สองวันต่อมา
ยี่หวาไม่รับสายของติณณ์เลย ตลอดสองวันมานี้ เธอเสียใจจนไม่อยากพบใคร จึงหนีมาอ่านหนังสือสอบที่ต่างจังหวัด ช่วงนี้ก็ไม่ได้มีเรียนแล้ว คิดไม่ถึงว่าแค่สองวัน เขาก็หมดความพยายาม ที่จะโทรหาเธอแล้ว
“แค่สี่วันก็เงียบไปเลย ดีแล้วล่ะที่เลิกกันไปเงียบ ๆ แบบนี้”
“แกแน่ใจเหรอหวา ว่าเขาจะเลิกกับแกน่ะยี่หวา”
“ใยไหม” เพื่อนสนิทยี่หวา มาอยู่เป็นเพื่อนเธอที่นี่ ทั้งสองคนสนิทกัน เพราะถูกชะตาตอนเข้าปีหนึ่ง และเริ่มสนิทกันมาตั้งแต่วันแรก ไหมรู้ทุกเรื่องตั้งแต่ยี่หวาเริ่มคบกับหมอติณณ์ มองดูเพื่อนมีความสุข จนเริ่มมีปากเสียง เริ่มขาดการติดต่อ ทะเลาะกัน จนถึงวันนี้ ที่ยี่หวาตัดสินใจจะเลิกกับเขา
“ไม่เลิกวันนี้ ยังไงก็ไปกันไม่รอดอยู่ดี”
“แต่แกจะไม่ถามเขาสักหน่อยเหรอ”
“ถามเรื่องอะไรล่ะ เรื่องที่เขาลืมนัดฉันบ่อย ๆ หรือว่าเรื่องที่เขาไปฉลองวันเกิดกับเพื่อน ๆ แล้วลืมฉันไว้ข้างหลัง หรือว่าเรื่องที่เขาจะไปเรียนต่อต่างประเทศ โดยที่ไม่เคยบอกฉันเลย”
“อีกไม่กี่วันจะสอบแล้ว แกไหวแน่นะ”
ไหมลูบหลังเพื่อนสนิทเบา ๆ พลางปลอบเธอไปด้วย เธอรู้ว่ายี่หวารักหมอติณณ์มากขนาดไหน และรู้ว่าตลอดเวลา เพื่อนของเธอเจ็บเพราะเขามามากขนาดไหนเหมือนกัน
“ไหวสิ ไม่มีอะไรที่ไม่ไหวหรอก ฉันกับเขาจบแค่นี้ก็พอแล้ว หัวใจฉันมันรับความเจ็บไม่ไหวอีกแล้ว”
“ไม่ว่าแกจะตัดสินใจยังไง ฉันจะอยู่ข้างแกเสมอยี่หวา มาเถอะได้เวลานอนแล้ว พรุ่งนี้ค่อยคิดกันใหม่”
“ขอบใจแกมากนะไหม ถ้าไม่มีแกสักคน ฉันคงแย่ไปมากกว่านี้”
“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงแกก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ ไปนอนเถอะ”
หลังจากนั้นหมอติณณ์ก็ไม่ได้ติดต่อเธอมาอีกเลย เมื่อยี่หวากลับมาเพื่อเตรียมตัวสอบอีกครั้ง หลังสอบเสร็จแล้ว เธอไม่ได้ติดต่อกับติณณ์ภพเลย แม้ว่าพักหลัง ๆ ติณณ์เองก็จะไม่ค่อยติดต่อเธอ แต่ก็ไม่เคยห่างหายไปแบบนี้ จนกระทั่งยี่หวารู้ว่า หลังจากที่คณะแพทย์สอบเสร็จไปแล้ว หมอติณณ์ก็รีบเดินทางไปต่างประเทศทันที
“ยี่หวา… แกไหวแน่นะ”
ไหมหันมามองหน้ายี่หวา ทันทีที่เธอทราบข่าวว่า ติณณ์ภพเดินทางไปต่างประเทศแล้ว โดยที่ไม่ได้บอกเธอสักคำ นั่นมันก็ชัดเจนแล้วว่า เขาตัดสินใจเลือกอนาคตที่ไม่มีเธอ
ยี่หวาได้แต่เก็บความเจ็บปวดนี้เอาไว้จนสอบเสร็จ และกลับไปที่บ้าน ไม่กลับมาที่มหาลัยอีกเลย เพราะอยากจะรักษาแผลใจเงียบ ๆ เมื่อกลับมาเรียนอีกครั้งในปีสาม จิตใจเธอก็เริ่มดีขึ้น เพราะมีเพื่อน ๆ ที่คอยช่วยทำให้เธอลืมเรื่องนี้
สามปีผ่านไป / โรงพยาบาลเอกชน
“ขอบคุณมาก ๆ เลยนะครับคุณยี่หวา ที่มาช่วยในวันนี้ ผมจนปัญญาแล้วจริง ๆ ครับ กับความยุ่งเหยิงระบบคอมพิวเตอร์ จู่ ๆ ก็ระบบรวนแม้กระทั่งระบบการรันคิว เจ้าหน้าที่ทำงานลำบากไปหมดเลยครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันขอให้ทีมงานเข้าไปตรวจระบบภายในหน่อยนะคะ”
“เชิญทางนี้เลยครับ”
ยี่หวาเรียนจบวิศวกรรม สาขาคอมพิวเตอร์ วันนี้เธอเป็นหัวหน้าทีมโปรแกรมเมอร์ ของบริษัทไอทีชั้นนำ ซึ่งเธอใช้เวลาเพียงไม่นาน ก็สามารถขึ้นมาเป็น โปรแกรมเมอร์แถวหน้าของบริษัทได้ วันนี้เธอมาที่โรงพยาบาล เพื่อวางระบบการป้องกันไวรัส ที่กำลังระบาดอยู่โดยไม่ทราบสาเหตุ
“เอาล่ะทุกคน ให้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมง เข้าให้ตรงจุดแล้วกำจัด ฉันจะวางระบบป้องกันเอง”
“รับทราบค่ะบอส”
“เริ่มกันเลย ไหนดูสิว่า มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ยี่หวารับงานนี้ จากท่านประธานบริษัทของเธอโดยตรง เพราะเขาเป็นหุ้นส่วนโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ด้วย เรื่องระบบไอทีของที่นี่ จึงเป็นหน้าที่ของบริษัทเธอ ที่รับดูแล
“อยู่นี่เองเหรอ ให้ตายเถอะคิดเอาไว้ไม่ผิดเลย มาจากคลิปแปลก ๆ ที่กดเข้าไปจริง ๆ”
เธอใช้เวลาไม่นาน ก็สามารถหาต้นเหตุของปัญหาได้ และเริ่มวางระบบป้องกันอีกสองชั้น เพื่อป้องกันข้อมูลสำคัญของโรงพยาบาลรั่วไหล หรือถูกบุคคลภายนอกดูดออกไป
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ข้อมูลทั้งหมดยังปลอดภัยอยู่ ตอนนี้ฉันรีเซ็ตข้อมูลทุกอย่างแล้ว อีกประมาณห้าหรือสิบนาที ทุกแผนกก็จะเริ่มรีเซ็ตพร้อมกัน ส่วนข้อมูลอื่น ๆ ฉันแบ็กอัพเอาไว้ที่เซิร์ฟเวอร์แล้ว คุณส่งให้ฝ่ายไอทีของโรงพยาบาลจัดการต่อก็พอแล้วค่ะ”
“ขอบคุณมาก ๆ เลยนะครับ ถ้าไม่ได้คุณยี่หวา ครั้งนี้ผมต้องแย่แน่ ๆ อีกสองวัน ท่านผู้อำนวยการจะมีงานสำคัญด้วย ถ้าเกิดปัญหาขึ้นละก็ ซวยยกทีมแน่เลยครับ”
“อีกสองสามวันเหรอคะ ใช่งานทดสอบระบบเครื่องมือแพทย์ไตรมาสสองหรือเปล่าคะ”
“ใช่แล้วครับ จริงด้วยสิผมลืมไปเลยว่าบริษัท G9 ของคุณก็จะมาร่วมด้วย”
“ค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ วันนั้นฉันจะส่งทีมงานมาดูแลให้เอง”
“ขอบคุณมากครับ ฟังแบบนี้แล้วผมรู้สึกเบาใจขึ้นเลย… สวัสดีครับคุณหมอ”
“สวัสดีครับคุณดุสิต”
ยี่หวาหันไปสั่งทีมงานของเธอ ซึ่งมาด้วยกัน ไม่ทันเห็นว่าดุสิต หัวหน้าแผนกไอทีของโรงพยาบาล แวะทักทายใครบ้าง เมื่อเธอหันมา เขาก็ยังคงคุยกับหมออยู่สองสามคน
“ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้เลยนะครับ”
“ได้เลยครับคุณหมอ แต่ว่าทางโรงพยาบาลเรา มีบริษัทไอทีชั้นนำคอยดูแลอยู่ จริงสิมาทางนี้สิครับ ผมจะแนะนำให้รู้จัก เธอไม่ค่อยได้มาที่นี่เท่าไหร่ แต่ฝีมือเทียบกับโปรแกรมเมอร์คนเก่า ที่พึ่งออกไปได้เลยครับ”
“ผู้หญิงเหรอครับ”
“ใช่ครับ”
ยี่หวาที่กำลังรับรายงานมาจากทีมงาน เธอกดบางอย่างที่มือถือและหันมาเพื่อรับสาย เมื่อหันมา ดุสิตและคุณหมอก็เดินมาพอดี
“ค่ะบอส เรียบร้อยแล้วค่ะ ถ้าอย่างนั้นหวาไม่เข้าออฟฟิศแล้วนะคะ น้อง ๆ กลับไปพร้อมรายงานค่ะ ได้ค่ะ”
ยี่หวาวางสายไปแล้ว และกำลังเดินมาหาดุสิตเพื่อจะลากลับ
“คุณยี่หวาจะกลับแล้วเหรอครับ ผมว่าจะชวนไปทานข้าวสักหน่อย”
“ขอโทษด้วยค่ะคุณดุสิต พอดีหวามีนัดต่อน่ะค่ะ ถ้ามีปัญหาอะไรก็โทรแจ้งได้เลยนะคะ เดี๋ยวหวาส่งคนมาดุให้”
“ได้เลยครับ อ้อจริงสิครับคุณหวา นี่คุณหมอ “ธนิต” ศัลยแพทย์ของโรงพยาบาลเราครับ”
ยี่หวาหาผ้าห่มออกมาห่มให้เขา คนตัวโตไม่เหมาะกับโซฟาเอาเสียเลย แต่เธอเห็นว่าเขานอนหลับสนิท ก็เลยไม่อยากกวน“งานของพวกคุณหมอ คงจะหนักมากจริง ๆ สินะ เพลียจนหมดสภาพขนาดนี้ มีเวลานอนกับเขาบ้างมั้ยเนี่ย”ยี่หวายืนมองดูติณณ์ภพ และคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย สุดท้ายก็ตัดสินใจเข้าห้องไปอาบน้ำ เพราะวันนี้เธอเองก็เหนื่อยมาทั้งวัน เธอเบาแอร์ข้างนอกให้เขาแล้ว เพราะกลัวว่าเขาจะหนาว พรุ่งนี้เป็นวันหยุด แต่คงไม่ดีแน่ ถ้ามีผู้ชายนอนอยู่ในห้องสาวโสดแบบนี้ “เอายังไงดีล่ะ ปลุกเขา หรือว่าไม่ปลุกดี”ยี่หวานั่งคิดอยู่ในห้อง แต่เห็นหมอติณณ์หลับสนิทเพราะความอ่อนเพลีย ก็ไม่อยากให้เขาขับรถกลับไปจริง ๆ ในใจของเธอยังเป็นห่วงเขาอยู่ แต่ก็ไม่อยากยอมรับ ถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่ คงได้ใจอ่อนให้เขาอีกครั้งแน่ ๆ“ช่างมันเถอะ แค่คืนเดียวเอง ไม่เป็นอะไรหรอกน่า พรุ่งนี้ตื่นมา เผลอ ๆ เขาก็กลับไปแล้ว”ยี่หวาตัดสินใจข่มตาให้หลับ ซึ่งทำได้ยากมาก เพราะรู้ว่าใครยังนอนอยู่ข้างนอก แม้จะมีประตูกั้น แต่เธอยังไม่ลืมอ้อมกอดเพียงชั่วครู่ ที่ถูกเขากอดเมื่อกี้นี้“พอได้แล้ว นอน ๆ ๆ อย่าเพ้อเจ้อ โอ๊ย!!!”ส่วนคนที่นอนอยู่ข้างนอก ก็ได้แต่ยืนพิงประตู
“คุณหมอคะ นี่มัน…”“เมื่อกี้ผมแอบเห็นนะ มีบางคนแอบไม่พอใจ ตอนที่มีนาขอเบอร์ผม อย่าโกหก”“ไม่ใช่ซะหน่อย ก็แค่…”“ไม่รีบขึ้นไปตอนนี้ เดี๋ยวจะดึกนะครับ”ยี่หวาจำใจต้องพาเขาขึ้นห้องมาด้วย ไม่คิดมาก่อนเลยว่าหมอติณณ์ จะรุกหนักกว่าตอนที่เธอจีบเขาด้วยซ้ำไป ตอนนั้นเธอก็คิดว่าตัวเองหน้าด้านสุด ๆ แล้วนะ แต่มาดูตอนนี้แล้ว เธอสู้หมอติณณ์ไม่ได้เลย“เข้ามาก่อนสิคะ”เขาเดินตามเธอเข้าไปในห้องชุดสุดหรู ซึ่งคิดว่าราคาน่าจะแพงเอาเรื่อง เพราะห้องของยี่หวาแม้ว่าจะเล็กกว่าที่เขาอยู่ แต่แยกสัดส่วนชัดเจน มีห้องครัวแยก และห้องนั่งเล่น ดูแล้วห้องน้ำน่าจะมีสองห้อง เพราะเห็นมีห้องนอนแยกอยู่อีกทาง“ผมขอเข้าห้องน้ำหน่อยนะ”"เชิญค่ะ"เธอเปิดไฟให้เขา และเดินเข้ามาในห้อง เมื่อประตูห้องน้ำปิด ก็รีบมานั่งที่โซฟาเพื่อสงบอารมณ์“ใจเย็น ๆ ไม่มีอะไรทั้งนั้น เขาก็แค่แวะมาเข้าห้องน้ำ”ยี่หวาพยายามไม่ตื่นเต้น เมื่อหมอติณณ์เดินออกมาจากห้องน้ำ เธอก็ยื่นน้ำมาให้เขา“ดื่มน้ำก่อนไหมคะ”“ขอบคุณมากนะ ห้องของคุณ… น่ารักมาก เหมาะกับคุณมากเลย”"เอ่อ นี่คุณหมอคะ ทำไมเดินสำรวจห้องคนอื่นแบบนี้ล่ะ"เธอเดินตามเขาแทบไม่ทัน เพราะคิดว่าจะยื่นขว
หมอติณณ์หันมากระซิบ และโอบเอวเธอเข้ามาจนชิด ก่อนจะตอบเพื่อน ๆ ไป“เอาไว้ค่อยนัดเจอกันวันหลังนะ วันนี้ต้องรีบไปส่งยี่หวากลับบ้านก่อน วันนี้ทำงานเหนื่อย ต้องรีบพากลับไปพักผ่อนน่ะ”“ว้าว…. สุดยอดไปเลยหมอติณณ์ ได้เลยเอาไว้โทรคุยกัน จริงสินายเปลี่ยนเบอร์แล้วนี่ เอาเบอร์มาหน่อยสิ”"ได้สิ หวารอพี่เดี๋ยวนะ"“ค่ะ”เธอทำอะไรไม่ได้ แต่เมื่อเห็นสายตาของมีนา ก็เริ่มอยากจะเอาคืน เพราะรู้ว่า มีนาเคยชอบหมอติณณ์มาตั้งแต่สมัยเรียน และพยายามแทรกเข้ามาระหว่างเธอกับติณณ์เสมอ แต่หมอติณณ์ไม่ได้คิดอะไรกับเธอ และเคยปฏิเสธไปแล้วถึงสองครั้ง“เอาไว้ค่อยนัดเจอกันนะ”“ติณณ์กลับมาคบกับรุ่นน้องคนนี้เหรอ”“มีนา! ไม่เอาน่า นี่มันเรื่องส่วนตัวของหมอติณณ์ ไอ้ตงกับวรุณรออยู่ข้างในแล้วนะ”“แลกเบอร์กับเราด้วยสิหมอติณณ์”มีนายื่นมือถือมาให้เขา ยี่หวาสะบัดไหล่ออกจากเขาเบา ๆ แต่หมอติณณ์ก็รีบคว้าเธอเข้ามาอีกครั้ง แม้แต่หมอเจย์ ก็เห็นถึงอาการที่หมอติณณ์แสดงความเป็นเจ้าของ โดยไม่สนใจมีนาเลย “ไม่เป็นไรหรอกมีนา เอาไว้ผมติดต่อเจย์ไป แล้วค่อยเจอกันก็ได้ ไปก่อนนะเจย์ แล้วเจอกัน”“ได้สิแล้วเจอกัน เอาไว้พาน้องยี่หวา มาทานข้าวด้วยกันด
เขาได้ยินเธอคุยโทรศัพท์ และตัดสินใจตามมาที่นี่ และสังเกตเห็นว่า เธอสั่งกาแฟมานั่งดื่มไปสองแก้ว ระหว่างที่รอคู่ดูตัว ก็นึกเป็นห่วงเธอขึ้นมา“ไม่เป็นไรค่ะ คุณหมอทานข้าวเถอะค่ะ”“หายเผ็ดแล้วใช่ไหม เปลี่ยนกินอย่างอื่นมั้ย”“ก็ได้ค่ะ”ทั้งสองคนนั่งทานข้าวกันต่อเงียบ ๆ หมอติณณ์ไม่อยากจะเร่งรัดเธอ เพราะกลัวว่า นอกจากยี่หวาจะไม่ใจอ่อนแล้ว จะกลายเป็นว่า เธอจะเกลียดเขาแทน ระหว่างที่ทั้งคู่นั่งทานข้าว บรรยากาศก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ ยี่หวาไม่คิดเลยว่า หมอติณณ์จะเอาใจใส่เธอ บางทีอาจจะมากกว่าตอนเป็นแฟนด้วยซ้ำไป“กินของหวานแก้เผ็ดสักหน่อยนะ เอาลูกตาลลอยแก้วสองที่ครับ”“คุณหมอชอบกินของหวานด้วยเหรอคะ”“เมื่อก่อนไม่ได้ชอบหรอก แต่เพราะต้องคอยกิน เวลาใครบางคนกินไม่หมด ก็เลยกลายเป็นชอบไปแล้วน่ะ”“เปล่าเสียหน่อย ก็แค่อยากให้ลองชิมเท่านั้นเอง”“ยอมรับเหรอว่า กินไม่หมดจริง ๆ”“ก็…ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ ตอนนั้นกับตอนนี้ เหมือนกันที่ไหนล่ะคะ”“ก็ได้ งั้นคราวนี้กินให้หมดล่ะ”ยี่หวาเผยยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก หมอติณณ์ได้แต่นั่งอึ้งเมื่อเห็นเธอยิ้มออกมา เขาคิดถึงเธอมากจริง ๆ และไม่เคยลืมได้เลย เรื่องเมื่อห้าปีก่อน ที่ยี่หว
“อะไรนะคะ เลี้ยงข้าวเหรอคะ ไม่เกินไปหน่อยเหรอคะ”“คุณไม่เลี้ยงไม่เป็นไร ผมเลี้ยงคุณเองก็ได้ ไหน ๆ ก็อยู่ที่ร้านแล้วนี่ จริงไหม นั่งก่อนสิ ผมหิวมากเลย”“นี่คุณ…”เขาพูดและดันเธอไปนั่งเก้าอี้ตัวในสุด และเขานั่งข้าง ๆ เพื่อไม่ให้เธอหนี ยี่หวาทำตัวไม่ถูก แต่วันนี้ที่จริงแล้ว เธอคงต้องขอบคุณเขาจริง ๆ ที่ช่วยเธอเอาไว้ เพราะไม่คิดว่าศุภนัทจะตื๊อเก่งขนาดนั้น“อยากกินอะไรดีล่ะ ที่นี่มีอาหารที่คุณชอบกินหลายอย่างเลยนะ เลือกร้านได้ดีจริง ๆ”“ฉันไม่ได้เลือกเองหรอกค่ะ”“อ้องั้นเหรอ หรือว่าเราจะไปกินที่อื่นกันดีล่ะ”“ไม่ค่ะ คุณหมอทำแบบนี้เพื่ออะไรกันแน่คะ”หมอติณณ์หันไปมองบริกร ที่กำลังจะเดินมารับออเดอร์ เขาจึงสั่งอาหารสองสามอย่างโดยที่ไม่ถามเธอ ยี่หวานั่งนิ่งไม่พูดอะไร เมื่อเขาสั่งเสร็จก็หันมามองเธออีกครั้ง“ไม่รู้จริง ๆ เหรอ ว่าทำไปเพราะอะไร”ยี่หวาใจเต้นแรง เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มานานแล้ว และตอนนี้เขากำลังจะทำให้เธอ ไม่เป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง“คุณหมอไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้ค่ะ เรื่องที่ผ่านมาแล้ว ยังไงก็กลับคืนไปไม่ได้”“ผมก็ไม่ได้บอกว่า สนใจเรื่องที่ผ่านมา ที่ผมต้องการคือตอนนี้ต่างหาก”“คุณต้องก
ยี่หวารู้สึกเหนื่อยมาก กับการที่แม่ของเธอ ชอบสรรหาคนมาดูตัวและจับคู่ให้เธอ ยี่หวาไม่อยากขัดใจแม่ ทุกครั้งเธอก็ไปตามนัด และปฏิเสธไปทุกคน ในใจของเธอยังไม่มีใครเข้ามาแทนที่เขาได้“ก็ได้ค่ะ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะคะ ที่ไหนคะ ร้านอาหารในโรงแรม... ก็ได้ค่ะ ครั้งหน้าไม่ต้องนัดใครให้แล้วนะ แค่ทำงานก็เหนื่อยจะตายแล้ว”เธอเดินออกไปเพื่อเรียกรถแท็กซี่ เพื่อไปที่นัดหมายดูตัว ตามที่แม่ของเธอจัดการเอาไว้ให้ ไม่ไปก็คงจะทำให้แม่เสียหน้า ดังนั้นเธอจึงต้องไป และปฏิเสธให้จบ ๆ ไปร้านอาหาร“ง่่วงชะมัดเลย เมื่อไหร่จะมาเนี่ย กาแฟแก้วที่สองแล้วนะ”เธอนั่งรออยู่เกือบครึ่งชั่วโมง คู่ดูตัวของเธอเหมือนว่าจะยังไม่มา “อีกสิบนาทีถ้าไม่มา ฉันจะกลับบ้านแล้วนะ”ไม่นานหลังจากที่เธอพึมพำกับมือถือ เพราะนั่งไถฟีดข่าวไปเรื่อย ผู้ชายสวมชุดสูทสีดำ ก็เดินเข้ามาหาเธอทันที“สวัสดีครับ คุณชื่อยี่หวาหรือเปล่า”“ใช่ค่ะ”เธอเงยหน้าขึ้นไปมองคู่ดูตัวของเธอ เขาเป็นนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ ที่น่าจะอายุพอ ๆ กับหมอติณณ์ แต่สีหน้าดูเจ้าชู้มากกว่า เขายื่นมือมาให้เธอ“ผมชื่อศุภนัท จะเรียกว่า “นัท” ก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ"“ยินดีที่ได้รู้จ