จากนั้นจึงลุกมุ่งไปยังโต๊ะของเหล่ารุ่นพี่หมอปีห้า ที่ยัยมีนบอกไว้ เดินผ่านเบียดเสียดคนมากมาย บางคนก็ดูเหมือนจะรู้จักฉันอยู่บ้างพยายามจะเดินเข้าหา แต่ฉันก็ยกแก้วเป็นการปฏิเสธไปด้วยหน้าตาเรียบเฉย
เมื่อแหวกฝูงชนจนมาถึงโต๊ะ ก็เห็นยัยมีนยืนคุยจ้อกับบรรดาหนุ่มๆ อย่างสนุก เอาเถอะปล่อยนางสักวัน อกหักมาก็แทบตาบวมมาหลายวัน ส่วนยัยกุ้กก็นั่งตัวแข็งทื่อราวกับหลักกิโล นางคงทำตัวไม่ถูกสินะ ส่วนบรรดารุ่นพี่ในโต๊ะนั้นมี สามคน อืม...ก็สมควรที่ยัยมีนจะโดนตกง่าย ๆ แต่ละคนดูหล่อ สะอาดเนี้ยบ เข้าท่าอยู่ ยัยมีนคงสนใจรุ่นพี่คนที่ยืนคุยด้วยกันนั่นสินะ อีกคนผมยาวมัดรวบแอบเห็นเหล่ไปมองยัยกุ้กอยู่เหมือนกัน แต่อีกคนนี่สิเอาแต่ควงแก้วเหล้าดื่มเงียบๆเหมือนไม่ได้สนใจวงสนทนาเท่าไหร่ ยอมรับว่าคนนี้ดูหล่อสุดๆ และเป็นจุดสนใจของโต๊ะนี้ เพราะไม่ว่าจะมองไปสาว ๆ โต๊ะไหน ก็ต้องมีเหล่มามองเขาตลอดทั้งนั้น
“ยัยมีน กุ้ก” สิ้นเสียงเรียก ยัยมีนหันหลังมากวักมือยกใหญ่ ส่วนกุ้กนั้นก็ฉีกยิ้มราวกับเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ เหนื่อยหน่อยนะกุ้ก
“โทษที พอดีไปเอาเครื่องดื่มนิดหน่อย” หลังจากกระซิบข้างหูยัยมีนแล้ว ฉันก็นั่งลงโซฟาข้าง ๆ รุ่นพี่ที่ดื่มเงียบๆ เขาคงไม่มาสนใจฉันหรอก
“สวัสดีค่ะ เห็นมีนบอกว่าพวกพี่เป็นรุ่นพี่เรียนหมอปีห้าสินะคะ ต้องขอโทษที่เพื่อนมารบกวนพี่ๆ ที่โต๊ะ” ฉันเอ่ยพอเป็นมารยาท ทันใดนั้นยัยมีนก็หันมาค้อนใส่ฉัน ส่วนกุ้กก็แอบหัวเราะเบาๆ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ คนเยอะสนุกดีครับ” รุ่นพี่คนที่ยืนอยู่เอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าพวกรุ่นพี่สั่งเครื่องดื่มมาเพิ่ม พวกเราจะช่วยแชร์นะคะ ไม่มานั่งทานฟรีแน่นอนค่ะ” ฉันพูดพลางจิบเหล้าในมือไป ก้มหน้าเล่นมือถือต่อเงียบๆ
“นี่ใช่น้องแจนวิศวกรรมเครื่องกลรึเปล่าครับ” คนผมยาวรวบผมเอ่ยถาม
“ใช่ค่ะ รู้จักด้วยเหรอคะ”
“ทำไมจะไม่รู้จักครับ ดังจะตายไป” สิ้นคำรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ก็หันมาพยักหน้า หงึกๆ
“ดังเหรอ ทำไมฉันไม่รู้จัก” รุ่นพี่ที่ก้มหน้าเล่นมือถือกลับเอ่ยออกมาทั้งที่ไม่เงยหน้ามองด้วยซ้ำ
“แกจะรู้อะไร วันๆ สิงอยู่แต่ในวอร์ด เพื่อนฝูงคุยกันก็หาว่าเรื่องไร้สาระ ข่าวสารโลกภายนอกก็ไม่รู้ห่าเหวอะไร คนดังอย่างแกเข้าถึงยากจะตายห่า”
“รุ่นพี่คนนี้ดังเหรอคะ พี่เขาดังเรื่องอะไรคะ” ฉันเอ่ยออกมา เพราะไม่รู้จริงๆ คนที่เหลือก็มองมาที่ฉัน แทบจะสำลักเหล้าในปาก
“ให้ตายเถอะแกก็อีกคนยัยแจน ไม่เคยได้ยินชื่อรุ่นพี่เวลล์จริงดิ ไม่จริงนา รุ่นพี่เวลล์เลยนะ” ยัยมีนหันมาพูดใส่ฉันด้วยใบหน้าจริงจัง เอ้า ถ้าฉันรู้ฉันจะถามเหรอแปลกคน
ฉันเสียมารยาทหันไปมองคนข้างๆ อย่างพิจารณา แม้เขาจะดูหล่อมาก ไม่สิหล่อกว่าผู้ชายที่ผ่านๆ ตามาเลยล่ะ แต่ก็ไม่รู้ว่าดังเรื่องอะไรอยู่ดี
รุ่นพี่เวลล์เองก็สบตาฉันมองอย่างพินิจ สงสัยก็คงคิดแบบเดียวกับฉันละมั้งว่าฉันดังจากอะไร
“อ่า.. จริงสิ ลืมแนะนำตัวไป พี่ชื่อแม็กนะครับ ส่วนไอ้คนมัดผมเนี่ยชื่ออาร์ท ส่วนอีกคนพี่คงไม่ต้องแนะนำเท่าไหร่ชื่อเวลล์ พวกพี่เรียนหมอปีห้าหมดทุกคนครับ” พี่แม็กเป็นคนเอ่ยแนะนำฝั่งรุ่นพี่ ส่วนพวกเรานั้นแน่นอนว่าต้องเป็นหน้าที่ยัยมีนอยู่แล้ว
“งั้นจะแนะนำตัวอีกครั้งนะคะหนูชื่อมีนค่ะ เรียนนิเทศ ส่วนคนนี้ชื่อกุ้กค่ะ นางเรียนดิจิทัล ส่วนแจน วิศวกรรมเครื่องกล พวกเราอยู่ปีสามค่ะ”
“ให้ตายเถอะ ไม่คิดว่าชาตินี้จะเจอรุ่นน้องที่ไม่รู้จักแกว่ะ ไอ้เวลล์” พี่แม็ก คนที่ยืนคุยจ้อกับยัยมีนหันไปตบบ่าเพื่อนเบาๆ พลางหัวเราะลั่น ซึ่งเขาคนนั้นก็ไม่เห็นจะสนใจอะไรนอกจากดื่มเหล้าในมือแล้วหันมองฉันสักแว่บก่อนจะก้มหน้าสนใจมือถือของตนต่อ ส่วนฉันที่ถูกสวนมองมา ก็ไม่ได้รู้สึกใดๆ แล้วก็ก้มหน้าเล่นมือถือของตนเช่นกัน
เวลาผ่านไปสักพัก ยัยมีนชวนพี่แม็กออกไปเต้น ในขณะที่พี่อาร์ทชวนกุ้กไปสูบบุหรี่ เห็นแบบนี้กุ้กเป็นสิงห์อมควันอยู่นะ แต่หลังๆ เพราะพวกฉันด่า และฉันเองก็แพ้กลิ่นบุหรี่นางก็พยายามจะไม่สูบเมื่ออยู่กับพวกฉัน
กลายเป็นว่าตอนนี้ที่โต๊ะดันเหลือฉันกับพี่เวลล์ ที่ต่างคนต่างก้มหน้าเล่นมือถือต่อไป
สักพักพี่เวลล์เก็บมือถือของตนลง พลางหยิบแก้วเหล้าจากนั้นพิงหลังวางแขนไปตามพนักพิงโซฟา ใบหน้าจ้องมองมาที่ฉันอย่างจงใจ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไร เอาจริงพี่เขาดูมีเสน่ห์มากอยู่นะ จนจิตใต้สำนึกของฉันคิดดีไม่ได้เลย
เห็นดังนั้น ฉันเองก็วางมือถือหยิบแก้วเหล้ายืดตัวตรงนั่งไขว้ห้าง หันมองสบตาโดยไม่หลบสายตากับคนตรงหน้า สายตาเราผสานกัน ต่างฝ่ายต่างมองอย่างพินิจอย่างคาดเดาไม่ได้ และไร้ซึ่งคำพูดใดๆ จนเป็นฉันเองที่ยอมเปิดปากพูดก่อน
“รุ่นพี่เวลล์เอาแต่มองแบบนี้ คิดอะไรอยู่คะ” ฉันวางแก้วเหล้าลงพลางกอดอกมองยิ้มแสยะ พี่เวลล์เองก็วางแก้วเหล้าลงเท้าคางมองฉัน
“ไม่ออกไปเต้น หรือสูบบุหรี่กับเขาเหรอครับ” เสียงอันนุ่มของเขาเอ่ยถาม
“ไม่ค่ะ ไม่ได้ชอบเท่าไหร่” ฉันส่ายหน้าเบาๆ
“แล้วน้องแจนชอบอะไรครับ” เขายื่นหน้ามาใกล้ฉันมากยอมรับว่าแอบใจสั่นๆ ตื่นเต้นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกถึงว่ารักใคร่แบบเชิงชู้สาวนะ แต่ว่าคนตรงหน้าน่ะทำฉันรู้สึกได้อย่างหนึ่ง หลังจากห่างหายไปเกือบสองปี ฉันนี่มันพวกคิดลามกเสียจริง
“เรื่องที่ชอบเหรอคะ ต้องเป็นเรื่องอย่างว่าอยู่แล้วค่ะ” แน่นอนว่าฉันเองก็ยื่นหน้าเข้าใกล้รุ่นพี่เวลล์บ้างเหมือนกัน สายตาเราจดจ้องราวกับต่างฝ่ายต่างมองเห็นมุมมืดของกันและกันอย่างลึกซึ้ง และก็เป็นฝ่ายพี่เวลล์เองที่ถอยหน้าออกไป หึ.. นึกว่าจะแน่
แสงแดดยามเย็นเริ่มทอแสงสาดส่องเข้ามา ฉันกับพี่เวลล์กำลังนั่งทานอาหารว่างกันอยู่ริมทะเล บรรยากาศดีสุด ๆ“ทานแตงโมหน่อยไหมครับ”“ค่ะ” ฉันยิ้มตอบเขา“ม่ะ...พี่ป้อน” เขาจิ้มแตงโมที่หวานฉ่ำนั้นป้อนให้ ฉันโน้มตัวเข้าไปกินอย่างมีความสุข “อร่อยไหมครับ”“อร่อยค่ะ แจนชอบแตงโม”“แล้วพี่ล่ะ แจนชอบไหม”“เอ๊ะ มันวกมาเวนี้ได้ยังไงกันคะพี่ ไม่ชอบค่ะ แต่รักเลย ฮี่...” เอ่ยจบเขายื่นมือมาบีบแก้มฉันด้วยความหมั่นเขี้ยว จากนั้นเขาก็ยังเอาแต่ป้อนผลไม้ให้ฉันทาน ถามว่าฉันกินไหม ก็กินสิผู้ชายหล่อป้อนทั้งที“แจนครับพอดีพี่มีประชุมด่วนของโรงพยาบาล พี่ขอตัววิดิโอคอลที่ประชุมสักครู่นะครับ”“ได้สิคะ งั้นแจนขอลงไปเล่นน้ำหน่อยนะคะ อยากเอาตัวจุ่มน้ำแล้ว”“ระวังด้วยนะครับ อย่างลงไปเล่นน้ำลึกมากล่ะ”“ค่ะพี่ แจนจะอยู่ใกล้ๆ นี่แหละค่ะ” เขาสวมผ้าคลุมที่เตรียมไว้พร้อมหยิบไอแพดปลีกตัวไปนั่งเก้าอี้ชายหาดใส่หูฟังพร้อมประชุม สีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังและตึงเครียดมากขึ้นก็จริงล่ะนะ ถึงแม้เราจะมาพักผ่อน แต่งานก็ต้องดำเนินต่อไป จริงๆ แล้วฉันก็มีงานที่ต้องสะสาง แต่เพราะมีพ่อ มีพี่ทิม มีแฟรงค์ จึงสามารถวางใจได้ แต่พี่เวลล์เขาเป็นหมอ
ณ.ห้องครัวพี่เวลล์เข้าครัวทำกับข้าวให้ฉันตามที่ฉันร้องขอว่าอยากกิน กลิ่นผัดกะเพราไข่เยี่ยวม้าหอมฉุนไปทั่วบ้านพัก ทำเอาฉันสูดฟึดฟัด เพราะกลิ่นมันหอมจนอดไม่ไหว“หอมมาก อยากทานแล้วค่ะ” ฉันเดินเข้าไปสวมกอดเขาจากด้านหลัง ในขณะที่เขากำลังจัดเตรียมอาหารเหล่านั้นวางบนโต๊ะอาหาร"งั้นก็รอทานให้อร่อยนะพี่ตั้งใจทำให้แจนเป็นพิเศษเลยนะครับ"“ค่ะ..^^”ฉันนั่งรอที่โต๊ะอาหาร พร้อมแล้วกับการทานข้าวมื้อพิเศษที่เขามอบให้ อาหารง่ายๆ อย่างโจ๊กและผัดกะเพราไข่เยี่ยวม้า แบบพิเศษใส่ใจ“เสร็จแล้วครับ”“อื้อหื้อ น่าทานมาก ๆ ค่ะ จะทานแล้วนะคะ” ฉันที่ตั้งท่าจะทานแล้วนั้น ดันโดนพี่เวลล์ห้ามไว้ก่อน“เดี๋ยวสิครับ ล้างมือรึยัง ก่อนทานล้างมือก่อนครับ”“ก็ได้ค่ะ” ฉันทำหน้ามุ่ย แต่ก็ลุกไปล้างมือแต่โดยดี พอล้างเสร็จก็กลับมานั่งที่เดิม โดยที่พี่เวลล์เองก็เข้ามานั่งร่วมโต๊ะอาหารแล้ว“ทานเยอะๆ นะครับ” เขาไม่ใช่แค่พูด แต่ตักอาหารมาใส่จานให้ฉันด้วย ทั้งการกระทำและคำพูดเขาอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก นอกจากพ่อ ก็เขานี่แหละที่ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นหัวใจได้จริงๆ“พี่เองก็ทานเยอะๆ นะคะ”“ครับ” ฉันยิ้มให้เขา เขาก็ยิ้มให้ฉัน เราต่างก็ทานอาหา
12.00 น.ฉันตื่นขึ้นมาด้วยความปวดเมื่อยไปทั้งร่างกายอยู่บนเตียงฟูกนุ่มแล้ว และกำลังนอนกอดกันตัวเป็นเกลียวกับคนข้างๆ ที่ฉันรักมาก ร่างกายเรายังเปลือยเปล่าล่อนจ้อน เพราะกว่าจะได้นอนก็เกือบเช้า จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเสพสุขกันไปกี่ยก แต่ที่แน่ ๆ ระเบียงนั่น ฉันวนไปทุกมุม ขนมาทุกท่า แถมพี่เวลล์ตัวดีดันแข็งแรงทั้งร่างกายและน้องชายเขาก็ตื่นไม่พัก จึงต้องเป็นฉันที่ทนรับอยู่ร่ำในคืนที่ผ่านมาอย่างหนักหน่วงเขายังนอนหลับสนิท สองมือเขากอดฉันแน่น ส่วนใบหน้าฉันก็แนบชิดกับแผงอกของเขา ฉันเงยหน้ามองเขา ดูสิตอนนอนก็ยังหล่อเลย ขนตายาวงอน ริมฝีปากได้รูป จมูกโด่งสันทัดผิวขาวเปล่งปลั่ง สันกรามที่บาดคม เฮ้อหล่อจนร้องขอชีวิตนั่นและ เป็นบุญของฉันที่ได้มีโอกาสมารักเขาจริง ๆดวงตาเขาค่อย ๆ เปิดออกหลุบมองฉัน เขาค่อย ๆ ฉีกยิ้มก่อนจะออกแรงแขนรัดฉันแน่นขึ้น“แจนทำให้พี่เวลล์ตื่นเหรอคะ”“ป่าวหรอกครับ ความรักต่างหากที่ทำให้พี่ตื่น”“ดีนะ แจนยังไม่ได้ทานข้าวไม่งั้นมีอ้วกแน่ๆค่ะ” สิ้นคำฉัน เขายิ้มมองฉันก่อนจะลูบหัวเบาๆ ก้มหอมฟอดใหญ่ๆ บนหัวฉัน“ทนนะ หลังจากนี้จะได้ยินแบบนี้บ่อยขึ้น เพราะพี่คลั่งรักแจนไม่ไหว”“กลัวแล้ววววววว
“ขี้โกงจังนะครับ ทำไมเสร็จไปก่อนพี่แล้วล่ะ” เขากอดฉันแน่นอีกครั้ง“ก็เป็นเพราะใครล่ะ โดนขนาดนี้ใครจะทนไหวคะ”“พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ” ฉันเอียงคอแหงนมองคนด้านหลังก่อนจะทำหน้ามุ่ยใส่ เขายิ้มมุมปากยักคิ้วให้ฉัน พลางก้มหน้าลงมาจุ๊บฉันหนึ่งที“ให้ตายเถอะ บอกอย่าเล่นกับระบบ พี่ก็เหมือนกันนั่นแหละ แจนไม่ยอมโดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียวหรอก” ฉันลุกขึ้นหันหน้าไปเผชิญกับเขาที่นั่งอยู่ ผลักไหล่เขาให้ลงนอนราบบนโซฟาใหญ่นี้ พลางมองต่ำตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะคว่ำนั่งบนลำตัวของเขา ก็รู้แหละว่าตรงนั้นของเขามันแข็งขื่นขนาดไหนเพราะระหว่างขาฉันที่กำลังทับมันอยู่สัมผัสได้ ทำเอาตื่นเต้นชะมัดเป็นฉันบ้างที่เลียริมฝีปาก ทอดสายมองเขาอย่างยิ้มร้าย โน้มตัวลงเอาหน้าเกยไหล่เขาสองมือซุกซนสอดเข้าใต้เสื้อเพื่อสัมผัสผิวเขา มันแน่นมือถนัด ซิกแพคเป็นลอนที่จับก็รับรู้ได้ความแข็งแกร่งของหน้าท้องนั่น ทำเอาอยากเห็นด้วยตาเปล่าเสียตอนนี้“อื้ม...” เสียงครางเล็กๆ เมื่อมือฉันสัมผัสเข้ากับหัวนมของเขา มะ...ไม่ไหวแล้ว เสียงกับร่างกายของเขานี่มันทำเอาฉันคลั่งแทบบ้าเหมือนกันฉันทนไม่ไหวอีกต่อไป ถกเสื้อเขาไปกองไว้เหนืออก เผยให้เห็นแผง
เขายังคงวุ่นอยู่กับการจูบฉันอยู่แบบนั้นไม่มีท่าทีว่าจะคลายจูบเสียที ลมหายใจเขารดถี่ขึ้น ร้อนขึ้น พอๆ กับสัมผัสริมฝีปากของเขาที่พยายามบดเบียดรุกเข้ามาในโพรงปากฉัน ฉันก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรปล่อยให้เขาทำตามใจ“อึก...โอ๊ย!!” พี่เวลล์กับฉันกำลังพรมจูบกันเข้าด้ายเข้าเข็ม แต่จู่ ๆ เป็นฉันเองที่ต้องผลักเขาออก“เป็นอะไรไปครับ” พี่เวลล์ประคองใบหน้าฉันมองหน้าด้วยความตกใจ“ขะ...ขาฉันค่ะ”“ขาเป็นอะไรครับ”“พี่ทับขาฉันค่ะ ฉันเจ็บ” สิ้นคำ เขาเหลือบไปมองดูแล้วก็เป็นให้เขาเห็น ก็ขาแกร่งของเขาทับขาเรียวเล็กของฉันจริง ๆ ไม่เจ็บได้ไง โซฟามันเล็กนิดเดียวนะเขาลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะยกขาฉันก่ายตักเขามานวดให้ฉัน อย่างแผ่วเบา“พี่ขอโทษครับพี่ไม่ได้ตั้งใจ”“ไม่เป็นไรค่ะ โซฟามันแคบ” ฉันยิ้มให้ก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วยกขาที่ก่ายตักเขาออกวางลงปกติ“นั่นสิเนอะ ถ้าเป็นที่โล่งๆ คงจะดีกว่าใช่ไหมครับ”“ใช่ค่ะ...แต่เอ๊ะ ที่โล่งๆ ว๊าย!!!” พี่เวลล์ยกฉันพาดบ่าโดยที่ฉันไม่ทันตั้งตัวเลยสักนิด“พะ...พี่จะยกแจนไปไหนเนี่ยตกใจหมดเลย”“ก็ไปหาที่โล่งๆ ต่อไงล่ะ”“หมายถึงห้องนอนเหรอคะ”“ก็ใช่ แต่...หึ” เพราะฉันถูกพาดบ่าไว้ ทำให้มองไม่เห็นใบหน
เรากลับมาถึงบ้านพักของเรา เมื่อกำลังจะเดินเข้าบ้านฉันกลับหยุดเดินและฉุดรั้งเขาไว้ ฉันหันหน้ามองออกไปยังผืนทะเลตรงหน้าบ้านที่กำลังทอประกายด้วยแสงจันทร์ค่ำคืนนี้ พลางสูดอากาศเข้าไปเต็มปอดก่อนจะหันไปมองเขา“เป็นอะไรไปรึเปล่าครับ”“พี่คะ พี่รู้สึกยังไงบ้าง พี่อึดอัดใจรึเปล่าที่พี่เห็นฉันเป็นแบบนี้ ฉันรู้ว่าพี่เกลียดมาเฟีย ตอนนี้พี่กำลังข่มใจไว้ใช่ไหมคะ พี่ฝืนอยู่ใช่ไหม พี่กำลัง.......” ฉันพล่ามสาธยายไม่รู้จบ ฉันแค่รู้สึกกลัว กลัวว่าเขาจะไม่โอเค กับสิ่งที่ฉันเป็น และสิ่งที่ฉันกระทำ ฉันพะวงมันมาตลอด แต่ฉันก็อดไม่ได้เพราะฉันเป็นคนแบบนี้ มันแบบกระวนกระวายใจจนแทบบ้า อดีตมันยังคอยย้ำเตือนเสมอเขาไม่ปล่อยให้ฉันพูดจบ แต่เดินเข้าสวมกอดฉันแน่น จับศีรษะฉันแนบกับอกของเขาไว้ ลูบอย่างแผ่วเบา“พี่ไม่เป็นอะไรเลย สิ่งที่พี่เห็นยิ่งทำให้เข้าใจมุมแจนมากขึ้น เป็นพี่ที่คิดมากไปเอง พี่ผิดที่เอาอดีตที่เจอมาตัดสินจนทำให้รักของเราเคยล่มไปแบบนั้น”“พี่ไม่เกลียดฉันแล้วใช่ไหมคะ ที่ฉันเป็นมาเฟีย”“ไม่เลยครับ แล้วแจนล่ะครับ ยังโกรธพี่อยู่ไหม” เขาดันฉันออกจับไหล่ฉันทั้งสองข้าง สายตาก้มมองฉันด้วยความอ่อนโยน ฉันมองเขาด้ว