ตอนที่6 ทบทวนเหตุผลอีกครั้ง
เช้าวันต่อมา
มินนี่ตื่นเช้ามาด้วยหน้าตาไม่สดใสเหมือนทุกวัน ข้าวเช้าก็ทานได้น้อยผลพวงจากการเสียใจเรื่องครูปลายฟ้าเมื่อวาน
“มินนี่ทำไมทานข้าวนิดเดียวล่ะลูกวันนี้อาหารไม่อร่อยหรือคะ เดี๋ยวป่ะป๊าต้องเรียกแม่ครัวมาตักเตือนเสียหน่อยโทษฐานที่ทำอาหารไม่ถูกปากลูกสาวป่ะป๊า” ภีร์แกล้งพูดกับลูกสาวด้วยสีหน้าจริงจังเพราะเสียงเจื้อยแจ้วที่ดังบนโต๊ะอาหารทุกเช้ามาวันนี้กลับเงียบหายพร้อมกับท่าทางที่ดูเศร้าหมองของเด็กสาว
“กับข้าวยังอร่อยเหมือนเดิมค่ะป่ะป๊าแต่มินนี่ไม่หิว”
“มินนี่ลูกจะอดข้าวอดน้ำแบบนี้ไม่นะครับ” เสียงทุ้มบอกกับลูกสาวอย่างใจเย็น
“มินนี่ไม่อยากเรียนไวโอลินกับคุณครูคนอื่น มินนี่อยากเรียนกับครูปลายฟ้า ถ้าครูปลายฟ้าไม่มาสอนมินนี่ก็ไม่อยากเรียนค่ะ” ท่าทางของลูกสาวที่จริงจังทำให้ภีร์ต้องคิดหนักขึ้นเรื่อย ๆ
ปลายฟ้ายังคงดูแลพ่อของเธอที่นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลไม่เคยห่างหายไปไหน ทุกครั้งที่ภีร์เข้ามาตรวจคนไข้เตียงข้าง ๆ ก็เจอปลายฟ้าที่นั่งเฝ้าพ่อของเธอทุกครั้ง
“วันนี้มาดึกเลยนะคะคุณหมอ” พยาบาลเวรดึกทักทายภีร์เมื่อเห็นคุณหมอหนุ่มเดินมาดูอาการคนไข้หลังจากที่โทรมาแจ้งก่อนหน้านี้ วันนี้ภีร์มีผ่าตัดตั้งแต่เช้าและอีกเคสช่วงบ่ายจนพึ่งจะออกจากห้องผ่าตัดเลยให้หมอเวรขึ้นตรวจคนไข้แทน พอผ่าตัดเสร็จก็รีบขึ้นมาตรวจคนไข้เพราะเข้าใจความรู้สึกของคนไข้และญาติดีว่าต้องการเจอหมอเพื่อทราบถึงความคืบหน้าในการรักษา
“ครับพึ่งออกจาก OR มาครับ” ภีร์ตอบพยาบาลประจำวอร์ดด้วยรอยยิ้มแม้จะท่าทางจะเนือย ๆ
“ดูท่าทางคุณหมอแล้วน่าจะเคสหนักเอาเรื่องนะคะจริง ๆ ไว้ราวด์วอร์ดพรุ่งนี้เช้าเลยก็ได้ค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับผมแค่แวะมาดูอาการคนไข้ สักพักก็จะกลับแล้วครับ” บอกกับพยาบาลติดตามแล้วภีร์ก็เดินนำหน้าไปยังห้องพักผู้ป่วยโดยมีพยาบาลถือชาร์จเดินตามไปติด ๆ
เมื่อเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยที่ตอนนี้คนป่วยและญาติส่วนใหญ่นอนหลับพักผ่อนกันบ้างแล้ว เหลือเพียงบางส่วนที่ยังมีพูดคุยกันเบา ๆ ระหว่างผู้ป่วยกับญาติ ชายหนุ่มชะงักเล็กน้อยเมื่อเดินผ่านห้องพิเศษเตียงคู่ที่พ่อปลายฟ้าและคนไข้ในความดูแลของเขาพักรักษาตัวอยู่ คุณหมอหนุ่มอดไม่ได้ที่จะเปิดประตูแวะเข้าไปดูที่ตอนนี้คนป่วยได้หลับไปแล้ว ส่วนคนเฝ้าซึ่งก็คือหญิงสาวที่เป็นต้นเหตุให้ลูกสาวตัวน้อยของเขาต้องฟูมฟายเกือบทั้งคืนทั้งวันที่ผ่านมาก็ฟุบหลับอยู่กับเตียงข้าง ๆ ผู้เป็นพ่อที่นอนหลับอยู่บนเตียง ภีร์หยุดยืนมองไม่นานนักก็เดินออกไปตรวจคนไข้ห้องอื่น แต่เมื่อภีร์ตรวจคนไข้เสร็จแล้วกำลังจะเดินออกจากห้องพักสายตาคมก็เหลือบไปเห็นปลายฟ้าที่นอนฟุบหลับอยู่ข้างเตียงผู้เป็นพ่อซึ่งตอนนี้แจ็กเกตที่หญิงสาวใช้คลุมไหล่บางไว้นั้น ได้ไหลลงไปกองอยู่ที่พื้นโดยที่ปลายฟ้าก็ไม่รู้ตัว คุณหมอหนุ่มจึงจดบางอย่างลงชาร์จในมือก่อนจะยื่นแล้วบอกให้พยาบาลไปจัดการ เมื่อพยาบาลสาวเดินผ่านไปภีร์จึงค่อย ๆ เปิดประตูเดินเข้าไปที่ในห้องก่อนจะไปหยุดยืนใกล้ ๆ ที่หญิงสาวนั่งฟุบหลับ
“หลับลึกขนาดนั้นเลยหรือไง” มือหนาก้มลงไปหยิบแจ็กเกตผู้หญิงสีน้ำตาลขึ้นมาคลุมให้ปลายฟ้าพร้อมพึมพำเบา ๆ และยืนมองคนที่ฟุบหลับสลับกับมองพ่อของหญิงสาวเนิ่นนานก่อนจะเดินออกจากห้องผู้ป่วยไป ภาพผู้หญิงที่ยืนกอดผู้ชายอยู่หน้าโรงเรียนวันนั้นถูกลบออกจากความทรงจำของภีร์ไปเกือบหมดมีเพียงภาพเด็กสาวกตัญญูที่เข้ามาเป็นความทรงจำใหม่แทน
ภีร์เก็บเรื่องเคสของพ่อปลายฟ้ามาคิดทบทวนทุกคืนยิ่งใกล้วันที่จะผ่าตัดชายหนุ่มยิ่งนอนไม่หลับ ความไม่อยากยุ่งเกี่ยวตอนนี้เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความเครียดเล็ก ๆ เพราะการตัดสินใจของเขามีลูกสาวเข้ามาเกี่ยวข้อง รวมถึงภาพหญิงสาวคนหนึ่งที่คอยมานั่งเฝ้าและให้กำลังใจคนเป็นพ่อทั้งวันทั้งคืนทำให้ภีร์คิดจนแทบนอนไม่หลับ
“เมื่อคืนมึงมีผ่าตัดหรือไอ้ภีร์” เวย์ถามขึ้นด้วยความสงสัยระหว่างที่อยู่ในห้องพักแพทย์ เพราะเช้านี้ดูภีร์ไม่ค่อยสดชื่นเหมือนไม่ได้นอนและดูไม่ค่อยพูดมากเหมือนทุกวัน
“เปล่าผ่าเสร็จตั้งแต่สามทุ่มแล้วก็ขึ้นไปดูคนไข้ต่อสักพักก็กลับ” น้ำเสียงราบเรียบตอบกลับคนเป็นเพื่อนโดยที่มือกำลังคนกาแฟอยู่แต่ไม่รู้คนไปแล้วนานเท่าไหร่เพราะใจมัวแต่คิดถึงใบหน้าของหญิงสาวที่ตลอดหลายวันที่ผ่านมานั้นสร้างความวุ่นวายในหัวสมองเขาอยู่ตลอดเวลา
“มึงจะคนอีกนานไหมกาแฟ หรือรอให้มันเย็นก่อน” เมื่อถูกเพื่อนพูดดึงสติภีร์จึงหยุดคนกาแฟแล้วหยิบแก้วเดินมานั่งจิบเบา ๆ ที่โซฟา
“มึงมีอะไรหรือเปล่า” ภาคย์ที่มองภีร์อยู่เหมือนกันเอ่ยถามขึ้นเพราะเห็นความผิดปกติของภีร์ไม่ต่างจากที่เวย์ทัก
“เปล่า กูขึ้นไปดาดฟ้าแป๊บนะแล้วเดี๋ยวคงเลยไปที่แผนกเลย” ภีร์ยังคงไม่ตอบอะไรเพื่อนทั้งสองคนมากนัก เมื่อคิดไม่ตกจึงขอปลีกตัวไปอยู่คนเดียวเงียบ ๆ
“มันจะรู้ไหมว่าคำว่าเปล่าของมันสวนทางกับสีหน้าและท่าทางของมันแค่ไหน” เวย์มองตามหลังภีร์ไปจนลับตาก่อนจะหันมาพูดกับภาคย์ที่สงสัยไม่แพ้กัน
ภีร์เดินขึ้นไปบนดาดฟ้าที่มีสวนหย่อมจัดไว้อย่างสวยงาม ส่วนมากแล้วจะไม่ค่อยมีคนไข้หรือญาติขึ้นมาเพราะไม่ค่อยมีใครรู้ว่าชั้นดาดฟ้าของโรงพยาบาลมีสวนหย่อมที่จัดไว้อย่างสวยงาม จะมีเพียงแพทย์และเจ้าหน้าที่เท่านั้นที่รู้ แต่ก็ไม่ค่อยมีใครขึ้นมาบ่อยนักยกเว้นภีร์และเวย์ที่จะผลัดกันหรือนาน ๆ จะขึ้นมาพร้อมกันเพื่อสูบบุหรี่คลายเครียดเป็นครั้งคราว ส่วนภาคย์เนื่องจากเป็นผู้บริหารจึงไม่ค่อยจะสูบบุหรี่ที่โรงพยาบาลให้ใครเห็นนอกจากเวลาไปแฮงเอาต์กับภีร์และเวย์
ภีร์ขึ้นลิฟต์มาจนถึงชั้นดาดฟ้ามือหนาควานหาบุหรี่ที่หยิบติดมือมา และก่อนที่จะทันได้ยกบุหรี่ขึ้นจุดสายตาก็เผลอไปเห็นปลายฟ้าที่กำลังนั่งกอดตัวเองร้องไห้สะอื้นตัวโยนอยู่กับเก้าอี้ เป็นภาพที่สะเทือนใจแก่ชายหนุ่มยิ่งนัก แม้จะเคยเจอภาพลักษณะนี้บ่อยครั้งจนชินตา แต่ไม่รู้ทำไมเขาอยากเป็นคนที่ช่วยเธอให้หยุดร้องไห้ ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ภีร์เห็นปลายฟ้ามานั่งร้องไห้ที่บนดาดฟ้าแม้จะแปลกใจที่หญิงสาวรู้ว่าชั้นนี้มีที่นั่งพักผ่อน ภีร์ตัดสินใจเก็บบุหรี่ลงกระเป๋ากางเกงก่อนจะยืนดูปลายฟ้าร้องไห้สักพักแล้วเดินลงลิฟต์ไปเช่นเดิม
“อ้าว วันนี้ทำไมเป็นสิงห์รมควันเร็วนักหรือกลัวอาบน้ำล้างกลิ่นไม่ทัน” ภาคย์ถามขึ้นทันทีเมื่อเห็นภีร์เดินกลับเข้ามาในห้องพักแพทย์ทั้งที่พึ่งออกไปได้ไม่ถึงสิบนาที
“เปล่า ขี้เกียจสูบก็เลยเปลี่ยนใจ” ร่างสูงนั่งลงโซฟาตรงข้ามกับภาคย์แล้วยกมือขึ้นเท้าคางทำสีหน้าครุ่นคิด ภีร์นึกถึงภาพที่ปลายฟ้าแอบมองเขาทุกครั้งที่เข้าไปตรวจคนไข้เตียงข้าง ๆ สายตาคู่นั้นที่มองมาบางครั้งก็เกือบทำให้ภีร์ใจอ่อน แต่ทุกครั้งภีร์ก็มักจะหาเหตุผลมาปฏิเสธความอ่อนไหวในใจของตัวเองเสมอและแม้ว่าภีร์จะพยายามไม่สนใจท่าทีของลูกสาวที่เปลี่ยนไปเพราะครูสอนไวโอลินที่ชื่นชอบอยู่ในช่วงลาคลาสรวมถึงหญิงสาวที่เขาเห็นขึ้นไปนั่งร้องไห้บนดาดฟ้าของโรงพยาบาลแทบจะทุกวัน แต่ท่าทีของลูกสาวและเหตุการณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าบนดาดฟ้าก็ทำให้คุณหมอหนุ่มต้องนั่งทบทวนเรื่องนั้นอีกครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ภีร์ไม่ต้องการเห็นความทุกข์ของลูกสาวของเขาเพราะยิ่งคิดก็ยิ่งเหมือนเขาทำร้ายจิตใจผู้หญิงทั้งสองคนทั้งที่สามารถช่วยให้ทั้งคู่กลับมามีชีวิตชีวาได้ และทางเดียวที่จะช่วยปลายฟ้าได้ก็คือช่วยรักษาหัวใจของเธอนั่นคือพ่อของเธอที่นอนป่วยรอการรักษาอยู่ ซึ่งก็จะส่งผลให้ลูกสาวของเขาพอใจและกลับมาเป็นมินนี่คนเดิมอีกครั้ง
นี่เป็นอีกสาเหตุหลักที่ทำให้ภีร์คิดเปลี่ยนใจทั้งที่ตัดสินใจว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวเคสนี้อีกและอีกสาเหตุหนึ่งคือรู้สึกสงสารปลายฟ้า หญิงสาวตัวเล็กที่ต่อหน้าผู้เป็นพ่อนั้นยิ้มสดใสตลอดเวลาแต่ใครจะไปรู้ว่าเธอนั้นแอบไปร้องไห้คนเดียวอยู่บ่อย ๆ ต้องเข้มแข็งแค่ไหนถึงจะผ่านช่วงเวลานี้ไปได้
“มึงมีอะไรก็รีบพูดมาไอ้ภีร์ยืนมองหน้ากูอยู่แบบนั้นวันนี้ทั้งวันกูก็ไม่รู้เรื่อง” ภาคย์ถามภีร์เมื่อตอนนี้นั่งกันอยู่สองคนเพราะเวย์มีคิวผ่าตัด
“กูขอตัวไปแผนกอายุรกรรมก่อนนะ” นอกจากจะไม่ตอบภาคย์แล้วภีร์ก็รีบพูดขอตัวกับเพื่อนเป็นรอบที่สองก่อนจะเดินออกไปเหมือนกับว่ากลัวจะไม่ทันการณ์ ภาคย์นั่งนิ่งมองดูการกระทำของภีร์ก่อนจะเริ่มเข้าใจในสถานการณ์ที่ภีร์เผชิญอยู่
เหตุการณ์ในห้องพักแพทย์แผนกอายุรกรรม
“หมอขวัญผมขอคุยด้วยสักครู่สะดวกไหมครับ” ภีร์เดินเข้ามาในห้องพักแพทย์แผนกอายุรกรรมที่มีแพทย์หญิงของขวัญนั่งทำงานอยู่
“ได้ค่ะหมอภีร์มีอะไรคะ”
“เคสคนไข้ที่ที่ชื่อธิติหมอเตรียมความพร้อมถึงไหนแล้วครับ” สีหน้าจริงจังยามเมื่อถามแพทย์เจ้าของไข้ทำเอาคนถูกถามแปลกใจเพราะหลังจากร่วมชี้แจงแนวทางการรักษาให้ญาติคนไข้เมื่อหลายวันก่อนคุณหมอหนุ่มตรงหน้าก็ปฏิเสธที่จะยุ่งเกี่ยวกับเคสนี้ทุกอย่าง
“ก็พร้อมเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วค่ะเพราะวันมะรืนเราต้องผ่าตัดแล้ว หมอภีร์มีอะไรหรือเปล่าคะ” แพทย์หญิงของขวัญถามศัลยแพทย์มือหนึ่งของโรงพยาบาลพร้อมกับมองหน้าอีกฝ่ายเพื่อรอคำตอบ ภีร์นิ่งไปสักพักก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างคนที่มั่นใจในสิ่งที่กำลังจะทำ
“ผมจะเป็นคนผ่าตัดให้กับเคสนี้เองครับ” น้ำเสียงหนักแน่นที่เปล่งออกไปให้หมอเจ้าของไข้ได้ยินทำเอาคนฟังมองมาเหมือนไม่อยากเชื่อว่าชายหนุ่มจะเปลี่ยนใจมาผ่าตัดให้
“ทำไมหมอถึงเปลี่ยนใจคะ”
“เคสนี้เป็นเคสพิเศษที่โรงพยาบาลและทีมแพทย์จากหลายแผนกทำวิจัยร่วมด้วย หมอภาคย์มอบหมายให้ผมมาดูแลเคสนี้เพราะต้องการเก็บรวบรวมข้อมูลระหว่างทำการผ่าตัดเพื่อนำไปเป็นกรณีศึกษาให้แพทย์รุ่นต่อไปด้วยครับ” ภีร์ตอบเหมือนว่าตนเองทำตามหน้าที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษไปมากกว่านั้น แพทย์หญิงของขวัญที่นั่งฟังคำตอบของหนึ่งในศัลยแพทย์ฝีมือดีที่สุดในโรงพยาบาลแล้วแอบยิ้มน้อย ๆ
“ฉันจะเชื่ออย่างนั้นก็แล้วกันค่ะ ขอบคุณนะคะที่ยอมหันหลังกลับมาแม้จะช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ก็ตาม” ยังไม่วายเอ่ยแซวหมอหนุ่มกลับไป ถึงจะเพื่อนกันมานานแต่บางเรื่องเธอเองก็คาดเดาความคิดของชายหนุ่มไม่ออกเหมือนกัน แต่สำหรับเคสนี้ถือว่าเป็นไปตามที่เธอคาดการณ์ไว้แม้จะช้ากว่าที่คิดไว้ก็ตาม
ตอนที่ 33 ขอบคุณที่เกิดมา“อือ..อื้อ” สิ้นเสียงคำตอบภีร์ก็กระโจนใส่ร่างบางราวเสือเจอเนื้อชิ้นโปรดที่ยืนเฝ้าอยู่เนิ่นนาน บัดนี้ถึงเวลาเจ้าของชิ้นเนื้ออนุญาตให้ลิ้มรสได้จึงไม่รีรอที่จะเขมือบเข้าปากภีร์จัดการถอดชุดนอนปลายฟ้าจนเธออยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ก่อนจะหันกลับมาปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเองพลางซุกคลอเคลียจนหญิงสาวเริ่มคล้อยตาม เขาอาศัยจังหวะนั้นแทรกตัวกลางหว่างขา ยกมือขึ้นลูบกลีบดอกไม้อวบนูนเบา ๆ ก่อนที่น้ำหล่อลื่นสีใสจะแทรกซึมออกมาตอบสนองปลายฟ้าเม้มปากแน่นเมื่อถูกพันธะการข้อมือตรึงไว้เหนือศีรษะทุยด้วยมือหนาเพียงข้างเดียว แรงกระทุ้งเข้ามาในกายของช่วงล่างทำเอาปลายฟ้าน้ำตาคลอ พยายามกัดฟันแน่นข่มความเจ็บ“อึก..มะ..มันเจ็บค่ะ..เอาออกก่อนได้ไหม” ปลายฟ้าบอกเสียงสั่นเครือน้ำตาคลอเบ้า“เข้ามาถึงขนาดนี้แล้ว ยังจะให้ผมเอาออกอีกเหรอฟ้า อดทนหน่อยนะคนดียิ่งเอาออกแล้วใส่เข้ามาใหม่คุณจะยิ่งเจ็บ”“มันใหญ่เกินไป มันเข้าไม่ได้หรอกค่ะ” เพียงแค่เห็นภีร์ใช้ลิ้นดันมุมปากก็พานหายใจไม่ทั่วท้อง“ธรรมชาติสร้างหญิงและชายให้เกิดมาคู่กัน เราสองคนจะเข้ากันได้ดี ผ่อนคลายนะคนดี” ภีร์ปลอบประโลมคนใต้ร่างที่ตอนนี้นอนเ
ตอนที่32 เรื่องเล่าหลอกเด็กมื้อค่ำบรรยากาศที่เงียบสงัดยามค่ำคืนพระอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้าไปและมีแสงไฟหลากสีสว่างขึ้นแทน บ้านเรือนที่ตั้งอยู่ไม่ห่างกันต่างกำลังมีความสุขกับครอบครัวในมื้อค่ำ ภีร์และปลายฟ้านั่งทานอาหารที่ช่วยทำขึ้นมาอย่างมีความสุข“คุณกลัวผีไหม” อยู่ ๆ ภีร์ก็ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าปลายฟ้านั้นทานอาหารเสร็จแล้ว“ที่นี่มีผีด้วยเหรอคะ ฉันนึกว่ามีแต่ที่เมืองไทยเสียอีก” ปลายฟ้าไม่ได้ตอบคำถามของภีร์แต่กลับถามกลับด้วยสีหน้าจริงจัง“ที่ไหนก็มีผีทั้งนั้นแหละ ยิ่งที่เยอรมันบ้านเมืองมีแต่หลังเก่าแก่อาศัยอยู่มาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ รุ่นปู่ รุ่นย่า ตกทอดมาถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน เขาเล่ากันว่าบรรพบุรุษของที่นี่หลังจากเสียชีวิตจะอยู่คอยดูแลทรัพย์สมบัติให้ลูกหลาน แล้วคุณคิดว่าบ้านหลังนี้ที่มีอายุเกือบร้อยปีตอนนี้จะมีแค่เราไหมที่อยู่ที่นี่”ปลายฟ้าที่ตั้งใจฟังภีร์เล่าตั้งแต่ต้นจนจบ ในหัวก็จินตนาการตามสิ่งที่ชายหนุ่มเล่า ตากลมโตหันมองซ้ายมองหน้าต่าง มองประตู เหมือนกำลังมองหาอะไรบางอย่าง“คุณแกล้งเล่าให้ฉันกลัวใช่ไหมคะ”“ผมโตจนอายุเท่านี้แล้วไม่มาเล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ แบบนี้หรอก เพื่อนคนเยอรมันเขาเล่าให้ผ
ตอนที่31 เพศศึกษา“อ่ะ!” ปลายฟ้าร้องเสียงหลงอีกครั้งเมื่อชายหนุ่มรั้งเธอเข้าหา สองขาเรียวถูกจับแยกออก ก่อนที่ภีร์จะดันตัวเองแทรกเข้าหว่างขา“คุณจะทำอะไรคะ”“บางทีความไร้เดียงสาของคุณ ก็ทำให้ผมแทบทนไม่ไหวนะฟ้า” คำตอบของภีร์ปลายฟ้าได้ฟังถึงกลับหน้าแดงไม่รู้เพราะกำลังโกรธหรือกำลังอาย“ทนอะไรไม่ไหวคะ คุณโกรธฉันเหรอคะ” ปลายฟ้าตีความหมายเป็นอย่างแรก จนภีร์ถึงกับส่ายหัวและถอนหายใจเสียงดัง“เฮ้อ! ผมคิดถูกหรือผิดกันแน่ ขึ้นเองก็ต้องเอาลงเองสินะ คุณไปเก็บของเถอะผมขอไปจัดการตัวเองก่อน” ปลายฟ้าเบิกตาเล็กน้อย เมื่อเริ่มเข้าใจความหมายสิ่งที่ภีร์พูดได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างที่ตอนนี้กำลังเร่งฝีเท้าเดินเข้าห้องน้ำที่อยู่ใกล้ที่สุด“คุณน่ากลัวกว่าที่ฉันคิดเลยนะคะคุณหมอ ฉันจะรอดจากเงื้อมมือคุณไปอีกกี่วันกันคะ ตาหมอบ้ากาม” บ่นพึมพำกับตัวเองเสร็จก็รีบไปจัดการจัดเก็บข้าวของก่อนที่ชายหนุ่มจะกลับออกมาเพราะเธอยังไม่กล้าสู้หน้าเขาตอนนี้ก๊อก ก๊อก ก๊อก“ฟ้า..คุณจะขังตัวเองอยู่ในห้องทั้งวันแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ ออกมาสูดบรรยากาศข้างนอกบ้าง” ภีร์ตะโกนเรียกปลายฟ้าที่ขังตัวเองอยู่แต่ในห้องตั้งแต่มาถึงจนป่านนี้ยังไม่กลั
ตอนที่30 เพื่อเธอเมื่อใกล้ถึงวันเดินทางปลายฟ้ายิ่งกังวลมากขึ้นที่จะต้องห่างจากคนรักรวมทั้งพ่อและแม่ ทางด้านภีร์ที่อีกสองวันก็ต้องเดินทางไปพร้อมปลายฟ้าแล้วแต่ยังไม่ยอมบอกปลายฟ้าเรื่องที่เขาจะไปเยอรมันด้วย“อีกสองวันคุณก็ต้องเดินทางแล้ว เราคงไม่มีโอกาสได้มานั่งทานข้าวด้วยกันแบบนี้แล้วสิ ผมคงคิดถึงเสียงไวโอลินของคุณมากแน่ ๆ” คนที่มีความลับพูดเศร้า ๆ แม้ในใจจะไม่ได้เศร้าเหมือนคำพูดที่ออกมาก็ตาม“คุณอย่าพูดแบบนี้สิไหนคุณบอกฉันว่าเยอรมันใกล้แค่นี้เอง คุณบินไปหาฉันแป๊บเดียวก็ถึงไง” ปลายฟ้าที่กำลังเอื้อมมือไปตักอาหารตรงหน้าชักมือกลับทันทีเพราะรู้สึกอิ่มขึ้นมาดื้อ ๆ เมื่อถูกแฟนหนุ่มเอ่ยเรื่องที่จะต้องห่างกันขึ้นมา“ผมพูดเล่น..อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ กลายเป็นว่าผมทำให้คุณต้องอิ่มทั้งที่ทานข้าวไปได้เพียงไม่กี่คำ ยังไงผมจะรีบบินไปหาคุณทันทีที่ว่างผมสัญญา ทานข้าวต่อเถอะนะ” เสียงทุ้มที่เจือไปด้วยความห่วงใยของภีร์บอกกับปลายฟ้าก่อนจะตักอาหารใส่จานให้หญิงสาว ภีร์แทบอยากหยิกตัวเองที่เกิดอยากแสดงละครตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จต่อหน้าคนรักแล้วดันมาแสดงได้เนียนจนเกือบเอาน้ำตาแฟนสาวร่วงภีร์อยากให้ปลายฟ้าเสพติดเข
ตอนที่29 ตัดสินใจปลายฟ้านั่งคิดทบทวนเรื่องการไปเข้าร่วมแสดงดนตรีนานาชาตินี้อยู่หลายรอบกว่าจะตัดสินใจปรึกษาเรื่องนี้กับพ่อแม่ในตอนเช้า“ทำไมยังไม่ไปสอนล่ะลูกนี่ก็สายแล้วนะมีอะไรหรือเปล่า” เสียงมารดาของปลายฟ้าถามขึ้นเมื่อวันนี้ลูกสาวยังไม่ออกจากบ้านทั้งที่ดูเวลาก็สายแล้ว“ฟ้ามีเรื่องที่จะบอกพ่อกับแม่น่ะค่ะ” ท่าทางเหมือนคนที่มีอะไรในใจของลูกสาวทำให้นิธิพ่อของปลายฟ้าอดเป็นห่วงไม่ได้จึงถามขึ้นมาอีกคน“มีอะไรก็พูดมาเถอะลูกพ่อกับแม่พร้อมรับฟังเสมอ”“วงดนตรีที่ประเทศเยอรมันที่ฟ้าสมัครไว้เขาแจ้งมาว่าสนใจในผลงานของฟ้าเลยอยากให้ไปร่วมฝึกซ้อมและร่วมแสดงโชว์ในเทศกาลดนตรีนานาชาติที่กำลังจะมีขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้านี้ค่ะ”“จริงหรือลูกนี่ฟ้ากำลังจะได้ไปทำตามฝันของตัวเองแล้วสิ” คนเป็นแม่เมื่อได้ฟังในสิ่งที่ลูกสาวบอกก็ดีใจจนรอยยิ้มฉาบไปทั่วใบหน้า แต่ก็แปลกอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมปลายฟ้าถึงดูไม่ค่อยดีใจเหมือนที่ควรจะเป็น“จริงค่ะแม่พี่เรนรุ่นพี่ที่เป็นคนสอนดนตรีฟ้าพึ่งมาบอกเมื่อวาน ฟ้าต้องให้คำตอบเขาภายในอาทิตย์นี้”“แล้วทำไมลูกถึงดูไม่ค่อยดีใจเลยล่ะทั้งที่มันเป็นสิ่งที่ลูกเคยฝันไว้ และวันนี้มันก็ใกล้ที
ตอนที่28 เป็นแฟนกัน“แล้วคุณอยากไปหรือเปล่า” ภีร์เอ่ยถามขึ้นหลังจากนั่งเงียบมาสักพัก“ฉันเป็นห่วงพ่อค่ะ ท่านพึ่งผ่าตัดมาร่างกายยังไม่แข็งแรงดี ฉันไม่อยากทิ้งท่านอยู่กันลำพังแค่สองคน”“แต่มันคือความฝันของคุณ”“ใช่ค่ะ มันคือความฝันของฉันแต่..ฉันก็ไม่อยากทิ้งครอบครัวไปตอนนี้”“คุณลองไปปรึกษาพวกท่านดูก่อน อีกอย่างคุณก็แค่ไปซ้อมและขึ้นเล่นงานเทศกาลดนตรีนานาชาติ ยังไม่รู้ว่าจะได้เซ็นสัญญาหรือเปล่า พอถึงวันนั้นเราก็ค่อยมาคุยกันอีกที ระหว่างที่คุณไม่อยู่พ่อคุณผมช่วยดูแลให้เองไม่ต้องห่วง”“แต่ถ้าฉันผ่านการคัดเลือกฉันต้องเซ็นสัญญาและทำงานอยู่ที่นั่นตลอด ฉันคิดว่า” ท่าทางสับสนระหว่างความฝันและความห่วงครอบครัวที่กำลังตีกันของปลายฉันทำให้ภีร์ต้องยื่นมือไปกุมมือเธอเอาไว้เบา ๆ“ถ้ามันคือความฝันและสิ่งที่คุณรักผมก็อยากให้คุณทำมันให้เต็มที่ โอกาสแบบนี้มันไม่ได้มีเข้ามาบ่อย ๆ นะปลายฟ้า คุณอาจจะคิดว่าคุณยังเด็กยังมีเวลาอีกมากมาย โอกาสมันไม่ได้เพิ่มจำนวนครั้งตามอายุคนเราหรอกนะ” คนที่ผ่านเรื่องราวและประสบการณ์ชีวิตมาพอสมควรบอกปลายฟ้าพร้อมยิ้มบาง ๆ นัยน์ตาคู่คมฉายแววอาทรอย่างจริงใจ“คุณอยากให้ฉันไปมากเลยเห