Home / รักโบราณ / หมอปีศาจพันหน้า / ได้รับความช่วยเหลือ

Share

ได้รับความช่วยเหลือ

last update Last Updated: 2025-02-07 19:14:49

ไม่รู้ว่าเวลาผันผ่านไปนานเท่าไร หลินจื่อเยว่รู้สึกขึ้นอีกครั้งพร้อมกับอาการปวดที่แล่นริ้วไปทั่วสรรพางค์กาย ความเจ็บปวดที่ได้รับไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ถูก แขนขาก็ขยับไม่ได้  หญิงสาวจึงคิดไปว่า มันน่าจะเป็นผลมาจากแรงอัดของระเบิดที่เกิดขึ้น นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ ทว่ากลับพบเข้ากับสีเขียวของใบไม้มากมายที่อยู่เบื้องหน้า ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นแบบนั้นได้

ก่อนที่สติสุดท้ายจะดับวูบไป หลินจื่อเยว่จำได้ว่าแรงระเบิดที่ห้องทดลองนั้นรุนแรงพอสมควร เธอเห็นร่างนักวิจัยรุ่นน้องกระเด็นไปอีกทาง เช่นนั้นเมื่อตื่นมาสิ่งที่นางต้องเจอถ้าไม่ใช้ฝ้าเพดานสีขาวของโรงพยาบาล ก็น่าจะต้องเป็นเศษซากของห้องทดลอง ทว่าสิ่งที่เห็นอยู่ตอนนี้มันห่างไกลจากสิ่งที่คิดเอาไว้ไปมาก

หลินจื่อเยว่หลับตาลงอีกครั้ง เพราะตอนนี้ความเจ็บปวดทำให้นางรู้สึกทรมานอย่างที่ไม่อาจทนได้ไหว อาศัยความเป็นหมอที่มีความสามารถทั้งในเรื่องการแพทย์แผนโบราณและแผนปัจจุบันประเมินอาการตัวเอง ซึ่งทำให้พอรู้ว่าแขนขาที่ขยับไม่ได้น่าจะเพราะหัก 

ทว่ารุนแรงแค่ไหนนางก็ไม่รู้ได้ และสิ่งที่นางควรทำในตอนนี้คือหาคนช่วย นางพยายามกดข่มความเจ็บปวดเอาไว้แล้วพยายามเปล่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ หวังใจว่าคงมีใครผ่านมาได้ยินบ้าง

“ชะ...ช่วย...ช่วยด้วย ช่วย...ช่วยฉันด้วย” น้ำเสียงแหบแห้งช่างเบาหวิว 

และทันทีที่นางเปล่งเสียง ราวกับมันไปกระตุ้นความเจ็บปวดให้ลุกโหมขึ้นมาอีก เรียวปากอิ่มที่ยามนี้ซีดขาวราวกระดาษเม้มเข้าหากันแน่น กระนั้นก็ยังพยายามร้องให้คนช่วยอยู่

หลินจื่อเยว่ร้องขอให้คนช่วยเรื่อย ๆ แม้ความเจ็บปวดจะทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ ก็ตาม 

สวบ~ สวบ~

ขณะที่กำลังจะร้องให้คนช่วยอีกครั้ง พลันก็ได้ยินเสียงคล้ายคนเดินอยู่ไม่ไกลมากนัก หลินจื่อเยว่จึงรวบรวมแรงฮึดสุดท้ายแล้วเปล่งเสียงร้องให้ดังขึ้นกว่าเดิม

อีกด้านหนึ่งกลุ่มชาวบ้านหญิงชายสี่ห้าคน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีสองป้าหลานแซ่อวิ๋นรวมอยู่ด้วยเดินออกมาจากในป่าเพื่อกลับเข้าหมู่บ้าน 

“ท่านป้า ได้ยินเสียงหรือไม่ขอรับ” อวิ๋นโม่กระตุกชายเสื้อผู้เป็นป้าเมื่อได้ยินเสียงคล้ายกับคนร้อง

“ได้ยินสิ เสียงใบไม้ที่เจ้าเหยียบนี่ไง” อวิ๋นหลานเอ่ยตอบหลานชายวัยสิบสองหนาวด้วยท่าทีขบขัน

“ไม่ใช่ขอรับ เสียงคนขอรับ” 

สิ้นเสียงของอวิ๋นโม่ อว็นหลานรวมถึงเพื่อนบ้านอีกสามคนต่างหยุดชะงักแล้วหันมองหน้ากัน ก่อนจะหันมองไปทางอวิ๋นโม่อีกครั้ง ซึ่งอวิ๋นโม่ก็พยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงยืนยันคำพูดของตัวเอง

“ชะ...ช่วย...ช่วยด้วย”

เสียงร้องขอความช่วยเหลือแว่วมาตามลมเบา ๆ ทำให้ทั้งห้าคนหันมองไปรอบ ๆ 

“เอ๋ นั่นเสียงคนใช่ไหม พวกเจ้าฟังสิ” หญิงคนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้น เพราะนางมั่นใจว่านางมิได้หูแว่วหูฝาดเป็นแน่

“ข้าก็ได้ยิน แต่เสียงมาจากทางใดกันเล่า” 

หลังบุรุษหนุ่มวัยสี่สิบหนาวพูดจบ ทุกคนก็เงียบลงอีกครั้งเพื่อที่จะได้รู้ทิศทางที่มาของเสียงนั้น 

“ชะ...ช่วย...ช่วยด้วย”

“ทางนั้นขอรับท่านลุง ท่านป้า ทางนั้น” อวิ๋นโม่ชี้ไม้ชี้มือไปทางทิศหนึ่ง 

ทั้งห้าคนเดินไปตามทิศทางที่อวิ๋นโม่บอก ก่อนจะพบกับร่างอรชรในอาภรณ์สีขาวราวกับพวกบัณฑิต เสื้อผ้าขาดวิ่นคาดว่าคงเพราะโดนกิ่งไม้เกี่ยว ใบหน้ามีบาดแผลเล็กน้อย พร้อมกับแขนขาที่มีบางส่วนผิดรูปไป

“เจ้าดูซิอาโม่ว่า นางยังหายใจอยู่หรือเปล่า”

อวิ๋นโม่พยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ ๆ แล้วยกมือขึ้นใช้ก้านนิ้วอังไปตรงจมูก ก่อนจะชักกลับด้วยความตกใจ เมื่อจู่ ๆ ร่างตรงหน้าก็เอ่ยพูดออกมา

“ชะ...ช่วย...ช่วยด้วย ช่วย...ช่วยฉันด้วย” น้ำเสียงแหบแห้งและเบาราวกับกระซิบ กระนั้นอวิ๋นโม่ที่อยู่ใกล้มาก ๆ ก็ยังได้ยินมันอย่างชัดเจน

“ท่าน...ท่านป้า นางยังมิตายขอรับ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นทุกคนจึงเดินเข้ามาดูใกล้ ๆ ก่อนจะตัดสินใจพานางกลับไปยังหมู่บ้านเสียก่อน อย่างน้อย ๆ ก็รอให้นางฟื้นคืนสติดี จะได้ถามไถ่ที่มาที่ไป และเหตุใดจึงมานอนเจ็บอยู่ที่ตรงนั้น

หมู่บ้านเหลิ่งซาน

ภายในหมู่บ้านที่เงียบสงบ บัดนี้ชาวบ้านต่างพากันยืนออล้อมวงมุงอยู่บริเวณหน้าบ้านป้าหลานแซ่อวิ๋น เพราะเหตุการณ์เช่นที่มีการพาคนแปลกหน้าเข้ามาในหมู่บ้านแห่งนี้มีไม่บ่อยนัก เนื่องจากเป็นหมู่บ้านปิด ยิ่งรู้ว่าคนแปลกหน้าเป็นสตรีด้วยแล้ว ทุกคนจึงให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

เช่นเดียวกันกับผู้นำหมู่บ้านเดินทางมาที่บ้านสองป้าหลานแซ่อวิ๋น หลังจากรับรู้ว่าลูกบ้านซึ่งเข้าไปหาของป่าพบเจอสตรีแปลกหน้าบาดเจ็บ และพากลับเข้ามาในหมู่บ้านเหลิ่งซาน ซึ่งมีเหตุการณ์เช่นนี้ไม่บ่อยนัก โดยที่พวกเขาให้สตรีผู้นั้นพักอาศัยที่บ้านของป้าหลานแซ่อวิ๋น

“ป้าอวิ๋น เรื่องเป็นมาเช่นไรเล่า” ผู้นำหมู่บ้านเอ่ยถามขึ้นพลางมองไปยังร่างบางที่นอนไม่ได้สติอยู่บนแคร่ไม้ไผ่

“พวกข้าไปพบนางที่ตีนเขาเจ้าค่ะ เห็นนางเจ็บหนักก็นึกสงสาร ตั้งใจว่าพอนางฟื้นค่อยให้นางออกไปเจ้าค่ะท่านผู้นำ”

“อืม ดูแล้วน่าสงสารจริง และคงเจ็บหนักไม่น้อย แต่อย่างไรป้าอวิ๋นก็ระวังตัวด้วย แม้นางจะเป็นสตรี หากแต่ก็แปลกหน้าแปลกตา อย่าได้ไว้ใจ พวกเจ้าก็ช่วยเป็นหูเป็นตาด้วยเล่า” ปลายประโยคผู้นำหมู่บ้านหันไปบอกลูกบ้านที่ต่างมามุงดูอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

การปรากฏตัวของหลินจื่อเยว่ทำให้ชาวบ้านที่สงสัยใคร่รู้ต่างพากันมาดู บ้างก็นำสมุนไพรมาให้สองป้าหลานแซ่อวิ๋นใช้รักษาคนเจ็บ

“หน้าตาผิวพรรณพี่สาวดูดี ไม่เหมือนชาวบ้านเช่นเรานะขอรับท่านป้า” อวิ๋นโม่หันไปคุยกับผู้เป็นป้า

“ข้าก็คิดเช่นนั้น เสื้อผ้าที่นางสวมเป็นผ้าแพรมีราคา คงเป็นคุณหนูจากที่ไหนสักที่”

“คุณหนูสูงศักดิ์จะเข้าป่ามาทำไมกันเล่าท่านป้า ท่านช่างเลอะเลือนโดยแท้” 

“หน็อย อาโม่ เดี๋ยวนี้เจ้าไม่เห็นแก่หัวหงอกหัวดำแล้วสินะ”

สองป้าหลานนั่งทานอาหารไปด้วยกัน โดยระหว่างที่หญิงสาวปริศนายังไม่ฟื้น อวิ๋นหลานและอวิ๋นโม่ก็คอยดูแลนางเป็นอย่างดี 

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หมอปีศาจพันหน้า   บทส่งท้าย ครอบครัวสุขสันต์

    เรื่องราวจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างเซี่ยวจวินและหลินจื่อเยว่ ถูกบอกเล่าให้กับเหล่าศิษย์พี่ทุกคนได้ฟังในค่ำคืนที่พวกเขาจัดงานฉลองต้อนรับหลานคนแรกของสำนักเจินเฉียงลุกมานั่งข้างเซี่ยวจวินพลางยกมือขึ้นตบไหล่เขาปุ ๆ อย่างเห็นใจ “น้องเขย ศิษย์น้องข้าผู้นี้นิสัยห่างไกลความเป็นสตรีปกติ ข้าเล่าเห็นใจเจ้าเสียจริง”“ใช่ ๆ พวกข้าเองก็เห็นใจเจ้า”“ศิษย์พี่ทั้งหลายรักข้าเสียจริง พากันเห็นใจบุรุษด้วยกัน ไยมิเห็นใจข้าบ้างเล่าที่มีสามีโดยที่ตอนนั้นมิรู้ว่าเขาชื่อเสียงเรียงนามอันใด”บุรุษทั้งเก้าคนพากันส่ายหน้าให้ เพราะไม่ได้รู้สึกเห็นใจสตรีเช่นศิษย์น้องเล็กอย่างที่นางเรียกร้องเลยแม้แต่น้อย“พวกท่านมิต้องเห็นใจข้าก็ได้ เพราะข้ายินยอมนางเอง มิได้ขัดขืนยามนางลุกขึ้นมาปลุกปล้ำข้า...”เพียะฝ่ามือเรียวฟาดลงบนต้นแขนแกร่งของสามีมิคิดถนอมแรง ใจจริงอยากจะแทรกกำลังภายในเข้าไปด้วยเสียด้วยซ้ำ ที่นำเรื่องน่าอายเช่นนี้ออกมาบอกเล่า ก่อนที่หลินจื่อเยว่จะหนีอุ้มเอาหลินเสวี่ยอี้เข้าไปนอนเสีย ปล่อยให้บรรดาบุรุษได้นั่ง

  • หมอปีศาจพันหน้า   กลับหุบเขาเทวะ

    เทศกาลหยวนเซียวครึกครื้นไปด้วยผู้คนที่พากันออกมาชมโคมไฟกันยังจัตุรัสกลางเมืองหลวง โคมไฟกระดาษที่ถูกบรรจงเขียนภาพหรือคำกลอนขึ้นลอยไปบนฟ้ายามค่ำคืน จนทั่วนภาสว่างโร่มิต่างจากกลางวันมากมายนักเซี่ยวจวินพาหลินจื่อเยว่และหลินเสวี่ยอี้มาหยุดยืนกลางสะพาน ในมือมีโคมไฟที่เป็นรูปครอบครัวนกพิราบเผือกสีขาวนวลสามตัวเกาะอยู่บนกิ่งไม้“นกพิราบเป็นตัวแทนสันติภาพ” หลินจื่อเยว่เอ่ยขึ้นขณะทอดมองสายตาไปยังโคมไฟของพวกเขาที่ค่อย ๆ ลอยสูงขึ้น“ไม่ผิด หากแต่นกพิราบสามตัวนี้กำลังเกาะอยู่บนกิ่งไม้ ตัวผู้และตัวเมียกระพือปีกป้องลูกน้อย ข้ามองมันแทนตัวพวกเรา มีข้า มีเจ้า มีเสวี่ยอี้โผบินไปบนท้องนภาอย่างอิสระนับจากนี้”“โหราจารย์เอกแห่งวังหลวงมีคารมคมคายเช่นนี้เลยหรือ มิน่าทำให้องค์หญิงหลงใหลได้ถึงเพียงนั้น”หลินจื่อเยว่เอ่ยแซว กว่าเรื่องราวขององค์หญิงหลี่หรงเอ๋อร์จะจบลง นางแทบจะกลายร่างเป็นนางมารวันละสิบครั้ง ทว่าได้ฮ่องเต้หลี่เซียนและองค์รัชทายาทช่วยปรามจนนางถอดใจไป ก่อนจะถูกส่งตัวไปอภิเษกกับองค์ชายต่างแคว้นเพื่อเชื่อมสัมพันธ์สตรีด้วยกันม

  • หมอปีศาจพันหน้า   สานสัมพันธ์ลึกซึ้ง

    เซี่ยวจวินอุ้มพาภรรยามาวางบนเตียงก่อนจะตามขึ้นไปคร่อมร่างเล็กเอาไว้ สายตาคู่คมไล่มองสำรวจเรือนร่างงดงามขาวผ่องไปทุกส่วนก่อนจะจับปลายเท้าเรียวขึ้นมาแล้วจรดจุมพิตไปบนหลังเท้าขาวสะอาดแผ่วเบา ยิ่งทำให้หัวใจของหลินจื่อเยว่เต้นรัวแรงหนักกว่าเดิม แม้นจะอยากดึงเท้ากลับ ทว่าก็มิอาจทำได้ เนื่องจากเซี่ยวจวินมิยอมปล่อยริมฝีปากหยักไล่พรมจูบขึ้นมาตั้งแต่ปลายเท้า ท่อนขา จนมาถึงต้นขาด้านใน เซี่ยวจวินขบเม้มมันเบา ๆ จนเกิดรอยสีกุหลาบ เซี่ยวจวินผละใบหน้าออกมาแล้วสบมองดวงตาคู่สวยครู่หนึ่ง จังหวะเดียวกันก็สอดก้านนิ้วแกร่งยาวเรียวชำแรกแทรกเข้าไปในกลีบผงางาม เรียกเสียงครางหวานจากคนตัวเล็กได้เป็นอย่างดีเซี่ยวจวินมิได้หยุดเพียงเท่านั้น ยังคงโน้มลงไปตวัดดูดดึงยอดปทุมสีหวานราวกับมันเป็นของหวานเลิศรสจากสวรรค์ก็ไม่ปาน“ภรรยาข้างดงามและหอมหวานเสียจริง”“อึก ท่านพี่”ความร้อนในกายแล่นปลาบไปทั่วเรือนร่าง ยิ่งยามที่ลิ้นของสามีดูดึงยอดปทุม คล้ายกับความร้อนยิ่งเพิ่มสูงขึ้นจนกายบางบิดเร่าไปมา ยิ่งก้านนิ้วที่สอดแทรกเข้าไปภายในกายขยับเข้าออกในจังหวะท

  • หมอปีศาจพันหน้า   สามีภรรยารักใคร่กลมเกลียว

    วันต่อมาเซี่ยวจวินเดินทางเข้าวังตั้งแต่ช่วงเช้าพร้อมด้วยหลินจื่อเยว่ หากแต่วันนี้บุตรชายมิได้มาด้วย เพราะเจ้าตัวอยากไปเที่ยวตลาดกับท่านป้าอาเยียนหลังจากได้เผยความรู้สึกของกันและกันให้ได้รับรู้ และทำการแยกห้องนอนกับหลินเสวี่ยอี้ ทั้งสองก็ช่วยกันทำงาน ให้คำปรึกษากันและกันในทุกเรื่อง แม้ว่าเซี่ยวจวินจะยกอำนาจการตัดสินใจเรื่องภายในจวนให้กับหลินจื่อเยว่ ทว่านางก็ยังถามไถ่จากพ่อบ้าน ด้วยว่าที่ผ่านเขาเป็นคนดูแลจวนนี้มาตลอดเมื่อเข้ามาถึงวังหลวงทั้งเซี่ยวจวินและหลินจื่อเยว่ก็ตรงไปยังตำหนักหลงเสวียนทันที เหิงกงกงยังคงต้อนรับทั้งสองด้วยใบหน้าแย้มยิ้มปรีดา เพราะนับจากวันที่หลินจื่อเยว่แนะนำให้หลี่เซียนแช่น้ำสมุนไพรเพื่อขับพิษ ดูเหมือนหลี่เซียนก็ค่อย ๆ แข็งแรงขึ้น“เซี่ยวจวินหรือ มา ๆ เข้ามา” เสียงของหลี่เซียนดูสดใสขึ้น“เซี่ยวจวินถวายพระพรฝ่าบาท”“จื่อเยว่ถวายพระพรฝ่าบาท”ทั้งสองเอ่ยขึ้นพลางยอบกาบย่อตัวลงคารวะตามพิธีการ“นั่งเถอะ”“พระอาการเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท&rdqu

  • หมอปีศาจพันหน้า   ยอมรับสามีคนนี้

    เซี่ยวจวินตั้งใจมอบหมายงานให้กับคนอื่นดูแลต่อจากนี้ แน่นอนว่านอกจากเขาและจางหมิ่นแล้วยังมีโหราจารย์อีกท่านที่เชี่ยวชาญการทำนายดวงชะตา และพยากรณ์ความเป็นไปของบ้านเมืองได้ขณะที่เซี่ยวจวินเข้าไปจัดการงานที่เหลือเพื่อมอบหมายให้คนอื่นหลังจากนี้ หลินจื่อเยว่และหลินเสวี่ยอี้ก็พากันเดินชมสวนใกล้ ๆ กลิ่นหอมของดอกไม้นานาพรรณเรียกรอยยิ้มจากใบหน้างามได้เป็นอย่างดี นางยืนมองบุตรชายวิ่งไล่จับผีเสื้อที่เข้ามาดูดน้ำหวานจากเกสรทว่าขณะเดียวกันนั้นกลับก็ปรากฏสตรีในอาภรณ์งามสง่าบ่งบอกว่านางเป็นสตรีสูงศักดิ์เดินเข้ามา หลินจื่อเยว่จึงทำเพียงดึงบุตรชายให้หลบทาง แล้วก้มหน้าก้มตาลง“วังหลวงหาใช่สถานที่ที่ใครจะเข้าออกได้ มิทราบว่าแม่นางคือผู้ใดกัน เปิ่นกงมิเคยเห็นหน้ามาก่อน”หลี่หรงเอ๋อร์ทราบจากนางกำนัลว่าเจอเซี่ยวจวินเข้ามาในวังหลวง จึงเร่งแต่งกายแล้วรีบมาหา กระทั่งมาเจอหนึ่งเด็กหนึ่งสตรีแปลกหน้า“องค์หญิง”เสียงทุ้มของเซี่ยวจวินดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้หลี่หรงเอ๋อร์ซึ่งกำลังไม่พอใจที่นางถามหลินจื่อเยว่แต่กลับไม่ได้คำตอบ

  • หมอปีศาจพันหน้า   หวั่นไหว

    เวลาผ่านไปค่อนคืนจนดึกสงัดแล้ว ทว่าร่างสูงที่นอนอยู่บนตั่งเตียงยังคงพลิกกายไปมาสลับซ้ายขวา จนสุดท้ายต้องผุดลุกขึ้นนั่ง แล้วถอนหายใจออกมาแรง ๆ เฮือกหนึ่ง เซี่ยวจวินผุดลุกขึ้นแล้วเปิดประตูเพื่อออกไปข้างนอก ภายในจวนยามนี้เงียบสงัดได้ยินเพียงเสียงลมยามราตรีที่พัดโบกต้นไม้ใบหน้าให้เสียดสีกันไปมา เท้าแกร่งเดินไปหยุดอยู่หน้าเรือนหมิงเยว่ แล้วถอนหายใจออกมาอีกรอบ ขณะที่ตั้งท่าจะหันหลังกลับ ประตูเรือนหมิงเยว่ก็ถูกเปิดออกมา“เซี่ยวจวิน เป็นท่านหรือ” หลินจื่อเยว่ซึ่งตื่นมาดูบุตรชายก็หลับไม่ลงอีก จึงตั้งใจว่าจะออกมาเดินเล่น แต่ไม่คิดว่าจะเจอใครอีกคนยืนอยู่“เป็นข้าเอง เจ้าออกมาทำไมกัน”“ข้าสิต้องถามท่าน ท่านมายืนตรงนี้ทำไม” หลินจื่อเยว่เดินเข้ามาหยุดยืนใกล้ ๆ“ข้า... เอ่อ... ข้าเพียงแค่... เฮ้อ ข้านอนไม่หลับ ก่อนหน้านี้บนรถม้ามีเจ้ากับเสวี่ยอี้นอนด้วยตลอด พอต้องกลับมานอนคนเดียวข้าเลยไม่ชิน”“...”“ข้าขอนอนด้วยได้หรือไม่”เซี่ยวจวินเอ่ยถามออกไปตรง ๆ และกว่าหลิ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status