Share

บทที่ ๕ ชินอ๋องผู้รักความยุติธรรม

last update Last Updated: 2025-09-13 14:14:02

บทที่ ๕

ชินอ๋องผู้รักความยุติธรรม

“เทียนหลุนจือเล่อ ตำหนักที่ตั้งชื่อตามเปิ่นหวางมีความหมายถึงความสุขในครอบครัว เปิ่นหวางย่อมไม่ประสงค์ให้ตำหนักนี้หรือจวนจือเล่อมีใครได้รับความอยุติธรรม เจ้ารู้จักเปิ่นหวางมานาน ลืมไปแล้วหรือว่าเปิ่นหวางอ่อนไหวที่สุดก็คือเรื่องความยุติธรรม!”

“กระหม่อมผิดไปแล้ว กระหม่อมสมควรตายพ่ะย่ะค่ะ” ว่าแล้วก็โขกศีรษะลงพื้นอย่างแรง

สิ่งที่หลี่กงกงหวาดกลัวกว่าความตายคือการโดนลดความสำคัญ ให้เขาโขกศีรษะจนเลือดออกหน้าผากเขาก็ยอม ขอแค่ให้เขารับผิดชอบดูแลจวนจือเล่อต่อด้วยฐานะหัวหน้าขันที จะให้เขาทำอะไรเขาก็ยอม

“ในเมื่อยังไม่มีใครตาย หลี่กงกงมิจำเป็นต้องเอาความตายมาเป็นเครื่องต่อรอง”

“กระหม่อมขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมดูแล จัดสรรหน้าที่ไม่สอดคล้องกับทุกคน ต่อจากนี้กระหม่อมจะไม่ให้ผู้ใดได้รับความอยุติธรรมอีกแล้ว”

 หลี่กงกงโขกศีรษะลงพื้นอีกครั้ง จินเทียนหลุนจึงออกปากห้ามให้เขาหยุดการกระดังกล่าว

“พอ! หากอยากรับผิดชอบหน้าที่นี้ต่อไปจงทำงานให้ดี อย่าลืมว่าหน้าที่นี้เปิ่นหวางหาคนมาแทนที่เจ้าได้ทุกเมื่อ ไปทำงานได้แล้ว”

“ขอบพระทัยท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ แล้วกระหม่อมจะไม่ทำให้ท่านอ๋องผิดหวัง”

หลี่กงกงคำนับแบบสูงสุดอีกครั้งแล้วเดินหน้าผากแดงออกไปจากห้องทรงหนังสือ ภายในห้องจึงกลับมาสงบนิ่งอีกครั้งหนึ่ง

เฉียวฉือและเฉียวเหอไม่แปลกใจที่หลี่กงกงจะเดินหน้าซีดออกไป เพราะแม้แต่พวกเขาที่ชินกับรังสีอำมหิตจากจินเทียนหลุนยามทำภารกิจเสี่ยงตายยังร้อนแผ่นหลังอย่างอดไม่ได้ เฉียวเหอที่ติดขี้เล่นก็ยังมีสีหน้าตึงเครียด

“เรื่องที่เกิดในห้องหนังสือวันนี้ต้องถึงหูเสด็จแม่แน่ เปิ่นหวางเดาว่าเสด็จแม่ต้องหาสตรีมาช่วยเปิ่นหวางดูแลจวน กลับเมืองหลวงครั้งนี้ไม่แคล้วมีสตรีมาป้วนเปี้ยน”

ว่าแล้วก็ถอนหายใจไว้อาลัยให้ตัวเอง ไม่ว่าจะเก่งกล้าสามารถมาจากไหน แต่เมื่ออยู่กับคนในครอบครัวเขาก็ไม่ต่างจากทุกคนที่ต้องมีคนให้ต้องยอม

ไทเฮาเองก็คือหนึ่งในนั้น!

         

ณ จวนจือเล่อ

จิ่วเหลียนฮวาและอาฉู่เดินเท้าเปล่ามาจวนจือเล่อ กว่าจะถึงก็เลยบ่ายคล้อยไปแล้ว มู่หมัวมัวที่หาคนเรียกใช้งานได้ไม่ครบหน้าที่จึงตำหนิทั้งสองทันทีที่พวกนางมาถึงช้า

“ไปเถลไถลที่ไหนกัน!”

อาฉู่สะดุ้งเฮือก ตรงข้ามกับจิ่วเหลียนฮวาที่เพียงมองหน้ามู่หมัวมัวนิ่ง ๆ

นางไม่กลัวการถูกลงโทษไม่กลัวถูกตำหนิ อีกทั้งมิใช่คนงอมืองอเท้า มีข้ออ้างมากมายมายันกับมู่หมัวมัว

“ขออภัยเจ้าค่ะมู่หมัวมัว”

“ข้าให้เจ้าไปเอาอุปกรณ์ทำความสะอาด หากมาช้ากว่านี้ข้าจะไปตามแล้ว”

“อุปกรณ์ทำความสะอาดได้มาแล้วเจ้าค่ะ แต่ก็ต้องมีคนใช้อุปกรณ์ด้วย ข้ารอเสี่ยวจิ่วซักผ้าอยู่ก็เลยช้าเจ้าค่ะ”

ไม่ได้เกินที่จิ่วเหลียนฮวาคาดการณ์เอาไว้ อาฉู่จะต้องโยนความผิดให้นางแน่ แต่ที่จิ่วเหลียนฮวาไม่คิดก็คืออาฉู่จะส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากนางด้วย

โยนความผิดให้กันไม่พอยังมาขอให้นางดึงความผิดมาที่ตัวเองด้วย

หน้าไม่อาย

จิ่วเหลียนฮวาคิดเช่นนั้นในใจ หากเป็นเวลาปรกตินางต้องรีบออกตัวรับผิดเพราะกลัวไม่มีสหายให้พูดคุยด้วย กลัวทุกคนตั้งตนเป็นศัตรูกับตน

แต่ตอนนี้นางไม่อยากทำแบบนั้นแล้ว ความผิดของใครคนนั้นก็รับไป!

“ข้าซักผ้าเสร็จก็รีบมาที่นี่ตามคำสั่งมู่หมัวมัว กลัวที่นี่ขาดคนช่วยงาน แม้แต่น้ำสักอึกก็ยังไม่ได้ดื่ม หมัวมัวจะให้ข้าทำอะไรบ้างเจ้าคะ”

มู่หมัวมัวมองมือจิ่วเหลียนฮวาที่ตอนนี้ซีดขาวและย่นเพราะแช่น้ำนานเกินไป

ชั่วขณะนั้นรู้สึกใช้งานจิ่วเหลียนฮวาไม่ลง แต่หากไม่ใช้เลยก็กลัวจะเกิดเสียงวิจารณ์

“เช่นนั้นเจ้าขัดแจกันก็แล้วกัน เอามาวางรวมกันไว้ที่เรือนรับรองแขกแล้ว”

“เจ้าค่ะหมัวมัว”

จิ่วเหลียนฮวารับคำอย่างว่าง่ายแล้วตวัดสายตาไปมองอาฉู่ รอดูว่านางจะได้รับหน้าที่ใด

“แล้วข้าเล่าเจ้าคะ”

อาฉู่ถามย้ำหน้าที่ของตัวเองอีกครั้ง เพราะไม่อยากไปเช็ดหน้าต่างที่ฝุ่นหนาเตอะแล้ว เทียบกันแล้วนางอยากเช็ดแจกันมากกว่า

“ก่อนหน้าข้าแบ่งหน้าที่เจ้าให้เช็ดหน้าต่างแล้วมิใช่หรือ ไปจัดการสิ!”

มู่หมัวมัวขึ้นเสียงใส่สาวน้อยจนนางสะดุ้งเฮือก รีบไปทำหน้าที่ของตนเองในทันที

“เช่นนั้นข้าขอตัวไปทำงานก่อนนะเจ้าคะ”

จิ่วเหลียนฮวาเอ่ยขอตัวกับนางกำนัลอาวุโสก็ได้รับการพยักหน้ารับเบา ๆ

ลับร่างจิ่วเหลียนฮวาได้ไม่นาน ร่างเล็กป้อมของหลี่กงกงก็กุลีกุจอเดินเข้ามาหามู่หมัวมัว

“มู่หมัวมัว”

ใบหน้าผ่านกาลเวลาฉายแววกังวลใจเมื่อเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของหลี่กงกง

“เกิดอันใดขึ้นหลี่กงกง”

“คนนั้น แฮ่ก ๆ หม่าจิ่วเหลียนฮวา…นางอยู่ที่ใด!”

หลี่กงกงร้อนใจจนลืมนามของจิ่วเหลียนฮวาไปชั่วขณะ มู่หมัวมัวจึงร้อนใจตาม

“ข้าใช้ไปเช็ดแจกันแล้ว เกิดอันใดขึ้นหรือ”

 หลี่กงกงกำลังจะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้สหายฟัง แต่หางตาสังเกตเห็นนางกำนัลสองคนกำลังเช็ดพื้นอยู่ใกล้ ๆ แต่กลับหูผึ่งรอฟังเรื่องราวอยู่จึงดึงแขนมู่หมัวมัวไปยังศาลาแปดเหลี่ยม ท่าทางเช่นนี้ยิ่งเพิ่มความสงสัยให้แก่นางกำนัลทั้งสองที่จับตามองอยู่

“ลับ ๆ ล่อ ๆ ต้องมีอะไรแน่”

“นั่นสิ ข้าอยากเป็นจิ้งจกบนศาลาแปดเหลี่ยมยิ่งนัก ความอยากรู้ช่างทำร้ายใจคนอย่างพวกเรา”

จิ่วเหลียนฮวาได้ยินเสียงนางกำนัลทั้งสองกระซิบกระซาบกันจึงยื่นหน้าออกมาทางหน้าต่างดวงตาจับจ้องไปยังศาลาแปดเหลี่ยม ในใจคิด…

น่าสงสัยจริงด้วย กงกงที่หยิ่งในศักดิ์ศรีเช่นเขาก็มีวันนี้ด้วยสินะ

จิ่วเหลียนฮวาเก็บท่าทางสงสัยนี้เอาไว้แล้วทำงานของตนเองต่อ ทางด้านหลี่กงกงนั้น…

“ว่าอย่างไร ท่านอ๋องตำหนิอันใดท่านหรือ ไยหน้าผากถึงเป็นรอยแดงเช่นนี้”

หลี่กงกงจับหน้าผากตนเอง เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องทรงอักษรให้มู่หมัวมัวฟังโดยไม่ปิดบัง

หลังจากได้ฟังเรื่องทั้งหมดแล้ว มู่หมัวมัวก็ทาบมือกับอกตนเองในเชิงโล่งใจ

“โชคดีเหลือเกินที่เมื่อครู่ข้าใช้งานนางเบา ๆ มิเช่นนั้นได้หน้าผากแดงเช่นท่านแน่”

หากจินเทียนหลุนเอาความนาง ไม่แคล้วนางจะโขกศีรษะขอความเมตตาเช่นหลี่กงกง

“ข้าให้สัญญากับท่านอ๋องแล้วว่าจะแบ่งหน้าที่โดยเท่าเทียมกัน ต่อไปนี้ต้องจัดนางกำนัลไปช่วยนางซักผ้า ท่านอ๋องอยู่เมืองหลวงครั้งนี้อีกนาน ใกล้พระเนตรพระกรรณเช่นนี้จะมองข้ามเหมือนก่อนหน้าไม่ได้”

“หากนางกำนัลคนอื่นกลั่นแกล้งนางเล่า”

“เรื่องนี้ข้าจะกำชับพวกนางไว้ก่อน แต่หากพวกนางรั้นจะแกล้งให้ได้ก็อยู่ที่ชะตาพวกนางแล้วว่าแข็งเพียงใด”

หลี่กงกงนึกถึงไอสังหารของจินเทียนหลุนแล้วเผลอลูบแขนขึ้นลงเบา ๆ

“ต่อไปนี้เราต้องทำดีกับจิ่วเหลียนฮวามากขึ้นหรือไม่ ท่านอ๋องเริ่มเห็นความสำคัญของนางเช่นนี้ หรือเกิดต้องตานางขึ้นมา”

“ตอนนั้นท่านอ๋องอ้างเรื่องความยุติธรรม ทรงทนไม่ได้ที่เห็นหม่าจิ่วเหลียนฮวาได้รับความอยุติธรรม ต่อไปเราไม่ต้องถึงกับประคบประหงมนางก็ได้ แต่อย่าให้นางได้รับความอยุติธรรมเป็นพอ”

“ข้าจะเป็นหูเป็นตาช่วยท่านก็แล้วกัน”

หลี่กงกงสบายใจขึ้นเมื่อได้ระบายเรื่องนี้กับใคร ทั้งสองปรึกษากันเรื่องแจกจ่ายงานอยู่ครู่ใหญ่ถึงได้แยกย้ายกันไปตามหานางกำนัลที่แอบอู้งาน

การกลับมาเมืองหลวงของจินเทียนหลุนในครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งในอดีตที่กลับเมืองหลวงมาชั่วคราวแล้วก็กลับไปชายแดนต่อ

ทั้งสี่แคว้นใหญ่ฝู เหลียง จิน จู ไม่มีเหตุการณ์รบกันเพราะทำสัญญาสงบศึกโดยใช้สำนักศึกษากลางเป็นตัวเชื่อมสัมพันธ์ สถานการณ์แคว้นจินในยามนี้มีเพียงกลุ่มกบฏที่เกิดจากการกวาดล้างไม่สิ้นในช่วงสามสิบปีก่อนก่อนฮ่องเต้จินเกาฉายพระบิดาของฮ่องเต้จินจิ่นฟู่ขึ้นครองราชย์

จินเทียนหลุนถูกลอบสังหารในครั้งนี้ทำให้เขาทราบว่ากลุ่มกบฏยังคงแฝงตัวอยู่!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หม่าจิ่วเหลียนฮวาบุปผาเก้าชีวิต (ภาคต่อบุปผาเยียวยาใจ)   บทที่ ๔๒ ส่งพันลี้ก็ต้องลาจาก

    บทที่ ๔๒ส่งพันลี้ก็ต้องลาจาก วันสถาปนาแคว้นสิ้นสุดลงแล้วสำหรับแขกบ้านแขกเมือง จินเทียนหลุนและจินหลี่จินในฐานะตัวแทนราชวงศ์จินเดินทางมาที่ประตูเมืองจิ้งอันส่งราชทูตทั้งสี่แคว้นออกจากเมืองหลวง วันนี้จะไม่น่าใจหายสำหรับใครบางคนหากว่า… ไช่จงซินไม่เดินทางไปกับขบวนด้วย! จินหลี่จินกับไช่จงซินอยู่ด้วยกันตั้งแต่เกิด เติบโตแล้วก็ยังย้ายไปสร้างสำนักยุทธ์ด้วยกัน ความสัมพันธ์มากกว่าสี่สิบปีมิใช่พูดว่าจะจากกันวันนี้ก็จากกันได้เลย จินเทียนหลุนเห็นเสด็จอามีสีหน้าไม่สู้ดีแล้วก็อดเป็นห่วงความรู้สึกเขาไม่ได้ “เสด็จอา หากทำใจลำบาก ตามท่านอาจารย์ไปด้วยดีหรือไม่ ท่านอาจารย์เองก็คงรู้สึกไม่ต่างจากเสด็จอา”&nb

  • หม่าจิ่วเหลียนฮวาบุปผาเก้าชีวิต (ภาคต่อบุปผาเยียวยาใจ)   บทที่ ๔๑ ใช้ชีวิตเป็นของตัวเองมานานมากแล้ว

    บทที่ ๔๑ใช้ชีวิตเป็นของตัวเองมานานมากแล้ววงสนทนาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่ไช่จงซินจะสูดน้ำมูก เมื่อทุกคนมองไปหาเขาก็เห็นว่าอีกฝ่ายน้ำตาไหลอาบแก้มเทพบุปผาที่เห็นน้องชายตัวโตผมเริ่มหงอกที่โคนแล้วร้องไห้เหมือนเด็กน้อยก็ยื่นมือไปจับแก้มเขา“น้องพี่ ร้องไห้ทำไม”“พี่รองไม่มาเยี่ยมพวกเราหลายปีแล้ว แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ไปเยี่ยม ตอนนี้ท่านพ่อแก่มากแล้ว ข้าลงจากเขาเหลียงซานครั้งนี้เพราะท่านแม่ส่งสารถึง”เทพบุปผาดวงตาไหววูบ แม้การบำเพ็ญเพียรจะช่วยให้นางตัดจากโลกมนุษย์ แต่เมื่อได้สัมผัสกับญาติสนิทอีกครั้งก็ดึงนางให้กลับมาสู่ห้วงอดีตเพราะเช่นนี้นางจึงปฏิเสธที่จะเจอกับไช่จงซิน!“ท่านแม่ตามเจ้ากลับไปเป็นประมุขตระกูลหรือ”ไช่จงซินพยักหน้ารับ จินหลี่จินเห็นสหายเงียบไปก็เป็นเสียงแทนเขา“ตระกูลไช่ไม่มีทายาทเป็นบุรุษอีกแล้ว เขาเตรียมใจมานานแล้วว่าวันนี้ต้องมาถึง ประมุขตระกูลไช่ต้องมีคนสืบทอดสักวันหนึ่ง”“เจ้าล่ะหลี่จิน”

  • หม่าจิ่วเหลียนฮวาบุปผาเก้าชีวิต (ภาคต่อบุปผาเยียวยาใจ)   บทที่ ๔๐ ทุกคนต้องรู้ว่าเจ้าเป็นคนโปรดของข้า          

    บทที่ ๔๐ทุกคนต้องรู้ว่าเจ้าเป็นคนโปรดของข้านางรักข้า ไม่ขอรับความเห็นต่าง เห็นทีว่าจะมีโอกาสพูดเรื่องนี้ให้นางคล้อยตามแล้วจินเทียนหลุนลำดับความคิดลำดับคำพูดไว้ในใจ ก่อนที่จะทำน้ำเสียงจริงจังใส่นาง“ไม่ว่าความรักหรือความยึดติดหรืออะไรก็ตาม ในเมื่อเจ้าพูดแล้ว ห้ามคืนคำเป็นอันขาด ห้ามรู้สึกเช่นนี้กับใครนอกจากข้า…”“...”“เจ้าไม่ยอมให้ข้าสละตำแหน่งอ๋อง เช่นนั้นข้าจะทำอย่างไรทุกคนถึงจะรู้ว่าเจ้าเป็นของข้า ต้องทำอย่างไรถึงจะถูกใจเจ้า ช่วยบอกได้หรือไม่”คำก็ข้าสองคำก็ข้า เขาไม่คิดจะแทนตัวเองว่าเปิ่นหวางแล้วหรือ“ทำเหมือนเดิมที่เป็นมาเถิดเพคะ”...ไม่แน่ว่าหม่อมฉันจะตายวันตายพรุ่งจิ่วเหลียนฮวาเว้นคำพูดนี้เอาไว้ในใจ นางหลุบตาอยู่จึงไม่เห็นว่าชายหนุ่มดวงตาไหววูบ“เหมือนเดิมก็ไม่มีความเปลี่ยนแปลงนะสิ ต่อไปหากมีใครเข้ามายุ่มย่ามกับเจ้าจะว่าอย่

  • หม่าจิ่วเหลียนฮวาบุปผาเก้าชีวิต (ภาคต่อบุปผาเยียวยาใจ)   บทที่ ๓๙ เจ้าไม่ต้องเป็นนางกำนัลแล้ว

    บทที่ ๓๙เจ้าไม่ต้องเป็นนางกำนัลแล้วจินเทียนหลุนเดินจับข้อมือจิ่วเหลียนฮวาเข้ามาในห้องหนังสือแทนที่จะเป็นห้องบรรทมเขาเพราะไม่อยากใช้สถานที่ที่สุ่มเสี่ยงต่อหัวใจเช่นนั้นในหัวเห็นภาพตัวเองเหวี่ยงจิ่วเหลียนฮวาเข้ากับผนังแล้วบดขยี้จุมพิตนาง ไม่ให้ปากน้อย ๆ ได้มีโอกาสโต้เถียงหรือว่าเม้มปากยามที่เขาขึ้นเสียงใส่ทว่าเขาไม่อาจชนะภาพในหัวได้ เมื่อปิดประตูในห้องหนังสือก็ทำเพียงดึงนางมานั่งที่โต๊ะน้ำชา สนทนากันด้วยเหตุผลไม่ใช้อารมณ์“นั่ง”จิ่วเหลียนฮวาถูกดันไหล่ให้นั่งเก้าอี้ ชายหนุ่มรู้ว่าหากไม่ทำเช่นนี้ จิ่วเหลียนฮวาจะต้องนั่งลงที่พื้นแน่“ดื่มชา”จิ่วเหลียนฮวาทำตามที่เขาบอก จับป้านชาเทใส่ให้เขาก่อนถึงค่อยเทใส่ให้ตัวเอง“เชิญท่านอ๋องก่อนเพคะ”จิ่วเหลียนฮวาไม่ยอมดื่มหากไม่เห็นเขาดื่มก่อน จินเทียนหลุนจึงยกชาเย็นชืดดื่มจนหมด จิ่วเหลียนฮวาถึงดื่มชาตาม สีหน้าฉายความสดชื่นในทันทีเมื่อได้ดื่มน้ำหลังอาหารจินเทียนหลุนเห็นเช่นนั้น ความคุกร

  • หม่าจิ่วเหลียนฮวาบุปผาเก้าชีวิต (ภาคต่อบุปผาเยียวยาใจ)   บทที่ ๓๘ ไม่พอพระทัยหม่อมฉันหรือเพคะ

    บทที่ ๓๘ไม่พอพระทัยหม่อมฉันหรือเพคะจิ่วเหลียนฮวาแปลกใจในตัวเองเล็กน้อยที่ท้องหิวเหมือนอดอาหารสามวันทั้งที่นางรู้สึกว่าตนจากโลกไปเพียงครึ่งเค่อตามระยะเวลาสวรรค์เท่านั้น“อีกถ้วยหรือไม่ เปิ่นกงเลี้ยงเจ้าได้โดยไม่สะเทือนคนหน้าแข้งอยู่แล้ว”ฝูเจี้ยนถานเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามทานหมดไปหนึ่งถ้วยแล้ว“ไม่เจอกันเกือบสี่วัน อย่าบอกว่าเจ้าไม่ได้ทานอันใดเลย” เขาถามโดยไม่ได้คิดอะไร ไม่นึกว่าจิ่วเหลียนฮวาจะพยักหน้ารับ“จะว่าอย่างนั้นก็ได้เพคะ ร่างกายจดจำได้ดียิ่ง แต่ว่า…ต่อให้จดแค่ไหน ท้องหม่อมฉันก็ใส่ได้เพียงเท่านี้”จิ่วเหลียนฮวาตอบชายหนุ่มก่อนที่จะกวาดตามองหาร้านน้ำชา แต่เมื่อคิดได้ว่าจะเดือดร้อนคนตรงหน้าอีก นางถึงได้ถือวิสาสะยกถ้วยบะหมี่ขึ้นซดน้ำ“เสียมารยาทต่อหน้าองค์รัชทายาทแล้ว”“เช่นนี้เรียกว่าประหารก่อนแล้วค่อยรายงานหรือไม่ ไฉนทำไปแล้วเพิ่งมาคิดได้”จิ่วเหลียนฮวาหน้าซีด ไม่ได้ตั้งตัวว่าอีก

  • หม่าจิ่วเหลียนฮวาบุปผาเก้าชีวิต (ภาคต่อบุปผาเยียวยาใจ)   บทที่ ๓๗ เกือบสี่วันทุกคืนที่ไม่ได้นอน

    บทที่ ๓๗เกือบสี่วันทุกคืนที่ไม่ได้นอน“เด็กสมัยนี้ แสดงความรักกันไม่เลือกที่”เสียงของสตรีวัยกลางคนดังขึ้นลอย ๆ ขัดจังหวะคู่รักทั้งสองวัดความคิดถึงกันด้วยคำพูดและการกระทำ สองหนุ่มสาวผละกอด หลงฮ้าวยังมีสีหน้าปรกติต่างจากเทพบุปผาที่ตีหน้ายุ่งไล่หลังสตรีวัยกลางคนนั้น“อยู่ ๆ ก็โดนคุณน้าอิจฉา เราไปแสดงความรักกันเพียงสองคนเถอะหลงฮ้าว”“ตามใจเจ้า แล้วนางเล่า”หลงฮ้าวมองมาที่จิ่วเหลียนฮวา หญิงสาวจึงย่อกายลงคารวะเขา มั่นใจว่า ‘ท่านเขย’ ที่ซูเมี่ยวพูดถึงก็คือเขา“เดี๋ยวข้าไปส่งนางที่จวนจือเล่อก่อน…ไปเสี่ยวจิ่ว!”“มิเป็นไรเจ้าค่ะท่านเทพ”จิ่วเหลียนฮวารีบโบกมือปฏิเสธเพราะไม่อยากขัดความสุขของเทพที่นางเคารพ“มิเป็นไรได้อย่างไร ข้าพาเจ้าไปก็ต้องพากลับ ทำอะไรครึ่ง ๆ กลาง ๆ เช่นนี้มิใช่ข้า”“ท่านเขยเพิ่งออกจากด่านมิใช่หรือเจ้าคะ กว่าจะได้พบท่านเทพไม่ง่ายเลย ไปใช้เวลาด้วยกันเถอะเจ้าค่ะ จวนจือเล่ออยู่ใกล้แค่นี้ ข้าเดินกลับเองได้เจ้าค่ะ”เทพเซียนทั้งสองมีสีหน้าพอใจไม่น้อยเมื่อได้ยินคำว่าท่านเขยจากปากจิ่วเหลียนฮวา“ข้าไปเดินเล่นทางนั้นนะเจ้าคะ ลาท่านเทพทั้งสองเจ้าค่ะ” ว่าแล้วก็ย่อกายลงทำความเคารพหนึ่งคร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status