Share

ตอนที่ 4

last update Last Updated: 2025-04-28 11:31:56

ตอนที่ 4 

แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมาทั่วตัวเมือง เสียงผู้คนในตลาดเริ่มคึกคัก หลิวหลันเฟยในร่างซูหยวนเหม่ย เดินปะปนอยู่ท่ามกลางฝูงชนในตลาด ดวงตาของเธอกวาดมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง

เธอเดินไปนั่งกินข้าวอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง แต่จุดประสงค์ของเธอไม่ใช่เพื่อกินข้าวเท่านั้น แต่เป้าหมายของเธอคือการที่เธอจะหาข่าวคราวเกี่ยวกับครอบครัวของเธอด้วย ไม่ว่าจะในยุคสมัยใด ยังไงคนก็ชอบเล่าข่าวลือหรือชอบเล่าเรื่องคนอื่นอยู่แล้ว

“เอาบะหมี่หนึ่งชาม” หยวนเหม่ยเอ่ยกับเถ้าแก่เจ้าของร้าน

“ได้ ๆ เจ้าไปนั่งก่อนเลย เดี๋ยวข้าเอาไปให้”

“ขอบคุณ” เธอพยักหน้ารับหนึ่งทีก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะที่ใกล้กับกลุ่มชาวบ้านที่กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่

“นี่พวกเจ้า ได้ยินเรื่องตระกูลซูหรือยัง” เสียงของชายคนหนึ่งพูดขึ้นมา

“อ้อ เรื่องนั้นน่ะหรือ…” เพื่อนของเขาตอบกลับเสียงเบา พลางเหลียวมองรอบ ๆ “ได้ข่าวว่าฮ่องเต้เลื่อนการประหารชีวิตของพวกเขาออกไป เพราะบุตรของตระกูลซูสองคนหนีออกมาได้”

ซูหยวนเหม่ยตัวเย็นเฉียบในทันที เธอเงี่ยหูฟังต่ออย่างระมัดระวัง หัวใจของเธอเริ่มเต้นแรงขึ้นด้วยความตื่นเต้น

“เลื่อนการประหารหรือ ทำไมล่ะ” ผู้หญิงที่อยู่ในวงสนทนานั้นเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ว่ากันว่าฮ่องเต้ได้รับคำทำนายจากหมอดู…” เสียงผู้ชายคนแรกพูดขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ “หมอดูบอกว่า ถ้าจะประหารตระกูลซู ต้องครบสี่คน ถ้าทำไม่ครบ จะเกิดหายนะแก่แคว้น…”

“หมอดู หมอดูที่ไหนกันถึงได้มีอำนาจขนาดนั้น”

“ข้าไม่รู้เหมือนกัน แต่เขาเป็นคนที่พระองค์ทรงเชื่อใจที่สุดในตอนนี้”

“แต่พูดก็พูดเถอะ ข้าว่าก็ดีเหมือนกัน ตระกูลซูใจบุญขนาดไหนพวกเราก็รู้ ๆ กันอยู่ ข้าว่าพวกเขาถูกใส่ร้าย” มีเสียงคนหนึ่งพูดขึ้น ซึ่งคำพูดนั้นทำให้เธอใจชื้นขึ้นมา

“ได้แล้วแม่นาง” ทันใดนั้นเถ้าแก่ก็วางชามบะหมี่ลงตรงหน้าเธอ

“ขอบคุณเถ้าแก่” หยวนเหม่ยยิ้มให้แก่คนตรงหน้าก่อนจะตั้งใจฟังเรื่องราวต่อไป พลางคิดในใจ หมอดูคนนั้นคือผู้ใดกันถึงได้ช่วยเหลือครอบครัวของนางเช่นนี้ อีกอย่างทำไมฮ่องเต้ทรงเชื่อหมอดูคนนั้นเสียหมดใจ ไม่ใช่ว่าต้องมีขุนนางคัดค้านในเรื่องนี้หรือ

แม้จะสงสัยยังไงแต่เธอก็ดีใจที่ท่านพ่อ ท่านแม่ของเธอมีชีวิตอยู่ และเธอนั้นจะต้องช่วยพ่อแม่ของเธอให้ได้ และหากฮ่องเต้เชื่อคำพูดของหมอดูคนนั้นจริง หมายความว่าตราบใดที่เธอไม่ถูกจับ นั่นหมายความท่านพ่อ ท่านแม่ของเธอจะปลอดภัย อย่างน้อยก็ในตอนนี้ ฉะนั้นเธอจะต้องระวังตัวให้มากกว่านี้

หลังจากที่เธอได้ข่าวของตระกูลของเธอแล้ว ซูหยวนเหม่ยก็คิดว่าควรแก่เวลาที่จะต้องเดินทางไปพบพี่ชายเธอที่จุดนัดพบเสียที เพื่อที่จะได้หารือเกี่ยวกับแผนการต่าง ๆ ต่อ แม้ว่าหมู่บ้านจะห่างจากที่นี่ไม่ไกล แต่อยู่ในยุคโบราณเช่นนี้ คิดว่าคงจะต้องใช้เวลาเกือบวันในการเดินทาง เธอจึงควรที่จะหารถม้าเพื่อเดินทางข้ามเมือง ไม่เช่นนั้นเธอคงเดินทางไม่ถึงจุดหมายแน่

“เถ้าแก่ คิดเงินด้วย” เสียงของซูหยวนเหม่ยดังขึ้นเพื่อเรียกเจ้าของร้าน เถ้าแก่ผู้สูงวัยที่ยืนอยู่รีบเดินมาหาเธออย่างรวดเร็ว

“ห้าอีแปะ คุณหนู” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพพร้อมยิ้มบาง ๆ ซูหยวนเหม่ยเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำว่า “คุณหนู” มันทำให้เธอรู้สึกแปลกใจ แต่ก่อนที่เธอจะหยิบเงินออกมาจ่าย เถ้าแก่ก็โน้มตัวเข้ามาใกล้ราวกับต้องการพูดอะไรบางอย่างกับเธอ

“ท่านคือคุณหนูซูหยวนเหม่ยใช่หรือไม่?” เขากระซิบเสียงเบาเพื่อไม่ให้ผู้อื่นได้ยิน

คำถามนั้นทำให้ซูหยวนเหม่ยตัวแข็งทื่อ หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นทันทีเพราะกลัวว่าจะโดนจับได้ เธอพยายามควบคุมสติแล้วรีบปฏิเสธในทันที

“ไม่ใช่… ท่านคงจำคนผิดแล้ว” เธอตอบเสียงสั่นเล็กน้อย พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แต่เถ้าแก่ยังคงมองเธอด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความเมตตาและอ่อนโยน

“ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่จับท่านส่งทางการหรอก” เขากล่าวเบา ๆ ราวกับอ่านใจเธอออก “บะหมี่ชามนี้ ข้าไม่คิดเงินให้ท่านก็แล้วกัน” เขาพูดพร้อมยืดตัวตรง ทำทีเหมือนจะเดินจากไป แต่ซูหยวนเหม่ยไม่ปล่อยให้เขาไปง่าย ๆ

“เดี๋ยวก่อน…” เธอเอ่ยขึ้นพลางมองเขาด้วยความสงสัย “ท่านรู้ได้อย่างไร?”

เถ้าแก่หันกลับมา ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบ “ตระกูลของท่านเป็นผู้มีพระคุณกับข้า ข้าเคยได้รับการช่วยเหลือจากท่านพ่อของท่านเมื่อครั้งอดีต ไม่แปลกที่ข้าจะจดจำท่านได้” คำพูดนั้นทำให้ซูหยวนเหม่ยนิ่งไปชั่วครู่ เธอพยักหน้าเล็กน้อยด้วยความเข้าใจ

“แล้วท่านจะไปที่ไหนต่อหรือ” เถ้าแก่เอ่ยถามด้วยความสงสัยพร้อมกับมองเธอด้วยแววตาสงสาร

ซูหยวนเหม่ยนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบ “ข้าต้องการเดินทางไปหมู่บ้านชิงหลิน ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าจะหารถม้าได้จากที่ใด”

เถ้าแก่ยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะตอบ “ท่านรออยู่ที่นี่ ข้าจะไปหารถม้ามาให้เอง”

“ขอบคุณมาก ท่านช่างมีน้ำใจเหลือเกิน” ซูหยวนเหม่ยกล่าวพร้อมพยักหน้าด้วยความซาบซึ้ง

เถ้าแก่ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากร้านไป ทิ้งให้ซูหยวนเหม่ยนั่งอยู่ตามลำพัง เธอไม่รู้ว่าเถ้าแก่คนนี้เชื่อใจได้มากแค่ไหน แต่สิ่งที่เขาแสดงออกมานั้นดูจริงใจและไม่มีพิษมีภัย เธอจึงรู้สึกว่าเธอจะสามารถเชื่อใจคน ๆ นี้ได้

ไม่นานหลังจากนั้น เถ้าแก่ก็กลับมาพร้อมกับรถม้าคันหนึ่งพร้อมด้วยคนขับรถม้าที่เป็นชายวัยกลางคนและแต่งกายเรียบง่าย แต่ท่าทางดูน่าไว้ใจ ยืนอยู่ข้างรถม้ารอคำสั่ง

“มาแล้ว คุณหนู” เถ้าแก่กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “คนนี้เป็นคนของข้า ท่านสามารถวางใจเขาได้ เขาจะพาท่านไปถึงหมู่บ้านชิงหลินอย่างปลอดภัยแน่นอน” ซูหยวนเหม่ยมองรถม้าคันนั้นอย่างโล่งใจ ก่อนจะหันไปมองเถ้าแก่ด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง

“ขอบคุณท่านมาก” เธอเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงซาบซึ้งและขอบคุณ ก่อนจะหยิบเงินออกมาจากกระเป๋า “ค่ารถม้าเท่าไหร่หรือ”

เถ้าแก่ยิ้มเล็กน้อยพร้อมส่ายหน้าเบา ๆ “ไม่ต้องหรอก คุณหนู”

ซูหยวนเหม่ยขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความไม่สบายใจ “ไม่ได้หรอกเถ้าแก่ รับเงินข้าไปเถอะ ข้ารู้สึกไม่สบายใจ” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงดื้อรั้น

เถ้าแก่หัวเราะเบา ๆ ก่อนตอบ “เงินแค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับข้าหรอก ถือเสียว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณของตระกูลซูที่เคยช่วยเหลือข้าไว้ อีกอย่าง ท่านน่าจะต้องใช้เงินอีกมากหลังจากนี้ เก็บเงินไว้เถอะ”

คำพูดนั้นทำให้ซูหยวนเหม่ยนิ่งไป เธอรู้ว่าเถ้าแก่พูดถูก เงินที่เธอมีอยู่ในตอนนี้ยังจำเป็นสำหรับอนาคตเพราะเธอไม่รู้เลยว่าเรื่องนี้จะจบลงยังไงและจบลงเมื่อไหร่

“ขอบคุณท่านมาก” เธอกล่าวอย่างยอมรับ “แต่ข้าสัญญา หากทุกอย่างจบลงเมื่อใด ข้าจะกลับมาคืนเงินให้ท่านแน่นอน”

เถ้าแก่โบกมือปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม “ไม่จำเป็นหรอกคุณหนู หากท่านต้องการความช่วยเหลือใด ๆ มาที่นี่ได้เสมอ ข้ายินดีช่วยทุกเมื่อ”

“ขอบคุณท่านมากจริง ๆ” ซูหยวนเหม่ยกล่าวพร้อมก้มศีรษะเล็กน้อยเพื่อแสดงความเคารพ แล้วเดินขึ้นรถม้าไป แต่ก่อนที่รถม้าจะออกเถ้าแก่ยังส่งถุงผ้าใบเล็กที่มีกลิ่นหอมของอาหารมาให้

“บะหมี่นี้ ข้าเตรียมไว้ให้สำหรับเดินทาง ถือว่าเป็นเสบียงเล็ก ๆ น้อย ๆ จากข้า”

ซูหยวนเหม่ยรับถุงบะหมี่มาด้วยความซาบซึ้ง “ข้าจะไม่มีวันลืมบุญคุณของท่านเลยของท่านเลย” เถ้าแก่ไม่พูดอะไรนอกจากส่งยิ้มให้เท่านั้น ก่อนที่เถ้าแก่จะหันไปมองคนขับรถม้าเล็กน้อย

คนขับรถม้าเองก็พยักหน้าให้เถ้าแก่เล็กน้อยก่อนจะนำรถออกเดินทางช้า ๆ ซูหยวนเหม่ยมองกลับไปยังร้านอาหารเล็ก ๆ ที่เถ้าแก่ยืนส่งยิ้มให้จนลับตา มันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาดใจ อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้สู้เพียงลำพัง ยังมีคนอีกมากมายที่ให้กำลังใจเธออยู่ แค่ชาวบ้านรู้ว่าตระกูลซูไม่ได้ทรยศ เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

————————————————— 

เถ้าแก่ฟีลกู้ดมากก 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หยกลิขิตรัก   ตอนที่ 8

    ตอนที่ 8หลังจากที่ซูหยวนเหม่ยใช้เวลาเกือบหนึ่งอาทิตย์ในการฝึกฝนงานบ้านจนคล่อง นางก็พร้อมที่จะเข้าไปทำงานในจวนตระกูลเจียงจริง ๆ เสียที แม้ภายนอกจะดูสงบนิ่ง แต่หัวใจของนางกลับเต้นแรงด้วยความกังวลจุดประสงค์หลักของนางคือการค้นหาหลักฐานหรือเบาะแสที่เชื่อมโยงความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับตระกูลซู และนำมันมาเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของครอบครัวของตนในเช้าวันที่อากาศสดใส หลี่เซวียนพานางมายังตลาดที่มีการรับสมัครคนงานสำหรับจวนตระกูลเจียง เขาเตรียมการทุกอย่างไว้เรียบร้อย รวมถึงติดสินบนเล็กน้อยกับนายหน้า เพื่อให้แน่ใจว่าหยวนเหม่ยจะได้รับเลือกก่อนที่นางจะเข้าไปในจุดรับสมัคร หลี่เซวียนดึงนางมาหยุดที่มุมหนึ่ง ดวงตาคมของเขาจ้องมองนางอย่างลึกซึ้ง“หยวนเหม่ย ฟังข้าให้ดี” น้ำเสียงของเขาหนักแน่น แต่แฝงด้วยความอ่อนโยนที่นางไม่คุ้นเคย “ถ้าเกิดอะไรขึ้น เจ้าต้องออกมาทันที อย่าฝืนตัวเองเพื่อหลักฐาน เข้าใจหรือไม่”หยวนเหม่ยพยักหน้าเบา ๆ พลางส่งยิ้มให้เพื่อปลอบเขา “ข้าเข้าใจแล้ว ท่านไม่ต้องห่วง ข้าจะระวังตัว”แต่หลี่เซวียนยังคงจ้องนางด้วยสายตาเคร่งขรึม ราวกับต้องการให้คำพูดของเขาตรึงแน่นอยู่ในความคิดของนาง “ข้า

  • หยกลิขิตรัก   ตอนที่ 7

    ตอนที่ 7 “แล้วแผนการของเราจะทำอย่างไรต่อเล่า” ซูหยวนเหม่ยเอ่ยถาม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “หากต้องการให้ตระกูลของข้าพ้นโทษ เราจำเป็นต้องมีหลักฐานว่าตระกูลซูโดนใส่ร้ายจากตระกูลหลี่”“แน่นอน” หลี่เซวียนตอบทันที “ดังนั้น เจ้าอาจต้องปลอมตัวเข้าไปในตระกูลเจียง ตอนนี้ข้าได้ข่าวมาว่าพวกเขากำลังรับสมัครคนใช้ใหม่อยู่”“ข้า…หรือ?” ซูหยวนเหม่ยเอ่ยถาม น้ำเสียงแฝงความลังเลเล็กน้อย แม้ในโลกก่อนของนาง การเป็นคนใช้ในบ้านคนอื่นคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเพราะงานบ้านก็ทำเองอยู่แล้ว แต่นี่คือโลกโบราณ โลกที่นางยังไม่คุ้นเคยเลยสักนิด นางยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรทำตัวอย่างไรหลี่เซวียนพยักหน้า “ใช่ เจ้าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด หากเป็นเจ้าที่เข้าไป ข้าจะมั่นใจได้ว่าข้อมูลที่เราต้องการจะไม่มีผิดพลาด และเจ้าจะไม่ทรยศข้า”ซูหยวนเหม่ยนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะสูดลมหายใจลึก “ก็ได้ ข้าจะเข้าไปเอง”หลี่เซวียนมองนางด้วยสายตาอ่านไม่ออก แต่ยังคงถามต่อ “เจ้ามั่นใจหรือ ถ้าเจ้ารู้สึกว่าไม่พร้อมหรือรู้สึกกลัว ข้าสามารถส่งคนของข้าเข้าไปแทนได้นะ”“ข้าไม่กลัว” แต่ทันใดนั้น นางก็ชะงักไปเล็กน้อย ราวกับเพิ่งนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้

  • หยกลิขิตรัก   ตอนที่ 6

    ตอนที่ 6แสงแดดยามเช้าสาดผ่านหน้าต่างไม้ของห้องพัก ซูหยวนเหม่ยลืมตาขึ้นด้วยความรู้สึกสดชื่น หลังจากได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เป็นครั้งแรกในรอบหลายวัน แต่เพียงครู่เดียว เสียงประท้วงจากท้องของเธอก็ดังขึ้นจนเจ้าตัวต้องยกมือกุมหน้าท้อง“หิวเสียแล้ว…” เธอพึมพำเบา ๆ ก่อนจะลุกจากเตียงและล้างหน้าล้างตาอย่างรวดเร็วไม่นานหลังจากนั้น จินจูก็เคาะประตูห้องของเธอ “คุณหนูเจ้าคะ อาหารเช้าพร้อมแล้ว คุณชายหลี่กำลังรออยู่ที่โต๊ะเจ้าค่ะ”“ข้าจะลงไปเดี๋ยวนี้” เธอเอ่ยตอบกลับไปก่อนจะจัดชุดของเธอให้เรียบร้อยและเดินไปที่ห้องอาหารที่มีหลี่เซวียนคอยอยู่เมื่อหยวนเหม่ยลงมาถึงก็พบว่าหลี่เซวียนนั่งรอเธออยู่ที่โต๊ะอาหาร สีหน้าของเขาดูผ่อนคลายเหมือนคนที่ตื่นเช้าจนชิน ซูหยวนเหม่ยเดินเข้ามาและนั่งลงฝั่งตรงข้าม ดวงตาของเธอหันไปมองอาหารบนโต๊ะทันที“ข้าวต้ม ซาลาเปา…” เธอพึมพำเบา ๆ ก่อนจะหยิบซาลาเปาขึ้นมาทันทีหลี่เซวียนยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางหิวโหยของนาง แต่ไม่ได้เอ่ยอะไรจนกระทั่งซูหยวนเหม่ยเริ่มทานไปได้สองสามคำ“เป็นอย่างไรบ้าง เมื่อคืนหลับสบายหรือไม่” เขาถามด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ก่อนจะเริ่มลงมือทานอาหารตรงหน้าเช่นกัน“ก

  • หยกลิขิตรัก   ตอนที่ 5

    ตอนที่ 5เมื่อแสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องลงมาทั่วหมู่บ้านชิงหลิน รถม้าที่ซูหยวนเหม่ยนั่งมาทั้งคืนก็หยุดลงหน้าทางเข้าหมู่บ้านพอดี เธอก้าวลงจากรถม้าด้วยท่าทางอ่อนล้า“ขอบคุณท่านมาก” เธอกล่าวพร้อมหยิบเงินออกมาเพื่อมอบให้คนขับรถม้าแต่ชายวัยกลางคนกลับโบกมือปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอก คุณหนู ข้าทำตามคำสั่งของเถ้าแก่เทาช่านั้น ถือว่าเป็นเกียรติที่ได้ช่วยท่าน”ยังไม่ทันที่ซูหยวนเหม่ยจะพูดอะไร คนขับรถม้าก็พยักหน้าส่งท้ายแล้วขับรถม้าจากไป ทิ้งเธอไว้ตรงหน้าหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเงียบสงบเธอหันกลับมามองรอบ ๆ ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินไปยังจุดนัดพบที่พี่ชายของเธอบอกไว้ในจดหมายเมื่อถึงศาลาไม้หลังเล็กที่ปลายหมู่บ้าน หัวใจของซูหยวนเหม่ยเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น เธอกวาดสายตามองหาพี่ชายของเธอ แต่ทันทีที่เห็นร่างชายคนหนึ่งยืนอยู่ที่ศาลา รอยยิ้มที่มุมปากของเธอก็พลันหายไป“หลี่เซวียน…”ชายหนุ่มในชุดคลุมสีเข้มที่เคยช่วยเธอหลบหนีจากคุกหลวงยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าของเขายังคงเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความสง่างามและทรงอำนาจ“ทำไมถึงเป็นเขา…”ซูหยวนเหม่ยเดินตรงเข้าไปหาด้วยความร้อนใจ ดวงตาของเธอจ้องมองเขาอย่างไม่เข้าใจ“ทำ

  • หยกลิขิตรัก   ตอนที่ 4

    ตอนที่ 4 แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมาทั่วตัวเมือง เสียงผู้คนในตลาดเริ่มคึกคัก หลิวหลันเฟยในร่างซูหยวนเหม่ย เดินปะปนอยู่ท่ามกลางฝูงชนในตลาด ดวงตาของเธอกวาดมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวังเธอเดินไปนั่งกินข้าวอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง แต่จุดประสงค์ของเธอไม่ใช่เพื่อกินข้าวเท่านั้น แต่เป้าหมายของเธอคือการที่เธอจะหาข่าวคราวเกี่ยวกับครอบครัวของเธอด้วย ไม่ว่าจะในยุคสมัยใด ยังไงคนก็ชอบเล่าข่าวลือหรือชอบเล่าเรื่องคนอื่นอยู่แล้ว“เอาบะหมี่หนึ่งชาม” หยวนเหม่ยเอ่ยกับเถ้าแก่เจ้าของร้าน“ได้ ๆ เจ้าไปนั่งก่อนเลย เดี๋ยวข้าเอาไปให้”“ขอบคุณ” เธอพยักหน้ารับหนึ่งทีก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะที่ใกล้กับกลุ่มชาวบ้านที่กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่“นี่พวกเจ้า ได้ยินเรื่องตระกูลซูหรือยัง” เสียงของชายคนหนึ่งพูดขึ้นมา“อ้อ เรื่องนั้นน่ะหรือ…” เพื่อนของเขาตอบกลับเสียงเบา พลางเหลียวมองรอบ ๆ “ได้ข่าวว่าฮ่องเต้เลื่อนการประหารชีวิตของพวกเขาออกไป เพราะบุตรของตระกูลซูสองคนหนีออกมาได้”ซูหยวนเหม่ยตัวเย็นเฉียบในทันที เธอเงี่ยหูฟังต่ออย่างระมัดระวัง หัวใจของเธอเริ่มเต้นแรงขึ้นด้วยความตื่นเต้น“เลื่อนการประหารหรือ ทำไมล่ะ” ผู้หญิงที่อ

  • หยกลิขิตรัก   ตอนที่ 3

    ตอนที่ 3หลังจากที่เธอเดินลัดเลาะริมป่ามาเรื่อยๆ เมื่อสบโอกาสเธอจึงหยิบเสื้อผ้าของชาวบ้านมาหนึ่งชุด เพื่อที่เธอจะได้เดินทางได้สะดวกขึ้นเธอเลือกชุดผ้าฝ้ายธรรมดาที่ดูเหมือนกับชาวบ้านทั่วไป พร้อมทั้งผ้าคลุมไหล่ที่ช่วยปกปิดตัวเธอได้มากขึ้น หลังจากนั้น เธอหาที่ซ่อนเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมัดผมยาวให้เรียบง่ายที่สุดเพื่อไม่ให้ดูโดดเด่นเมื่อเปลี่ยนโฉมเสร็จ หลิวหลันเฟยรู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง แม้ชุดที่เธอสวมจะดูธรรมดา แต่ก็ดีกว่าชุดนักโทษที่สะดุดตาอย่างเห็นได้ชัดหลิวหลันเฟย หรือในชื่อใหม่ ซูหยวนเหม่ย เดินทางมาถึงที่หมายในเวลาไม่นาน สถานที่แห่งนี้คือกระท่อมหลังเล็ก ๆ ที่ดูเก่าโทรมจนไม่มีใครสนใจ มันตั้งอยู่ในมุมอับของป่าใกล้กับจวนเก่าของตระกูลซูกระท่อมหลังนี้เคยเป็นที่พักของคนงานในจวน แต่ท่านพ่อได้ให้คนงานไปพักที่อื่นแทนและเปลี่ยนที่นี่เป็นที่เก็บสมบัติแทน เธอยืนมองกระท่อมอยู่ครู่หนึ่ง พลางสอดส่องไปรอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามมา แม้สภาพของกระท่อมดูทรุดโทรมจนแทบไม่มีใครคาดคิดว่าภายในจะมีสมบัติใดซ่อนอยู่ แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะระแวงเธอค่อยๆ เปิดประตูกระท่อมเข้าไปและรีบปิดมันอย่างรวดเร็ว

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status