LOGINบทที่ ๖
กลับเมืองหลวงครั้งนี้ไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด
จินเทียนหลุนร่ำเรียนที่สำนักศึกษากลางตอนอายุ 15 ชันษาถึง 18 ชันษา เมื่อจบการศึกษาแล้วก็เข้ากองทัพพิทักษ์ชายแดนเพื่อเริ่มฝึกกับทหารทัพพิเศษอีกสองปี
กลับมาเมืองหลวงครั้งนี้เพื่อเข้าพิธีสวมกวานและรับตำแหน่งชินอ๋องจากจินจิ่นฟู่ ฮ่องเต้แคว้นจินองค์ปัจจุบัน
แม้หวนกลับมาครั้งนี้จะช่วยเป็นดาบให้พระเชษฐา รอคำสั่งที่จะได้รับมอบหมายแต่ก็ไม่หย่อนการซ้อม ดาบเล่มหนักดูเบาหวิวในยามที่เขาซ้อมวิชาเพลงดาบฉวัดเฉวียน กระบวนท่าหนักหน่วงแต่ดูพริ้วไหว
การเคลื่อนกายยามจับอาวุธของจินเทียนหลุนรวดเร็วสมกับเป็นผู้มีพลังธาตุลม
“ท่านอ๋อง”
เฉียวเหอโยนแตงโมลูกใหญ่ขึ้นฟ้า จินเทียนหลุนที่เตรียมพร้อมสำหรับสิ่งนี้อยู่แล้วกระโจนขึ้น ตวัดดาบฟาดฟันแตงโมจากผ่าครึ่งสองชิ้นกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเมื่อแตงโมตกลงพื้น
เมื่อเท้าใหญ่เหยียบพื้น ใบหน้าหล่อเหลาก็หันมาขมวดคิ้วใส่ลูกน้องคนสนิท
“ในเมื่อเจ้าเลือกแตงโมก็หาน้ำมาล้างทำความสะอาดพื้นด้วย”
ตำหนิลูกน้องเบา ๆ ก่อนที่จะสำรวจชุดตัวเองที่มีน้ำแตงโมติดอยู่หลายจุด
“เฉียวฉือ”
เขายื่นดาบให้เฉียวเหอเอาไปจัดการทำความสะอาด ส่วนตนก็เดินเข้าเรือนไปเปลี่ยนชุดใหม่
เฉียวฉือรีบเดินตามไปช่วยเจ้านายเปลี่ยนชุดเพราะจินเทียนหลุนไม่ชอบให้สตรีเข้ามาป้วนเปี้ยนใกล้ตัว มีองครักษ์ทั้งสองทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงานราชการ
“ไม่ทำความสะอาดพื้นเล่า”
เฉียวเหอที่รีบเดินตามหลังชายหนุ่มทั้งสองมายิ้มแห้ง เอ่ยเสียงอ้อมแอ้ม
“เรื่องทำความสะอาดนางกำนัลทำได้ แต่ช่วยปรนนิบัติท่านอ๋องนางกำนัลทำแทนไม่ได้ เพราะฉะนั้นให้กระหม่อมช่วยปรนนิบัติท่านอ๋องดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”
“หึ!”
จินเทียนหลุนแค่นยิ้ม จะเถียงก็ไม่ได้เพราะเฉียวเหอรู้จักเขาดีเกินไป
“เมื่อครู่ท่านอ๋องฝึกวิชายุทธ์คงกระทบกับแผลแล้วเป็นแน่ ให้กระหม่อมดูแผลให้พ่ะย่ะค่ะ”
จินเทียนหลุนไม่เอ่ยสิ่งใด ถอดชุดตัวนอกออกเหลือเพียงชุดตัวในผ้าลื่น ร่างสูงนั่งตั่งไม้หลังฉากบังคมรอให้องครักษ์มาช่วยดูแผลให้
เมื่อเฉียวเหอเดินมาฉากบังลมแล้วก็ช่วยถอดชุดให้จินเทียนหลุนเตรียมเทยาใส่แผล ไม่คิดว่าบาดแผลที่ดูลึกเมื่อช่วงกลางวัน ยามนี้กลับเหลือเพียงรอยแผลเป็นให้เห็นเท่านั้น สร้างความตะลึงให้กับเขาไม่น้อย
“ท่านอ๋องฟื้นตัวเร็วเกินไปหรือไม่ เหตุใด…”
จินเทียนหลุนยังคงรู้สึกเจ็บแผลแปลบ ๆ แต่ไม่คิดว่าแผลจะสมานกันแล้ว เมื่อเอียงไหล่มองแล้วเห็นว่าแผลสมานกันจริง ๆ ก็ย้อนความคิดดูว่าตนทำอันใดไปบ้าง
“ยาสมานแผลที่เจ้าใส่ให้ข้าเมื่อช่วงกลางวันตำรับเดียวกับที่ใช้ในกองทัพหรือไม่”
“ตำรับเดียวกันพ่ะย่ะค่ะ แม้ผลลัพธ์จะได้ดี ทว่าอย่างน้อยก็ใช้เวลาสามวันแผลถึงสมาน”
จินเทียนหลุนพลันนึกถึงเหตุการณ์ที่ตนคิดว่าเวลาหยุดนิ่งไป เพราะหาเบาะแสจากใครไม่ได้แล้ว คนเดียวที่เขานึกถึงในยามนี้คือจิ่วเหลียนฮวา
“หม่าจิ่วเหลียนฮวายามนี้อยู่ที่ใด”
“อยู่ที่จวนจือเล่อพ่ะย่ะค่ะ”
“ไป”
เฉียวเหอมีท่าทีตื่นเต้นเมื่อเห็นเจ้านายรีบสวมชุดตัวนอกตัวใหม่ นานทีจะเห็นเจ้านายให้ความสนใจสตรีคนใด แม้จุดประสงค์จะยังไม่ใช่เพราะเรื่องรักใคร่ แต่เขาก็ตื่นเต้นที่เห็นจินเทียนหลุนในด้านนี้
“ไปจวนจือเล่อใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“หึ! ตรงกับที่เจ้าคาดหวังมิใช่หรือ”
ทางด้านจิ่วเหลียนฮวา…
นางเช็ดแจกันเสร็จแล้วจึงคิดจะไปช่วยคนอื่นทำงานอย่างอื่นต่อ คนแรกที่นางเข้าหาเพื่อทำการช่วยเหลือคืออาฉู่
“ข้าช่วย”
“เสี่ยวจิ่ว! ข้ากำลังต้องการความช่วยเหลืออยู่พอดีเลย เจ้ามาเช็ดฝั่งนี้ ฝั่งนั้นข้าเช็ดเสร็จแล้ว”
“อ้อ”
จิ่วเหลียนฮวาหยิบผ้าชุบน้ำสำรวจฝั่งที่อาฉู่กล่าวว่าทำความสะอาดแล้ว พบว่ายังมีคราบฝุ่นสีขาวเกาะอยู่
“อาฉู่ ยังไม่สะอาด”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาเช็ดรอบที่สอง วันนี้เอาให้ฝุ่นลดน้อยลงก่อน”
จิ่วเหลียนฮวาส่ายหน้าให้อาฉู่ ด้วยไม่อยู่ในสถานะที่จะเตือนอีกฝ่ายได้โดยที่นางไม่ขุ่นเคืองใจจึงไปช่วยเช็ดหน้าต่างฝั่งที่อาฉู่อยากให้ช่วย
“เสี่ยวจิ่ว!”
ทั้งจิ่วเหลียนฮวาและอาฉู่สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงกัมปนาทจากหลี่กงกง
อาฉู่ที่กำลังเช็ดหน้าต่างอยู่รีบลงจากบันไดไม้ลงมายืนผสานมืออยู่ที่พื้น
“คะ คือว่าเสี่ยวจิ่วทำงานเสร็จแล้วก็เลยมาช่วยข้าเช็ดหน้าต่างเจ้าค่ะ”
“อ้อ เป็นนางที่เสนอตัวช่วยเจ้าเองใช่หรือไม่”
“เจ้าค่ะ…เอ๊ย! ไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้าไม่ได้หมายถึงแบบนั้น คือว่าข้า…”
“พอ! ไม่ต้องอธิบายแล้ว แค่เช็ดหน้าต่างก็ทำคนเดียวไม่ได้ เสี่ยวจิ่วทั้งซักผ้าทั้งเช็ดแจกันแล้วยังมาช่วยเจ้าเช็ดหน้าต่างอีก จะเอาเปรียบนางไปถึงเมื่อไร”
เสียงที่ดังขึ้นของหลี่กงกงเรียกนางกำนัลคนอื่น ๆ ให้เข้ามารุมล้อมทางประตูหน้าห้อง หลี่กงกงจึงถือโอกาสนี้ประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
“พวกเจ้าอีกก็เช่นกัน ต่อไปนี้ต้องช่วยเสี่ยวจิ่วซักผ้า ทุกงานต้องช่วยกันมิใช่โยนภาระไปให้คนใดคนหนึ่ง เมื่อก่อนข้าไม่เข้มงวดกับพวกเจ้า แต่วันนี้เห็นทีจะไม่ได้แล้ว”
เกิดเสียงซุบซิบกันทันทีเมื่อสิ้นคำพูดนี้ของหลี่กงกง หนึ่งในนั้นคือ…
“เกิดอะไรขึ้นกับหลี่กงกงกัน ก่อนหน้านี้ปล่อยปละละเลยพวกเราทุกอย่าง มายามนี้จะเข้มงวดเสียแล้ว”
“ต้องเป็นเพราะท่านอ๋องกลับมาแล้วเป็นแน่”
“เงียบ!”
เสียงซุบซิบนินทาหยุดลง พวกนางก้มหน้างุดเมื่อโดนชี้นิ้วใส่
“เพราะที่ผ่านมาข้าใจดีกับพวกเจ้ามากเกินไปสินะ มาตอนนี้กล้าวิจารณ์ข้าแล้วหรือ!”
เหล่านางกำนัลรีบหายไปจากหน้าประตูเพราะไม่อยากโดนโทสะหลี่กงกงเล่นงาน
“เกิดอะไรขึ้น ๆ”
กลุ่มนางกำนัลสลายแทนที่ด้วยมู่หมัวมัวที่เดินอย่างรีบร้อนเข้ามาในห้อง
“ดูเอาเถิด”
หลี่กงกงไม่กล่าวสิ่งใด ใช้สายตามองไปยังจิ่วเหลียนฮวาและอาฉู่ให้ภาพเล่าเรื่อง
“อาฉู่! เจ้าใช้งานเสี่ยวจิ่วอีกแล้วหรือ”
“มะ มิใช่เจ้าค่ะ…เสี่ยวจิ่วพูดอะไรบ้างสิ”
จิ่วเหลียนฮวาเงียบไปเพราะรู้สึกบางอย่างไม่ถูกต้อง
“ข้าเสนอตัวช่วยอาฉู่เองเจ้าค่ะ แจกันเช็ดเสร็จเรียบร้อยแล้ว มู่หมัวมัวมีงานใดจะสั่งการข้าอีกหรือไม่”
หากเป็นเวลาปรกติ มู่หมัวมัวใช้งานจิ่วเหลียนฮวาไปแล้ว แต่เมื่อเห็นรอยบนหน้าผากหลี่กงกงก็รีบโบกมือ
“วันนี้เจ้าทำงานมาเยอะแล้ว เสร็จแล้วก็ไปพักเถอะ พรุ่งนี้ค่อยทำต่อ”
“แต่ว่่า…”
“ถ้าไม่อยากให้สหายเดือดร้อนเจ้าฟังคำมู่หมัวมัวเสีย อีกนานกว่าประตูวังจะปิด เจ้าจะไปเที่ยวเล่นตลาดก่อนกลับตำหนักก็ได้”
ตลาด
จิ่วเหลียนฮวามีท่าทางสนใจทันทีเมื่อจะได้ไปเดินตลาด นางผงกศีรษะให้ทั้งสองเล็กน้อย ปล่อยให้อาฉู่เช็ดหน้าต่างตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
ทางด้านกำแพงจวนที่มีบุรุษสามคนซุ่มดูเหตุการณ์อยู่ เมื่อเฉียวเหอเห็นจิ่วเหลียนฮวาเดินออกมาจากห้องรับรองแขกก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงติดสนุก
“หลี่กงกงกลัวจะเสียตำแหน่งเพียงนี้ โดนเรียกไปตักเตือนนิดหน่อยถึงขั้นประกาศกร้าว”
จินเทียนหลุนทำเพียงยิ้มมุมปากกับคำพูดของเฉียวเหอ ดวงตาเมล็ดซิ่งมองตามร่างบางของจิ่วเหลียนฮวาไป
“ตามนางไปหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“ตาม แต่เพียงจับตาดูไปก่อน อย่างเพิ่งเผยกายให้นางเห็นจนกว่าจะทราบความจริง”
องครักษ์ทั้งสองรับคำ ตอนแรกพวกเขาคิดว่ากลับมาเมืองหลวงครั้งนี้จะน่าเบื่อเพราะต้องรอรับคำสั่งจากฮ่องเต้จินจิ่นฟู่ถึงจะมีงานทำ
ใครจะคิดว่าท่านอ๋องของพวกเขาจะหางานให้ทำ อีกทั้งงานนี้ยังเกี่ยวกับ…
สตรี!
บทที่ ๘๘สตรีคลอดบุตรไม่ต่างจากก้าวเข้าประตูปากผีเมืองฮั่นหลินเกิดคดีฆาตกรรมต่อเนื่องขึ้น!เพื่อไม่ให้ตนมัวแต่จมปลักอยู่กับความรักที่ไม่อาจร่วมทางไปกับคนรักได้จนสุดฝั่ง จินหลี่จินจึงขอฮ่องเต้ไปสืบคดีนี้ด้วยตนเอง ฮ่องเต้อนุญาตเพราะคิดว่าการทำงานหนักอาจทำให้อีกฝ่ายไม่มีเวลาฟุ้งซ่านส่วนจินเทียนหลุนนั้น ยามนี้ได้รับตำแหน่งทางการเมืองที่สำคัญ รับหน้าที่เป็นแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงต่อจากท่านตาของจินหลี่จินเดิมทีตำแหน่งนี้ฮ่องเต้จินจิ่นฟู่อยากมอบให้จินหลี่จิน แต่อีกฝ่ายรักอิสระ อยากทำหน้าที่ที่ไม่กังขังตนเอาไว้เพียงในเมืองหลวง เขาจึงได้รับหน้าที่พิเศษเป็นฑูตประจำแคว้น ทำหน้าที่เจริญสัมพันธไมตรีระหว่างแคว้น เดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ได้สะดวกสมกับที่ไม่มีครอบครัวส่วนจินเทียนหลุนที่มีชายาที่ท้องโตขึ้นทุกวันรอที่จวนอยู่แล้ว เช้ามาเข้ากองทัพฝึกทหาร ค่ำกลับจวนอยู่เป็นเพื่อนชายาและแนบหูคุยกับลูกน้อยทุกคืนแม้เด็กในท้องจะไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับเพราะเพิ
บทที่ ๘๗ความรักระหว่างมนุษย์เหมือนลมสายหนึ่งยามนี้เทพโอสถกำลังยืนอยู่บนกลางท้องฟ้า ใต้เท้าเป็นสัตตบงกชแห่งการเคลื่อนย้าย ด้านซ้ายมีหวงผิงที่ยืนอยู่บนปุยเมฆมองการแต่งงานของไช่จงซินในมุมสูงสีหน้าของเขาเรียบเฉยต่างกับเทพโอสถที่ฉายแววปวดใจ เมื่อคนที่กำลังเดินเคียงคู่กับไช่จงซินเข้าไปในโถงทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินมิใช่คนที่มีใจต้องกัน“ข้าเป็นคนนอก มองดูแล้วยังปวดใจเพียงนี้ พวกเขาสองคนก็คงปวดใจจนหายใจไม่ออก ร้องไห้ก็ไม่ได้ จุกลิ้นปี่ตรงนี้”หวงผิงหันมามองนิ้วมือเรียวที่ชี้จุดตรงลิ้นปี่ที่อยู่ตรงกลางด้านล่างอกเหนือกระเพาะอาหาร“ท่านเจ็บเพราะจิ้มแรงเกินไป”คนที่กำลังคล้อยไปกับเรื่องราวไม่สมหวังของคู่รักมนุษย์ตวัดสายตามามองหวงผิง แต่เมื่อเห็นหน้าอีกฝ่ายยังไม่เข้าใจความรู้สึกนี้จริง ๆ ก็ไม่โทษเขา“เอาเถอะ! เรื่องยังไม่เกิดกับตนจะเข้าใจได้อย่างไร ลองจินตนาการดู หากเจ้าเป็นไช่จงซินหรือจินหลี่จินจะไม่รู้สึกอันใด
บทที่ ๘๖เมื่อรักและหน้าที่ไปด้วยกันไม่ได้การมาเยือนแคว้นฝูครั้งนี้ จินเทียนหลุนคิดว่าคุ้มค่าที่สุด ไม่ต้องไปถามวิธีการดูแลบุตรจากหมอหลวงที่ไม่เคยตั้งครรภ์ แต่ได้ความรู้จากเหล่าฮูหยินทั้งหลายที่ต่อไปจะกลายเป็นฮูหยินผู้เฒ่าสตรีมีครรภ์จะเป็นเหน็บชา ต้องหมั่นนวดเท้า เรื่องอาหารการกิน งดดื่มสุรา รวมถึงสิ่งแวดล้อมที่จะมีผลต่ออารมณ์และอย่างสุดท้ายที่สำคัญสำหรับชีวิตคู่คือการร่วมหลับนอนระหว่างสามีภรรยา“เสี่ยวจิ่ว เปิ่นหวางถามฮูหยินทั้งสามแล้ว เรายังเข้าหอกันได้ตามปรกติ เว้นเพียงช่วงนี้กับช่วงใกล้คลอด ขอแค่เปิ่นหวางระวังไม่เน้นท่าโลดโผน ค่ำคืนของเราก็ยังคงเร่าร้อนได้เหมือนเคย”จิ่วเหลียนฮวาหน้าร้อนฉ่า ไม่คิดว่าสวามีของนางจะกล้าพูดเสียงดังต่อหน้าบ่าวในจวนตระกูลไช่ที่กำลังทำความสะอาดอยู่ด้านนอกนางดึงแขนเขาเข้าไปด้านในเรือนทันทีเพราะปั้นสีหน้าไม่ถูกแล้ว“ท่านอ๋อง! กล่าวเช่นนี้ต่อหน้าคนอื่นไม่ได้เพคะ”“ขออ
บทที่ ๘๕เจ้าจะไม่ตายไปจากใจข้าสองหนุ่มใหญ่จ้องหน้ากันนิ่ง จิ่วเหลียนฮวาเห็นเช่นนั้นก็มองหน้าจินเทียนหลุน ไม่กล้าหายใจแรงเพราะกลัวว่าเสียงหายใจของตนจะไปขัดจังหวะคนทั้งคู่“ยายหนูจิ่ว ขนมของที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง”ไช่จงซินถอนสายตาจากจินหลี่จินก่อน เดินไปนั่งตำแหน่งประมุขตระกูล รอคำตอบจากจิ่วเหลียนฮวาอย่างใจเย็น คำอวยพรจากจินหลี่จินเมื่อครู่ทำให้เขาไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายอีก ด้วยกลัวจะพรั่งพรูความรู้สึกต่อหน้าทุกคน“อร่อยเจ้าค่ะท่านประมุข”“เรียกข้าว่าท่านอาจารย์ตามเจ้าหนูหลุนเถิด”จิ่วเหลียนฮวาพยักหน้ารับ “เจ้าค่ะ ขนมอร่อยมากเจ้าค่ะท่านอาจารย์ หากใจไม่ห้ามเอาไว้ ข้าอยากทานแทนอาหารสามมื้อ”ไช่จงซินหลุดหัวเราะเกือบสำลักน้ำชา“เสี่ยวจิ่วมีอารมณ์ขันแล้ว สตรีวัยเจ้าที่ทานมาก ส่วนใหญ่จะเป็นสตรีมีครรภ์ทั้งนั้น หรือเจ้ากำลังมีครรภ์”ไช่จงซินถามโดยไม่คิดอันใด ไม่คิดว่าทุกคนจะเงียบ เขามองหน้าจินเทียนหลุนสลั
บทที่ ๘๔คราวนี้ใครก็ดูถูกเจ้าไม่ได้แล้ววันเวลามาถึงวันที่จินเทียนหลุนเดินทางไปร่วมงานแต่งของท่านอาจารย์ตนที่แคว้นฝู ผู้ร่วมเดินทางประกอบไปด้วย จินหลี่จิน จินเทียนหลุน จิ่วเหลียนฮวา องครักษ์ของอ๋องทั้งสองและนางกำนัลคอยปรนนิบัติจิ่วเหลียนฮวาที่กำลังตั้งครรภ์ตอนนี้ผู้ทราบว่านางตั้งครรภ์มีเพียงฮ่องเต้ ไทเฮาและจินหลี่จินเท่านั้น อายุครรภ์เพิ่มขึ้นเมื่อไรจินเทียนหลุนจะประกาศเรื่องนี้ให้ทราบโดยทั่วกัน“พลังยายหนูจิ่วดีนัก มิเช่นนั้นเราต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะเดินทางถึง”ขบวนเดินทางไปร่วมงานมงคลยังไปไม่ถึงไหน แต่จิ่วเหลียนฮวาใช้พลังเทพเคลื่อนกายมาที่ปลายทางล่วงหน้าขบวนเดินทางมาก่อนแล้ว“จริงอย่างที่เสด็จอากล่าว เช่นนี้ดียิ่ง ครรภ์ของเจ้าจะได้ไม่เป็นอันตรายไปด้วย”จิ่วเหลียนฮวาพาเพียงสองหนุ่มราชวงศ์จินมาด้วยเท่านั้น เมื่อขบวนเดินทางใกล้เมืองหลวงแคว้นฝูเมื่อใดถึงค่อยกลับไปนั่งขบวนรถม้าอีกครั้ง“อีกหลาย
บทที่ ๘๓ไม่อยากได้รับคำแสดงความยินดีฉายาชายารองมือปราบมาร ตอนนี้ไม่ได้ลือกันในหมู่จวนขุนนางแล้วเท่านั้น แต่ยังเล่าลือกันไปทั้งเมืองหลวง ปากต่อปากรวดเร็ว เพียงไม่ถึงหนึ่งเดือนก็แพร่ไปทั้งแผ่นดินใหญ่ แม้แต่ไช่จงซินที่อยู่เมืองหลวงแคว้นฝูยังได้ยิน“ยายหนูจิ่วมีชื่อเสียงใหญ่แล้ว คราวนี้เจ้าหนูหลุนได้กินน้ำส้มสายชูรายวันแน่”ไช่จงซินเอ่ยด้วยน้ำเสียงแฝงความสุข จนกระทั่งดวงตาเหลือบไปมองเทียบเชิญงานแต่งของตนกับคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองหลวง ความเศร้าหมองก็มาแทนที่“นายท่านจะให้ข้าน้อยส่งเทียบเชิญเลยหรือไม่”ไช่จงซินยังไม่ตอบ หลับตาลงซ่อนเร้นความเศร้าหมอง จนกระทั่งเวลาผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็พยักหน้ารับ แม้ไม่อยากให้คน ๆ นั้นมาร่วมงานด้วย…แต่หากไม่เชิญเลย เขาคงก็โดนอีกฝ่ายเข้าใจผิดว่าไม่ให้ความสำคัญ!“ส่งเลย ขออภัยพวกเขาแทนข้าด้วยที่ไม่ได้มาเชิญด้วยตัวเอง”“ขอรับนายท่าน”







