วันพุธ / โรงพยาบาล
“พี่ติณณ์คะ ยี่หวาถึงโรงพยาบาลแล้ว รออยู่ชั้นล่างนะคะ”
ยี่หวามาที่โรงพยาบาล เพื่อจะมารอรับแฟนหนุ่มของเธอ วันนี้เขานัดกับเธอจะดูหนังรอบค่ำ เธอจึงมารอเขาที่นี่
“ทำไมยังไม่อ่านข้อความอีกล่ะ”
สองชั่วโมงผ่านไป
ยี่หวานั่งรอจนหลับ ยังไม่เห็นนักศึกษาแพทย์ปีสุดท้ายอย่างติณณ์ภพแฟนหนุ่มของเธอ เดินออกมาเลย เธอตกใจตื่น เพราะเผลอหลับที่เก้าอี้นุ่ม ในโรงพยาบาล และยกมือถือขึ้นมาดูเวลา
“อะไรกันเนี่ย จะสองทุ่มแล้ว…”
เมื่อกดดูข้อความ ก็ยังมีแค่ข้อความของเธอที่พึ่งส่งไป
“ยังไม่อ่านข้อความ ฉันน่าจะรู้อยู่แล้ว”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่หมอติณณ์ให้เธอต้องรอเก้อแบบนี้ ก่อนหน้านี้ทั้งคู่ก็เริ่มระหองระแหง กับเรื่องแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ตั้งแต่เขาลืมวันครบรอบเพราะต้องทำวิจัยกับเพื่อนจนดึก หรือวันที่นัดเธอเอาไว้ว่า จะไปฉลองวันเกิดของเพื่อน แต่เขากลับลืมนัด และอีกวันก็ไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีกเลย ทั้ง ๆ ที่เธอชวนเขาซะดิบดี
“พอกันที ฉันไม่อยากทนแล้ว”
เมื่อยี่หวาตัดสินใจที่จะกลับ เธอก็เห็นกลุ่มนักศึกษาแพทย์ ซึ่งเป็นรุ่นพี่ของเธอในมหาวิทยาลัยเดียวกัน เดินออกมา หนึ่งในนั้นก็คือหมอติณณ์ เธอยืนมองเขาอยู่ แต่เขาเมื่อเห็นเธอแล้ว กลับหันไปมองแค่นาฬิกา และหันไปบอกเพื่อน
“เดี๋ยวฉันมานะ”
“แต่ว่าเรายังต้องไปห้องอาจารย์ใหญ่ต่อนะติณณ์”
เสียงผู้หญิงคนหนึ่งทักขึ้นมา ยี่หวาจำเสียงนั้นได้ เพื่อนสาวของเขาที่ชื่อ “มีนา” ที่มักจะอยู่ข้าง ๆ เขาเสมอ
“รู้แล้วน่า ไม่นานหรอก”
ติณณ์ภพเดินมาหาแฟนสาว ที่ยืนรออยู่ ตอนนี้ชั้นล่างของโรงพยาบาลไม่ค่อยมีคนแล้ว เพราะแผนกผู้ป่วยนอก เริ่มไม่มีคนแล้ว จะเหลือก็แต่แผนกฉุกเฉินเท่านั้น ที่ยังมีคนอยู่ แม้ว่าจะเป็นโรงพยาบาลเอกชนก็ตาม
“ยี่หวา คือว่าพี่ต้องทำรายงานต่อ คืนนี้เรื่องหนัง… ขอติดเอาไว้ก่อน”
“แปดครั้งแล้ว”
“อะไรนะ หวาพูดอะไรพี่ไม่ค่อยได้ยิน”
ยี่หวาทนไม่ไหวอีกแล้ว ทุกครั้งที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น มีแต่เธอที่เป็นฝ่ายรอเขา และรับคำขอโทษเดิม ๆ กับคำพูดตอบส่ง ๆ อย่างที่เขากำลังทำ
“หวา คือพี่จะต้องไปที่ห้องอาจารย์ใหญ่ต่อ ถ้าไม่มีอะไร…”
“ไม่มี นับจากนี้ก็ไม่มี หวาไม่มีอะไรจะพูดกับพี่ติณณ์อีกแล้ว”
“ไม่เอาน่าหวา อย่างอแงเป็นเด็กสิ พี่รู้ว่าพี่ผิด ขอโทษนะ”
“พี่รู้จริง ๆ เหรอคะ หรือแค่พูดไปส่ง ๆ แบบนั้นเองว่าตัวเองผิด พี่ก็แค่พูดให้พ้นไปวัน ๆ เท่านั้น ความรู้สึกผิดจริง ๆ ไม่มีเลยสักครั้ง”
ติณณ์รู้สึกอึดอัด และเริ่มคิดในใจ
‘เริ่มหาเรื่องอีกแล้ว ไม่พ้นจะต้องร้องไห้อีก’
“ยี่หวา พี่กำลังทำเรื่องจบ ก็เลยยุ่ง ๆ น่ะ พี่สัญญานะว่า…”
“พอแล้วค่ะพี่ติณณ์ หวาไม่อยากรอสัญญาที่ไร้ความหมายนี้อีกแล้ว”
“ยี่หวา… พี่ว่าวันนี้เราคงคุยกันไม่รู้เรื่อง”
“ติณณ์! เราต้องไปแล้วนะ”
ยี่หวาหันไปมอง ผู้หญิงคนเดิมที่เอาแต่เรียกเขา ตอนนี้น้ำตาของเธอเริ่มรื้นขึ้นมาอีกครั้ง แต่ติณณ์กลับเห็นว่า เหมือนเธอเริ่มถ่วงเวลาเขาเอาไว้
“หวา ไม่เอาน่าอย่าร้องไห้สิ พี่สัญญาว่า…”
“ไปเถอะค่ะ หวาไม่เป็นไร พี่ติณณ์ไม่ใช่พึ่งทำแบบนี้เป็นครั้งแรก หวาไม่อยากเป็นตัวถ่วงพี่อีก”
“ยี่หวา! ทำไมพูดแบบนี้กับพี่ล่ะ”
“เฮ้ยติณณ์ ต้องไปแล้วนะ อาจารย์โทรเรียกแล้ว”
เพื่อนของเขาอีกคนตะโกนมาอีกครั้ง เพราะตอนนี้สีหน้าของผู้หญิง ที่ชื่อมีนา เริ่มไม่พอใจแล้ว เพื่อนในกลุ่มจึงตัดสินใจเรียกเขาอีกครั้ง
“หวากลับไปที่ห้องก่อนนะ เอาไว้พี่กลับไปแล้วเราค่อยคุยกัน ดีไหม”
เธอเงียบและไม่ตอบเขา ติณณ์ไม่มีเวลาจะมาง้อแฟนสาวของเขาตอนนี้ ถ้าหากว่าเขาไม่ทำเรื่องนี้ให้เสร็จ ก็คงจะจบการศึกษาไม่ได้ ดังนั้นเรื่องนี้จึงสำคัญสำหรับเขามาก
“พี่ไปก่อนนะ กลับบ้านดี ๆ ล่ะ ถึงแล้วก็ส่งข้อความมาบอกพี่ด้วย พี่ไปก่อนนะ”
ติณณ์ไม่สนใจ แม้แต่จะเช็ดน้ำตาให้เธอด้วยซ้ำไป ยี่หวาหันไปมองแผ่นหลังของแฟนหนุ่มของเธอเป็นครั้งสุดท้าย
“ส่งข้อความเหรอ หึ! ส่งแล้วพี่จะอ่านเหรอ ฉันที่เป็นแฟน ยังสำคัญน้อยกว่าเพื่อนผู้หญิงของพี่ด้วยซ้ำไป ก็ดี จะได้ตัดสินใจได้เสียที”
ยี่หวาดึงมือถือออกมา เช็กกล่องข้อความดูอีกครั้ง และก็เป็นตามที่เธอเดาเอาไว้ จนป่านนี้ ข้อความเมื่อสามชั่วโมงก่อน ติณณ์ภพยังไม่เปิดอ่านเลยด้วยซ้ำไป
“เหอะ! คบกับหมอ มันเป็นแบบนี้นี่เอง สมน้ำหน้าแล้ว อยากลองไม่ใช่เหรอ เป็นยังไงล่ะยัยโง่!”
แต่เมื่อยี่หวากลับไปที่ห้องของเขา และกำลังจะยกมือถือขึ้นมากดข้อความ ส่งให้เขาด้วยความเคยชิน สุดท้ายกลับพบโพสหนึ่งในโซเชียล ซึ่งโพสโดยเพื่อนสนิทผู้หญิงของเขา ที่เธอพึ่งเจอมา พร้อมกับปาร์ตี้เล็ก ๆ ในโรงพยาบาล และแคปชั่นที่ทำให้ยี่หวาเจ็บปวดเข้าไปถึงหัวใจ
“สุขสันต์วันเกิดนะหมอติณณ์ คนเก่งของพวกเรา ปีหน้าจะไปเรียนต่อต่างประเทศแล้ว ขอให้หมอติณณ์ของพวกเราโชคดีนะ”
ยี่หวาร้องไห้ออกมาทันที วันนี้เป็นวันเกิดของเขา ซึ่งเธออุตส่าห์เตรียมฉลองกับเขาเสียอย่างดี จำได้ว่าเมื่อปีที่แล้ว ในวันเกิดของเธอ ในห้องนี้เอง บรรยากาศไม่เหมือนกับวันนี้ เธอกับเขาฉลองด้วยกันสองคน พร้อมกับมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งเป็นครั้งแรก แต่วันนี้ มันกลายเป็นเหมือนฝุ่นที่ลอยผ่านไป
“ยอดไปเลย สิ่งที่ฉันเตรียมให้ เป็นหมันไปหมดเลยสินะ ดีมาก ดี!”
โค้งสุดท้ายในการสอบปลายภาคกำลังจะมาถึง ยี่หวาเองก็ต้องเตรียมตัวสอบเหมือนกัน แต่วันนี้เป็นวันพิเศษ เดิมทีเธอคิดว่าจะชวนเขาไปทานข้าว ดูหนัง และกลับมาที่ห้อง เพื่อฉลองวันเกิดให้เขา ดอกไม้ ไฟประดับ ลูกโป่งที่สั่งมาให้ ถูกวางตามที่ต่าง ๆ เค้กที่ยังแช่อยู่ในตู้เย็น ของขวัญที่เธอเก็บเงินซื้อให้ ทุกอย่างตอนนี้ มันไม่มีความหมายอะไรเลย
“ปีที่แล้วเรายังมีความสุขด้วยกันอยู่เลย มาปีนี้ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด พี่ติณณ์ พี่คงไม่ต้องการฉันแล้วจริง ๆ”
ยี่หวาหาผ้าห่มออกมาห่มให้เขา คนตัวโตไม่เหมาะกับโซฟาเอาเสียเลย แต่เธอเห็นว่าเขานอนหลับสนิท ก็เลยไม่อยากกวน“งานของพวกคุณหมอ คงจะหนักมากจริง ๆ สินะ เพลียจนหมดสภาพขนาดนี้ มีเวลานอนกับเขาบ้างมั้ยเนี่ย”ยี่หวายืนมองดูติณณ์ภพ และคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย สุดท้ายก็ตัดสินใจเข้าห้องไปอาบน้ำ เพราะวันนี้เธอเองก็เหนื่อยมาทั้งวัน เธอเบาแอร์ข้างนอกให้เขาแล้ว เพราะกลัวว่าเขาจะหนาว พรุ่งนี้เป็นวันหยุด แต่คงไม่ดีแน่ ถ้ามีผู้ชายนอนอยู่ในห้องสาวโสดแบบนี้ “เอายังไงดีล่ะ ปลุกเขา หรือว่าไม่ปลุกดี”ยี่หวานั่งคิดอยู่ในห้อง แต่เห็นหมอติณณ์หลับสนิทเพราะความอ่อนเพลีย ก็ไม่อยากให้เขาขับรถกลับไปจริง ๆ ในใจของเธอยังเป็นห่วงเขาอยู่ แต่ก็ไม่อยากยอมรับ ถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่ คงได้ใจอ่อนให้เขาอีกครั้งแน่ ๆ“ช่างมันเถอะ แค่คืนเดียวเอง ไม่เป็นอะไรหรอกน่า พรุ่งนี้ตื่นมา เผลอ ๆ เขาก็กลับไปแล้ว”ยี่หวาตัดสินใจข่มตาให้หลับ ซึ่งทำได้ยากมาก เพราะรู้ว่าใครยังนอนอยู่ข้างนอก แม้จะมีประตูกั้น แต่เธอยังไม่ลืมอ้อมกอดเพียงชั่วครู่ ที่ถูกเขากอดเมื่อกี้นี้“พอได้แล้ว นอน ๆ ๆ อย่าเพ้อเจ้อ โอ๊ย!!!”ส่วนคนที่นอนอยู่ข้างนอก ก็ได้แต่ยืนพิงประตู
“คุณหมอคะ นี่มัน…”“เมื่อกี้ผมแอบเห็นนะ มีบางคนแอบไม่พอใจ ตอนที่มีนาขอเบอร์ผม อย่าโกหก”“ไม่ใช่ซะหน่อย ก็แค่…”“ไม่รีบขึ้นไปตอนนี้ เดี๋ยวจะดึกนะครับ”ยี่หวาจำใจต้องพาเขาขึ้นห้องมาด้วย ไม่คิดมาก่อนเลยว่าหมอติณณ์ จะรุกหนักกว่าตอนที่เธอจีบเขาด้วยซ้ำไป ตอนนั้นเธอก็คิดว่าตัวเองหน้าด้านสุด ๆ แล้วนะ แต่มาดูตอนนี้แล้ว เธอสู้หมอติณณ์ไม่ได้เลย“เข้ามาก่อนสิคะ”เขาเดินตามเธอเข้าไปในห้องชุดสุดหรู ซึ่งคิดว่าราคาน่าจะแพงเอาเรื่อง เพราะห้องของยี่หวาแม้ว่าจะเล็กกว่าที่เขาอยู่ แต่แยกสัดส่วนชัดเจน มีห้องครัวแยก และห้องนั่งเล่น ดูแล้วห้องน้ำน่าจะมีสองห้อง เพราะเห็นมีห้องนอนแยกอยู่อีกทาง“ผมขอเข้าห้องน้ำหน่อยนะ”"เชิญค่ะ"เธอเปิดไฟให้เขา และเดินเข้ามาในห้อง เมื่อประตูห้องน้ำปิด ก็รีบมานั่งที่โซฟาเพื่อสงบอารมณ์“ใจเย็น ๆ ไม่มีอะไรทั้งนั้น เขาก็แค่แวะมาเข้าห้องน้ำ”ยี่หวาพยายามไม่ตื่นเต้น เมื่อหมอติณณ์เดินออกมาจากห้องน้ำ เธอก็ยื่นน้ำมาให้เขา“ดื่มน้ำก่อนไหมคะ”“ขอบคุณมากนะ ห้องของคุณ… น่ารักมาก เหมาะกับคุณมากเลย”"เอ่อ นี่คุณหมอคะ ทำไมเดินสำรวจห้องคนอื่นแบบนี้ล่ะ"เธอเดินตามเขาแทบไม่ทัน เพราะคิดว่าจะยื่นขว
หมอติณณ์หันมากระซิบ และโอบเอวเธอเข้ามาจนชิด ก่อนจะตอบเพื่อน ๆ ไป“เอาไว้ค่อยนัดเจอกันวันหลังนะ วันนี้ต้องรีบไปส่งยี่หวากลับบ้านก่อน วันนี้ทำงานเหนื่อย ต้องรีบพากลับไปพักผ่อนน่ะ”“ว้าว…. สุดยอดไปเลยหมอติณณ์ ได้เลยเอาไว้โทรคุยกัน จริงสินายเปลี่ยนเบอร์แล้วนี่ เอาเบอร์มาหน่อยสิ”"ได้สิ หวารอพี่เดี๋ยวนะ"“ค่ะ”เธอทำอะไรไม่ได้ แต่เมื่อเห็นสายตาของมีนา ก็เริ่มอยากจะเอาคืน เพราะรู้ว่า มีนาเคยชอบหมอติณณ์มาตั้งแต่สมัยเรียน และพยายามแทรกเข้ามาระหว่างเธอกับติณณ์เสมอ แต่หมอติณณ์ไม่ได้คิดอะไรกับเธอ และเคยปฏิเสธไปแล้วถึงสองครั้ง“เอาไว้ค่อยนัดเจอกันนะ”“ติณณ์กลับมาคบกับรุ่นน้องคนนี้เหรอ”“มีนา! ไม่เอาน่า นี่มันเรื่องส่วนตัวของหมอติณณ์ ไอ้ตงกับวรุณรออยู่ข้างในแล้วนะ”“แลกเบอร์กับเราด้วยสิหมอติณณ์”มีนายื่นมือถือมาให้เขา ยี่หวาสะบัดไหล่ออกจากเขาเบา ๆ แต่หมอติณณ์ก็รีบคว้าเธอเข้ามาอีกครั้ง แม้แต่หมอเจย์ ก็เห็นถึงอาการที่หมอติณณ์แสดงความเป็นเจ้าของ โดยไม่สนใจมีนาเลย “ไม่เป็นไรหรอกมีนา เอาไว้ผมติดต่อเจย์ไป แล้วค่อยเจอกันก็ได้ ไปก่อนนะเจย์ แล้วเจอกัน”“ได้สิแล้วเจอกัน เอาไว้พาน้องยี่หวา มาทานข้าวด้วยกันด
เขาได้ยินเธอคุยโทรศัพท์ และตัดสินใจตามมาที่นี่ และสังเกตเห็นว่า เธอสั่งกาแฟมานั่งดื่มไปสองแก้ว ระหว่างที่รอคู่ดูตัว ก็นึกเป็นห่วงเธอขึ้นมา“ไม่เป็นไรค่ะ คุณหมอทานข้าวเถอะค่ะ”“หายเผ็ดแล้วใช่ไหม เปลี่ยนกินอย่างอื่นมั้ย”“ก็ได้ค่ะ”ทั้งสองคนนั่งทานข้าวกันต่อเงียบ ๆ หมอติณณ์ไม่อยากจะเร่งรัดเธอ เพราะกลัวว่า นอกจากยี่หวาจะไม่ใจอ่อนแล้ว จะกลายเป็นว่า เธอจะเกลียดเขาแทน ระหว่างที่ทั้งคู่นั่งทานข้าว บรรยากาศก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ ยี่หวาไม่คิดเลยว่า หมอติณณ์จะเอาใจใส่เธอ บางทีอาจจะมากกว่าตอนเป็นแฟนด้วยซ้ำไป“กินของหวานแก้เผ็ดสักหน่อยนะ เอาลูกตาลลอยแก้วสองที่ครับ”“คุณหมอชอบกินของหวานด้วยเหรอคะ”“เมื่อก่อนไม่ได้ชอบหรอก แต่เพราะต้องคอยกิน เวลาใครบางคนกินไม่หมด ก็เลยกลายเป็นชอบไปแล้วน่ะ”“เปล่าเสียหน่อย ก็แค่อยากให้ลองชิมเท่านั้นเอง”“ยอมรับเหรอว่า กินไม่หมดจริง ๆ”“ก็…ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ ตอนนั้นกับตอนนี้ เหมือนกันที่ไหนล่ะคะ”“ก็ได้ งั้นคราวนี้กินให้หมดล่ะ”ยี่หวาเผยยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก หมอติณณ์ได้แต่นั่งอึ้งเมื่อเห็นเธอยิ้มออกมา เขาคิดถึงเธอมากจริง ๆ และไม่เคยลืมได้เลย เรื่องเมื่อห้าปีก่อน ที่ยี่หว
“อะไรนะคะ เลี้ยงข้าวเหรอคะ ไม่เกินไปหน่อยเหรอคะ”“คุณไม่เลี้ยงไม่เป็นไร ผมเลี้ยงคุณเองก็ได้ ไหน ๆ ก็อยู่ที่ร้านแล้วนี่ จริงไหม นั่งก่อนสิ ผมหิวมากเลย”“นี่คุณ…”เขาพูดและดันเธอไปนั่งเก้าอี้ตัวในสุด และเขานั่งข้าง ๆ เพื่อไม่ให้เธอหนี ยี่หวาทำตัวไม่ถูก แต่วันนี้ที่จริงแล้ว เธอคงต้องขอบคุณเขาจริง ๆ ที่ช่วยเธอเอาไว้ เพราะไม่คิดว่าศุภนัทจะตื๊อเก่งขนาดนั้น“อยากกินอะไรดีล่ะ ที่นี่มีอาหารที่คุณชอบกินหลายอย่างเลยนะ เลือกร้านได้ดีจริง ๆ”“ฉันไม่ได้เลือกเองหรอกค่ะ”“อ้องั้นเหรอ หรือว่าเราจะไปกินที่อื่นกันดีล่ะ”“ไม่ค่ะ คุณหมอทำแบบนี้เพื่ออะไรกันแน่คะ”หมอติณณ์หันไปมองบริกร ที่กำลังจะเดินมารับออเดอร์ เขาจึงสั่งอาหารสองสามอย่างโดยที่ไม่ถามเธอ ยี่หวานั่งนิ่งไม่พูดอะไร เมื่อเขาสั่งเสร็จก็หันมามองเธออีกครั้ง“ไม่รู้จริง ๆ เหรอ ว่าทำไปเพราะอะไร”ยี่หวาใจเต้นแรง เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มานานแล้ว และตอนนี้เขากำลังจะทำให้เธอ ไม่เป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง“คุณหมอไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้ค่ะ เรื่องที่ผ่านมาแล้ว ยังไงก็กลับคืนไปไม่ได้”“ผมก็ไม่ได้บอกว่า สนใจเรื่องที่ผ่านมา ที่ผมต้องการคือตอนนี้ต่างหาก”“คุณต้องก
ยี่หวารู้สึกเหนื่อยมาก กับการที่แม่ของเธอ ชอบสรรหาคนมาดูตัวและจับคู่ให้เธอ ยี่หวาไม่อยากขัดใจแม่ ทุกครั้งเธอก็ไปตามนัด และปฏิเสธไปทุกคน ในใจของเธอยังไม่มีใครเข้ามาแทนที่เขาได้“ก็ได้ค่ะ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะคะ ที่ไหนคะ ร้านอาหารในโรงแรม... ก็ได้ค่ะ ครั้งหน้าไม่ต้องนัดใครให้แล้วนะ แค่ทำงานก็เหนื่อยจะตายแล้ว”เธอเดินออกไปเพื่อเรียกรถแท็กซี่ เพื่อไปที่นัดหมายดูตัว ตามที่แม่ของเธอจัดการเอาไว้ให้ ไม่ไปก็คงจะทำให้แม่เสียหน้า ดังนั้นเธอจึงต้องไป และปฏิเสธให้จบ ๆ ไปร้านอาหาร“ง่่วงชะมัดเลย เมื่อไหร่จะมาเนี่ย กาแฟแก้วที่สองแล้วนะ”เธอนั่งรออยู่เกือบครึ่งชั่วโมง คู่ดูตัวของเธอเหมือนว่าจะยังไม่มา “อีกสิบนาทีถ้าไม่มา ฉันจะกลับบ้านแล้วนะ”ไม่นานหลังจากที่เธอพึมพำกับมือถือ เพราะนั่งไถฟีดข่าวไปเรื่อย ผู้ชายสวมชุดสูทสีดำ ก็เดินเข้ามาหาเธอทันที“สวัสดีครับ คุณชื่อยี่หวาหรือเปล่า”“ใช่ค่ะ”เธอเงยหน้าขึ้นไปมองคู่ดูตัวของเธอ เขาเป็นนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ ที่น่าจะอายุพอ ๆ กับหมอติณณ์ แต่สีหน้าดูเจ้าชู้มากกว่า เขายื่นมือมาให้เธอ“ผมชื่อศุภนัท จะเรียกว่า “นัท” ก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ"“ยินดีที่ได้รู้จ