บทที่ 7
กู้หยวนเฉิงที่เห็นหญิงสาวไม่ยอมพูดด้วย เขาก็เริ่มตักน้ำแกงปลากิน ทั้งกลิ่นและหน้าตาอย่างกับอาหารในเหลาที่ปักกิ่ง ส่วนรสชาติก็...
“อือ อร่อย ไม่ใช่แค่ปลาสินะที่ไปหามา ผักพวกนี้ เห็นขึ้นอยู่ใกล้ ๆ ตึก ไม่รู้ว่ากินได้” ไป๋ซีเยว่ยังรู้สึกไม่พอใจอีกฝ่ายอยู่จึงกินไปเงียบ ๆ โดยไม่ได้ตอบอะไรเขา
“โกรธเหรอ” กู้หยวนเฉิงไม่ใช่คนโง่ เขามองออกว่าไป๋ซีเยว่ไม่พอใจ และที่จริงเขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่พอใจเรื่องอะไร แต่เขาปากไวไป ทุกอย่างก็เพราะความเป็นห่วงทั้งนั้น
“ข้าอุตส่าห์หวังดีตั้งใจทำให้ทุกคนที่บาดเจ็บ เพราะเป็นห่วงกลัวว่าจะฟื้นตัวได้ช้าหากยังกินแต่ผักดองอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจทำถึงขนาดนี้แต่กลับถูกต่อว่า ท่านผู้บัญชาการคิดว่าข้าควรจะดีใจหรือไม่” แทนที่ชายหนุ่มจะสำนึกเขากลับยิ้มขำท่าทางแสนงอนที่น่าเอ็นดูนั่น
“ก็เป็นห่วง ตรงนั้นมันใกล้เชิงเขา หากพวกกบฏเจอเข้าจะทำอย่างไร” ซีเยว่มองหน้าอีกคน “ข้าดูดีแล้วถึงได้ลงไป ไม่ได้โง่นะ”
“เธอห้ามไม่ให้ฉันไม่เป็นห่วงไม่ได้หรอก” ซีเยว่กัดปากน้อย ๆ “แต่อย่างไรพวกเขาก็ควรกินอาหารให้ครบทุกหมวดหมู่นะ ไม่อย่างนั้นอาการอาจจะเรื้อรังก็เป็นได้ ตรงนั้นยังเจ็บอยู่ใช่ไหมล่ะที่ผ่าเอากระสุนออก”
“ยังเจ็บแต่ทนได้”
“มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องทนนะ ร่างกายหากต้องการพัก ก็ต้องพัก”
“การเป็นทหารนั้นพักไม่ได้หรอก ยิ่งเป็นหัวหน้าพวกเขาด้วยแล้ว ที่จริงเรื่องอาหารก็กำลังคิดอยู่ ตอนแรกว่าจะแอบลงไปเอา วันก่อนติดต่ออีกหน่วยที่อยู่ข้างนอกได้ ตอนนี้ยังคงเลี่ยงการปะทะ เลยไม่คิดฝ่าออกไปตรง ๆ” กู้หยวนเฉิงไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงเล่าเรื่องทั้งหมดนี่ให้อีกฝ่ายฟัง แม้จะไม่ใช่ความลับ แต่ก็เป็นเรื่องสำคัญในตอนนี้
“ถ้าให้ข้าไปล่ะ คนพวกนั้นไม่สงสัยหรอก บนนี้มีบ้านคนอยู่บ้างไหม บอกว่าเป็นชาวบ้านก็ได้” กู้หยวนเฉิงส่ายหน้า
“ไม่มีบ้านคนเลยหรือ” สีหน้าของไป๋ซีเยว่ดูจะหมดหวัง”
“ถึงมีฉันก็ไม่ให้เธอไปเสี่ยงหรอก ยังเรียกตัวเองว่าผู้ชายได้อีกเหรอ ถ้าให้คนที่ตัวเองชอบไปเสี่ยงน่ะ” มือที่กำลังตักอาหารเข้าปากชะงักทันที
“แล้วเรื่องตำรา”
“ต้องรอลงไปได้ถึงจะเอาให้ดูได้” กู้หยวนเฉิงไม่ได้บอกว่าตอนนี้แค่ในห้องหนังสือของหน่วยก็พอมีให้อ่านหรืออ้างอิงได้อยู่บ้าง แต่เขาไม่อยากบอก เขาแค่อยากให้ไป๋ซีเยว่อยู่ที่นี่นานขึ้นอีกนิด แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรให้อีกฝ่ายรู้สึกเหมือนที่เขารู้สึก
"เช่นนั้นเล่าก่อนได้หรือไม่ ข้าอยากรู้ว่าแม่ของข้ามาจากที่แบบใดกัน" กู้หยวนเฉิงรวบเอาจานอาหารที่ว่างเปล่าทั้งของเขาและของไป๋ซีเยว่ไป ก่อนจะลุกเข้าไปด้านในและออกมาพร้อมกับน้ำชาสมุนไพรที่หญิงสาวต้มเอาไว้
“ปักกิ่งเหรอ” ชายหนุ่มพิงกำแพงตรงที่พวกเขาแยกตัวออกมานั่งด้วยกัน “ไม่เหมือนอะไรกับตรงนี้เลยสักนิด คนเยอะไม่มีภูเขา ไม่มีลำธารหรือต้นไม้มากมายแบบนี้ มีแต่บ้านช่องและก็ถนนที่เต็มไปด้วยจักรยานมากมายจนนับไม่ถ้วน แล้วก็มีรถราง”
“จักรยาน รถราง” ไป๋ซีเยว่ไม่ปกปิดความไม่รู้ของตน เพราะไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อน เวลาท่านแม่เล่าก็มักจะอธิบายโดยการเปรียบเทียบกับของที่มีอยู่แล้ว
“ไม่รู้จักอย่างนั้นเหรอ” ซีเยว่ส่ายหน้า “ไม่รู้จัก”
“อยากไปไหม” อยู่ ๆ ชายหนุ่มก็เกิดความคิด บางทีการที่ให้อีกฝ่ายห่างจากบ่อน้ำพุออกไป อาจจะทำให้เจ้าตัวอยากกลับบ้านน้อยลง เพราะไป๋ซีเยว่เป็นคนช่างสงสัย ดีไม่ดีอาจจะอยากรู้นั่นนี่ ระหว่างนั้นเขาก็จะได้มีเวลาทำให้เธอมองเขาบ้าง
“ไกลไหม” กู้หยวนเฉิงพยักหน้า “ไกล ต้องนั่งรถไฟไป รถไฟก็ไม่รู้จักด้วยใช่ไหม” เป็นอีกครั้งที่หญิงสาวพยักหน้า ท่าทางก็ดูหงอยลง
“อย่าทำท่าแบบนั้นสิ ไม่เคยเห็นเลยไม่รู้จัก ไม่เห็นจะแปลกสักนิด”
“แล้วมีโทรศัพท์ไหม” กู้หยวนเฉิงแปลกใจ “รู้จักโทรศัพท์ด้วย”
“ท่านแม่บอกว่าเป็นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ เอาไว้พกติดตัว ใช้บันทึกภาพได้ พูดคุยทางไกลได้ ท่านแม่เคยบอกว่าอยากจะเก็บภาพทุกคนเอาไว้” คำของหญิงสาวทำให้กู้หยวนเฉิงเป็นฝ่ายแปลกใจบ้าง
“สี่เหลี่ยมเล็ก ๆ พกติดตัวอย่างนั้นเหรอ ที่นี่เป็นเครื่อง ต้องเสียบสายเอาไว้ที่บ้านนะ บันทึกรูปไม่ได้ด้วย ใช้ได้แค่ส่งเสียงหากัน” ไป๋ซีเยว่ขมวดคิ้วและพยายามคิดถึงเรื่องที่คุยกับแม่ของตน
“เป็นไปได้ไหมว่าท่านแม่ของข้าจะไม่ได้อยู่ช่วงนี้ แต่เป็นวันที่ไกลออกไปจากวันนี้ ซึ่งของหลายอย่างพัฒนาไปมากขึ้น” กู้หยวนเฉิงไม่รู้จะตอบอย่างไร หากเขาบอกว่าเป็นไปไม่ได้ แล้วคนที่นั่งอยู่ตรงหน้านี่ล่ะ
ทั้ง ๆ ที่ดูเหมือนคนยุคโบราณแต่กลับมีความรู้หลายอย่างที่เหมือนกับคนยุคเขา ที่สำคัญบางครั้งเรียกหาสิ่งที่มันไม่มีในยุคนี้ด้วยซ้ำ
“แค่เธออยู่ที่นี่ทุกอย่างก็เป็นจริงได้หมดแล้ว ว่าแต่แม่ของเธอเคยบอกไหมว่าเพราะอะไรมันถึงเกิดขึ้น” ไป๋ซีเยว่หันไปมองหน้าชายหนุ่ม
บทที่ 31“ตั้งแต่เด็กผมเคยถามพ่อตลอดว่าผมทำดีหรือยัง แต่พ่อไม่เคยบอกว่ามันดี ตอนนี้ผมไม่สนใจอีกแล้วว่าพ่อจะคิดอย่างไร ในเมื่อทำแค่ไหนก็ไม่ดีสำหรับพ่ออยู่ดี ผมก็จะทำในแบบของผมเอง” “ลูกพูดกับพ่ออย่างนี้ได้อย่างไรหยวนเฉิง...” กู้หยวนเฉิงหันมองแม่ตัวเอง “ทำไมผมจะพูดไม่ได้ แม่เคยเห็นใจผมบ้างไหม ตั้งแต่เด็กมาผมเคยใช้ชีวิตเหมือนเด็กคนอื่นไหม มีแต่แม่อยากให้เป็นอะไร พ่อชอบให้ผมทำอะไร หากแม่อยากเอาใจพ่อ แม่ก็ทำเองสิครับ จะมาใช้ผมเป็นเครื่องมือทำไม แม่เห็นใจผมบ้างไหมหรือแค่ทำทุกอย่างเพื่อสนองความต้องการของแม่เท่านั้น” “พูดจาไม่สมกับเป็นคนตระกูลกู้” กู้หยวนเฉิงหัวเราะเย้ยหยันตัวเองและคนตรงหน้า “พ่อเคยถามผมหรือเปล่าว่าผมอยากเป็นไหม เป็นคนตระกูลกู้ต้องเป็นอย่างไรเหรอครับ พ่อเคยทำให้ปู่พอใจได้ไหม ผมมั่นใจเลยว่าไม่ได้ ความต้องการของคนตระกูลกู้ช่างสูงส่งจริง ๆ แต่ผมคงเป็นไม่ไหว ผมแค่อยากมีครอบครัวของผมแค่นั้น เป็นคนธรรมดาที่ช่วยเหลือคนอื่น...” กู้หยวนเฉิงชี้ไปที่ซีเยว่“พ่อกับแม่รู้ไหมว่าเธอ...ไม่สิ อธิบายบอกไปก็คงไม่ทำให้พ่อแม่เข้าใจหรอก ครั้งนี้ผมจะออกไปจากบ้านหลังนี้อีกครั้ง แต่มันไม่ใช่การหนี ผ
บทที่ 30“ไปข้างบนเถอะ” กู้หยวนเฉิงที่เดินออกมารีบประคองภรรยาของเขาขึ้นไปบนบ้าน แต่เพียงแค่เดินผ่านแม่ของเขา เสียงของแม่เขาก็ดังตามมา“เดินไปทั่วราวกับเห็นที่นี่เป็นบ้านของตัวเอง ที่เข้ามาอยู่ที่นี่ได้ ก็เพราะลูกชายของฉันยืนกรานจะรับ แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะมีที่ยืนในตระกูลกู้หรอกนะ” แม้จะไม่พูดอะไรออกมาแต่ไป๋ซีเยว่กลับคิดอะไรอยู่มากมายในหัวของเธอในตอนนี้“คำพูดของพ่อคุณหมายความว่าอย่างไร” ไป๋ซีเยว่ไม่อยากคิดมากไปเอง เธอท้อง...นี่เป็นความจริงที่เธอยังไม่ได้บอกสามี เธอรู้ตั้งแต่ยังไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ แต่แค่อยากแน่ใจว่าจะไม่มีปัญหาอะไร จึงคิดว่าจะบอกเขาตอนที่ทุกอย่างมันดีกว่านี้ แต่คำที่ได้ยินเมื่อครู่“พ่อไม่คิดถึงอะไรนอกจากตระกูลหรอก หลานจากฉันก็คือทายาทของเขา เธอไม่ต้องกังวลหรอก ปัญหายังมาไม่ถึง เอาแค่วันพรุ่งนี้พวกเราจะอยู่ที่นี่ไหวไหมดีกว่า”ไป๋ซีเยว่เงียบไป เธอรู้สึกไม่มั่นใจกับการรับมือกับปัญหาครอบครัวของคนตรงหน้าเลยสักนิด กู้หยวนเฉิงที่วางแผนรบได้ แต่กลับจัดการพ่อแม่ของตัวเองไม่ได้“พรุ่งนี้เราย้ายไปหาบ้านเช่ากันไหม แล้วค่อยทำอย่างเธอบอก หนีไปอยู่มณฑลไกล ๆ”“แล้วต้องหนีไปไกลแค่ไ
บทที่ 29แม้จะรู้ว่าแม่สามีไม่ชอบ และพ่อสามีก็ยังคงคิดเหมือนกัน แต่ในเมื่อตั้งใจจะทำให้ถึงที่สุดแล้ว ซีเยว่จึงตัดสินใจลงมาช่วยคนงานในครัวจัดอาหารเย็น“คุณไม่ต้องมาช่วยก็ได้ค่ะ ปกติคุณนายก็ไม่ทำ” ซีเยว่ยิ้มเมื่อเธอเดินเข้ามาในครัวแล้วทุกคนตกใจและแปลกใจมากกว่าไม่ต้อนรับ“ฉันแค่อยากทำอาหารที่บำรุงร่างกายให้พวกท่านได้ลองน่ะค่ะ” คนงานในครัวเข้าใจ หญิงสาวคงอยากจะทำตัวให้แม่สามีรัก แต่คงจะยากสักหน่อยเพราะเหมือนอคติจะอยู่ในใจไปแล้วไป๋ซีเยว่อยู่ในครัวเกือบสองชั่วโมงเพื่อทำอาหารที่ต่อให้มีเงินก็ไม่สามารถหากินได้ หลังจากทำเสร็จเธอรีบกลับขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ก็จำเป็นต้องเดินผ่านแม่สามีที่นั่งอยู่ที่ห้องโถงก่อนขึ้นบันได“แต่งตัวให้ดีอย่างไรก็ไล่กลิ่นสาบบ้านนอกออกไปไม่ได้สินะ” สายตาเหยียด ๆ ถูกส่งมาให้ ไป๋ซีเยว่ได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินหนีไป ไม่แม้แต่จะต่อความยาวกับคนอายุมากกว่า “ผู้ใหญ่พูดด้วยไม่ได้ยินหรืออย่างไร” แม้แม่สามีของเธอจะลุกขึ้นมายืนต่อว่าซีเยว่ก็ทำเพียงแค่หันมองแล้วก้มหัวให้ก่อนจะเดินหนีมาเท่านั้นเธอไม่คิดว่าการพูดจาจะมีประโยชน์อะไร ที่จริงตอนนี้เธอเริ่มคิดแล้วว่าที่นี่ไม่น่าอยู่ โ
บทที่ 28ไป๋ซีเยว่มองคฤหาสน์หลังใหญ่ตรงหน้า เธอรู้แค่ว่ามันใหญ่แค่นั้นไม่ได้ตื่นเต้นหรือคิดว่ามันแตกต่างอะไร เพราะรู้อยู่แล้วว่ากู้หยวนเฉิงมีตระกูลที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง แต่เมื่อหันไปมองคนข้าง ๆ กู้หยวนเฉิงมองประตูคฤหาสน์ของตนด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์นัก เขาไม่ได้รู้สึกดีกับมันสักเท่าไร ถ้าหากเลือกเกิดได้เขาอยากเป็นแค่คนธรรมดา ๆ แบบป๋ออี้หรันมากกว่า แต่มันคงทำไม่ได้“คุณชายกลับมาแล้วเหรอครับ” หยวนเฉิงไม่ได้พูดอะไร เขาแค่ส่งของของเขาและของซีเยว่ไปให้กับลุงคนทำสวนเท่านั้น“เอาไปไว้ที่ห้องผม” “ไม่ต้องเอาไปไหนทั้งนั้นนั่นแหละ กลับมาได้แล้วเหรอ นึกว่าลืมไปแล้วว่ามีบ้านอยู่ตรงนี้” คุณนายกู้มองลูกสะใภ้ของตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้า “ลูกเต้าเหล่าใครล่ะ...” ซีเยว่ยังไม่ทันตอบอีกฝ่ายก็พูดต่อ “ถึงได้ปล่อยเนื้อปล่อยตัว อายุเท่านี้ก็แต่งงานแล้ว หนังสือคงไม่รู้เลยล่ะมั้ง” ใบหน้าเหยียด ๆ นั่นทำให้ซีเยว่ไม่ค่อยพอใจนัก เธอเริ่มเข้าใจคำของกู้หยวนเฉิงแล้วที่ไม่อยากกลับบ้าน ขนาดลูกชายอยู่ตรงนี้ อีกฝ่ายยังไม่ไว้หน้าเธอเลยสักนิด“ผมแค่กลับมาเยี่ยมก่อนจะเข้าไปรายงานตัวครับ ถ้าแม่ไม่พอใจผมเลยไปนอนที่กรมเลยก็ได้”
บทที่ 27กู้หยวนเฉิงและไป๋ซีเยว่เดินผ่านคนมากมายเข้าไปที่ลานกว้างหน้าหอระฆัง พวกเขาเห็นป๋ออี้หรันยืนรออยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มทั้งสองโบกมือให้กันทันทีที่เห็น “ในที่สุดก็มาสักที นึกว่าจะต้องไปตามแล้ว” ป๋ออี้หรันอย่างไรก็ยังเป็นคนพูดมากอยู่ดี “กลัวไหม” กู้หยวนเฉิงถามไป๋ซีเยว่ คนที่เมืองหลวงเดินไม่ค่อยดูคน และบรรดาคนที่ขายของก็มักจะถึงเนื้อถึงตัว“ชุดนี้เหมาะกับแม่หนูมากเลยนะ สนใจไหม” ไป่ซีเยว่มองแล้วก็พยักหน้า ที่จริงมันก็ไม่ต่างอะไรกับตลาดชายแดนเมื่อก่อน คนเยอะมากมาย“ชุดนี้เหมาะกับเธอดี เอาไหมฉันซื้อให้” ซีเยว่ส่ายหน้า “ให้ฉันได้ใช้เงินบ้างเถอะ”“ฉันเองก็ไม่ค่อยได้ใช้เหมือนกันนะ” “จะเถียงกันทำไม แม่หนูก็เอาไปสองชุด ซื้อเองด้วย ให้สามีของหนูซื้อให้ด้วยดีไหม” สุดท้ายแวะร้านแรกก็ได้ชุดมาตั้งสองชุด “พูดเยอะจนแม่ค้าล้อเลย” ป๋ออี้หรันที่เดินตามมาก็อดหัวเราะขำไม่ได้ แม้สองคนนี้จะแต่งกันมานาน แต่ก็ยังมีท่าทางเกร็ง ๆ ต่อกันอยู่ดี“อุ๊ย น่ารักจัง” ไป๋ซีเยว่เห็นกิ๊บติดผมแล้วก็หยุดยืนดู คงเป็นเพราะคนที่นี่ไม่ค่อยประดับผมเท่าไร แต่เธอชอบมาก แม้จะไม่เหมือนกับการปักปิ่นแบบนั้นแต่มันก็ดูสวยดี“สวยทั
บทที่ 26รถไฟเที่ยวพิเศษสำหรับเหล่าทหารที่กลับไปยังเมืองหลวงและมณฑลต่าง ๆ จอดนิ่งอยู่ที่ชานชาลา เสียงหวีดเบา ๆ ของหัวรถจักรทำให้ไป๋ซีเยว่ที่เพิ่งเคยเห็นรถไฟครั้งแรกออกจะตื่นเต้นแต่ก็ต้องพยายามเก็บความรู้สึกเอาไว้“เพิ่งเคยขึ้นครั้งแรกใช่ไหม” กู้หยวนเฉิงกระซิบเบา ๆ ข้างหูภรรยาของเขา ซีเยว่พยักหน้า “ใช่ เหมือนที่ท่านแม่เคยเล่า แต่ว่ามันมีเร็วกว่านี้ด้วยนะ” “รู้ได้อย่างไรว่าเร็วกว่า” “ท่านแม่บอกว่ามันมีหลายแบบ อันนี้มีไอน้ำน่าจะเป็นรถไฟหัวจักรไอน้ำใช่ไหม” กู้หยวนเฉิงพยักหน้า “ใช่ ขึ้นไปกันเถอะ” ไม่ว่าอะไรในชีวิตของไป๋ซีเยว่ก็ดูจะใหม่ทั้งหมดเมื่อได้มาอยู่ข้างกายของกู้หยวนเฉิง แม้หลายสิ่งจะแตกต่างจากที่เคยได้ยินแม่ของเธอเล่าแต่มันก็ดูคลับคล้ายพอไปถึงที่นั่งซีเยว่ก็จะเอาของขึ้นเก็บด้านบนหัวที่เป็นที่เก็บของ แต่กู้หยวนเฉิงก็จัดการให้ “อะไรจะหวานกันขนาดนั้น นั่งไปสองคนเลยฉันนั่งตรงนี้คนเดียวก็ได้” ป๋ออี้หรันแกล้งชนกู้หยวนเฉิงก่อนจะเดินไปนั่้งฝั่งตรงข้าม“ว่าแต่รถไฟมันโยกเยก ร้อยโทไป๋ก็นั่งดี ๆ นะครับ หรือจะให้เพื่อนของผมประคองเอาไว้ก็ได้” “ปากนายนี่ ไปนั่งที่อื่นเลย”“เห็นฉันเป็นส่วนเกิน