LOGINหลังคุยกันอย่างสนุกสนานได้สักพัก รุ่นพี่หนุ่มก็ออกปากเลี้ยงเครื่องดื่ม พาให้หนึ่งหนุ่มไม่แท้ และเพื่อนสาวกระดกแก้วกันไม่หยุด สุดท้ายชญานิศกับปพนธีร์ที่ไม่ค่อยได้ดื่มจึงต้องหิ้วปีกพวกเขาไปยังรถของรุ่นพี่หนุ่มที่ขันอาสาไปส่ง และโชคดีว่าทั้งสามคนอยู่หอเดียวกัน ชญานิศจึงสามารถแบกเพื่อนเข้าไปในหอได้สะดวก
แม้ว่าจะเกรงใจระคนไม่วางใจ แต่เธอไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า เพราะหากให้เรียกแท็กซี่ และพาเพื่อนกลับไปเองคงอันตรายกว่ามาก
หลังชญานิศส่งเพื่อนเข้าห้องของแต่ละคนเสร็จ เธอก็ลงมาส่งรุ่นพี่หนุ่มที่จอดรถรอหน้าหอพักและช่วยเธอพยุงเพื่อนขึ้นไปบนห้องอีกแรง
“วันนี้…ขอบคุณพี่พลับมากเลยนะคะ” ไม่รู้ว่าทำไมตอนพูดเธอต้องหลุบตามองพื้น ไม่กล้าสบตากับเขาด้วย
“ดีใจจังที่จำชื่อพี่ได้” ถึงอย่างนั้นเสียงชื่นมื่นของเขาก็ยังชวนให้เธอใจสั่น
ทำเอาแก้มของเธอแดงระเรื่อ ไม่รู้จะต่อบทสนทนาอย่างไร เพราะตั้งแต่หัวค่ำที่ผ่านมาเพื่อนทั้งสองคนเป็นคนพูดคุยกับเขา ส่วนเธอพูดด้วยนับครั้งได้ ส่วนใหญ่ก็แค่ตอบรับด้วยการยิ้มน้อยๆ หรือพยักหน้าเท่านั้น
“ความจริง…พี่จำเจี๊ยบกับเพื่อนได้ดีเลยละ แต่แกล้งถามชื่อไปอย่างนั้น เพราะอยากหาเรื่องคุยด้วยน่ะ”
“คะ?” เธอเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยความประหลาดใจแกมเขิน
“พี่เคยเห็นเราประกวดดาวมหาวิทยาลัย เคยเอาใจช่วยด้วยนะ ตอนนั้นเราสวยมาก”
“…”
“ตอนนี้ก็สวย สวยกว่าเมื่อก่อนอีก”
“ขอบคุณค่ะ” แก้มชญานิศน่าจะแดงจัดยิ่งกว่ามะเขือเทศ เธอรู้สึกเขินจนตัวม้วน ชวนให้ท้องไส้ปั่นป่วน ยิ่งได้ฟังประโยคถัดมาของเขา เธอก็แทบอยากระเบิดตัวเองหนีไปจากที่นี่เลย
“มีแฟนรึยังครับ”
เธอมองเขาทึ่งๆ ก่อนจะขบกลีบปากนุ่มหนัก ก่อนหลุบตาลงอีกครั้งแล้วส่ายหน้า “ยะ ยังค่ะ”
“ดีเลย งั้นเปิดโอกาสให้พี่จีบเราได้รึเปล่า”
น่ะ นี่เขา ไม่ได้พูดเพราะเมาใช่ไหม
“พี่พลับ…พูดเล่นรึเปล่าคะ” เธอเรียกความกล้า ช้อนสายตามองเขาเพื่อพิสูจน์กัน
“พี่พูดจริง พี่ไม่ได้เมานะครับ มีสติดีทุกอย่าง”
“แล้วพี่พลับ…ยังไม่มีแฟนเหรอคะ” ชญานิศถามไปอย่างลืมตัว ก่อนจะนึกกระดากปากตัวเอง ถามอย่างนี้ก็เท่ากับว่าเธอก็สนใจเขาเหมือนกันไม่ใช่เหรอไง
“ยังครับ หัวใจของพี่ยังว่าง” คิ้วหนาเลิกขึ้นข้างหนึ่ง ก่อนจู่ๆ เขาจะโน้มหน้าเข้ามาใกล้เธอและถามด้วยน้ำเสียงทะเล้น “ว่ายังไงครับ ให้โอกาสพี่จีบได้ไหม”
“…”
“หรือว่าดาวคณะรังเกียจรุ่นพี่อย่างพี่…”
“ไม่ใช่นะคะ!” พอพูดออกไปแล้ว ชญานิศก็อยากตบปากตัวเอง
“งั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปฏิเสธ”
“…”
“เป็นอันว่าตกลงนะ”
เธอยืนนิ่ง หากแต่สังเกตดีๆ จะพบความผิดปกติเล็กๆ น้อยๆ บนร่างกาย สองมือที่กำลังกุมไว้ด้านหน้าอยู่ไม่สุข นิ้วเรียวขยับไหว ปลายเล็บจิกบนเนื้อตัวเองจนแทบจะเป็นรอย
“งั้นพี่ขอเบอร์หน่อยสิ”
ชญานิศอึกอัก ไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไรกับการกระทำอันรวบรัดของเขาดี กระทั่งชายหนุ่มกลับมายืนตัวตรงและยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้
เหมือนมีกระแสหวามไหวบางอย่างที่เธอมองไม่เห็นกดดันอยู่ เธอที่ไม่ค่อยมีสติอยู่กับเนื้อตัวเท่าไร จึงต้องรับเครื่องมือสื่อสารนั้นมาบันทึกเบอร์ของตัวเองก่อนยื่นให้เขา ทันทีที่ปพนธีร์รับคืนไป เขาก็โทรเข้ามา
ทั้งที่รู้…เมื่อโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายใบเล็กของเธอสั่นขึ้น แต่ชญานิศยังสะดุ้ง
ไม่หรอก เธอสะดุ้งเพราะ จู่ๆ เขายื่นใบหน้าหล่อเหลาเข้ามาใกล้หน้าของเธอต่างหาก
ชญานิศพลันหลับตาปี๋ ประหนึ่งรู้ว่ากำลังมีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเอง ทว่า…ทั้งที่รู้อย่างนั้นแต่สองขากลับไม่ถอยหนี
“…”
“…”
ผ่านไปครู่ใหญ่
สายลมเย็นพัดผ่านใบหน้าและผิวกาย แต่ไม่มีสัมผัสอื่นใดแตะไล้เธอเลย
ชญานิศเสียหน้า เมื่อครู่เธอตีตนไปก่อนไข้เกินไป เขาไม่ได้คิดจะทำอะไรเธอสักหน่อย
หญิงสาวจึงค่อยๆ สูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อผ่อนคลาย สงวนท่าทีให้กลับมาเป็นปกติก่อนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
ทว่าภาพตรงหน้ากลับสามารถระเบิดเธอได้มากกว่าการจู่โจมกะทันหันเมื่อครู่
ใบหน้าหล่อเหลา…ห่างกับเธอเพียงแค่คืบ
เขากำลังยิ้ม…
เธอโดนล่อลวงไม่รู้ตัว ไม่สามารถดึงสายตาออกไปจากเขาได้เลบ
จมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากหยักสีชมพู ดวงตามีเสน่ห์ ทรงผมจัดเข้าทรงจนดูดียิ่งกว่าพระเอกเกาหลี
“ถ้าเจี๊ยบยังมองพี่ด้วยสายตาแบบนี้อีก…”
“…”
“ครั้งหน้า พี่จะไม่หยุดแค่นี้แล้วนะ”
ชญานิศรีบย่นคอหนี ทำเป็นไม่รับรู้เสียงกระเซ้าแสนเซ็กซี่และขี้เล่นของเขา ทั้งที่ตาก็เห็นแหละว่าอีกฝ่ายยิ้มเย้าขณะมองเธออยู่
กระทั่งร่างสูงยอมถอยห่างและผละออกไปขึ้นรถคันหรู เธอที่ยืนอยู่ที่เดิมถึงได้มองตามเขาออกไป
ตึกตัก ตึกตัก
เป็นครั้งแรกที่หัวใจของเธอเต้นรุนแรงได้มากขนาดนี้
รุ่นพี่ที่เคยปลาบปลื้มยืนอยู่ตรงหน้าเธอ และตอนนี้…เขาก็ชอบเธอด้วย!
อิพรี่มันวร้ายยยยนะคะ มาจีบมีแผนรึเปล่าาา
นานเท่าไรแล้วที่เขาไม่ได้สัมผัสถึงความอ่อนโยนและอ่อนหวานเช่นนี้เขาไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายและความสุขมาหลายปีแล้ว กลางวันทำงานเต็มที่เพื่อให้ลืมเรื่องเครียด หากแต่กลางคืนนอนไม่หลับ ลืมตามองเพดานโง่ๆ อย่างคนอ้างว่าง ไร้ความหมายในชีวิตไม่นานปพนธีร์จึงผล็อยหลับไป รู้ตัวอีกทีก็เมื่อแขนเขาโดนสะกิด ภาพแรกหลังลืมตาเขาเห็นใบหน้าหญิงสาวที่ยังอยู่ในเสื้อครอปแขนสั้นกับกางเกงยีนส์รัดรูป…เธอยังไม่ได้อาบน้ำ ชายหนุ่มค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้น แต่ไม่วายใจเต้นตึกตัก กลิ่นหอมหวานยังคงติดจมูกเขาอยู่ และตอนนี้เธอกับเขาก็อยู่ในห้องนอน ทำให้อดรู้สึกถึงบางอย่างไม่ได้“รีบออกไปได้แล้ว” ชญานิศเห็นสายตาผู้ชายตรงหน้าก็รู้ทันทันที เธอรีบออกปากไล่เขา แต่ไม่ได้พูดเสียงดัง เพราะกลัวลูกจะตื่นปพนธีร์พยักหน้า เขาเหลือบมองนาฬิกา ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่ม ชญานิศควรจะได้อาบน้ำและพักผ่อนแต่ขณะเดินออกไปจากห้องและเดินสวนกัน แขนเขาไม่วายเฉียดโดนแขนเล็กอีก ทว่าเขายังคงพยายามเก็บอาการ ไม่แสดงท่าทีอะไร เดินต่อไปยังชั้นล่าง โดยมีหญิงสาวตามมาส่งพอจะออกจากบ้านแล้ว ปพนธีร์ก็มองไปยังโต๊ะทำงานของเธอ นอกจากโน๊ตบุ๊ค มีเอกสารหลายกองวางบนนั้น ผน
หลังจากทำหน้าที่เสร็จ ชายหนุ่มมาเล่นกับลูกต่อ ทำเอาคนที่ว่างจากการดูแลลูกอย่างเธอได้แต่มองสองพ่อลูกเล่นกันตาปริบๆ ก่อนตัดสินใจไปทำบัญชีและเขียนงานต่อ จนเวลาผ่านไปถึงช่วงสามทุ่ม “ถึงเวลาที่ลูกต้องเข้านอนแล้ว” ปพนธีร์พาลูกขึ้นไปชั้นบนตามคำสั่งของหญิงสาว กล่อมลูกน้อยที่นอนบนเตียงเดียวกับแม่ และแน่นอนว่าเขาได้แอบสูดกลิ่นเธอขณะนอนเล่านิทานให้ลูกฟังด้วย นิทานที่เล่าเป็นนิทานสมัยใหม่ เหมาะกับเด็กในยุคนี้ เช่น การปกป้องตัวเองจากผู้ใหญ่ใจร้าย ชญานิศให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของลูกมากจริงๆ “พ่อเคยแพ้ปีศาจบ้างไหม” แต่เล่าจบแล้ว เจ้าตัวเล็กยังไม่หลับ ยังคงซักไซ้ถามพ่อต่อ นัยน์ตาใสแจ๋ว“…มีบ้างครับ คนเราก็ต้องมีแพ้มีชนะเป็นธรรมดา ถ้าแพ้แล้วก็ลุกขึ้นสู้ใหม่ อย่าเสียใจนะครับ”“อื้อ น้องเคนไม่เสียใจ” ไม่รู้ลูกชายเข้าใจรึเปล่า แต่ตอบรับโดยดี ชายหนุ่มหอมแก้มสองข้างของเขาด้วยความรักใคร่ “พ่อ”“ครับ”“พ่อจะนอนที่นี่กับเคนกับแม่ไหม”“ไม่ครับ แต่พอตื่นมาน้องเคนจะเจอพ่อ พ่ออยู่บ้านข้างๆ นี้เอง” ปพนธีร์ชี้ไปยังผนังด้านซ้ายของห้องนอน“อยากให้พ่อมาอยู่ด้วยกันจัง มานอนบนเตียงเดียวกัน…ทำไมพ่อต้องไปอยู่บ้าน
ชญานิศกรีดร้องในใจ ขณะเดียวกันก็พยายามระงับอารมณ์ไว้มากที่สุด เพราะกลัวลูกจะตกใจกลัว“ให้อาบน้ำให้ลูก ไม่ได้อาบน้ำตัวเอง!” “ก็ลูกอยากให้พี่ลงอ่างด้วยกัน พี่ก็เลยลง” ปพนธีร์บอกเสียงจ๋อย ผิดกับนัยน์ตาที่พราวระยับ ขณะเธอจ้องหน้าเขาด้วยความเดือดดาล นัยน์ตาแทบถลนออกมา แต่ไม่คิดจะมองต่ำไปกว่าลำคอที่มีหยาดน้ำเกาะ และบางหยดกำลังไหลจากกล้ามหน้าอกสู่กล้ามหน้าท้อง ซึมเข้าไปในปมผ้าเช็ดตัว “พ่อออ” เจ้าตัวอวบไม่เรียกเปล่า กระตุกชายผ้าเช็ดตัวของพ่อแรงๆ ไม่กี่ครั้ง ผ้าเช็ดตัวก็หลุดลงจาก… กรี๊ดดด ไอ้ทากหน้าดำ! ถึงจะเคยเห็น แต่ใช่ว่าจะอยากเห็นอีก “แต่งตัวให้ลูกด้วย!” เธอชี้ไปยังกองผ้าที่เตรียมไว้ให้ลูก แล้วรีบออกจากห้อง ลงไปชั้นล่างทันที “พ่อ แม่ปิดตาทำไมอ่ะ” ลูกไม่ทันได้เห็นอะไร เพราะพ่อรีบก้มเก็บผ้าเช็ดตัวมาพันก่อนเด็กชายจะหันกลับมา แต่ถึงเห็น เด็กน้อยก็ยังคงงงอยู่ดี เพราะพ่อบอกให้ฟังตอนอยู่ในห้องน้ำแล้วว่าหากเขาโตขึ้น เขาจะมีหนอนยักษ์ใหญ่เหมือนพ่อ! ตอนนี้เขาเป็นเด็ก หนอนเขาต้องจิ๋วไปก่อน คนเป็นพ่อทั้งยิ้มทั้งขำ ไม่ได้มีแววละ
“ถ้าพี่หย่ากับจีน เจี๊ยบ…ยังอยากไปจากพี่อยู่อีกรึเปล่า” คำตอบของเธอยังคงเดิม เธอเลือกจะไปจากเขา ความรู้สึกเธอเปรียบเสมือนแก้ว เมื่อแตกแล้วก็ไม่อาจต่อให้เหมือนเดิมได้ แต่ลูกของเธอนี่สิ เขาไม่รู้ และไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลย จะกีดกันเขาไม่ให้ยุ่งกับพ่อ เพียงเพราะต้องการให้เห็นใจแม่ ก็คงจะดูใจร้ายไปสักหน่อยยิ่งเห็นว่าชนิภัทรไม่ยอมให้พ่อของเขากลับไปตั้งแต่พามาส่งที่ร้าน ทั้งยังชวนเล่น ชวนให้สอนการบ้าน เต็มใจที่จะเรียนรู้อย่างน่าประหลาด ทีกับเธอ ลูกมักจะเกี่ยงแล้วเกี่ยงอีก เธอถึงต้องเอาขนมมาหลอกล่อพอถึงช่วงเวลาปิดร้าน กว่าเธอจะหว่านล้อมให้ลูกกลับด้วยกันได้ ก็ต้องเจรจาอยู่นาน เพราะเขากลัวพ่อจะหายไป“ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ตอนนี้พ่อย้ายเข้าไปอยู่ข้างบ้านน้องเคนแล้วนะ”คนที่ไม่รู้ว่าตัวเองมีเพื่อนบ้านใหม่แล้วขมวดคิ้ว“นี่คุณซื้อบ้านหลังนั้นแล้วจริงๆ เหรอ บ้ารึเปล่า!” บ้านหลังข้างๆ ติดประกาศขายด้วยราคาแพงหูฉี่ ทั้งเธอยังได้ยินจากคนในหมู่บ้านว่าภายในบ้านมีปัญหาค่อนข้างมาก ฝ้าพัง หลังคารั่ว ท่อประปาแตก แล้วเขาก็ยอมซื้อเนี่ยนะ!?“อืม วันนี้ให้ช่างเข้าไปซ่อมบางส่วน แล้วก็ทยอยซื้อของเข้
ตาของเจ้าของร้านกระตุก ชื่อของเธอถูกนำไปเป็นประเด็น หญิงสาวจึงอดมองผู้ชายสองคนนั้นตาขวางไม่ได้ หากแต่อีกคนกลับมองเธอด้วยนัยน์ตานุ่มลึกจนชวนขนลุก“วันหลังถ้าจะไปรับลูก ควรโทรบอกฉันก่อน ถ้าจู่ๆ คุณพาลูกหายไป…”“พี่ส่งข้อความบอกแล้ว แต่เจี๊ยบยังไม่เปิดอ่าน”“…”“งั้นเดี๋ยววันหลังพี่จะโทรหานะ”คนบล็อกการติดต่อหน้าม้าน เธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเขา แต่กลายเป็นว่าต้องเปิดโอกาสให้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ทุกอย่างก็เพื่อลูก ไม่มีอะไรระหว่างเขากับเธอชญานิศไม่สนใจชายหนุ่ม เธอปล่อยให้ลูกชายวิ่งไปหาพ่อ ก่อนจะไปหยิบไม้ประดับที่ร้านเพิ่งมาส่งตอนบ่ายไปประดับข้างหน้าต่างในตอนที่ยังไม่มีลูกค้าเข้ามาหญิงสาวเหยียบบันไดสูงขึ้นไปเพื่อเกี่ยวลวดไว้กับที่แขวนด้านบนเธอไม่ได้รู้เลยว่าพ่อของลูกกำลังมองมาชญานิศใส่เสื้อครอบที่จั๊มตรงเอว ในยามยืนปกติ ไม่มีใครมองเห็นอะไร เพราะชายเสื้อพอดีกับขอบกางเกง แต่ยามยืดตัว เสื้อตัวนั้นกลับกลายเป็นเอวลอย โชว์ให้เห็นเอวเล็ก และสะดือจุ่นที่ปพนธีร์ชอบสัมผัส และหวงแหนมากผู้บริหารหนุ่มเหล่ตามองรุ่นน้อง แม้อัจฉริยะจะทำทีเป็นไม่สนใจ แต่รุ่นน้องลอบมองหญิงสาวอยู่ทีหนึ่ง ในอกของเข
เมื่อเดินทางกลับมาร้านกาแฟ ชญานิศเข้ามารับออเดอร์แทนอริยา เพราะพนักงานสาวกำลังติดชงเครื่องดื่มให้ลูกค้าคิวก่อนหน้า และเมื่อเธอเสิร์ฟอเมริกาโน่เย็นเรียบร้อยแล้ว อริยาก็เดินมากระซิบถามเธอ“พี่เจี๊ยบได้ยินเรื่องเจ๊กงรึยังคะ” “เรื่องอะไร” ชญานิศขมวดคิ้ว ขณะเช็ดทำความสะอาดเคาน์เตอร์“ตลาดเจ๊กงถูกสั่งปิดแล้วนะ”“จริงเหรอ ทำไมล่ะ”“เห็นข่าวบอกว่าหนูวิ่งยั๊วเยี๊ยะ เป็นแหล่งเชื้อโรค ไหนจะกองขยะเบ้อเร้อหลังตลาดอีก พอมีภาพออกข่าวไป เลยโดนสั่งเลย แต่จริงๆ มันมีมานานแล้วนะ แต่ไม่รู้ทำไมถึงเพิ่งโดน” ชญานิศไม่ได้เก็บมาใส่ใจ คิดเพียงแค่ว่ามันคงถึงเวลาแล้วที่คนนิสัยไม่ดีและชอบเอาเปรียบอย่างเจ๊กงจะถูกลงโทษบ้างเจ้าของร้านสาวกับลูกน้องยังคงตั้งใจทำงานต่อกระทั่งเวลาบ่ายสามโมงครึ่ง แม่ของอริยาโทรมาบอกว่าท้องเสีย เข้าห้องน้ำไปสิบกว่ารอบแล้ว พนักงานสาวจึงต้องขอลางาน พาแม่ไปโรงพยาบาลทันที“สวัสดีครับ” อัจฉริยะเดินเข้ามาพร้อมสั่งเครื่องดื่มแก้วหนึ่งหลังอริยาออกไปไม่นาน เขาเป็นลูกค้าประจำ ชายหนุ่มมักจะมาห้าวันต่อสัปดาห์เป็นอย่างน้อย ไม่ช่วงเช้าก็ช่วงบ่าย“เอสเพรซโซ่เย็นไม่หวานได้แล้วค่ะ” ชญานิศเสิร์ฟเครื่องด







