LOGINนับตั้งแต่พี่ชายจากไป แม่ของชญานิศหนีไปอยู่กับชู้ หล่อนก็คอยดูแลและสั่งสอนหลานสาวอยู่เสมอ แม้กระทั่งหลานสาวโดนลูกเลี้ยงของแม่หลอกจนท้องโตและมีเจ้าเคน หล่อนก็ยังให้อภัย มาถึงตอนนี้ชญานิศยังมีอะไรปิดบังหล่อนอีก“อ่ะ เอ่อ น้องเคนก็พูดไปเรื่อยแหละค่ะ ไม่มีอะไรหรอก”กัลยาขมวดคิ้ว ไม่เชื่อสักทีเดียว“แน่ใจนะว่าเราไม่ได้แอบคบหากับใครอยู่”“ไม่มีค่ะ จะมีได้ยังไงล่ะคะ” ชญานิศยิ้ม ตรงข้ามกับในใจที่กระอักกระอ่วน“นี่ ถ้ายังไม่มีใคร อาแนะนำให้ไหม” พอพูดถึงเรื่องนี้ กัลยาก็พอนึกถึงคนดีๆ ที่พอรู้จักและเหมาะสมจะดูแลหลานสาว “อาพอจะรู้จักผู้ชายที่มีหน้าที่การงานดี เป็นหลักเป็นแหล่งอยู่คนหนึ่ง ถึงเขาจะเคยแต่งงานมาแล้ว มีลูกติด แต่นั่นไม่เป็นปัญหาหรอก ถ้านิสัยไปกันได้ ทุกอย่างย่อมไปได้สวยอยู่แล้ว”“ไม่ดีกว่าค่ะ ทุกวันนี้เจี๊ยบก็มีความสุขพอแล้ว เจี๊ยบยังไม่อยากมีใคร”“ไม่ใช่ว่ายังลืมผู้ชายพรรคนั้นไม่ได้หรอกนะ” อาหรี่ตามองจับผิดเธอ“ไม่ใช่สักหน่อยค่ะ” ชญานิศตอบตามจริง ระหว่างเขากับเธอมีเพียงคำว่าพ่อกับแม่เท่านั้น ไม่ได้มีอะไรพิเศษสักหน่อย…หลังกัลยาพูดคุยต่อกับหลานสาวสักครึ่งชั่วโมง ลูกสาวก็ท้วงแม่ว่าได้เ
ทีแรกกัลยาอยากจะเยี่ยมหลานสาวทั้งที่บ้านและร้านเพื่อดูสภาพความเป็นอยู่ของสองแม่ลูก แต่เพราะลูกสาวกับลูกเขยที่มาด้วยมีแพลนไปเที่ยวที่อื่นๆ ในจังหวัดนี้อีกมาก และจะกลับกรุงเทพฯ ภายในวันพรุ่งนี้“ดีนะ ร้านสวยดี” กัลยาเลือกมาเยี่ยมหลานสาวที่ร้าน เพราะหล่อนยังไม่เคยมา ส่วนที่บ้าน หล่อนเคยไปมาแล้วกัลยาเดินสำรวจจนทั่วทุกซอกทุกมุมก่อนจะมานั่งคุยกับชญานิศและหลานชาย ส่วนลูกสาวกับลูกเขยแยกไปนั่งอีกโต๊ะหนึ่ง แม่กับหลานรักจะได้คุยกันเป็นการส่วนตัวเดิมทีระหว่างชญานิศกับลูกสาวของอาก็ไม่ได้สนิทกันเท่าไร พอรู้จักกันในฐานะลูกพี่ลูกน้องเท่านั้น มาถึงตอนนี้ยิ่งไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องสานสัมพันธ์ทว่าชญานิศไม่ถือสา เธอให้อริยาดูแล เสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มที่พวกเขาต้องการเต็มที่ “ขอบคุณค่ะ…ความจริงคุณอาไม่น่าเสียเวลาเยี่ยมเจี๊ยบเลย ไปเที่ยวกันต่อเลยก็ได้ เกรงใจน้องกิ๊ฟกับสามี”“แล้วเมื่อไรเธอจะไปหาฉัน ตั้งแต่ย้ายมาอยู่นี่ เธอก็แทบไม่ออกนอกจังหวัดเลยไม่ใช่เหรอ” กัลยาตัดพ้อ มองหลานสาวด้วยแววตาขุ่นหมอง หล่อนเป็นหญิงหม้ายมาตั้งแต่ปีก่อน เพราะสามีเพิ่งจากไปด้วยเส้นเลือดในสมอง นั่นจึงทำให้หล่อนตระหนักถึงเวล
“!” ชญานิศตกใจ จะขยับขัดขืนเพื่อให้เขาเอาแขนออกไป แต่เขายังดื้อด้านทิ้งน้ำหนักลงมา“เคนชอบ เหมือนฝันเลย” เด็กชายหัวเราะคิกคัก คล้ายสมรู้ร่วมคิดกับพ่อมาแต่แรก“น้องเคน อยากให้แม่กอด ก็รีบนอนได้แล้วครับ พรุ่งนี้ย่าป่านมาเยี่ยม ถ้ารู้ว่าเคนนอนดึก ย่าป่านดุแน่” ย่าป่านหรืออาของเธอจะเดินทางมาจากกรุงเทพฯ เพื่อมาเยี่ยมเธอกับลูก“ง่ะ ย่าป่านมาทำไมอ่ะ” เด็กน้อยหน้าบึ้ง “มาเยี่ยมแม่กับน้องเคนไงครับ” ชญานิศกลั้นยิ้มหลังเห็นปฏิกิริยาลูกน้อย“ดุ เคนไม่ชอบย่าป่าน ย่าป่านบอกว่าเคนอ้วน”“เดี๋ยวแม่บอกย่าเองว่าเดี๋ยวอีกไม่นานน้องเคนก็โต จะไม่อ้วนแล้ว รับรองย่าป่านไม่ว่าแน่นอน” เธอลดมือตบก้นลูกเบาๆ เพื่อกล่อมให้เขาหลับ แต่หลังมือก็ไม่วายโดนหน้าท้องผู้ชายหน้าหนาที่ทำตัวเบียดเธอกับลูกอีก“…”“…”หน้าเธอร้อนผ่าว ความทรงจำไม่ดีหวนกลับมา ถึงอย่างนั้นเธอยังอดทน กล่อมลูกจนหลับปุ๋ย และถึงเวลานั้นเธอก็ดันแขนเขาออกอย่างไม่เกรงใจ ลุกขึ้นและเดินออกจากห้องนอนทันที ปพนธีร์รีบเดินตามมา สัมผัสได้ว่าบรรยากาศตอนนี้พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ใบหน้าชญานิศตึงเครียดยิ่งกว่าตอนรู้ว่าลูกล้มเมื่อตอนเย็นซะอีก“พี่ขอโทษ” พอเดิน
“พี่ผิดเองที่ดูแลลูกไม่ดี”“น้องเคนเจ็บไหมครับ” เธอหันไปถามลูกชาย รู้สึกปวดร้าวแทนลูกไม่ใช่ว่าปพนธีร์ละเลยลูก แล้วปล่อยให้ลูกเล่นซนจนเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหรอกเหรอ “เจ็บครับ” เด็กชายชนิภัทรตอบเสียงจ๋อย ก่อนไม่นานจะฉีกยิ้ม “แต่น้องเคนเก่งมาก น้องเคนไม่เป็นอะไร ล้มแล้วก็ลุกขึ้นมาได้”“เก่งมากครับ” หญิงสาวลูบศีรษะลูก “ปะ เข้าบ้านกันเถอะ จะได้รีบไปอาบน้ำ ทำแผล”ชญานิศปล่อยให้ชายหนุ่มอุ้มลูกไปส่งหน้าห้องน้ำ ชั้นบนของบ้าน ก่อนจะบอกให้เขากลับไป แต่เจ้าตัวเล็กไม่วายเรียกร้องให้พ่ออยู่ต่อ แถมยังจะให้พ่อกับแม่อาบน้ำให้เขาพร้อมกันอีก“ห้องน้ำมันแคบ จะเข้าไปได้ยังไงตั้งสามคน” เธอให้เหตุผลกับลูกชายวัยสามขวบกว่า ทว่าแสบเกินวัยลูกชายยู่ปาก ก่อนยอมให้พ่อเข้าไปอาบน้ำให้คนเดียว“ระวังแผลลูกด้วยนะ” ชญานิศเตือนเสียงเครียด พ่อของลูกพยักหน้ารับคำอย่างรู้สำนึกพอปพนธีร์อาบน้ำให้ลูก เขาก็พาออกมาแต่งตัว และเตรียมส่งลูกเข้านอน แต่เด็กชายชนิภัทรยังขอให้พ่อกับแม่มานอนบนเตียงเดียวกันเพื่อกล่อมเขาหลับ“เดี๋ยวขาเตียงก็หักหรอก เตียงมันเล็กนิดเดียวครับ” ชญานิศปฏิเสธทันควัน“แต่ลูกกอล์ฟบอกว่าแม่กับพ่อลูกกอล์ฟ
เมื่อปพนธีร์เดินทางกลับมาเชียงราย เขารีบมาทำหน้าที่พ่อเป็นอย่างแรก ไม่ว่าจะรับส่งลูกจากโรงเรียน สอนการบ้าน เล่นกับเขา พาเข้านอน ทั้งวันเสาร์อาทิตย์ยังอาสาพาลูกไปเตะบอลที่สนามฝึกประจำจังหวัดอีกชายหนุ่มถือโอกาสนี้ชวนแม่ของลูกไปด้วยกัน แต่ชญานิศปฏิเสธ เธอยังไม่เก่งพอจะแยกแยะระหว่างเรื่องของตัวเองกับเรื่องลูกได้ จึงขอถอยห่างออกจากเขา อีกทั้งที่ผ่านมาเขาทำหน้าที่พ่อได้ดี ไม่เคยพาลูกไปเตร็ดเตร่เกินเวลาที่บอกกับเธอไว้ หญิงสาวจึงพอวางใจว่าเขาจะไม่พรากลูกไปไหนจริงอยู่ว่าเขาเล่นละครเก่ง แต่ชญานิศอยากเชื่อสัญชาตญาณของความเป็นแม่ จากการแสดงความรักของพ่อที่มีต่อลูก และคำแนะนำของอารีรัตน์ นักข่าวที่เจอปัญหาครอบครัวมามาก เสาร์นี้ชญานิศไม่ได้เปิดร้านกาแฟ เธอทำงานอยู่ที่บ้าน จัดรูปเล่มและส่งไฟล์ให้โรงพิมพ์เพื่อเตรียมจะตีพิมพ์หนังสือขาย เธอใช้เวลานั่งหน้าจอหลายชั่วโมง ตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น พอเงยหน้ามองนาฬิกาก็เห็นว่าหกโมงเย็นแล้ว…ปพนธีร์กับลูกยังไม่กลับมาหญิงสาวนึกเป็นห่วง เธอโทรหาชายหนุ่ม และมองออกไปหน้าประตูรั้ว รออยู่หลายนาที ปพนธีร์ไม่รับสายเลยเธอกดโทรหาเขาอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกคร
เวลาผ่านไปเร็วมาก ปพนธีร์แทบไม่หายหน้าไปเลย เขาโผล่หน้ามาบ่อยๆ ไม่ว่าจะที่ร้าน เขาจะช่วยเก็บภาชนะร้านกาแฟเวลาลูกค้ากินเสร็จเรียบร้อย กวาดพื้น เช็ดถูโต๊ะ รดน้ำต้นไม้ ทั้งยังช่วยเสิร์ฟอาหาร ส่วนที่บ้าน เขาก็จะปัดกวาดเช็ดถู ล้างห้องน้ำ ทำงานบ้านเกือบทุกอย่างจนลูกตัวติดกันต้องมานั่งเฝ้า หรือไม่อะไรไม่หนักหนา ลูกก็จะช่วยทำบ้างเหอๆ มันน่าน้อยใจจริงๆ นอกจากหน้าจะเหมือนกันเปี๊ยบราวกับถอดแบบ ลูกชายยังเป็นลูกกตัญญูกับพ่อที่เพิ่งเจอได้ไม่นาน มากกว่าแม่ที่อุตส่าห์อุ้มท้องมาเก้าเดือน และเลี้ยงมาอีกหลายปีอาจจะมีบ้างแค่วันสองวันที่ปพนธีร์จะเข้ากรุงเทพฯ ไปทำงาน หากแต่ระหว่างวันนั้นลูกยังให้เธอโทรหาเขา คอยถามว่าพ่ออยู่ไหน จะกลับมาเมื่อไร รีบมาเล่นมาสอนการบ้านเขาเร็วๆ ทีแรกชญานิศใจแข็ง ไม่ยอมโทรหาปพนธีร์ แต่เด็กน้อยร้องงอแง เธอจึงบอกเขาว่าให้รอค่ำก่อน หลอกล่อเขาให้ลืมจนเขาเผลอผล็อยหลับไป แต่จวนจะเข้านอนแล้วเด็กน้อยก็ยังท้วง คนเป็นแม่จึงไม่มีทางเลือก ยอมวิดีโอคอลหาให้พ่อลูกติดต่อกัน“ใครเป็นเด็กดีบ้างยกมือขึ้น” รอไม่นาน ปพนธีร์รับสาย เด็กน้อยที่รอใจจดจ่อจึงยิ้มแป้น โถมตัวเข้าใกล้พ่อจนใบหน้าอวบอิ่มเ







