยมคุณตาคุณยายที่ต่างจังหวัดทำให้สองอาหลานไม่ได้เจอกัน
“ก็โชกุนดื่มนมแล้วก็กินผักเหมือนที่อาพั้นช์บอก” เด็กชายรีบอวด
“เก่งมากครับ” หญิงสาวกอดเด็กชายตัวกลมอย่างรักใคร่ ก่อนจะยกมือไหว้พี่ชายและพี่สะใภ้ที่เดินตามเข้ามา
“พี่นึกว่าวันนี้พั้นช์จะไม่มาซะแล้ว” พชรพูดกับน้องสาวเพราะคิดว่าเธออาจจะถูกผู้ชายที่ชื่อนิโคไลกักตัวไว้
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะพี่เพชร ไม่มีใครทำอะไรพั้นช์ได้หรอกค่ะ”
“จ้ะ แม่คนเก่ง แล้วมายังไงพี่ไม่เห็นรถเราเลย”
“นั่งแท็กซี่มาค่ะ”
“รถเสียเหรอคะน้องพั้นช์” รุจิรัตน์ถามน้องสามีด้วยความเป็นห่วง
“เปล่าค่ะพี่จิ พั้นช์จอดไว่ที่คอนโดค่ะ พรุ่งนี้ว่าจะวานให้พี่เพชรไปส่ง ได้ไหมคะ” เธอหันมาถามเจ้าตัว
“ได้สิ” ถึงแม้น้องสาวไม่ขอพชรก็คงจะอาสาไปส่งเพราะตนเองมีเรื่องจะคุยกับน้องสาวตามลำพังอยู่เหมือนกัน
บ่ายวันอาทิตย์
“พั้นช์แน่ใจได้ยังไงว่าเขาจะไม่ทำอันตรายพั้นช์ พี่ว่าช่วงนี้กลับมาอยู่ที่บ้านก่อนดีไหม”
“พั้นช์คุยกับแม่ของเขาก็เลยรู้ว่าที่เขาเป็นกังวลก็เพราะเขาเคยเสียลูกไปค่ะ”
“แต่พี่ก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ พี่ก็เห็นแล้วนี่คะว่าตอนนี้เขาไม่ตามพั้นช์แล้ว”
“แล้วอีกนานไหมกว่าหลานของเขาจะได้ออกจากโรงพยาบาล”
“ก็คงเป็นเดือนค่ะ เด็กคลอดก่อนกำหนดน้ำหนักตัวยังไม่มาก แต่พี่เพชรไม่ต้องห่วงนะคะ เรื่องนี้วางใจได้เลยพี่อัยย์เขาเป็นคนดูเด็กเองยังไงก็ไม่มีปัญหา”
“คนที่เขาตามประกบน่าจะเป็นหมออัยย์มากกว่านะเพราะเป็นคนดูแลหลานเขา แต่ทำไมเขาถึงตามพั้นช์ล่ะ”
“เขาก็ให้คนเฝ้าที่ห้องเด็กตลอดค่ะ แต่ที่เขาตามพั้นช์เพราะพั้นช์เป็นคนตัดสินใจให้ผ่าเอาเด็กออกค่ะ”
“พี่ว่าผู้ชายคนนี้แปลกๆ นะ”
“พี่เพชรอย่าห่วงเลยค่ะ พั้นช์ดูแลตัวเองได้ อีกอย่างเขาคงไม่กล้าทำอะไรพั้นช์หรอกค่ะ ดูแล้วเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร”
“เชื่อได้ที่ไหนล่ะ ให้พี่ส่งลูกน้องมาอยู่ด้วยไหม”
“อย่าเลยค่ะพี่เพชร เดี๋ยวสักพักทุกอย่างก็จะดีเอง”
“ถ้าเขาทำอะไรที่มันคุกคามเราต้องรีบบอกพี่นะ”
“แน่นอนค่ะ ถึงโรงพยาบาลแล้วพี่เพชรจอดด้านหน้าเลยค่ะ”
“แล้วจะกลับยังไงให้พี่รอรับไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ พั้นช์ไม่อยากกดดัน ถ้ารู้ว่ามีคนรอพั้นช์จะกังวล อีกอย่างพั้นช์ก็ตรวจคนไข้หลายคนด้วย ไม่รู้จะเสร็จเมื่อไหร่ เดี๋ยวพั้นช์เรียกแท็กซี่กลับเองได้ค่ะ พี่รีบไปเถอะค่ะ”
“อย่าลืมนะพั้นช์ มีอะไรต้องรีบโทรหาพี่ บอกพี่คนแรก” พชรย้ำกับน้องสาวก่อนจะขับรถออกไปด้วยความกังวล
พัณณ์ชิตารู้สึกว่าตอนนี้เธอกำลังมีสายตาหลายคู่จับจ้องอยู่ เธอเดาว่าตอนนี้เขาคงรู้แล้วว่าเธอกำลังกลับมาเขาในโรงพยาบาล แต่เธอก็ไม่สนใจ หญิงสาวราวน์ผู้ป่วยของตนจนกระทั่งมาถึงห้องสุดท้ายซึ่งเป็นห้องของคารินา
“สวัสดีค่ะ วันนี้เป็นยังไงบ้างคะ” พัณณ์ชิตาพูดกับคารินาพลางพยักหน้าให้พยาบาลที่เดินตามมาปิดผ้าม่าน เพราะตอนนี้นอกจากจะมีสามีของคนไข้อยู่ในห้องแล้วยังมีพี่ชายและมารดาของเธออยู่อีกด้วย
คุณหมอสาวตรวจร่างกายของคารินาอยู่พักใหญ่ก็เปิดผ้าม่านออกอีกครั้ง
“พรุ่งนี้ก็น่าจะกลับบ้านได้แล้วค่ะ แค่ระวังไม่ให้แผลโดนน้ำและก็สังเกตน้ำคาวปลา ถ้ามีลิ่มเลือดหรือกลิ่นที่ผิดปกติหรือมีอาการตัวร้อนก็ให้รีบมาโรงพยาบาลนะคะ”
“แต่ลูกของเคทยังอยู่ที่นะคะ เคทขออยู่ที่โรงพยาบาลจนกว่าลูกจะออกจากโรงพยาบาลได้ไหมคะ” คาริน่าไม่กลับยากกลับไปอยู่ที่บ้านทั้งๆ ที่ลูกของตนเองยังนอนอยู่ที่นี่
“คงไม่ได้หรอกค่ะ เตียงของโรงพยาบาลเรามีจำนวนจำกัดคุณเคทสามารถมาเยี่ยมลูกตามเวลาที่โรงพยาบาลกำหนด แล้วเอานมมาฝากไว้ให้ทุกวันค่ะ”
“ไม่มีห้องพักอื่นเลยเหรอคะ”
“เรื่องห้องหมอก็ไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ เอาเป็นว่าเดี๋ยวหมอจะให้เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเข้ามาคุยอีกทีนะคะว่าพอจะมีห้องของแผนกไหนที่พอจะว่างไหม”
“ขอบคุณค่ะหมอ”
“เราคงไม่รบกวนหมอพั้นช์มากเกินไปใช่ไหมจ๊ะ”
“ไม่หรอกค่ะคุณป้า พั้นช์ไม่รู้ว่าจะได้ห้องตามที่ขอหรือเปล่านะคะ” พัณณ์ชิตาบอกไปตามความจริงก่อนที่จะขอตัวกลับ
หญิงสาวรู้สึกโล่งใจที่วันนี้พี่ชายของคารินาไม่ได้คุกคามหรือทำหน้ายักษ์ใส่อย่างวันก่อน เธอคิดว่าเขาคงจะเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้นแล้ว
“หมอพั้นช์ลางานตั้งหลายวันครั้งนี้จะไปเที่ยวไหนคะ” พยาบาลหน้าห้องตรวจถามคุณหมอสาวที่มักจะใช้วันหยุดไปกับการท่องเที่ยวและมีของฝากติดไม้ติดมือมาเป็นประจำ“ครั้งนี้คิดว่าจะพักผ่อนอยู่บ้านจริงๆ ค่ะ เจอกันวันจันทร์หน้านะคะ” พัณณ์ชิตาอยากให้เวลากับนิโคไลบ้างเพราะที่ผ่านมาเธอทำแต่งานหนักมาโดยตลอดพัณณ์ชิตาบอกพยาบาลที่หน้าห้องตรวจก่อนจะรีบมาขึ้นรถซึ่งนิโคไลมารออยู่ก่อนแล้ว“เหนื่อยไหมครับ” ชายหนุ่มส่งน้ำเย็นให้เธอ เขาทำแบบนี้ทุกครั้งที่มารับคนรัก“ไม่ค่ะ ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวรับน้ำมาดื่มจากนั้นทั้งสองคนก็ไปทานอาหารเย็นด้วยกันที่ร้านประจำซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างจากเพนท์เฮาส์“ผมขอทำงานต่ออีกนิดนะครับ” นิโคไลบอกคนรักเมื่อมาถึงบนห้อง“ได้ค่ะ”พัณณ์ชิตากลับมายังห้องนอนยังไม่ทันได้เข้าห้องน้ำก็มีข้อความจากหมอปิญชาน์แจ้งผลการตรวจเลือดและนั่นก็ทำให้เธอยิ้มออก ไม่ใช่แค่ผลจากหมอปิญชาน์ แต่เธอยังไม่ตรวจที่อื่นมาแล้วเมื่อตอนบ่าย หญิงสาวยิ้มด้วยความดีใจที่ทุกอย่างมันผ่านไปได้ เธออาบน้ำอย่างสบายใจจนลืมไปว่านิโคไลก็รอฟังผลเลือดอยู่เหมือนกันเมื่อนึกได้ว่ายังไม่ได้บอกข่าวดีกับเขาก็รีบอาบน้ำและแต่งตัวอย่างรวดเร็ว แต
วันนี้พัณณ์ชิตามาเจาะเลือดที่คลินิกของหมอปิญชาน์หลังจากที่ทานยาครบ 28 วันแล้ว ไม่ว่าผลการตรวจเลือดจะออกมายังไงนิโคไลก็ยังยืนเหมือนเดิมว่าเขาจะแต่งงานกับเธอซึ่งเหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งเดือนแล้ว “เดี๋ยวพี่จะเอาเลือดไปส่งเอง พั้นช์ไปรอฟังผลที่บ้านก็ได้นะ” “นานไหมครับหมอ” นิโคไลถาม “ไม่เกิน 2 ชั่วโมงครับ” “ถ้าผลเป็นลบก็หยุดยาแล้วมาตรวจซ้ำอีกครั้งหลังจากวันนี้อีกสองเดือน” “แล้วถ้าผลเป็นบวกล่ะครับ” “ถ้าผลเป็นบกต้องตรวจเพิ่มว่าระดับเชื้อมีมากน้อยแค่ไหนจากนั้นก็จะเริ่มทานต้านเชื้อครับ แต่ผมว่าดูแล้วโอกาสที่จะติดเชื้อแทบไม่มีเลย พั้นช์ก็อาการปกติดี” “ขอบคุณครับหมอชาน์” “พั้นช์ออกไปรอข้างนอกก่อนได้ไหม พี่ขอปรึกษาอะไรคุณนิคสักหน่อย” ปิญชาน์บอกคุณหมอรุ่นน้อง “ขอพั้นช์ฟังด้วยไม่ได้เหรอคะ” “มันเป็นเรื่องของผู้ชายพั้นช์อย่าฟังเลย” “ก็ได้ค่ะ” พัณณ์ชิตาเดินออกไปแล้วปิญชาน์ก็ให้คำแนะนำเพิ่มเติมกับนิโคไลเพราะรู้ว่าผู้ชายทุกคนนั้นมีความต้องการในเรื่องอย่างว่า “ขอบคุณค
“เป็นอะไรหรือเปล่าพั้นช์” นิโคไลถามคนรักทันทีที่เธอขึ้นมานั่งบนรถ “มีเรื่องเครียดนิดหน่อยค่ะ” “ผมช่วยอะไรได้ไหมครับ” “ใครก็ช่วยไม่ได้หรอกค่ะ” “ผมไม่รู้ว่าปัญหามันคืออะไร ถึงผมช่วยไม่ได้แต่ให้กำลังใจพั้นช์ได้ใช่ไหมครับ” เขาจับมือเล็กๆ ขึ้นมาแล้วจูบไปบนหลังมือเบาๆ “ขอบคุณค่ะนิค เรารีบกลับเถอะค่ะพั้นช์เหนื่อยมากอยากนอนพักแล้ว” “พั้นช์หลับเลยก็ได้นะครับ” พัณณ์ชิตาหลับตาลงช้าๆ เธอไม่ได้เหนื่อยอย่างที่พูดเลยสักนิดแต่เธอกำลังเครียดกับปัญหาที่ตนเองกำลังเผชิญอยู่และก็ไม่รู้เลยว่าจะเริ่มพูดกับเขายังไง “ที่รักถึงแล้วถ้าไม่ไหวให้ผมอุ้มไปนะ” “ไม่เป็นค่ะนิค พั้นช์ไหว” พอมาถึงบนห้องก็รีบอาบน้ำและเข้านอนซึ่งนิโคไลก็เข้าใจว่าคนรักเหนื่อยจากการทำงานจริงๆ เพราะเมื่อเช้าเธอบอกเขาว่าวันนี้มีผ่าตัดถึงสามเคสด้วยกัน ชายหนุ่มนั่งทำงานต่ออีกพักใหญ่ก่อนจะอาบน้ำและเข้านอนตามเธอไป พัณณ์ชิตายังนอนไม่หลับเพราะเอาแต่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ระหว่างรอผลเลือดหนึ่งเดือนนี้เธอต้องหาทางอยู่ห่างจากเขาให้ม
อีกไม่ถึงสองเดือนก็จะถึงงานแต่งงานแล้ว การเตรียมงานเป็นไปตามแผนที่คิดไว้ ทั้งสองคนเลือกไปถ่ายพรีเวดดิ้งที่ภูเก็ตเพราะที่นั่นเป็นจุดที่ทั้งสองตกลงใช่ชีวิตร่วมกัน ตอนนี้ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้วเหลือแค่รอเวลาเพียงเท่านั้น พัณณ์ชิตายังคงทำงานอย่างเดิมแต่ก็วางแผนไว้แล้วว่าหลังแต่งงานเธอจะรับขึ้นเวรให้น้อยลงเพราะอย่างแบ่งเวลาให้กับครอบครัว ซึ่งเรื่องนี้นิโคไลก็ให้เธอเป็นคนตัดสินใจเอง ส่วนเขาก็ยังคงทำงานที่บริษัทของตนเองและบิดาที่ย้ายออฟฟิศมาไว้ที่ตึกฝั่งตรงข้ามกับโรงพยาบาล “หมอพั้นช์ไหวไหมคะ” พยาบาลประจำห้องผ่าตัดถามเธอขึ้นเพราะวันนี้พัณณ์ชิตาผ่าตัดไปถึงสามเคสและเคสสุดท้ายเป็นที่ค่อนข้างหนักเพราะคนไข้มีเชื้อ HIV แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี” “ไหวค่ะพี่ไก่” “หมอพั้นช์อึดมากๆ เลยนะคะ” “พี่ไก่เหมือนกันนะคะ ถ้าไม่ได้พี่พั้นช์ก็คงแย่” เพราะพี่ไก่หรือปัทมานั้นเป็นพยาบาลที่คอยส่งเครื่องมือให้เธอในห้องผ่าตัด ทั้งสองทำงานเข้าขากันดี บางครั้งเธอแทบไม่ต้องบอกพี่พยาบาลก็หยิบเครื่องมือมารออยู่แล้ว “พี่ดูตารางผ่าตัดแล้ว เดือนนี้หมอพั
กลับมาถึงเมืองไทยชีวิตของพัณณ์ชิตาก็ดำเนินต่อไปตามปกติ ในทุกๆ วันนิโคไลจะคอยตามรับส่งจนใครๆ ต่างก็พากันอิจฉา แม้ว่าต้องทำงานบริษัทของตนเองและบิดาแต่นิโคไลก็บริหารเวลาได้ดี “พั้นช์ครับ ผมแต่งตัวโอเคไหม” “หล่อแล้วค่ะ” พัณณ์ชิตามองคนรักที่วันนี้เขาเลือกสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวต่างจากวันปกติที่มักจะสวมแต่สีโทนมืด “มันดูเข้ากับคุณไหม” “เข้าสิคะ นิคคะคุณไม่จำเป็นต้องแต่งตัวให้เข้ากับพั้นช์หรอกนะคะ แต่แบบเดิมก็ดีอยู่แล้ว” “ผมอยากเปลี่ยนตัวเองบ้าง เบื่อแล้วสีมืดๆ ดูไม่สดชื่นเลย แล้วผมก็อยากดูดีในสายตาของเพื่อนคุณ”วันนี้พัณณ์ชิตานัดทานอาหารกับเพื่อนซึ่งบังเอิญว่าเข้ามาประชุมวิชาการกันที่กรุงเทพหญิงสาวจึงนัดทานอาหารเย็นกับทุกคนและเธอก็ตั้งใจจะบอกข่าวดีให้เพื่อนๆ ได้ทราบ“เราต้องเตรียมการ์ดไปให้เพื่อนๆ ไหมครับ”“พั้นช์เอาใส่กระเป๋าไว้แล้ว ไปกันเถอะค่ะ”“เดี๋ยวสิ ลืมอะไรหรือเปล่า”“ไม่นะคะ หญิงสาวเปิดกระเป๋าถือของตนเองเช็กแล้วว่าด้านในมีการ์ดแต่งงาน โทรศัพท์รวมทั้งกระเป๋าเงินอยู่ครบแล้ว“ผมไม่ได้หมายถึงของในกระเป๋า”“แล้วหมายถึงอะไรล่ะคะ” หญิ
สายของวันใหม่พัณณ์ชิตาถึงรู้สึกตัวตื่น เมื่อคืนทั้งเธอและคนรักต่างกระโจนเข้าหากันครั้งแล้วครั้งเล่า หญิงสาวไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะมีเรี่ยวแรงตอบสนองเขาได้มากขนาดนั้น เธอไม่รู้ว่ามันมากไปหรือเปล่าเพราะไม่เคยมีประสบการณ์กับคนอื่นมาก่อน แต่ถ้าถามว่ามีความสุขไหมคุณหมอสาวก็ตอบได้อย่างไม่อายเลยว่ามันมีความสุขมาก สุขจนนึกว่าทุกอย่างเป็นความฝัน เธอนึกไม่ออกเลยว่าเมื่อวานถ้านิโคไลกลับมาไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง ถึงแม้จะยิงอังเดรไปแล้วแต่ก็ยังมีลูกน้องของเขาที่รออยู่ทางด้านนอกอีกอย่างน้อยสองคน “โทรศัพท์” พัณณ์ชิตานึกได้ว่าเมื่อวานได้อัดเสียงสนทนาไว้ จึงรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ก็ต้องทรุดลงข้างเตียงเพราะขาเธอแทบมีแรงอีกทั้งยังปวดร้าวไปทั้งตัว “โอ๊ยยย...” “พั้นช์ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” นิโคไลที่เดินขึ้นมาบนห้องนอนพอได้ยินเสียงก็รีบเข้ามาพยุงเธอขึ้นมานั่งบนเตียง “นิคคะ โทรศัพท์ของพั้นช์อยู่ที่ห้องรับแขก ช่วยไปเอาให้หน่อยได้ไหมคะ” “ผมเห็นแล้วแต่แบตมันหมดตอนนี้ชาร์ตอยู่ เดี๋ยวผมเอามาให้แบตน่าจะเต็มแล้ว” พัณณ์ชิตานั่ง