LOGINตอนที่ 3
หลังจากที่เธอเดินลัดเลาะริมป่ามาเรื่อยๆ เมื่อสบโอกาสเธอจึงหยิบเสื้อผ้าของชาวบ้านมาหนึ่งชุด เพื่อที่เธอจะได้เดินทางได้สะดวกขึ้น
เธอเลือกชุดผ้าฝ้ายธรรมดาที่ดูเหมือนกับชาวบ้านทั่วไป พร้อมทั้งผ้าคลุมไหล่ที่ช่วยปกปิดตัวเธอได้มากขึ้น หลังจากนั้น เธอหาที่ซ่อนเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมัดผมยาวให้เรียบง่ายที่สุดเพื่อไม่ให้ดูโดดเด่น
เมื่อเปลี่ยนโฉมเสร็จ หลิวหลันเฟยรู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง แม้ชุดที่เธอสวมจะดูธรรมดา แต่ก็ดีกว่าชุดนักโทษที่สะดุดตาอย่างเห็นได้ชัด
หลิวหลันเฟย หรือในชื่อใหม่ ซูหยวนเหม่ย เดินทางมาถึงที่หมายในเวลาไม่นาน สถานที่แห่งนี้คือกระท่อมหลังเล็ก ๆ ที่ดูเก่าโทรมจนไม่มีใครสนใจ มันตั้งอยู่ในมุมอับของป่าใกล้กับจวนเก่าของตระกูลซู
กระท่อมหลังนี้เคยเป็นที่พักของคนงานในจวน แต่ท่านพ่อได้ให้คนงานไปพักที่อื่นแทนและเปลี่ยนที่นี่เป็นที่เก็บสมบัติแทน เธอยืนมองกระท่อมอยู่ครู่หนึ่ง พลางสอดส่องไปรอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามมา แม้สภาพของกระท่อมดูทรุดโทรมจนแทบไม่มีใครคาดคิดว่าภายในจะมีสมบัติใดซ่อนอยู่ แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะระแวง
เธอค่อยๆ เปิดประตูกระท่อมเข้าไปและรีบปิดมันอย่างรวดเร็วก่อนที่จะตรงเข้าไปที่กล่องไม้เก่าๆ กล่องหนึ่งที่ถูกซ่อนอยู่ใต้เตียง เธอรีบก้มลงไปหยิบกล่องไม้ใบเล็กที่ซ่อนอยู่ภายใน ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความคาดหวังและระแวดระวังในเวลาเดียวกัน
เมื่อเปิดกล่องไม้ออก หลิวหลันเฟยพบว่าด้านในมีสมบัติมากมายซ่อนอยู่ในนั้น เรียกได้ว่าเธอสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายโดยที่ไม่ต้องทำงานเลยก็ได้
ตระกูลซูไม่ได้เพิ่งยิ่งใหญ่ในเร็วๆ นี้ แต่ตระกูลซูนั้น เป็นตระกูลขุนนางที่สืบทอดอำนาจและความมั่งคั่งมาหลายชั่วอายุคน ด้วยการรับใช้ราชวงศ์อย่างซื่อสัตย์มาเนิ่นนาน ตระกูลนี้จึงกลายเป็นที่พึ่งพาและไว้วางใจของฮ่องเต้ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนในยามศึกสงคราม หรือการบริหารจัดการภายในแคว้นก็ดี
ด้วยความจงรักภักดีของตระกูลซู ฮ่องเต้คนก่อนจึงได้พระราชทานที่ดินอันอุดมสมบูรณ์หลายพันไร่กระจายอยู่ในหลายพื้นที่ ที่ดินเหล่านี้กลายเป็นแหล่งรายได้หลักของตระกูล ไม่ว่าจะเป็นการเกษตรกรรมที่ให้ผลผลิตจำนวนมหาศาล หรือการค้าในเมืองที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
นอกเหนือจากความมั่งคั่งแล้ว ชื่อเสียงของตระกูลซูยังนับว่าดีมากอีกด้วย พวกเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นขุนนางผู้มีคุณธรรม มักบริจาคช่วยเหลือชาวบ้านยากจนอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสะพาน ซ่อมถนน หรือบริจาคอาหารในช่วงภัยแล้ง สิ่งเหล่านี้ทำให้ตระกูลซูกลายเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านทั่วไป
แต่ท่ามกลางความรักและความนับถือจากผู้คน กลับมีผู้ที่มองตระกูลซูด้วยสายตาริษยา ความมั่งคั่งและอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่เกินไปของพวกเขากลายเป็นเป้าหมายของผู้ที่ต้องการช่วงชิงอำนาจ ยิ่งตระกูลซูเป็นที่เคารพมากเท่าไร ก็ยิ่งสร้างศัตรูในราชสำนักมากขึ้นเท่านั้น
การเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ แม้จะดูเหมือนเป็นเกราะป้องกันที่แข็งแกร่ง แต่ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นจุดอ่อนที่ทำให้ตระกูลซูถูกโจมตีจากขุนนางฝ่ายตรงข้ามโดยง่าย ความดีและความสำเร็จของพวกเขากลับกลายเป็นดาบสองคม ที่นำพาความหายนะมาสู่ครอบครัวในที่สุด ซึ่งท่านพ่อของเธอได้คาดการณ์เรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว จึงได้แอบซ่อนสมบัติไว้ ณ ที่แห่งนี้
“ท่านพ่อช่างรอบคอบเสียจริง” เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ แม้ทุกอย่างจะดูยากลำบาก แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้เธอพอมีความหวังบ้าง
ขณะที่เธอจัดการเก็บถุงเงินไว้ในกระเป๋าเล็ก ๆ ที่พกติดตัว สายตาของเธอก็สะดุดเข้ากับม้วนกระดาษเล็ก ๆ ที่วางซ้อนอยู่ใต้ถุงเงิน เธอหยิบมันขึ้นมา และเมื่อคลี่ออก เธอพบว่าเป็นจดหมายที่เขียนด้วยลายมือที่คุ้นเคย
“ถึงหยวนเหม่ย น้องรักของพี่”
หลิวหลันเฟยเบิกตากว้างด้วยความตกใจ น้ำเสียงของพี่ชายดังขึ้นในหัวทันที นี่คือลายมือของ ซูหานซิง พี่ชายของเธอที่หายตัวไป
“ถ้าเจ้าได้อ่านจดหมายฉบับนี้ แสดงว่าเจ้าปลอดภัยแล้ว ข้าดีใจเหลือเกินที่เจ้ายังรอดมาได้”
“ข้าเองก็สามารถหลบหนีมาได้ด้วยความช่วยเหลือของสหายบางคน แต่ข้าไม่อาจกลับไปหาน้องได้ในตอนนี้ เพราะข้ากำลังถูกตามล่าอย่างหนัก”
“ข้าทิ้งข้อความนี้ไว้ให้เจ้า หากเจ้ามีโอกาส ให้มาพบข้าที่หมู่บ้านชิงหลิน ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นั่น”
“จำไว้ว่า อย่าไว้ใจใครง่าย ๆ แม้จะเป็นคนที่ดูเหมือนจะหวังดีกับเจ้าก็ตาม เจ้าจะปลอดภัยได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในที่ที่ไม่มีใครรู้จักตัวตนของเจ้า”
“จงระวังตัว และจงเข้มแข็ง ข้าจะรอเจ้า หานซิง”
เมื่ออ่านจบ หลิวหลันเฟยกำจดหมายไว้แน่น น้ำตาที่เธอพยายามกลั้นไว้ตลอดทางเริ่มเอ่อคลอในดวงตา เธอไม่รู้ว่าควรดีใจที่พี่ชายของเธอยังมีชีวิตอยู่ หรือควรเสียใจกับสถานการณ์ที่ครอบครัวของพวกเธอต้องเผชิญในตอนนี้ดี แต่ถึงอย่างนั้นเธอต้องอดทน เธอจะมามัวร้องเสียใจแบบนี้ไม่ได้
“หมู่บ้านชิงหลิน…” เธอพึมพำออกมาเบาๆ ชื่อนี้เธอจำได้ว่าเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างจากเมืองนี้ไม่ไกลมากนัก
หากแต่ในเวลานี้ การเดินทางไปที่นั่นทันทีอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ปลอดภัย ท้องฟ้ายามค่ำคืนยังคงมืดสนิท และเธอเหนื่อยล้าจากการหนีออกจากคุก การพักผ่อนก่อนจะเดินทางต่อในวันรุ่งขึ้นน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
หลังจากนั้นหลิวหลันเฟยได้เดินออกจากกระท่อมด้วยความระมัดระวัง ก่อนที่เธอจะเดินมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองในทันที เมื่อเดินเข้าเขตตลาดแล้ว เธอใช้เงินส่วนหนึ่งจากถุงสมบัติที่ได้มา เช่าห้องพักในโรงเตี๊ยมเล็ก ๆ ที่อยู่ในมุมเงียบสงบของเมือง
“ขอห้องพักสักคืน” เธอกล่าวกับเจ้าของโรงเตี๊ยมชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจเธอมากนัก
“สองอีแปะ” ชายคนนั้นตอบสั้น ๆ ก่อนที่หลิวหลันเฟยจ่ายเงินอย่างรวดเร็ว และรับกุญแจห้องเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านหลังโรงเตี๊ยมแล้วเดินจากไปทันที
ห้องพักของเธอเป็นห้องเล็ก ๆ ที่มีเพียงเตียงไม้เรียบ ๆ และโต๊ะเล็ก ๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น มันไม่ได้สะดวกสบายมากนัก แต่สำหรับเธอในตอนนี้ เรื่องพวกนี้ไม่ได้สำคัญเลย เธอควรจะใช้เงินอย่างประหยัดและในยามจำเป็นเท่านั้น
หลิวหลันเฟยวางจดหมายของพี่ชายลงบนโต๊ะ และนั่งลงทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดในช่วงวันที่ผ่านมา จู่ๆ เธอก็หลุดมาในโลกจีนโบราณและต้องหนีหัวซุกหัวซุนแบบนี้ แม้เธอจะอยากรู้ว่าสิ่งใดที่ทำให้เธอมาที่แห่งนี้แต่เธอรู้ว่ามันมีสิ่งอื่นที่สำคัญกว่านั้นรอเธออยู่ เพราะหากร่างซูหยวนเหม่ยตายนั่นก็หมายความว่า เธอที่เป็นผู้มาอาศัยก็ต้องตายเช่นเดียวกัน ดังนั้น หลังจากนี้เธอจะใช้ชีวิตในนามซูหยวนเหม่ยให้ดี
เมื่อคิดได้ดังนั้น เธอจึงวางแผนการในหัวเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำในวันรุ่งขึ้น ก่อนจะเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนในท้ายที่สุด
ตอนที่ 8หลังจากที่ซูหยวนเหม่ยใช้เวลาเกือบหนึ่งอาทิตย์ในการฝึกฝนงานบ้านจนคล่อง นางก็พร้อมที่จะเข้าไปทำงานในจวนตระกูลเจียงจริง ๆ เสียที แม้ภายนอกจะดูสงบนิ่ง แต่หัวใจของนางกลับเต้นแรงด้วยความกังวลจุดประสงค์หลักของนางคือการค้นหาหลักฐานหรือเบาะแสที่เชื่อมโยงความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับตระกูลซู และนำมันมาเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของครอบครัวของตนในเช้าวันที่อากาศสดใส หลี่เซวียนพานางมายังตลาดที่มีการรับสมัครคนงานสำหรับจวนตระกูลเจียง เขาเตรียมการทุกอย่างไว้เรียบร้อย รวมถึงติดสินบนเล็กน้อยกับนายหน้า เพื่อให้แน่ใจว่าหยวนเหม่ยจะได้รับเลือกก่อนที่นางจะเข้าไปในจุดรับสมัคร หลี่เซวียนดึงนางมาหยุดที่มุมหนึ่ง ดวงตาคมของเขาจ้องมองนางอย่างลึกซึ้ง“หยวนเหม่ย ฟังข้าให้ดี” น้ำเสียงของเขาหนักแน่น แต่แฝงด้วยความอ่อนโยนที่นางไม่คุ้นเคย “ถ้าเกิดอะไรขึ้น เจ้าต้องออกมาทันที อย่าฝืนตัวเองเพื่อหลักฐาน เข้าใจหรือไม่”หยวนเหม่ยพยักหน้าเบา ๆ พลางส่งยิ้มให้เพื่อปลอบเขา “ข้าเข้าใจแล้ว ท่านไม่ต้องห่วง ข้าจะระวังตัว”แต่หลี่เซวียนยังคงจ้องนางด้วยสายตาเคร่งขรึม ราวกับต้องการให้คำพูดของเขาตรึงแน่นอยู่ในความคิดของนาง “ข้า
ตอนที่ 7 “แล้วแผนการของเราจะทำอย่างไรต่อเล่า” ซูหยวนเหม่ยเอ่ยถาม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “หากต้องการให้ตระกูลของข้าพ้นโทษ เราจำเป็นต้องมีหลักฐานว่าตระกูลซูโดนใส่ร้ายจากตระกูลหลี่”“แน่นอน” หลี่เซวียนตอบทันที “ดังนั้น เจ้าอาจต้องปลอมตัวเข้าไปในตระกูลเจียง ตอนนี้ข้าได้ข่าวมาว่าพวกเขากำลังรับสมัครคนใช้ใหม่อยู่”“ข้า…หรือ?” ซูหยวนเหม่ยเอ่ยถาม น้ำเสียงแฝงความลังเลเล็กน้อย แม้ในโลกก่อนของนาง การเป็นคนใช้ในบ้านคนอื่นคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเพราะงานบ้านก็ทำเองอยู่แล้ว แต่นี่คือโลกโบราณ โลกที่นางยังไม่คุ้นเคยเลยสักนิด นางยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรทำตัวอย่างไรหลี่เซวียนพยักหน้า “ใช่ เจ้าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด หากเป็นเจ้าที่เข้าไป ข้าจะมั่นใจได้ว่าข้อมูลที่เราต้องการจะไม่มีผิดพลาด และเจ้าจะไม่ทรยศข้า”ซูหยวนเหม่ยนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะสูดลมหายใจลึก “ก็ได้ ข้าจะเข้าไปเอง”หลี่เซวียนมองนางด้วยสายตาอ่านไม่ออก แต่ยังคงถามต่อ “เจ้ามั่นใจหรือ ถ้าเจ้ารู้สึกว่าไม่พร้อมหรือรู้สึกกลัว ข้าสามารถส่งคนของข้าเข้าไปแทนได้นะ”“ข้าไม่กลัว” แต่ทันใดนั้น นางก็ชะงักไปเล็กน้อย ราวกับเพิ่งนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้
ตอนที่ 6แสงแดดยามเช้าสาดผ่านหน้าต่างไม้ของห้องพัก ซูหยวนเหม่ยลืมตาขึ้นด้วยความรู้สึกสดชื่น หลังจากได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เป็นครั้งแรกในรอบหลายวัน แต่เพียงครู่เดียว เสียงประท้วงจากท้องของเธอก็ดังขึ้นจนเจ้าตัวต้องยกมือกุมหน้าท้อง“หิวเสียแล้ว…” เธอพึมพำเบา ๆ ก่อนจะลุกจากเตียงและล้างหน้าล้างตาอย่างรวดเร็วไม่นานหลังจากนั้น จินจูก็เคาะประตูห้องของเธอ “คุณหนูเจ้าคะ อาหารเช้าพร้อมแล้ว คุณชายหลี่กำลังรออยู่ที่โต๊ะเจ้าค่ะ”“ข้าจะลงไปเดี๋ยวนี้” เธอเอ่ยตอบกลับไปก่อนจะจัดชุดของเธอให้เรียบร้อยและเดินไปที่ห้องอาหารที่มีหลี่เซวียนคอยอยู่เมื่อหยวนเหม่ยลงมาถึงก็พบว่าหลี่เซวียนนั่งรอเธออยู่ที่โต๊ะอาหาร สีหน้าของเขาดูผ่อนคลายเหมือนคนที่ตื่นเช้าจนชิน ซูหยวนเหม่ยเดินเข้ามาและนั่งลงฝั่งตรงข้าม ดวงตาของเธอหันไปมองอาหารบนโต๊ะทันที“ข้าวต้ม ซาลาเปา…” เธอพึมพำเบา ๆ ก่อนจะหยิบซาลาเปาขึ้นมาทันทีหลี่เซวียนยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางหิวโหยของนาง แต่ไม่ได้เอ่ยอะไรจนกระทั่งซูหยวนเหม่ยเริ่มทานไปได้สองสามคำ“เป็นอย่างไรบ้าง เมื่อคืนหลับสบายหรือไม่” เขาถามด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ก่อนจะเริ่มลงมือทานอาหารตรงหน้าเช่นกัน“ก
ตอนที่ 5เมื่อแสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องลงมาทั่วหมู่บ้านชิงหลิน รถม้าที่ซูหยวนเหม่ยนั่งมาทั้งคืนก็หยุดลงหน้าทางเข้าหมู่บ้านพอดี เธอก้าวลงจากรถม้าด้วยท่าทางอ่อนล้า“ขอบคุณท่านมาก” เธอกล่าวพร้อมหยิบเงินออกมาเพื่อมอบให้คนขับรถม้าแต่ชายวัยกลางคนกลับโบกมือปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอก คุณหนู ข้าทำตามคำสั่งของเถ้าแก่เทาช่านั้น ถือว่าเป็นเกียรติที่ได้ช่วยท่าน”ยังไม่ทันที่ซูหยวนเหม่ยจะพูดอะไร คนขับรถม้าก็พยักหน้าส่งท้ายแล้วขับรถม้าจากไป ทิ้งเธอไว้ตรงหน้าหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเงียบสงบเธอหันกลับมามองรอบ ๆ ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินไปยังจุดนัดพบที่พี่ชายของเธอบอกไว้ในจดหมายเมื่อถึงศาลาไม้หลังเล็กที่ปลายหมู่บ้าน หัวใจของซูหยวนเหม่ยเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น เธอกวาดสายตามองหาพี่ชายของเธอ แต่ทันทีที่เห็นร่างชายคนหนึ่งยืนอยู่ที่ศาลา รอยยิ้มที่มุมปากของเธอก็พลันหายไป“หลี่เซวียน…”ชายหนุ่มในชุดคลุมสีเข้มที่เคยช่วยเธอหลบหนีจากคุกหลวงยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าของเขายังคงเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความสง่างามและทรงอำนาจ“ทำไมถึงเป็นเขา…”ซูหยวนเหม่ยเดินตรงเข้าไปหาด้วยความร้อนใจ ดวงตาของเธอจ้องมองเขาอย่างไม่เข้าใจ“ทำ
ตอนที่ 4 แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมาทั่วตัวเมือง เสียงผู้คนในตลาดเริ่มคึกคัก หลิวหลันเฟยในร่างซูหยวนเหม่ย เดินปะปนอยู่ท่ามกลางฝูงชนในตลาด ดวงตาของเธอกวาดมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวังเธอเดินไปนั่งกินข้าวอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง แต่จุดประสงค์ของเธอไม่ใช่เพื่อกินข้าวเท่านั้น แต่เป้าหมายของเธอคือการที่เธอจะหาข่าวคราวเกี่ยวกับครอบครัวของเธอด้วย ไม่ว่าจะในยุคสมัยใด ยังไงคนก็ชอบเล่าข่าวลือหรือชอบเล่าเรื่องคนอื่นอยู่แล้ว“เอาบะหมี่หนึ่งชาม” หยวนเหม่ยเอ่ยกับเถ้าแก่เจ้าของร้าน“ได้ ๆ เจ้าไปนั่งก่อนเลย เดี๋ยวข้าเอาไปให้”“ขอบคุณ” เธอพยักหน้ารับหนึ่งทีก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะที่ใกล้กับกลุ่มชาวบ้านที่กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่“นี่พวกเจ้า ได้ยินเรื่องตระกูลซูหรือยัง” เสียงของชายคนหนึ่งพูดขึ้นมา“อ้อ เรื่องนั้นน่ะหรือ…” เพื่อนของเขาตอบกลับเสียงเบา พลางเหลียวมองรอบ ๆ “ได้ข่าวว่าฮ่องเต้เลื่อนการประหารชีวิตของพวกเขาออกไป เพราะบุตรของตระกูลซูสองคนหนีออกมาได้”ซูหยวนเหม่ยตัวเย็นเฉียบในทันที เธอเงี่ยหูฟังต่ออย่างระมัดระวัง หัวใจของเธอเริ่มเต้นแรงขึ้นด้วยความตื่นเต้น“เลื่อนการประหารหรือ ทำไมล่ะ” ผู้หญิงที่อ
ตอนที่ 3หลังจากที่เธอเดินลัดเลาะริมป่ามาเรื่อยๆ เมื่อสบโอกาสเธอจึงหยิบเสื้อผ้าของชาวบ้านมาหนึ่งชุด เพื่อที่เธอจะได้เดินทางได้สะดวกขึ้นเธอเลือกชุดผ้าฝ้ายธรรมดาที่ดูเหมือนกับชาวบ้านทั่วไป พร้อมทั้งผ้าคลุมไหล่ที่ช่วยปกปิดตัวเธอได้มากขึ้น หลังจากนั้น เธอหาที่ซ่อนเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมัดผมยาวให้เรียบง่ายที่สุดเพื่อไม่ให้ดูโดดเด่นเมื่อเปลี่ยนโฉมเสร็จ หลิวหลันเฟยรู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง แม้ชุดที่เธอสวมจะดูธรรมดา แต่ก็ดีกว่าชุดนักโทษที่สะดุดตาอย่างเห็นได้ชัดหลิวหลันเฟย หรือในชื่อใหม่ ซูหยวนเหม่ย เดินทางมาถึงที่หมายในเวลาไม่นาน สถานที่แห่งนี้คือกระท่อมหลังเล็ก ๆ ที่ดูเก่าโทรมจนไม่มีใครสนใจ มันตั้งอยู่ในมุมอับของป่าใกล้กับจวนเก่าของตระกูลซูกระท่อมหลังนี้เคยเป็นที่พักของคนงานในจวน แต่ท่านพ่อได้ให้คนงานไปพักที่อื่นแทนและเปลี่ยนที่นี่เป็นที่เก็บสมบัติแทน เธอยืนมองกระท่อมอยู่ครู่หนึ่ง พลางสอดส่องไปรอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามมา แม้สภาพของกระท่อมดูทรุดโทรมจนแทบไม่มีใครคาดคิดว่าภายในจะมีสมบัติใดซ่อนอยู่ แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะระแวงเธอค่อยๆ เปิดประตูกระท่อมเข้าไปและรีบปิดมันอย่างรวดเร็ว







