บทที่ 5
“เช่นนั้น ฉันชอบเธอ ไม่อยากให้เธอกลับไป” ไป๋ซีเยว่กระพริบตาปริบ ๆ”ทำตามที่เธอบอกแล้วได้ผลหรือไม่”
“ไม่ ข้าไม่ใช่คนที่จะใจง่าย ชอบคนที่รู้จักกันไม่ถึงสิบวันหรอก” คำนั้นเรียกรอยยิ้มจากริมฝีปากที่มักจะนิ่งเฉย “เช่นนั้นรออยู่จนถึงสิบวันแล้วดูว่าเธอจะชอบฉันไหม”
ไป๋ซีเยว่จะหันไปแย้ง แต่ก็ถูกกู้หยวนเฉิงตัดบท “หรือว่าไม่กล้า”
“จะกล้าหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวหรอก ข้าไม่มีความจำเป็นจะต้องพิสูจน์อะไร” แม้ซีเยว่จะพูดแบบนั้น แต่ใบหน้าของกู้หยวนเฉิงกลับยังดูเหนือกว่า และเริ่มพูดจาหว่านล้อมหญิงสาว
"ไม่คิดบ้างหรือว่าการที่เธอได้มาที่นี่ มันต้องมีความหมายอะไรสักอย่าง เหมือนแม่ของเธอ...” เขาหยุดพูดเพื่อดูอาการของอีกฝ่าย “แม่ของเธอเองก็คงจะไปจากที่นี่เหมือนกัน”
“ทำไมถึงพูดอย่างนั้น ท่านผู้บัญชาการพูดราวกับรู้อะไรเกี่ยวกับแม่ของข้า” ไป๋ซีเยว่ถามอย่างสงสัย
“ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแม่ของเธอหรอก แต่ฉันจะบอกอะไรให้ ปักกิ่งนั้นก่อนหน้านี้ไม่มีชื่อเมืองนี้หรอก มีแต่เมืองที่ชื่อว่าเป่ย์ผิง ไม่ก็ตั๋งจิงถ้าเก่าแก่กว่านั้น” แววตาของซีเยว่เปลี่ยนไป เพราะหญิงสาวเคยเจอชื่อที่ว่านั่นแต่ไม่เคยเจอชื่อปักกิ่งจริง ๆ คิดว่าเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ไม่มีบันทึกเอาไว้ซะอีก
“ถ้าเธอบอกว่าแม่เกิดที่ปักกิ่งแต่ไปอยู่ที่แคว้นฉู่...บางทีเรื่องนี้อาจจะมีอะไรที่ซับซ้อนซ่อนอยู่ ไม่อยากรู้เหรอ ฉันช่วยให้เธอรู้ได้นะ” ไป๋ซีเยว่มองอีกฝ่าย ใจหนึ่งก็อยากรู้เรื่องราวทั้งหมด แม้ว่าท่านแม่จะเล่าบ้างแต่ก็เหมือนปิดบังอะไรบางอย่างอยู่ แต่อีกใจก็เริ่มไม่ไว้ใจบุรุษตรงหน้า
“ไม่ต้องมองฉันอย่างนั้นหรอก ต่อไปฉันจะไม่ทำอะไรที่ไม่ชัดเจนอีกแล้ว ถ้าฉันจะตามจีบเธอฉันก็จะทำตรง ๆ” กู้หยวนเฉิงตัดสินใจพูดออกไปตรง ๆ เพราะหากเขารั้งตัวของไป๋ซีเยว่เอาไว้ไม่ได้ เห็นทีชาตินี้เขาคงไม่ได้เจอกับเธออีกแล้ว ต่อให้มันจะรวดเร็วรวบรัดไปหน่อย แต่สำหรับคนที่ไม่เคยหวั่นไหวให้ใครเลยอย่างเขา การได้เจอกับคนที่ทำให้เกิดความรู้สึกอย่างไรก็ต้องเก็บเอาไว้ข้างกายให้ได้
“จีบ” ในแววตาของไป๋ซีเยว่มีความงุงงงอยู่ ท่าทางแบบนั้นยิ่งทำให้หยวนเฉิงชอบใจ “ฉันควรจะพูดให้ถูกสินะ ฉันสนใจเธอและต้องการให้พวกเราค่อย ๆ รู้จักกันมากขึ้น”
“นี่ท่านจะเกี้ยวข้าหรือ” ไป๋ซีเยว่ทำหน้าตกใจ “ที่ฉันทำไปก่อนหน้านี้ยังไม่ชัดเจน” เขาเลิกคิ้วถาม อาการนั้นทำให้ซีเยว่หน้าแดง
“ข้าไม่ได้ตกลง แต่เรื่องท่านแม่ของข้า หากท่านผู้บัญชาการมีตำรามายืนยันข้าก็ต้องการอ่านดู”
“เธอจะยอมรับหรือไม่นั่นเป็นเรื่องของเธอ แต่ฉันบอกแล้วว่าจะจีบ ส่วนเรื่ืองบ่อน้ำพุนี้ ถ้าเธอแอบหนีกลับไปฉันจะทุบมันทิ้ง...”
“อย่านะ มันไม่ได้มีประโยชน์แค่นั้น เอาเป็นว่าข้าจะไม่หนีกลับ ถ้าจะไปจะบอกท่านผู้บัญชาการก่อน แต่ที่ข้าอยู่ไม่ใช่เพราะเรื่องรักใคร่นะ ข้าแค่ต้องการรู้เรื่องของท่านแม่”
กู้หยวนเฉิงไม่กดดันอีกฝ่ายไปมากกว่านี้ แค่ท่าทางทำตัวไม่ถูกนั้นก็บอกได้ชัดแล้วว่าสิ่งที่เขาทำไปเมื่อครู่ทำให้อีกฝ่ายหวั่นไหว
พอนึกว่าเผลอทำอะไรไปก็แอบตำหนิตนเอง นี่เขาคงไม่ถูกเกลียดไปแล้วหรอกนะ
“ถ้าอย่างนั้นเธอไปพักก่อนเถอะ แล้วเดี๋ยวฉันจะเอาหนังสือไปให้ที่ห้อง” ไป๋ซีเยว่มองอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจก่อนจะเดินเลี่ยง ๆ เขาไป
ขณะเดียวกันกู้หยวนเฉิงก็มองหญิงสาวเดินจากไปจนลับตา ก่อนจะหันไปมองบ่อน้ำพุตรงหน้า
เขาอยากจะทุบมันทิ้งเลย แต่หากทำแบบนั้นไป๋ซีเยว่ก็จะยิ่งต่อต้านเขา แม้ว่าเขาจะไม่เคยจีบใครมาก่อน แต่เขาคิดว่ามันคงไม่ยากเกินมือของเขาหรอก
“นี่หูของฉันยังคงดีอยู่ใช่ไหม ท่านผู้บัญชาการกู้ เมื่อกี้บอกว่าจะอะไรกับใครนะ”
“ฉันบอกว่าฉันจะจีบไป๋ซีเยว่ คุณหมอของพวกนายน่ะ ช่วยฉันหน่อย” ป๋ออี้หรันยิ้ม “ทำเป็นนิ่ง สุดท้ายก็ชอบเขาจริง ๆ สินะ”
“เออ” กู้หยวนเฉิงไม่ได้ขัดขืน ชอบก็บอกว่าชอบ “ปากไม่แข็งด้วย นี่คงไม่ได้ชอบตั้งแต่แรกเห็นหรอกนะ” หยวนเฉิงขมวดคิ้ว “ไม่รู้เหมือนกัน แค่รู้ว่าใช่ แค่รู้ว่าชอบ” ป๋ออี้หรันตบเข่าฉาดใหญ่ “ให้มันได้อย่างนี้สิ แล้วบอกไปหรือยัง” กู้หยวนเฉิงพยักหน้า
“แล้วคุณหมอว่ายังไง”
“ไม่รู้ ก็ดูไม่รังเกียจ” เขาพูดตอบพร้อมรอยยิ้ม และยังเผลอเลียปากเบา ๆ”รอยยิ้มนี่...เพื่อน ฉันไม่รู้เลยว่านายมีมุมนี้ด้วย”
“เรียกดี ๆ เดี๋ยวคนอื่นมาได้ยิน”
“จะมีใครมาได้ยินได้อีก นี่ห้องพักส่วนตัวของนายนะ ท่านผู้บัญชาการ หน้าดุขนาดนี้ไม่มีใครกล้าเข้ามาหานอกจากฉันหรอก”
“ก็คงจริง” กู้หยวนเฉิงยักไหล่แล้วกลับไปดูหนังสือที่ป๋ออี้หรันเอามาให้ “อยากได้แบบที่มีประวัติศาสตร์แบบละเอียดกว่านี้ต้องหาที่ไหน”
“เหอะ อยากได้อะไรก็ได้ทั้งนั้นนั่นแหละแต่ลงจากเขาให้ได้ก่อน ส่งข่าวไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยอื่นหรือยัง หรือลืมไปแล้วว่าพวกเราถูกล้อม”
“ไม่ได้ลืมหรอก แค่ไม่อยากนั่งรอเฉย ๆ สัญญาณก็ส่งไปตลอด แต่แถว ๆ นี้ก็คงโดนไม่ต่างกัน พวกนี้คงเตรียมการมาสักพักแล้ว เราก็แค่กั้นแล้วยื้อเอาไว้ก็พอ อย่างไรคนทั่ว ๆ ไปก็ไม่เป็นอันตรายอยู่แล้ว พวกนั้นจงใจเล่นงานแค่พวกในเครื่องแบบ”
บทที่ 31“ตั้งแต่เด็กผมเคยถามพ่อตลอดว่าผมทำดีหรือยัง แต่พ่อไม่เคยบอกว่ามันดี ตอนนี้ผมไม่สนใจอีกแล้วว่าพ่อจะคิดอย่างไร ในเมื่อทำแค่ไหนก็ไม่ดีสำหรับพ่ออยู่ดี ผมก็จะทำในแบบของผมเอง” “ลูกพูดกับพ่ออย่างนี้ได้อย่างไรหยวนเฉิง...” กู้หยวนเฉิงหันมองแม่ตัวเอง “ทำไมผมจะพูดไม่ได้ แม่เคยเห็นใจผมบ้างไหม ตั้งแต่เด็กมาผมเคยใช้ชีวิตเหมือนเด็กคนอื่นไหม มีแต่แม่อยากให้เป็นอะไร พ่อชอบให้ผมทำอะไร หากแม่อยากเอาใจพ่อ แม่ก็ทำเองสิครับ จะมาใช้ผมเป็นเครื่องมือทำไม แม่เห็นใจผมบ้างไหมหรือแค่ทำทุกอย่างเพื่อสนองความต้องการของแม่เท่านั้น” “พูดจาไม่สมกับเป็นคนตระกูลกู้” กู้หยวนเฉิงหัวเราะเย้ยหยันตัวเองและคนตรงหน้า “พ่อเคยถามผมหรือเปล่าว่าผมอยากเป็นไหม เป็นคนตระกูลกู้ต้องเป็นอย่างไรเหรอครับ พ่อเคยทำให้ปู่พอใจได้ไหม ผมมั่นใจเลยว่าไม่ได้ ความต้องการของคนตระกูลกู้ช่างสูงส่งจริง ๆ แต่ผมคงเป็นไม่ไหว ผมแค่อยากมีครอบครัวของผมแค่นั้น เป็นคนธรรมดาที่ช่วยเหลือคนอื่น...” กู้หยวนเฉิงชี้ไปที่ซีเยว่“พ่อกับแม่รู้ไหมว่าเธอ...ไม่สิ อธิบายบอกไปก็คงไม่ทำให้พ่อแม่เข้าใจหรอก ครั้งนี้ผมจะออกไปจากบ้านหลังนี้อีกครั้ง แต่มันไม่ใช่การหนี ผ
บทที่ 30“ไปข้างบนเถอะ” กู้หยวนเฉิงที่เดินออกมารีบประคองภรรยาของเขาขึ้นไปบนบ้าน แต่เพียงแค่เดินผ่านแม่ของเขา เสียงของแม่เขาก็ดังตามมา“เดินไปทั่วราวกับเห็นที่นี่เป็นบ้านของตัวเอง ที่เข้ามาอยู่ที่นี่ได้ ก็เพราะลูกชายของฉันยืนกรานจะรับ แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะมีที่ยืนในตระกูลกู้หรอกนะ” แม้จะไม่พูดอะไรออกมาแต่ไป๋ซีเยว่กลับคิดอะไรอยู่มากมายในหัวของเธอในตอนนี้“คำพูดของพ่อคุณหมายความว่าอย่างไร” ไป๋ซีเยว่ไม่อยากคิดมากไปเอง เธอท้อง...นี่เป็นความจริงที่เธอยังไม่ได้บอกสามี เธอรู้ตั้งแต่ยังไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ แต่แค่อยากแน่ใจว่าจะไม่มีปัญหาอะไร จึงคิดว่าจะบอกเขาตอนที่ทุกอย่างมันดีกว่านี้ แต่คำที่ได้ยินเมื่อครู่“พ่อไม่คิดถึงอะไรนอกจากตระกูลหรอก หลานจากฉันก็คือทายาทของเขา เธอไม่ต้องกังวลหรอก ปัญหายังมาไม่ถึง เอาแค่วันพรุ่งนี้พวกเราจะอยู่ที่นี่ไหวไหมดีกว่า”ไป๋ซีเยว่เงียบไป เธอรู้สึกไม่มั่นใจกับการรับมือกับปัญหาครอบครัวของคนตรงหน้าเลยสักนิด กู้หยวนเฉิงที่วางแผนรบได้ แต่กลับจัดการพ่อแม่ของตัวเองไม่ได้“พรุ่งนี้เราย้ายไปหาบ้านเช่ากันไหม แล้วค่อยทำอย่างเธอบอก หนีไปอยู่มณฑลไกล ๆ”“แล้วต้องหนีไปไกลแค่ไ
บทที่ 29แม้จะรู้ว่าแม่สามีไม่ชอบ และพ่อสามีก็ยังคงคิดเหมือนกัน แต่ในเมื่อตั้งใจจะทำให้ถึงที่สุดแล้ว ซีเยว่จึงตัดสินใจลงมาช่วยคนงานในครัวจัดอาหารเย็น“คุณไม่ต้องมาช่วยก็ได้ค่ะ ปกติคุณนายก็ไม่ทำ” ซีเยว่ยิ้มเมื่อเธอเดินเข้ามาในครัวแล้วทุกคนตกใจและแปลกใจมากกว่าไม่ต้อนรับ“ฉันแค่อยากทำอาหารที่บำรุงร่างกายให้พวกท่านได้ลองน่ะค่ะ” คนงานในครัวเข้าใจ หญิงสาวคงอยากจะทำตัวให้แม่สามีรัก แต่คงจะยากสักหน่อยเพราะเหมือนอคติจะอยู่ในใจไปแล้วไป๋ซีเยว่อยู่ในครัวเกือบสองชั่วโมงเพื่อทำอาหารที่ต่อให้มีเงินก็ไม่สามารถหากินได้ หลังจากทำเสร็จเธอรีบกลับขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ก็จำเป็นต้องเดินผ่านแม่สามีที่นั่งอยู่ที่ห้องโถงก่อนขึ้นบันได“แต่งตัวให้ดีอย่างไรก็ไล่กลิ่นสาบบ้านนอกออกไปไม่ได้สินะ” สายตาเหยียด ๆ ถูกส่งมาให้ ไป๋ซีเยว่ได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินหนีไป ไม่แม้แต่จะต่อความยาวกับคนอายุมากกว่า “ผู้ใหญ่พูดด้วยไม่ได้ยินหรืออย่างไร” แม้แม่สามีของเธอจะลุกขึ้นมายืนต่อว่าซีเยว่ก็ทำเพียงแค่หันมองแล้วก้มหัวให้ก่อนจะเดินหนีมาเท่านั้นเธอไม่คิดว่าการพูดจาจะมีประโยชน์อะไร ที่จริงตอนนี้เธอเริ่มคิดแล้วว่าที่นี่ไม่น่าอยู่ โ
บทที่ 28ไป๋ซีเยว่มองคฤหาสน์หลังใหญ่ตรงหน้า เธอรู้แค่ว่ามันใหญ่แค่นั้นไม่ได้ตื่นเต้นหรือคิดว่ามันแตกต่างอะไร เพราะรู้อยู่แล้วว่ากู้หยวนเฉิงมีตระกูลที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง แต่เมื่อหันไปมองคนข้าง ๆ กู้หยวนเฉิงมองประตูคฤหาสน์ของตนด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์นัก เขาไม่ได้รู้สึกดีกับมันสักเท่าไร ถ้าหากเลือกเกิดได้เขาอยากเป็นแค่คนธรรมดา ๆ แบบป๋ออี้หรันมากกว่า แต่มันคงทำไม่ได้“คุณชายกลับมาแล้วเหรอครับ” หยวนเฉิงไม่ได้พูดอะไร เขาแค่ส่งของของเขาและของซีเยว่ไปให้กับลุงคนทำสวนเท่านั้น“เอาไปไว้ที่ห้องผม” “ไม่ต้องเอาไปไหนทั้งนั้นนั่นแหละ กลับมาได้แล้วเหรอ นึกว่าลืมไปแล้วว่ามีบ้านอยู่ตรงนี้” คุณนายกู้มองลูกสะใภ้ของตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้า “ลูกเต้าเหล่าใครล่ะ...” ซีเยว่ยังไม่ทันตอบอีกฝ่ายก็พูดต่อ “ถึงได้ปล่อยเนื้อปล่อยตัว อายุเท่านี้ก็แต่งงานแล้ว หนังสือคงไม่รู้เลยล่ะมั้ง” ใบหน้าเหยียด ๆ นั่นทำให้ซีเยว่ไม่ค่อยพอใจนัก เธอเริ่มเข้าใจคำของกู้หยวนเฉิงแล้วที่ไม่อยากกลับบ้าน ขนาดลูกชายอยู่ตรงนี้ อีกฝ่ายยังไม่ไว้หน้าเธอเลยสักนิด“ผมแค่กลับมาเยี่ยมก่อนจะเข้าไปรายงานตัวครับ ถ้าแม่ไม่พอใจผมเลยไปนอนที่กรมเลยก็ได้”
บทที่ 27กู้หยวนเฉิงและไป๋ซีเยว่เดินผ่านคนมากมายเข้าไปที่ลานกว้างหน้าหอระฆัง พวกเขาเห็นป๋ออี้หรันยืนรออยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มทั้งสองโบกมือให้กันทันทีที่เห็น “ในที่สุดก็มาสักที นึกว่าจะต้องไปตามแล้ว” ป๋ออี้หรันอย่างไรก็ยังเป็นคนพูดมากอยู่ดี “กลัวไหม” กู้หยวนเฉิงถามไป๋ซีเยว่ คนที่เมืองหลวงเดินไม่ค่อยดูคน และบรรดาคนที่ขายของก็มักจะถึงเนื้อถึงตัว“ชุดนี้เหมาะกับแม่หนูมากเลยนะ สนใจไหม” ไป่ซีเยว่มองแล้วก็พยักหน้า ที่จริงมันก็ไม่ต่างอะไรกับตลาดชายแดนเมื่อก่อน คนเยอะมากมาย“ชุดนี้เหมาะกับเธอดี เอาไหมฉันซื้อให้” ซีเยว่ส่ายหน้า “ให้ฉันได้ใช้เงินบ้างเถอะ”“ฉันเองก็ไม่ค่อยได้ใช้เหมือนกันนะ” “จะเถียงกันทำไม แม่หนูก็เอาไปสองชุด ซื้อเองด้วย ให้สามีของหนูซื้อให้ด้วยดีไหม” สุดท้ายแวะร้านแรกก็ได้ชุดมาตั้งสองชุด “พูดเยอะจนแม่ค้าล้อเลย” ป๋ออี้หรันที่เดินตามมาก็อดหัวเราะขำไม่ได้ แม้สองคนนี้จะแต่งกันมานาน แต่ก็ยังมีท่าทางเกร็ง ๆ ต่อกันอยู่ดี“อุ๊ย น่ารักจัง” ไป๋ซีเยว่เห็นกิ๊บติดผมแล้วก็หยุดยืนดู คงเป็นเพราะคนที่นี่ไม่ค่อยประดับผมเท่าไร แต่เธอชอบมาก แม้จะไม่เหมือนกับการปักปิ่นแบบนั้นแต่มันก็ดูสวยดี“สวยทั
บทที่ 26รถไฟเที่ยวพิเศษสำหรับเหล่าทหารที่กลับไปยังเมืองหลวงและมณฑลต่าง ๆ จอดนิ่งอยู่ที่ชานชาลา เสียงหวีดเบา ๆ ของหัวรถจักรทำให้ไป๋ซีเยว่ที่เพิ่งเคยเห็นรถไฟครั้งแรกออกจะตื่นเต้นแต่ก็ต้องพยายามเก็บความรู้สึกเอาไว้“เพิ่งเคยขึ้นครั้งแรกใช่ไหม” กู้หยวนเฉิงกระซิบเบา ๆ ข้างหูภรรยาของเขา ซีเยว่พยักหน้า “ใช่ เหมือนที่ท่านแม่เคยเล่า แต่ว่ามันมีเร็วกว่านี้ด้วยนะ” “รู้ได้อย่างไรว่าเร็วกว่า” “ท่านแม่บอกว่ามันมีหลายแบบ อันนี้มีไอน้ำน่าจะเป็นรถไฟหัวจักรไอน้ำใช่ไหม” กู้หยวนเฉิงพยักหน้า “ใช่ ขึ้นไปกันเถอะ” ไม่ว่าอะไรในชีวิตของไป๋ซีเยว่ก็ดูจะใหม่ทั้งหมดเมื่อได้มาอยู่ข้างกายของกู้หยวนเฉิง แม้หลายสิ่งจะแตกต่างจากที่เคยได้ยินแม่ของเธอเล่าแต่มันก็ดูคลับคล้ายพอไปถึงที่นั่งซีเยว่ก็จะเอาของขึ้นเก็บด้านบนหัวที่เป็นที่เก็บของ แต่กู้หยวนเฉิงก็จัดการให้ “อะไรจะหวานกันขนาดนั้น นั่งไปสองคนเลยฉันนั่งตรงนี้คนเดียวก็ได้” ป๋ออี้หรันแกล้งชนกู้หยวนเฉิงก่อนจะเดินไปนั่้งฝั่งตรงข้าม“ว่าแต่รถไฟมันโยกเยก ร้อยโทไป๋ก็นั่งดี ๆ นะครับ หรือจะให้เพื่อนของผมประคองเอาไว้ก็ได้” “ปากนายนี่ ไปนั่งที่อื่นเลย”“เห็นฉันเป็นส่วนเกิน