บทที่ 6
ไป๋ซีเยว่มองปลาที่ตัวเองจับมาได้ ธารน้ำแห่งนี้แม้จะไม่ใหญ่นักแต่ก็มีปลาตลอด เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น
หญิงสาวตัดสินใจอยู่ที่นี่ต่อเพราะอยากรู้เรื่องเมืองเกิดของท่านแม่ของตน แม้จะเสี่ยงแต่สุดท้ายแล้วก็แค่ก้าวเดินลงไปในบ่อน้ำพุจะกลับเมื่อไรก็ได้อยู่แล้ว เพราะคิดอย่างนั้นจึงไม่ได้คิดมากอะไร
ถ้านับกันวันนี้ก็เป็นวันที่แปดแล้วที่ได้มาอยู่ที่นี่ ตอนแรกแม้จะสับสนเรื่องสถานที่ แต่ในใจกลับรู้สึกสงบต่างจากตอนนี้
แม้จะไม่ได้แสดงออกมาแต่ทุกครั้งที่เจอหน้ากับท่านผู้บัญชาการกู้ ซีเยว่ยอมรับเลยว่าตัวเองมีอาการบางอย่างเปลี่ยนไป
ริมฝีปากถูกกัดน้อย ๆ เมื่อภาพวันนั้นปรากฏขึ้นมาในหัวอีกครั้ง
“ทำไมถึงได้ฟุ้งซ่านแบบนี้นะไป๋ซีเยว่ เรื่องมันผ่านไปแล้ว จะไปสนใจอีกทำไมกัน เหมือนหมาเลียปากแค่นั้นจริง ๆ” แม้จะพูดกับตัวเองแบบนั้น แต่หัวใจที่เต้นแรงแทบทะลุออกมา มันบอกให้รู้ว่าคำที่พูดนั้นไร้ซึ่งความจริง
เมื่อทำอะไรไม่ได้ก็หาอะไรทำ รักษาคนก็ทำจนหมดแล้ว ตอนนี้ทหารเหล่านั้นแข็งแรงยิ่งกว่าม้าซะอีก แต่ซีเยว่กลับเพิ่งรู้ว่าสถานที่ที่คนอยู่กันมากมายแห่งนี้กำลังเกิดปัญหา
ตอนแรกที่มาอยู่ ได้กินแต่ผักดองทุกมื้อก็ไม่ได้แปลกใจอะไร ปกติเวลาอยู่กับครอบครัวก็กินเช่นนี้ นาน ๆ จะมีน้ำแกงไก่ หรือไม่ก็น้ำแกงปลาบ้าง ไม่ได้เบียดเบียนชีวิตใครบ่อย ๆ จึงไม่เคยแย้งเรื่องอาหาร
แต่สำหรับคนที่ต้องรักษาบาดแผลภายใน การได้กินอาหารให้ครบหมวดหมู่อย่างที่ท่านแม่เคยบอกเป็นเรื่องสำคัญ ร่างกายจะฟื้นฟูเร็วกว่า ตอนนี้แม้ภายนอกเห็นว่าทุกคนอาการดีแล้ว แต่แผลภายในอาจจะยังเจ็บไปอีกเป็นเดือน หรือบางคนเป็นปี
ไป๋ซีเยว่ตัดสินใจออกไปหาโปรตีนแบบที่ท่านแม่เคยบอก แต่จะให้ไปฆ่าไก่นั้นหญิงสาวก็ไม่ถนัด แต่ถ้าเป็นปลานั้นไม่มีปัญหาอยู่แล้ว โชคดีที่ลำธารแห่งนี้ยังคงเหมือนเดิม แม้ว่าจะใกล้กับจุดที่พวกทหารไม่ให้ไป แต่ซีเยว่คิดว่าคนเหล่านั้นคงไม่ทำร้ายชาวบ้านธรรมดา
พอคิดจะอยู่ต่อก็เริ่มต้องเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว และด้วยเหตุนั้นทำให้รู้ว่า ที่ตรงนี้เป็นหน่วยงานของทหาร ปกติจะช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องต่าง ๆ ให้ชาวบ้านตั้งแต่หลังยุคปฏิวัติวัฒนธรรม แต่แถวนี้เป็นมณฑลที่อยู่ห่างไกลออกมา จึงมีชนกลุ่มน้อยที่ต่อต้านรัฐบาลกลาง คนพวกนี้บางคนอยากแยกตัวออกไปจึงมีการโจมตีทหารอยู่เป็นช่วง ๆ
และเพราะอย่างนั้นจึงทำให้ทุกคนบาดเจ็บในวันนั้น เพราะหลายจุดถูกเหล่าคนที่ถูกเรียกว่ากบฏหรือกลุ่มต่อต้านรัฐโจมตี และยังเป็นเหตุให้เสบียงอาหารไม่พอในตอนนี้ด้วย โชคดีที่แป้งกับข้าวนั้นมาจากพื้นที่ จึงมีเหลือเฟือกินได้ทั้งนอกฤดูปลูกข้าวและเก็บเกี่ยว
กู้หยวนเฉิงที่ออกจากห้องประชุมเพื่อหาวิธีการรับมือกับทั้งเรื่องเสบียงและเรื่องการติดต่อกับหน่วยอื่น ๆ รู้สึกแปลกใจกับกลิ่นหอมในโรงอาหาร
“กลิ่นนี่” เขากวาดตามองไปรอบ ๆ ห้องก่อนจะหยุดลงที่ไป๋ซีเยว่ที่ยืนอยู่หน้าหม้อต้มแกงหมอใหญ่ พร้อมกับทหารที่ถือถาดต่อแถวเรียงยาว พอทุกคนเห็นเขาเดินไปก็หลบทางให้
“ทำอาหารเป็นด้วยเหรอ” เขารู้สึกเหมือนอีกฝ่ายมีเรื่องให้เขาแปลกใจอยู่เรื่อย ๆ มันไม่ใช่แค่หน้าตา หน้าตาแบบไป๋ซีเยว่ คิดว่าหาในเมืองปักกิ่งคงได้อยู่หลายคน แต่ทั้งอายุยังน้อย และมีความรู้ และความคิด อีกทั้งยังมีความสามารถหลายอย่างอย่างนี้ เห็นทีจะมีอยู่ไม่มาก
“ก็ไม่เคยบอกว่าทำไม่ได้” ไป๋ซีเยว่ไม่ได้คุยกับกู้หยวนเฉิงดีแบบเมื่อก่อน อีกทั้งยังหลบตาชายหนุ่มตลอดอีกด้วย
“เธอมากินกับฉัน ส่วนอาหารเนี่ยให้คนอื่นมาทำ” กู้หยวนเฉิงพูดพลางตะโกนเรียกหาทหารที่มีหน้าที่ดูแลเรื่องตรงนี้
“มีคนหามาทำให้กินแล้วยังต้องให้เธอตักให้อีกหรือไง เมื่อก่อนใครดูแลกัน” น้ำเสียงที่มีอำนาจทำให้ทหารที่ดูแลโรงอาหารรีบวิ่งมาประจำหน้าที่ตัวเอง
“เขาไม่ได้...”
“มันไม่ใช่หน้าที่เธอ ให้เขาทำนั่นแหละดีแล้ว ว่าแต่ไปเอาปลามาจากไหน อย่าบอกนะว่า...” ไม่ใช่กู้หยวนเฉิงไม่รู้ว่าด้านล่างมีลำธาร แต่เขากลัวว่ามันจะเสี่ยงเลยยังไม่ได้สั่งการอะไรลงไป
“ใครพาไป” กู้หยวนเฉิงถามเสียงเข้มแต่ไป๋ซีเยว่กลับนิ่งเงียบเป็นคำตอบ
“กินก่อนแล้วค่อยคุยกัน” เขาเห็นอีกฝ่ายก้มหน้านิ่งไม่ยอมตอบก็พอจะเดาได้ สิ่งที่ไป๋ซีเยว่ทำเป็นเรื่องดี แต่เขากังวล กลัวว่าหญิงสาวจะได้รับบาดเจ็บหรืออันตราย หรือร้ายแรงกว่านั้นคือถูกคนพวกนั้นจับตัวไป ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาคงทำอะไรไม่ถูกแน่ ๆ
กู้หยวนเฉิงตักอาหารสำหรับตัวเองและหญิงสาวก่อนที่จะพาอีกฝ่ายออกมากินข้างนอกหลบสายตาผู้คน
“ลงไปที่ลำธารมาเหรอ” เสียงเข้มเมื่อครู่อ่อนลง เขารู้ว่าอีกฝ่ายใจดี แต่นี่มันอันตราย แต่แม้จะทำเสียงอ่อนลงแล้วไป๋ซีเยว่ก็ยังไม่ยอมตอบ
“ขอโทษที่ขึ้นเสียง ฉันก็แค่เป็นห่วง” ซีเยว่เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย “คนที่บาดเจ็บต้องกินโปรตีนบ้างจะได้หายเร็ว ๆ” กู้หยวนเฉิงมองหญิงสาว
“ที่จริงก็กำลังคิดหาวิธีแก้ไขอยู่ ขอบคุณนะที่เป็นห่วงทุกคน”
“หน้าที่ของหมอ”
บทที่ 31“ตั้งแต่เด็กผมเคยถามพ่อตลอดว่าผมทำดีหรือยัง แต่พ่อไม่เคยบอกว่ามันดี ตอนนี้ผมไม่สนใจอีกแล้วว่าพ่อจะคิดอย่างไร ในเมื่อทำแค่ไหนก็ไม่ดีสำหรับพ่ออยู่ดี ผมก็จะทำในแบบของผมเอง” “ลูกพูดกับพ่ออย่างนี้ได้อย่างไรหยวนเฉิง...” กู้หยวนเฉิงหันมองแม่ตัวเอง “ทำไมผมจะพูดไม่ได้ แม่เคยเห็นใจผมบ้างไหม ตั้งแต่เด็กมาผมเคยใช้ชีวิตเหมือนเด็กคนอื่นไหม มีแต่แม่อยากให้เป็นอะไร พ่อชอบให้ผมทำอะไร หากแม่อยากเอาใจพ่อ แม่ก็ทำเองสิครับ จะมาใช้ผมเป็นเครื่องมือทำไม แม่เห็นใจผมบ้างไหมหรือแค่ทำทุกอย่างเพื่อสนองความต้องการของแม่เท่านั้น” “พูดจาไม่สมกับเป็นคนตระกูลกู้” กู้หยวนเฉิงหัวเราะเย้ยหยันตัวเองและคนตรงหน้า “พ่อเคยถามผมหรือเปล่าว่าผมอยากเป็นไหม เป็นคนตระกูลกู้ต้องเป็นอย่างไรเหรอครับ พ่อเคยทำให้ปู่พอใจได้ไหม ผมมั่นใจเลยว่าไม่ได้ ความต้องการของคนตระกูลกู้ช่างสูงส่งจริง ๆ แต่ผมคงเป็นไม่ไหว ผมแค่อยากมีครอบครัวของผมแค่นั้น เป็นคนธรรมดาที่ช่วยเหลือคนอื่น...” กู้หยวนเฉิงชี้ไปที่ซีเยว่“พ่อกับแม่รู้ไหมว่าเธอ...ไม่สิ อธิบายบอกไปก็คงไม่ทำให้พ่อแม่เข้าใจหรอก ครั้งนี้ผมจะออกไปจากบ้านหลังนี้อีกครั้ง แต่มันไม่ใช่การหนี ผ
บทที่ 30“ไปข้างบนเถอะ” กู้หยวนเฉิงที่เดินออกมารีบประคองภรรยาของเขาขึ้นไปบนบ้าน แต่เพียงแค่เดินผ่านแม่ของเขา เสียงของแม่เขาก็ดังตามมา“เดินไปทั่วราวกับเห็นที่นี่เป็นบ้านของตัวเอง ที่เข้ามาอยู่ที่นี่ได้ ก็เพราะลูกชายของฉันยืนกรานจะรับ แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะมีที่ยืนในตระกูลกู้หรอกนะ” แม้จะไม่พูดอะไรออกมาแต่ไป๋ซีเยว่กลับคิดอะไรอยู่มากมายในหัวของเธอในตอนนี้“คำพูดของพ่อคุณหมายความว่าอย่างไร” ไป๋ซีเยว่ไม่อยากคิดมากไปเอง เธอท้อง...นี่เป็นความจริงที่เธอยังไม่ได้บอกสามี เธอรู้ตั้งแต่ยังไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ แต่แค่อยากแน่ใจว่าจะไม่มีปัญหาอะไร จึงคิดว่าจะบอกเขาตอนที่ทุกอย่างมันดีกว่านี้ แต่คำที่ได้ยินเมื่อครู่“พ่อไม่คิดถึงอะไรนอกจากตระกูลหรอก หลานจากฉันก็คือทายาทของเขา เธอไม่ต้องกังวลหรอก ปัญหายังมาไม่ถึง เอาแค่วันพรุ่งนี้พวกเราจะอยู่ที่นี่ไหวไหมดีกว่า”ไป๋ซีเยว่เงียบไป เธอรู้สึกไม่มั่นใจกับการรับมือกับปัญหาครอบครัวของคนตรงหน้าเลยสักนิด กู้หยวนเฉิงที่วางแผนรบได้ แต่กลับจัดการพ่อแม่ของตัวเองไม่ได้“พรุ่งนี้เราย้ายไปหาบ้านเช่ากันไหม แล้วค่อยทำอย่างเธอบอก หนีไปอยู่มณฑลไกล ๆ”“แล้วต้องหนีไปไกลแค่ไ
บทที่ 29แม้จะรู้ว่าแม่สามีไม่ชอบ และพ่อสามีก็ยังคงคิดเหมือนกัน แต่ในเมื่อตั้งใจจะทำให้ถึงที่สุดแล้ว ซีเยว่จึงตัดสินใจลงมาช่วยคนงานในครัวจัดอาหารเย็น“คุณไม่ต้องมาช่วยก็ได้ค่ะ ปกติคุณนายก็ไม่ทำ” ซีเยว่ยิ้มเมื่อเธอเดินเข้ามาในครัวแล้วทุกคนตกใจและแปลกใจมากกว่าไม่ต้อนรับ“ฉันแค่อยากทำอาหารที่บำรุงร่างกายให้พวกท่านได้ลองน่ะค่ะ” คนงานในครัวเข้าใจ หญิงสาวคงอยากจะทำตัวให้แม่สามีรัก แต่คงจะยากสักหน่อยเพราะเหมือนอคติจะอยู่ในใจไปแล้วไป๋ซีเยว่อยู่ในครัวเกือบสองชั่วโมงเพื่อทำอาหารที่ต่อให้มีเงินก็ไม่สามารถหากินได้ หลังจากทำเสร็จเธอรีบกลับขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ก็จำเป็นต้องเดินผ่านแม่สามีที่นั่งอยู่ที่ห้องโถงก่อนขึ้นบันได“แต่งตัวให้ดีอย่างไรก็ไล่กลิ่นสาบบ้านนอกออกไปไม่ได้สินะ” สายตาเหยียด ๆ ถูกส่งมาให้ ไป๋ซีเยว่ได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินหนีไป ไม่แม้แต่จะต่อความยาวกับคนอายุมากกว่า “ผู้ใหญ่พูดด้วยไม่ได้ยินหรืออย่างไร” แม้แม่สามีของเธอจะลุกขึ้นมายืนต่อว่าซีเยว่ก็ทำเพียงแค่หันมองแล้วก้มหัวให้ก่อนจะเดินหนีมาเท่านั้นเธอไม่คิดว่าการพูดจาจะมีประโยชน์อะไร ที่จริงตอนนี้เธอเริ่มคิดแล้วว่าที่นี่ไม่น่าอยู่ โ
บทที่ 28ไป๋ซีเยว่มองคฤหาสน์หลังใหญ่ตรงหน้า เธอรู้แค่ว่ามันใหญ่แค่นั้นไม่ได้ตื่นเต้นหรือคิดว่ามันแตกต่างอะไร เพราะรู้อยู่แล้วว่ากู้หยวนเฉิงมีตระกูลที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง แต่เมื่อหันไปมองคนข้าง ๆ กู้หยวนเฉิงมองประตูคฤหาสน์ของตนด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์นัก เขาไม่ได้รู้สึกดีกับมันสักเท่าไร ถ้าหากเลือกเกิดได้เขาอยากเป็นแค่คนธรรมดา ๆ แบบป๋ออี้หรันมากกว่า แต่มันคงทำไม่ได้“คุณชายกลับมาแล้วเหรอครับ” หยวนเฉิงไม่ได้พูดอะไร เขาแค่ส่งของของเขาและของซีเยว่ไปให้กับลุงคนทำสวนเท่านั้น“เอาไปไว้ที่ห้องผม” “ไม่ต้องเอาไปไหนทั้งนั้นนั่นแหละ กลับมาได้แล้วเหรอ นึกว่าลืมไปแล้วว่ามีบ้านอยู่ตรงนี้” คุณนายกู้มองลูกสะใภ้ของตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้า “ลูกเต้าเหล่าใครล่ะ...” ซีเยว่ยังไม่ทันตอบอีกฝ่ายก็พูดต่อ “ถึงได้ปล่อยเนื้อปล่อยตัว อายุเท่านี้ก็แต่งงานแล้ว หนังสือคงไม่รู้เลยล่ะมั้ง” ใบหน้าเหยียด ๆ นั่นทำให้ซีเยว่ไม่ค่อยพอใจนัก เธอเริ่มเข้าใจคำของกู้หยวนเฉิงแล้วที่ไม่อยากกลับบ้าน ขนาดลูกชายอยู่ตรงนี้ อีกฝ่ายยังไม่ไว้หน้าเธอเลยสักนิด“ผมแค่กลับมาเยี่ยมก่อนจะเข้าไปรายงานตัวครับ ถ้าแม่ไม่พอใจผมเลยไปนอนที่กรมเลยก็ได้”
บทที่ 27กู้หยวนเฉิงและไป๋ซีเยว่เดินผ่านคนมากมายเข้าไปที่ลานกว้างหน้าหอระฆัง พวกเขาเห็นป๋ออี้หรันยืนรออยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มทั้งสองโบกมือให้กันทันทีที่เห็น “ในที่สุดก็มาสักที นึกว่าจะต้องไปตามแล้ว” ป๋ออี้หรันอย่างไรก็ยังเป็นคนพูดมากอยู่ดี “กลัวไหม” กู้หยวนเฉิงถามไป๋ซีเยว่ คนที่เมืองหลวงเดินไม่ค่อยดูคน และบรรดาคนที่ขายของก็มักจะถึงเนื้อถึงตัว“ชุดนี้เหมาะกับแม่หนูมากเลยนะ สนใจไหม” ไป่ซีเยว่มองแล้วก็พยักหน้า ที่จริงมันก็ไม่ต่างอะไรกับตลาดชายแดนเมื่อก่อน คนเยอะมากมาย“ชุดนี้เหมาะกับเธอดี เอาไหมฉันซื้อให้” ซีเยว่ส่ายหน้า “ให้ฉันได้ใช้เงินบ้างเถอะ”“ฉันเองก็ไม่ค่อยได้ใช้เหมือนกันนะ” “จะเถียงกันทำไม แม่หนูก็เอาไปสองชุด ซื้อเองด้วย ให้สามีของหนูซื้อให้ด้วยดีไหม” สุดท้ายแวะร้านแรกก็ได้ชุดมาตั้งสองชุด “พูดเยอะจนแม่ค้าล้อเลย” ป๋ออี้หรันที่เดินตามมาก็อดหัวเราะขำไม่ได้ แม้สองคนนี้จะแต่งกันมานาน แต่ก็ยังมีท่าทางเกร็ง ๆ ต่อกันอยู่ดี“อุ๊ย น่ารักจัง” ไป๋ซีเยว่เห็นกิ๊บติดผมแล้วก็หยุดยืนดู คงเป็นเพราะคนที่นี่ไม่ค่อยประดับผมเท่าไร แต่เธอชอบมาก แม้จะไม่เหมือนกับการปักปิ่นแบบนั้นแต่มันก็ดูสวยดี“สวยทั
บทที่ 26รถไฟเที่ยวพิเศษสำหรับเหล่าทหารที่กลับไปยังเมืองหลวงและมณฑลต่าง ๆ จอดนิ่งอยู่ที่ชานชาลา เสียงหวีดเบา ๆ ของหัวรถจักรทำให้ไป๋ซีเยว่ที่เพิ่งเคยเห็นรถไฟครั้งแรกออกจะตื่นเต้นแต่ก็ต้องพยายามเก็บความรู้สึกเอาไว้“เพิ่งเคยขึ้นครั้งแรกใช่ไหม” กู้หยวนเฉิงกระซิบเบา ๆ ข้างหูภรรยาของเขา ซีเยว่พยักหน้า “ใช่ เหมือนที่ท่านแม่เคยเล่า แต่ว่ามันมีเร็วกว่านี้ด้วยนะ” “รู้ได้อย่างไรว่าเร็วกว่า” “ท่านแม่บอกว่ามันมีหลายแบบ อันนี้มีไอน้ำน่าจะเป็นรถไฟหัวจักรไอน้ำใช่ไหม” กู้หยวนเฉิงพยักหน้า “ใช่ ขึ้นไปกันเถอะ” ไม่ว่าอะไรในชีวิตของไป๋ซีเยว่ก็ดูจะใหม่ทั้งหมดเมื่อได้มาอยู่ข้างกายของกู้หยวนเฉิง แม้หลายสิ่งจะแตกต่างจากที่เคยได้ยินแม่ของเธอเล่าแต่มันก็ดูคลับคล้ายพอไปถึงที่นั่งซีเยว่ก็จะเอาของขึ้นเก็บด้านบนหัวที่เป็นที่เก็บของ แต่กู้หยวนเฉิงก็จัดการให้ “อะไรจะหวานกันขนาดนั้น นั่งไปสองคนเลยฉันนั่งตรงนี้คนเดียวก็ได้” ป๋ออี้หรันแกล้งชนกู้หยวนเฉิงก่อนจะเดินไปนั่้งฝั่งตรงข้าม“ว่าแต่รถไฟมันโยกเยก ร้อยโทไป๋ก็นั่งดี ๆ นะครับ หรือจะให้เพื่อนของผมประคองเอาไว้ก็ได้” “ปากนายนี่ ไปนั่งที่อื่นเลย”“เห็นฉันเป็นส่วนเกิน