ผ่านไปสามวัน หลังปพนธีร์เดินทางกลับไปเยี่ยมพ่อและจัดการธุระที่กรุงเทพฯ เขาก็กลับมาที่เชียงรายอีกครั้ง ก่อนจะให้ผู้ช่วยพาไปร้านกาแฟที่มาวันก่อนเป็นอย่างแรก
พรพงศ์แปลกใจ เพราะเจ้านายหนุ่มดูผิดปกติไปตั้งแต่มาเชียงรายเมื่อคราวก่อนแล้ว ทว่าเขาไม่อาจออกปากถามไปตรงๆ ได้แต่รับคำสั่งเข้าไปซื้อกาแฟตามที่เจ้านายต้องการ
ปพนธีร์นั่งรอผู้ช่วยหนุ่มอยู่ในรถ ดวงตามองเข้าไปในร้านก่อนพรพงศ์จะเดินเข้าไปซะอีก
ใช่ เขาไม่ได้สนใจผู้ช่วยตัวเอง แต่เป็นเจ้าของร้านสาวที่เดินออกมารับออเดอร์และคิดเงินหน้าเคาน์เตอร์
ชญานิศในตอนนี้ดูผอมกว่าเมื่อก่อนมาก ใบหน้าดูเหนื่อยล้า ใต้ตาหมองคล้ำ แต่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มสวยประดับ
ปพนธีร์ไม่อาจบรรยายความรู้สึกของตัวเองทั้งหมด เพราะมันมากมายเกินกว่าจะนับด้วยนิ้ว ทว่ามีความรู้สึกหนึ่งเด่นชัดและแทบจะกลืนกินทุกความรู้สึกที่มีอยู่ นั่นคือ โหยหา
ยิ่งได้เห็นเธออยู่ตรงหน้า อยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อมมือ เขาแทบอยากจะลงจากรถและกระโจนเข้าไปกอดเธอ
แต่…เขา…จะเข้าไปในฐานะอะไร
แม้เราจะเคยแนบชิด แต่นั่นก็เป็นอดีต ตอนนี้เพียงแค่ยื่นหน้าเข้าไปในเห็น รอยยิ้มแสนหวานบนใบหน้าเธอคงพลันเปลี่ยนเป็นขมขื่น
เขาไม่อยากทำลายความสุขและความสดใสของเธอ
“เชิญเข้ามาดูเมนูด้านในก่อนได้นะคะ…”
ชญานิศเชิญชวนให้ลูกค้าที่กำลังเดินผ่านไปมาและมองเข้าไปในร้านด้วยความสนใจ หลังเธอปล่อยให้พนักงานสาวจัดการทำเครื่องดื่มให้พรพงษ์ไป ส่วนตัวเองก็เดินออกมาดูความเรียบร้อยด้านหน้า
บางคนบ้างก็เดินผ่าน แต่ส่วนใหญ่มักจะหยุดฟังเธอ เดินเข้าไปในร้าน นอกจากการตกแต่งด้านในที่ชวนให้เข้าไปนั่ง เมนูเครื่องดื่มที่น่าลิ้มลอง ความสวยของเธอก็ทำให้หลายคนคล้อยตามไม่น้อย โดยเฉพาะพวกผู้ชายหรืออย่างนักศึกษาชายที่มองเธอตาปรอย
“อเมริกาโน่ร้อนมาแล้วคร้าบ” ผู้ช่วยขึ้นรถพร้อมกับส่งมอบแก้วให้เขา
“ขอบคุณครับ” ปพนธีร์รับกาแฟนั้นมาไว้ในมือตาพราว ก่อนจะยกขึ้นจิบ สายตามองเข้าไปในร้านที่มีหญิงสาวสวยกำลังรับออเดอร์ลูกค้าอยู่
“มีอะไรรึเปล่าครับ” พรพงศ์เพิ่งจะมาทำงานกับปพนธีร์ได้สองปีกว่า จึงไม่รู้ว่าเขาเคยรู้จักและสนิทกับเจ้าของร้านกาแฟนั้นมากแค่ไหน
“เปล่าครับ ออกรถเลย” เจ้านายที่นั่งข้างกันเปรยยิ้มๆ แววตาอิ่มเอมไปด้วยความสุขกว่าเมื่อครู่มาก
“รสชาติดีสมกับที่คุณอัจอวดไหมครับ” พรพงศ์เข้าใจว่าคราวก่อนเจ้านายยังไม่ได้เข้าร้าน ก็มีธุระด่วน ทำให้ต้องรีบกลับกรุงเทพฯ ซะก่อน มาคราวนี้เจ้านายจึงสั่งให้เขารีบพามาที่นี่เพื่อจะได้ลิ้มลองให้หายคาใจ
“ครับ หอม…รสชาติดีมาก” เปรี้ยวและขมเล็กน้อย หอมหวานคล้ายน้ำผึ้ง กลมกล่อมกำลังดี มีกลิ่นพีชและดอกไม้
“จริงๆ ก็ยังมีอีกหลายร้านเลยนะครับที่น่าสนใจ ถ้าคุณพลับอยากลอง…”
“ไม่ครับ ผมชอบที่นี่” ปพนธีร์ตัดตัวเลือกอื่นด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ทำเอาผู้ช่วยที่ได้กลิ่นทะแม่งๆ อยู่แล้วยิ่งประหลาดใจมากขึ้นไปอีก
เพราะปกติปพนธีร์ไม่ใช่คนด่วนตัดสินทุกอย่างอย่างนี้ ถึงจะชอบหรือไม่ชอบ เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย เขาก็ไม่ได้พูดหรือยืนยันทันที หากไม่มีตัวเลือกหรือข้อเปรียบเทียบอื่นมากพอ
ผู้บริหารหนุ่มอ่านท่าทีและสายตาของลูกน้องออก แต่ไม่คิดอธิบายอะไร
“ทางร้านเขารับจำนวนมากรึเปล่าครับ คุณพงศ์ลองถามให้หน่อยสิ”
“อ่ะ อ่า ได้ครับ” ผู้ช่วยที่ขับรถออกไปแล้วรีบรับคำ “ว่าแต่กี่กล่องดีครับ แล้วคุณพลับจะนำไปให้…”
“ทุกคนในไซต์งานครับ คุณพงศ์ช่วยจัดการให้หน่อยนะ” ปพนธีร์บอกจนกระจ่าง ก่อนจะยกแก้วขึ้นจิบแก้วกาแฟในมืออีกครั้ง
เขารู้ว่ารสชาติกาแฟแก้วนี้อาจจะไม่ได้พิเศษหรือดีที่สุดเท่าที่เคยกินมาหากไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของร้าน เขาก็คงจะรู้สึกว่ารสชาติค่อนข้างธรรมดา ไม่ได้รู้สึกโหยหาหรืออยากชิมถึงขนาดที่ต้องถ่อมานี่ทันทีหลังมาถึงสนามบิน
แต่เพราะรู้นั่นแหละ เขาถึงได้เป็นอย่างนี้
มันอาจจะดูผิดนิสัยเขาสักหน่อย แต่เขารักและพึงใจทุกอย่างที่เป็นเธอ อะไรก็ตามที่ได้มาจากเธอ เกี่ยวข้องกับเธอ เขาพร้อมจะเทิดทูนทั้งสิ้น
เมื่อปพนธีร์กลับไปกรุงเทพฯ เพื่อประชุมเกือบทั้งวัน เขาก็แวะเข้าไปเยี่ยมพ่อที่โรงพยาบาล ตอนนี้อาการของท่านดีขึ้นมากแล้ว พอเห็นหน้าเขา พ่อกลับไม่ได้พูดอะไรมาก ไม่ได้มีท่าทีโหยหาอย่างที่เลขาบอกเลย ทว่าปพนธีร์ก็พอใจ เพราะนั่นนับว่าเป็นสัญญาณที่ดีนี่คือการพบหน้ากันครั้งแรกในรอบหลายปี พ่อดูแก่และโทรมลงไปมาก ร่างกายที่เคยสง่าตอนนี้ก็ผอม หนังเริ่มเหี่ยวย่น ผมบนศีรษะเริ่มขาวโพลนอย่างเห็นได้ชัดท่านดูไร้ชีวิตชีวา ต่างจากตอนที่มีผู้หญิงคนนั้นอยู่เคียงข้างเช่นเดียวกับเขาในตอนนี้ หากแต่ชายหนุ่มก็ไม่อาจย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้ นอกจากกลับมาจังหวัดเชียงรายอีกครั้ง และทันทีที่ออกมาจากสนามบิน เขาก็ขับรถตรงไปยังร้าน Kenkoi และจอดเยื้องกับหน้าร้าน มองจากมุมนี้ เขาเห็นไปยังเคาน์เตอร์ร้านได้เลย เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงปพนธีร์นิ่วหน้า ปกติเขาต้องเห็นบางคนยืนอยู่ตรงนั้นบ้างแล้วสิ แต่วันนี้ทำไมมีแต่พนักงานของเธอ ชายหนุ่มจึงลงมาจากรถ สองขาตั้งท่าจะก้าวไปที่ร้าน แต่…ไม่ได้ เขาจึงเงยหน้าขึ้น สูดลมหายใจเข้าลึก พยายามอดกลั้นอดทนไว้ด้วยการมองรอบๆ เพื่อให้อารมณ์สงบแ
หลังเดินตรวจไซต์งานเรียบร้อย ปพนธีร์ก็เดินทางกลับไปโรงแรมเพื่อประชุมทางไกล จนเสร็จช่วงบ่ายสาม โทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น “คุณพบออกจากห้องซีซียูแล้วครับ…” ก่อนหน้านี้พ่อของเขาเข้าโรงพยาบาลเนื่องด้วยโรคหัวใจกำเริบ“ทันทีที่ท่านฟื้น ท่านถามหาคุณพลับเลยครับ” นี่เป็นครั้งแรกในรอบสี่ปีเลยล่ะมั้งที่ได้ยินพ่อพูดถึงเขา“ครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าผมจะรีบเข้าไปเยี่ยม” ปพนธีร์ไถ่ถามอาการท่านอีกสองสามประโยค ก่อนจะวางสาย ความจริงอาการของพ่อหายไปนานแล้ว แต่จู่ๆ กลับกำเริบขึ้นมาปพนธีร์นึกโทษตัวเองในบางคราบางทีท่านอาจจะไม่เป็นอะไรเลย ถ้าเขาไม่ทำร้ายคนที่พ่อรัก และหล่อนคนนั้นยังคงอยู่กับพ่อ เธอคือผู้หญิงที่เขาเกลียดฝังใจ หลังพ่อของเขาประสบอุบัติเหตุ หล่อนก็ได้เข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิดในฐานะพยาบาล กว่าแม่จะรู้ว่าทั้งสองคนเป็นรักแรกของกันและกัน และแอบสานสัมพันธ์ลับๆ ทั้งที่ท่านยังเป็นภรรยาอยู่ ทุกอย่างก็สายไปแล้ว นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้แม่ของเขาเป็นโรคซึมเศร้ กินยาเกินขนาดเพื่อฆ่าตัวตาย ซ้ำพอแม่จากไป พ่อของเขาก็พาผู้หญิงเข้ามาในบ้าน หล่อนเข้ามาทำหน้าที่แทนแม่ของเขา ฉะนั้นพอเขาได้สืบประวัติหล่อน รู้ว
หลังปพนธีร์ขอแต่งงานชญานิศ และฉลองกันอย่างหวานชื่นทั้งคืน ปพนธีร์ก็พาชญานิศลงมาชั้นล่างเพื่อเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมระหว่างทางที่พวกเขาเดินเคียงกัน ชญานิศสัมผัสได้ว่ามีสายตาหลายคู่มองมาที่เธอกับปพนธีร์และนั่นก็ไม่ใช่ความยินดี แต่กระนั้นก็ไม่มีใครกล้าพูดหรือทำอะไร เพราะข้างกายเธอคือผู้บริหารใหญ่ของที่นี่ชายหนุ่มบอกว่าครอบครัวของเขาทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ห้างสรรพสินค้าและโรงแรม รวมถึงโรงแรมที่มาพักด้วย ซึ่งชญานิศก็รับรู้เพียงเท่านั้น ไม่เคยซักไซ้ หรือไปค้นหาสืบประวัติชีวิตของเขาเลย หากไม่ได้รู้จักชายหนุ่มในฐานะรุ่นพี่ที่มาสอนตอนเธอกับเพื่อนต้องทำโปรเจ็ค เธอก็คงไม่ได้มีโอกาสรู้จักคนระดับเขาขณะทั้งสองคนกำลังเดินออกจากโรงแรม โทรศัพท์ของปพนธีร์ก็ดังขึ้น ชายหนุ่มขอตัวเดินไปคุยเป็นการส่วนตัว ให้เธอนั่งรออยู่ตรงโซนรับแขกด้านหน้าโรงแรม“เจี๊ยบ” นั่งไม่ทันไร หญิงวัยกลางคนแต่งชุดงามสง่า ผมเป็นดัดลอนสวย ในมือถือกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงเดินเข้ามาหาเธอ แน่นอนว่าเธอรู้จักหล่อนเป็นอย่างดี แม้จะไม่ได้เจอกันหลายปี แต่เธอก็ยังจำหล่อนได้“แม่”หล่อนกวาดสายตามองเธอในชุดเดรสสายเดี่ยวที่ด้านบนคลุ
เมื่อเช้าทางร้าน Kenkoi โทรมาว่า Snack box พร้อมส่งมอบให้ลูกค้าแล้ว พรพงศ์จึงขับรถไปรับของที่ร้านและขับไปยังไซต์งานต่อ เขาแจกจ่ายกล่องของว่างให้เหล่าคนทำงาน“หูย ขนมร้านคุณเจี๊ยบเหรอครับ” อัจฉริยะที่เพิ่งกลับมาหลังตรวจโครงการภาคใต้เดินเข้ามาดูขนมว่าง เขาเห็นชื่อร้านบนกล่องสีน้ำตาลในมือผู้ช่วยของรุ่นพี่หนุ่ม“ครับ ตอนแรกจะสั่งอาหารครับ แต่ทางร้านไม่รับทำ รับทำแต่ของว่าง” “หืมมม งบจากไหนครับ นี่พี่พงศ์คงไม่ได้เองเลี้ยงเองหรอกนะครับ ราคาต่อกล่องไม่ใช่เล่นๆ นะ เหมามากี่กล่องเนี่ย” ครัวซองส์สองอัลมอนต์ราดด้วยน้ำตาลไอซ์ซิ่งและตกแต่งด้วยผลไม้สองชิ้น กับน้ำแอปเปิ้ลร้อยเปอร์เซ็นต์อีกหนึ่งขวด“ไม่ใช่ผมหรอกครับ แต่มีคนฝากผมสั่ง ฝากแจกอีกทีน่ะ”“ฮึ? ใครเหรอครับ”“คุณพลับครับ” เจ้านายเขาน่าจะชอบกาแฟร้านนี้มาก ทุกครั้งที่มาจังหวัดนี้ ปพนธีร์จะฝากซื้อกาแฟจากร้านนี้อย่างน้อยวันละสองแก้ว“หืม” อัจฉริยะเลิกคิ้ว จำได้ว่าวันนั้นปพนธีร์รีบกลับ ยังไม่ทันได้ดื่มกาแฟ “กลับไปกินด้วยกันหลังจากวันนั้นเหรอครับ”“ครับ” ผู้จัดการรับคำ ส่วนคนเพิ่งมาถึงก็หยิบกล่องของว่างมาแกะแล้วหยิบขนมเข้าปาก “อร่อยจัง กินไปก็นึก
ที่ผ่านมาชญานิศมองว่าปพนธีร์มีชีวิตที่เพียบพร้อมมาตลอด จนรู้สึกมาตลอดว่าระหว่างเรามีช่องว่างทางสังคมและฐานะ ไม่เหมาะสมกันเลยสักนิด ทว่าหลังจากเธอได้รู้ว่าเขาเคยผ่านเหตุการณ์สะเทือนใจมายิ่งกว่าเธอ สูญเสีย เสียใจ และเขาเลือกจะเปิดเผยมันกับเธอนั่นก็ทำให้เธอเห็นใจเขา รักเขา อยากโอบกอดเขาไว้ด้วยความรักทั้งหมดที่เธอมี และพลันสำนึกว่าที่ผ่านมาเธอไม่ควรประเมินจากเพียงแค่เห็นเพียงเปลือกนอกเลย ฐานะร่ำรวยไม่ได้การันตีว่าเขาจะโตมาอย่างดี มีครอบครัวที่อบอุ่น และอยู่กันอย่างพร้อมหน้า อาจจะเหงาและว้าเหว่มากกว่าคนไม่ค่อยมีจะกินด้วยซ้ำนั่นจึงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างชญานิศกับแฟนหนุ่มกระชับกันมากขึ้น เธอเป็นคนสำคัญในชีวิตของเขา และเขาก็เป็นคนสำคัญในชีวิตเธอเราสองคนมีญาติ แต่พวกเขาเหมือนเป็นเพียงคนรู้จัก ไม่ได้สนิทสนมและพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ยิ่งพอรู้ว่าแต่ละคนอิจฉา ริษยา และทำดีเพื่อหวังในสมบัติไม่ก็ผลประโยชน์ ชญานิศก็คิดว่าในโลกทั้งใบ คงมีแต่เราสองคนเท่านั้นที่จริงใจต่อกัน รักและหวังดีโดยไม่ได้ผลประโยชน์อะไร ทั้งการกระทำตั้งแต่พูดคุยกันมา ปพนธีร์ทำให้เธอรู้สึกว่าเขาเป็นยิ่งกว่าคนในครอบครัวเธอ เขา
“งั้นดิฉันจะไปร้องกับสื่อ พาแม่ค้าในตลาดไปด้วย ได้ยินว่านับวันค่าแผงตลาดเจ๊ขึ้นเอาๆ สวนทางคุณภาพนี่คะ ท่อระบายน้ำทิ้งเหม็นเน่า มีแต่หนู แมลงสาบวิ่ง…”“ยายเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม!” เจ๊กงผลักเธออย่างแรง “คอยดูเถอะ เดี๋ยวแกได้เจอดีแน่”“โอเค เจ๊พูดอย่างนี้ ดิฉันจะได้ไปลงบันทึกประวันไว้ เกิดอะไรขึ้นเจ๊จะได้เป็นผู้ต้องสงสัยคนแรกเลย”ใบหน้าที่แต่งแต้มเครื่องสำอางสีจัดจ้านชักถมึงทึง ดวงตามองเธอประหนึ่งจะฆ่ามากินเลือดกินเนื้อกันได้ “อย่าหยิ่งผยองให้มันมากนะ ไม่อย่างนั้นจะหาว่าฉันไม่เตือน!” เจ๊กงตะคอกใส่ ก่อนหมุนตัวเดินออกไปจากร้านและปิดประตูเสียงดัง หึ เดี๋ยวหล่อนจะหาผู้ชายผิวเข้ม ตัวใหญ่ๆ หน้าตาน่ากลัวหน่อย มาขู่ ขี้คร้านยายอหังกานี่จะรีบย้ายออกจากร้านภายในไม่กี่วันแค่ผู้หญิงตัวคนเดียว กล้าดียังไงมาขู่เจ้าของตลาดดังที่มีพรรคพวกเยอะอย่างหล่อนส่วนชญานิศที่เห็นอีกฝ่ายเดินออกจากร้านไปก็พูลลมหายใจออกยาว คล้ายจะโล่งใจที่หญิงร้ายกาจนั่นออกไปจากร้านได้ ทว่าแววตายังเปี่ยมไปด้วยความกังวล เมื่อครู่หล่อนคงไม่ได้พูดลอยๆ ขึ้นมาแน่ ถึงอย่างนั้นเธอก็ต้องวางเรื่องพวกนั้นไว้ก่อน หญิงสาวมองสำรวจบรรยากาศร้าน