Share

บทที่ 8

Author: ม่านฝันจันทรา
“ถ้าข้าจับได้นะ ข้าจะอัดมันให้ฟันร่วงหมดปากเลย”

เพราะโกรธมากเกินไป หลังจากเข้ามานางก็ไม่ได้เหลือบมองไปทางโม่จิ่นยวนเลยแม้แต่น้อย

โม่จิ่นยวนได้ยินดังนั้น ลูกกระเดือกที่ดูเย้ายวนก็ขยับขึ้นลงเล็กน้อย กลืนคำพูดที่คิดจะพูดเมื่อครู่กลับลงไปในทันที

เขามองไปที่ซากแกนสาลี่ที่กินเหลือซึ่งห่อด้วยผ้าวางไว้ข้างเตียง รีบใช้จิตสำนึกเก็บมันเข้าไปในมิติ

มู่หนิงที่กำลังโมโหอยู่แล้ว สัมผัสได้ว่าในมิติมีของเพิ่มเข้ามาอย่างกะทันหัน ก็นึกว่าเจ้าหัวขโมยที่แอบกินเมื่อครู่ รู้จักตอบแทนด้วยการใส่ของกลับเข้ามาบ้างแล้ว

พอสัมผัสได้ว่าเป็นซากแกนสาลี่ที่กินเหลือ ใบหน้าของนางก็พลันเขียวคล้ำ

มู่หนิงโกรธจนตบโต๊ะเสียงดังปัง “เกินไปแล้ว เกินไปจริง ๆ ”

โม่จิ่นยวนเพิ่งจะลุกขึ้น ก็ได้ยินเสียงนางบ่นพึมพำด้วยความเกรี้ยวกราด

อาจเป็นเพราะรู้ตัวว่าผิด แม้แต่เขาที่ผ่านสมรภูมิมาอย่างโชกโชน ในชั่วขณะนี้ก็ยังรู้สึกใจคอไม่ดีอยู่บ้าง

โม่จิ่นยวนปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เดินเข้ามาอย่างใจเย็น นั่งลงข้าง ๆ นางแล้วเอ่ยปลอบ “อย่าโกรธไปเลย โกรธมากไม่ดีต่อร่างกาย เจ้าชอบกินสาลี่ ต่อไปข้าจะหาเงินมาซื้อสาลี่ให้เจ้ากินทุกวัน”

“เหตุใดข้าถึงได้กลิ่นสาลี่หอม ๆ จากตัวท่านล่ะ?”

จมูกของมู่หนิงไวเป็นพิเศษ ทันทีที่โม่จิ่นยวนเอ่ยปาก นางก็ได้กลิ่นหอมสดชื่นของสาลี่หอมทันที

โม่จิ่นยวนตกใจจนรีบตักข้าวเข้าปากคำหนึ่ง แสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วกล่าวว่า “เจ้าคงจะโกรธมากเกินไป จนเกิดภาพหลอนขึ้นมาแล้ว บนตัวข้าจะมีกลิ่นสาลี่หอมได้อย่างไร”

พูดจบเขาก็ตักข้าวเข้าปากอีกคำ เพื่อกลบเกลื่อนกลิ่นที่เกิดจากการแอบกินสาลี่หอมเมื่อครู่

วิธีนี้ได้ผลดีอย่างยิ่ง

พอมู่หนิงได้ยินเขาพูดเช่นนั้น ก็ไม่ได้กลิ่นสาลี่หอมอีกต่อไป

“ก็จริง ท่านเป็นคนเจ็บ นอนอยู่บนเตียง จะมีกลิ่นสาลี่หอมได้อย่างไร”

ไอ้คนชั่ว ทำนางโกรธจนประสาทหลอนไปหมดแล้ว

ช่างเถอะ ขอแค่คนที่ใช้มิติร่วมกับนางอย่าทำอะไรเกินไปนัก แค่กินผลไม้กับของกินเล่นไปบ้างก็ยังพอรับได้

โชคดีที่ในมิติของนางกักตุนสาลี่หอมไว้หลายร้อยลัง มิฉะนั้นหากถูกกินไปหลายลูก คืนนี้คงโกรธจนนอนไม่หลับเป็นแน่

ตอนค่ำ มู่หนิงเรียกทุกคนมารวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อปรึกษาหารือและกำชับเป็นพิเศษ

นางบอกทุกคนว่า หากพรุ่งนี้ราชโองการเนรเทศของฮ่องเต้มาถึง ทุกคนจะต้องแสดงสีหน้าตกตะลึงและโกรธแค้นออกมา ห้ามแสดงท่าทีว่ายอมรับเพราะรู้สาเหตุล่วงหน้าแล้ว เช่นนี้จะทำให้ถูกสงสัยได้ง่ายมาก

วันรุ่งขึ้น

เป็นไปตามที่นางคาดการณ์ไว้จริง ๆ

คนในจวนแม่ทัพยังคงกินอาหารเช้ากันอยู่ หัวหน้าขันทีที่อยู่ข้างกายของฮ่องเต้และแม่ทัพใหญ่คนใหม่ก็นำทหารทางการกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามา

“ท่านแม่ทัพ ฮูหยินผู้เฒ่า แย่แล้วขอรับ จวนแม่ทัพถูกทหารทางการล้อมไว้หมดแล้ว”

บ่าวรับใช้วิ่งเข้ามารายงานอย่างตื่นตระหนก

ทุกคนสบตากัน ในใจรู้สึกหนักอึ้งอย่างมาก

สิ่งที่ควรจะมา ในที่สุดก็มาจนได้

คนตระกูลโม่เพิ่งจะมาถึงห้องโถงใหญ่ ก็ถูกแม่ทัพใหญ่คนใหม่สั่งให้คนควบคุมตัวไว้ “คุกเข่าลงให้หมด นี่คือราชโองการยึดทรัพย์สิน!”

“โม่จิ่นยวนรับราชโองการ”

ทันทีที่หัวหน้าขันทีนำราชโองการออกมา ทุกคนก็คุกเข่าลงจนหมด รวมทั้งโม่จิ่นยวนด้วย

เพื่อไม่ให้เป็นที่น่าสงสัย โม่จิ่นยวนจงใจแสร้งทำท่าทางอ่อนแออย่างมาก ถูกพี่สะใภ้ใหญ่และพี่สะใภ้รองประคองออกมารับราชโองการ

“ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี”

“กระหม่อม รับราชโองการพ่ะย่ะค่ะ”

โม่จิ่นยวนพยุงร่างกายที่อ่อนแอของตนขึ้น ใบหน้าซีดขาวอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่น้ำเสียงที่พูดออกมาก็ยังเบาจนน่าสงสาร

หัวหน้าขันทีเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง เห็นท่าทางร่อแร่ใกล้ตายของเขา มุมปากก็ยกยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนจะเริ่มประกาศราชโองการ

“จากการสืบสวนอย่างละเอียด แม่ทัพเจิ้นกั๋วโม่จิ่นยวนขโมยของในท้องพระคลัง กระด้างกระเดื่องต่อเบื้องบน มีใจคิดก่อกบฏ

เห็นแก่ที่ตระกูลโม่จงรักภักดีต่อบ้านเมืองมาหลายชั่วอายุคน ให้ปลดออกจากตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ และละเว้นโทษประหารชีวิตของคนในตระกูลโม่

แต่โทษตายละเว้นได้ โทษเป็นยากจะหนีพ้น บัดนี้ให้ยึดทรัพย์สินทั้งหมดของจวนแม่ทัพ บ่าวรับใช้ให้ส่งไปขาย ส่วนคนตระกูลโม่ให้เนรเทศไปยังหนานเจียง ออกเดินทางทันที”

เมื่อราชโองการของหัวหน้าขันทีสิ้นสุดลง คนตระกูลโม่ทุกคนต่างก็ทรุดลงกับพื้น ร้องตะโกนว่าไม่เป็นธรรม

“ฝ่าบาท พวกเราถูกใส่ร้าย ตระกูลโม่ของพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นบรรพบุรุษ หรือแม่ทัพในรุ่นนี้ ทุกคนล้วนจงรักภักดีอย่างยิ่ง ไม่เคยมีใจคิดกบฏเลยแม้แต่น้อย ขอฝ่าบาทโปรดสืบสวนใหม่อีกครั้ง”

ฮูหยินผู้เฒ่าโม่ยกสองมือขึ้นกุมหน้าอกอย่างเจ็บปวด กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ

“ขอฝ่าบาทโปรดทรงพิจารณา คืนความบริสุทธิ์ให้ตระกูลโม่ด้วยเถิดเพคะ”

พี่สะใภ้ใหญ่หยางซูหว่านโขกศีรษะลงกับพื้นอย่างแรง แสดงออกถึงความอับจนหนทางและเจ็บปวดใจหลังจากที่ถูกใส่ร้าย

หัวหน้าขันทีไม่ได้หวั่นไหวต่อคำอ้อนวอนของคนตระกูลโม่เลยแม้แต่น้อย กลับตวาดเสียงดัง “บังอาจ พวกเจ้ากำลังจะบอกว่าฝ่าบาทเป็นฮ่องเต้ที่โฉดเขลาหรืออย่างไร แม้แต่เรื่องเพียงเท่านี้ก็ยังสืบสวนไม่กระจ่าง”

เสียงตวาดของเขา ทำให้ทุกคนเงียบกริบ ไม่กล้าร้องตะโกนว่าไม่เป็นธรรมอีกแม้แต่คำเดียว

“โม่จิ่นยวน เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกหรือไม่?”

หัวหน้าขันทีม้วนเก็บราชโองการ มองไปยังเขาด้วยสีหน้าเย็นชา

“กระหม่อม ไม่มีอะไรจะพูดพ่ะย่ะค่ะ”

โม่จิ่นยวนเงยหน้าขึ้นอย่างอ่อนแรงไร้เรี่ยวแรง

“แม่ทัพหลัว ยังไม่รีบสั่งให้คนยึดทรัพย์สินจวนแม่ทัพอีก”

หัวหน้าขันทีหันไปมองแม่ทัพคนใหม่ที่อยู่ข้าง ๆ

“ขอรับ”

แม่ทัพหลัวโบกมือให้ผู้ใต้บังคับบัญชา นำกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาถือหีบมุ่งหน้าไปยังคลังสมบัติ

ไม่นานนัก พวกเขาก็กลับมาอีกครั้ง หีบถูกวางลงบนพื้น เมื่อเปิดออก ข้างในกลับเต็มไปด้วยทองคำและอัญมณีล้ำค่าต่าง ๆ

โม่จิ่นยวนเห็นภาพนี้ ในใจก็พลันเย็นเยียบ

ฝ่าบาทช่างรีบร้อนจนรอไม่ไหวจริง ๆ เมื่อวานค้นหาหลักฐานไม่พบ วันนี้ก็เลยยัดเยียดความผิดกันอย่างโจ่งแจ้งซึ่ง ๆ หน้า

หากถามว่าเสียใจหรือไม่ที่ปกป้องบ้านเมืองมา?

เขาไม่เสียใจ

ตอนนี้ไม่เสียใจ

ในอนาคตก็จะยิ่งไม่เสียใจ

บ้านที่เขาปกป้อง ก็คือครอบครัวเล็ก ๆ

บ้านเมืองที่เขาปกป้อง คือทุกคน ไม่ใช่แค่ฮ่องเต้ผู้เป็นประมุขแห่งแผ่นดิน

คงได้แต่พูดว่าตระกูลโม่ในรุ่นของเขา โชคร้ายที่มาพบเจอกับโอรสสวรรค์ที่ไม่รู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดี

“ให้คนในครอบครัวของจวนแม่ทัพทั้งหมดเปลี่ยนเป็นชุดผ้าเนื้อหยาบ บ่าวรับใช้ให้เปลี่ยนเป็นชุดสำหรับทาสที่รอขาย เตรียมส่งตัวไปขายและเนรเทศทันที”

แม่ทัพหลัวสั่งให้คนยกหีบที่ใส่ชุดผ้าเนื้อหยาบเข้ามาอีกสองหีบ ในเมื่อเป็นการเนรเทศและส่งตัวไปขาย เสื้อผ้าอาภรณ์ชั้นดีที่เคยสวมใส่ย่อมไม่สามารถใส่อีกต่อไป

ในเมื่อจะแสดงละคร ก็ต้องแสดงให้สมบทบาท มู่หนิงมองไปยังหัวหน้าขันทีด้วยความเศร้าโศก อ้อนวอนว่า “ได้โปรดเห็นแก่ที่สามีของข้าเคยสร้างคุณงามความดีไว้มากมาย ขอให้พวกเราได้เลื่อนการเนรเทศออกไปสักสองวันเถิดเพคะ สามีของข้าบาดเจ็บสาหัส หากต้องออกเดินทางตอนนี้ เกรงว่าจะทนได้ไม่ถึงสองวัน ฝ่าบาททรงมีพระเมตตา พระองค์ย่อมไม่ต้องการถูกราษฎรวิพากษ์วิจารณ์”

ฮ่องเต้ชั่ว ในเมื่อเจ้าชอบยัดเยียดความผิดนัก ชอบเรื่องที่ท้องพระคลังถูกขโมยนัก

เช่นนั้นก็ สมความปรารถนาของเจ้าเถอะ

เดิมทีหัวหน้าขันทีคิดจะปฏิเสธ แต่เมื่อมองดูท่าทางร่อแร่ใกล้ตายของโม่จิ่นยวน ก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“เรื่องนี้ข้าตัดสินใจเองไม่ได้ ต้องกลับไปทูลรายงานฝ่าบาทก่อน”

มีอยู่จุดหนึ่งที่นางพูดถูก โม่จิ่นยวนสร้างคุณงามความดีไว้มากมายจริง ๆ หากปล่อยให้เขาออกเดินทางไปเนรเทศในสภาพเช่นนี้ เกรงว่าชาวบ้านในเมืองหลวงเมื่อได้เห็นคงจะพากันก่นด่า

ดังนั้น ไม่ว่าฝ่าบาทจะทรงยินยอมให้เลื่อนหรือไม่ เขาก็จะต้องนำคำขอนี้กลับไปทูลถามดูสักครั้ง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หมอเทวดาทะลุมิติ มาอุ้มท้องให้แม่ทัพไร้ทายาท   บทที่ 30

    นางจะอยู่เป็นเพื่อนโม่จิ่นยวน อย่างน้อยก็เพื่อให้เขารู้ว่า เขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง“ก็ได้ขอรับ”ท่านหมอเห็นว่านางไม่กลัวจริง ๆ จึงไม่ได้พูดอะไรมากยาแก้ปวดที่มู่หนิงให้ ออกฤทธิ์เร็วมาก ท่านหมอเพิ่งจะคว้านเนื้อไปได้ไม่กี่ครั้งก็เห็นผลแล้วสีหน้าของโม่จิ่นยวน จากที่เจ็บปวดจนแทบขาดใจ ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสงบนิ่งท่านหมอคิดว่าเขาเจ็บจนชาไปแล้ว จึงไม่ได้คิดอะไรมากหลังจากการรักษาเสร็จสิ้น ท่านหมอก็เหนื่อยจนเหงื่อท่วมตัวโม่จิ่นยวนที่ถูกพันแผลแล้ว นอนฟุบอยู่บนตักของมู่หนิงอย่างอ่อนแรง ไม่นานก็ทนไม่ไหวหลับไป“ท่านหมอ ทั้งหมดเท่าไหร่หรือเจ้าคะ?”ฮูหยินผู้เฒ่าโม่เดินเข้ามา เมื่อเห็นว่าโม่จิ่นยวนไม่เป็นอะไรแล้ว จึงค่อยวางใจลงท่านหมอคำนวณดูแล้วกล่าวว่า “ทั้งหมดสิบห้าอีแปะขอรับ”หยางซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็หันไปมองเจ้าหน้าที่หลี่ที่อยู่ด้านข้าง แล้วพูดว่า “ท่านเจ้าหน้าที่! ได้โปรดคืนห่อผ้าที่ท่านแม่ให้ข้ามาสักครู่ ข้าอยากจะหยิบเงินออกมาจ่ายเจ้าค่ะ”เจ้าหน้าที่หลี่กล่าวอย่างลำบากใจ “ขออภัย หากไม่ได้รับอนุญาตจากรองแม่ทัพจาง ข้าให้ไม่ได้”“ท่านไม่คืนห่อผ้าให้พวกเรา แล้วพวกเราจะเอาเงินที่ไหน

  • หมอเทวดาทะลุมิติ มาอุ้มท้องให้แม่ทัพไร้ทายาท   บทที่ 29

    เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย โม่จิ่นยวนจึงจำต้องเอ่ยปากปฏิเสธ “ไม่ใช่ ข้าไม่ใช่แม่ทัพโม่”“ก็จริงอยู่ ท่านแม่ทัพโม่เพิ่งจะรบชนะกลับเมืองหลวงเมื่อเดือนก่อน ทั้งยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพใหญ่เจิ้นกั๋ว จะถูกเนรเทศได้อย่างไร”ท่านหมอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็รู้สึกว่าเขาไม่น่าจะเป็นแม่ทัพโม่ได้ คงเป็นแค่เรื่องบังเอิญที่แซ่เดียวกันเท่านั้นฮูหยินผู้เฒ่าโม่รู้ดีว่า หากตนเองเป็นอะไรไปเพราะอารมณ์ มีแต่จะกลายเป็นภาระให้ทุกคนนางพยายามข่มอารมณ์ บอกกับตัวเองในใจอยู่ตลอดว่าลูกชายกำลังได้รับการรักษาแล้ว ดังนั้นอย่าได้เสียใจจนเกินไปโม่จิ่นยวนที่ถูกฆ่าเชื้อด้วยน้ำเกลือซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ็บปวดจนแทบจะมึนงงไปหมดแล้วมู่หนิงนั่งลงข้างกาย กุมมือของเขาไว้แล้วให้กำลังใจว่า “สู้ ๆ นะ ท่านต้องรีบหายเร็ว ๆ จะได้ปกป้องทุกคนระหว่างทางได้”ในบันทึกประวัติศาสตร์ มี ‘ข่าวการตาย’ ของเขาออกมาหลังจากถูกเนรเทศได้ครึ่งเดือน จากนั้นก็หายตัวไปเกือบห้าปี ถึงได้มีบันทึกเรื่องราวของเขาอีกครั้งแม้จะไม่รู้ว่าผลกระทบนี้จะเปลี่ยนแปลงไปเพราะการปรากฏตัวของนางหรือไม่ แต่ตอนนี้ นี่เป็นวิธีเดียวที่จะให้กำลังใจโม่จิ่นยวนให้

  • หมอเทวดาทะลุมิติ มาอุ้มท้องให้แม่ทัพไร้ทายาท   บทที่ 28

    เจ้าหน้าที่หลี่ถามว่า “ท่านคือท่านหมอของร้านนี้หรือ?”ท่านหมอตอบกลับอย่างนอบน้อม “เรียนท่านเจ้าหน้าที่ ข้าเองขอรับ”เจ้าหน้าที่หลี่ยื่นนิ้วชี้ไปที่โม่จิ่นยวน แล้วพูดว่า “บาดแผลของเขาติดเชื้อแล้ว ต้องจัดการหน่อย ท่านไปดูเถิด”หยางซูหว่านและจางหลานจือประคองโม่จิ่นยวนนั่งลงบนม้านั่งด้านข้างท่านหมอเปิดเสื้อของเขาออกดู บาดแผลจากกระบี่ยาวห้าเซนติเมตร ตอนนี้เน่าเปื่อยเป็นหนองแล้ว เขาพลันสูดหายใจเข้าลึกอย่างหนาวเหน็บแล้วกล่าวว่า “บาดแผลของคุณชายผู้นี้ติดเชื้อรุนแรงแล้ว ต้องตัดเนื้อเน่าออกไปเท่านั้น”“ตัดเนื้อหรือ?”ฮูหยินผู้เฒ่าโม่พอได้ยินว่าจะต้องตัดเนื้อ แม้จะเตรียมใจไว้แล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะเสียใจจนน้ำตาไหลออกมาในทันทีเรื่องอย่างการตัดเนื้อที่ติดเชื้อ ตอนที่นางยังสาวเคยผ่านมาแล้วในสนามรบ ความเจ็บปวดแสนสาหัสราวกับหัวใจจะฉีกขาดนั้น บัดนี้จะต้องเกิดขึ้นกับลูกชายของนางอีกครั้ง นี่มันทรมานยิ่งกว่าการคว้านเนื้อของนางเสียอีก“ขอรับ และต้องขูดออกให้หมดจด มิฉะนั้นหากติดเชื้อรุนแรงเกินไป อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้” ท่านหมอพยักหน้า แล้วจับชีพจรให้โม่จิ่นยวนอีกครั้ง ก่อนจะถามอย่างตกใจว่า “บาดแผล

  • หมอเทวดาทะลุมิติ มาอุ้มท้องให้แม่ทัพไร้ทายาท   บทที่ 27

    “หัวหน้า เจ้าหน้าที่หลิวตายแล้ว”เจ้าหน้าที่หลี่ เข้าไปอังจมูกของเจ้าหน้าที่ท้องป่อง ก็พบว่าเขาไม่หายใจแล้ว“อะไรนะ?”รองแม่ทัพจางรีบหันกลับไปดู แต่กลับไม่พบบาดแผลใด ๆ บนร่างกายของเจ้าหน้าที่ท้องป่อง นอกจากบาดแผลที่ดวงตาซึ่งถูกเศษกระเบื้องตกใส่เมื่อครู่“เป็นไปได้อย่างไร ถูกกระเบื้องตกใส่ตา ไม่น่าจะถึงตายได้นี่”ตอนแรกท่านรองแม่ทัพจางคิดว่าที่เจ้าหน้าที่ท้องป่องล้มลง เป็นฝีมือของคนตระกูลโม่ที่เดินตามหลังมา แต่เมื่อบนร่างกายของเขาไม่มีบาดแผลอื่นใด เรื่องนี้ก็พลันดูแปลกประหลาดขึ้นมาทันที“สมควรตายแล้ว เจ้าอ้วนน่าตายนี่คอยหาเรื่องพวกเรามาตลอดทาง สมควรแล้วที่จะตายอย่างกะทันหัน”พี่สะใภ้สี่อวิ๋นชิงชิงเห็นภาพนี้ ในใจก็รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกโดยเฉพาะบริเวณที่ถูกเจ้าหน้าที่ท้องป่องเตะเมื่อครู่ ตอนนี้ยังคงเจ็บแปลบ ๆ อยู่เลย พอเห็นเขาตายนางจึงรู้สึกสะใจอย่างยิ่งพี่สะใภ้ห้าโจวชิงอี๋ก็ยิ้มพลางกล่าวเสริมวา “สมกับคำพูดที่ว่า คนชั่วย่อมได้รับกรรมตามสนอง สมควรแล้วจริง ๆ”นางแสร้งคาดเดาว่า “พวกท่านว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าเศษกระเบื้องแทงเข้าไปในลูกตาของเขาลึกเกินไป ทำให้ศีรษะติดเชื้ออย่

  • หมอเทวดาทะลุมิติ มาอุ้มท้องให้แม่ทัพไร้ทายาท   บทที่ 26

    มู่หนิงยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา ฉวยโอกาสที่สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่กลุ่มของเจ้าหน้าที่ท้องป่อง นางก็หยิบก้อนหินเล็ก ๆ ขึ้นมา แล้วแอบส่งให้พี่สะใภ้รองฟางเหวินซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด นางมีเพียงฝีมือ แต่ไม่มีพลังลมปราณ ดังนั้นเรื่องแบบนี้จึงต้องให้พี่สะใภ้ที่มีพลังลมปราณเป็นผู้จัดการฟางเหวินสบตากับนาง เห็นเพียงมู่หนิงชี้นิ้วไปที่ศีรษะพลางมองไปยังเจ้าหน้าที่ท้องป่อง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองกระเบื้องที่แตกบนหลังคาวัดร้าง ทันใดนั้นนางก็เข้าใจในทันทีจึงหนีบก้อนหินไว้ระหว่างนิ้วมู่หนิงยืนอยู่ข้าง ๆ เพื่อบังสายตาของทุกคนให้ ฟางเหวินหาจังหวะที่เหมาะสม ใช้พลังลมปราณดีดก้อนหินออกไป“เพียะ~”เสียงกระเบื้องแตกพลันดังขึ้น เศษกระเบื้องร่วงหล่นลงมาจากหลังคา พอดีกับที่ตกลงบนใบหน้าของเจ้าหน้าที่ท้องป่อง“อ๊า~ ตาข้า”เมื่อเจ้าหน้าที่ท้องป่องได้ยินเสียง ก็เงยหน้าขึ้นมองตามสัญชาตญาณ แต่ไม่คาดคิดว่าเศษกระเบื้องที่แตกจะพุ่งเข้าเสียบตาซ้ายของเขาทันที เขาล้มลงนอนกับพื้นและกรีดร้องอย่างเจ็บปวดกระเบื้องดี ๆ อยู่ เหตุใดจู่ ๆ ถึงแตกได้?รองแม่ทัพจางเหลือบมองเหล่าสะใภ้ตระกูลโม่ รู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้อ

  • หมอเทวดาทะลุมิติ มาอุ้มท้องให้แม่ทัพไร้ทายาท   บทที่ 25

    มู่หนิงมองไปยังรองแม่ทัพจางที่อยู่ด้านข้าง กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจว่า “ท่านเจ้าหน้าที่! ตอนนี้สามีของข้าไม่สบาย ได้โปรดให้น้ำเขาดื่มสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ”รองแม่ทัพจางไม่ได้ถามอะไรมาก หันหลังกลับไปหยิบกาน้ำจากบนหลังม้าที่อยู่นอกวัดร้างแล้วยื่นให้นาง “น้ำมาแล้ว”“ขอบคุณเจ้าค่ะ”มู่หนิงกำลังจะยื่นมือไปรับกาน้ำ“น้องสะใภ้เจ็ด เจ้ากำลังตั้งครรภ์ไม่สะดวกที่จะนั่งยอง ๆ ให้ข้าป้อนน้ำน้องเจ็ดเองเถอะ”พี่สะใภ้ใหญ่หยางซูหว่านก้าวออกมา รับกาน้ำจากมือของรองแม่ทัพจางพี่สะใภ้รองฟางเหวินและพี่สะใภ้ห้าโจวชิงอี๋ช่วยกันพยุงโม่จิ่นยวนขึ้น “น้องเจ็ด ตื่นสิ ตื่นเร็วเข้า”หยางซูหว่านเรียกโม่จิ่นยวนอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีทีท่าว่าจะตื่น พี่สะใภ้คนอื่น ๆ ก็เข้ามารุมเรียกเช่นกัน“น้องเจ็ดเขา... คงจะไม่ตายใช่ไหม?”อวิ๋นชิงชิงเห็นว่าเรียกโม่จิ่นยวนอย่างไรก็ไม่ตื่น ตกใจจนร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจพี่สะใภ้รองฟางเหวินได้ยินดังนั้น ก็รีบตวาดว่า “น้องสี่อย่าพูดจาเหลวไหล น้องเจ็ดไม่เป็นอะไรหรอก”“จิ่นยวน! ตอนนี้แม่เหลือเจ้าเป็นลูกชายเพียงคนเดียวแล้ว เจ้าจะเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาดนะ”ฮูหยินผู้เฒ่าโ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status