ไศลาอึ้ง ไปไม่ถูก ราวกับสมองถูกปิดกะทันหันตั้งแต่นั้น ไม่สามารถใช้ระบบในการคิดค้นหาวิธีเอาตัวรอดได้ ใจหวิวลอยละลิ่วอยู่กลางอากาศ คิดไม่ถึงว่าเขาจะกล้ามากขนาดนี้
หญิงสาวนิ่งไปชั่วขณะ ราวกับเวลาได้หยุดเดินไปแล้ว ก่อนจะลบริมฝีปากที่แห้งเผือดปนซีดอย่างรวดเร็ว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เธอใช้น้ำลายร่วมกันกับเขามาหมาดๆ พลางทำท่าจะเคลื่อนย้ายตัวเองลงจากเตียง
แต่แล้ว....
กลับถูกเขายื้อเอาไว้
“ไศลา...ขอนะ ฉันไม่ไหวแล้ว”
พร้อมเรียกชื่อ ตามมาด้วยคำร้องขอน้ำเสียงกระเส่า ชนิดทำขนขาแขนลุกชูชันกันเลยทีเดียว
“คุณเห็นฉันเป็นตัวอะไร คุณโครทิส ..”
หญิงสาวห้วนเสียงกลับ ในขณะสะโพกผาย มีส่วนโค้งส่วนเว้าจัดไปในทางยั่วยวน ถูกพันธการไว้ด้วยอุ้งมือใหญ่จนแน่น เขาทั้งบีบทั้งเค้น ก่อนจะทำการเคลื่อนย้าย ให้ตำแหน่งที่เขาต้องการจะสัมผัสเชื่อมต่อตรงจุด ซึ่งนั้นถึงกับทำไศลานิ่วหน้า เพราะกลางกายเธอเสียดสีเข้ากับดุ้นลำของเขาเต็มๆ
ป้าบ!
เธอตีอกเขาทีนึง พลางทาบเอาไว้อยู่อย่างนั้น เมื่อเห็นชายหนุ่มสะอึก สำลัก บ่งบอกให้รู้ที่เขาไม่มีเสียงร้อง เพราะกำลังจุก จะมีก็แต่สันกรามเท่านั้นที่ขบเข้าหากันขึ้นสันปูดจนเธอดูออก กับดุ้นเขื่องขยายใหญ่กลายเป็นลำ มิหนำซ้ำเจ้าตัวยังจะร่อนสะโพกยกขึ้นยกลงถูไถให้เธอนั้นเกิดอารมณ์กระสันอีก
ไศลาอิดออด ปรามเขาโดยการผละสลับดิ้นขลุกขลัก จนกระทั่งเริ่มทนไม่ไหวต่อสายตาเว้าวอนของคนข้างล่าง ในจังหวะที่เขากำลังจ้องเธอ และเธอก็ช้อนขึ้นมาพอดี เวเดนใช้โอกาสนั้น เลื่อนมือจากสะโพกแหย่เข้าไปใต้กระโปรงผ่านง่ามขา ก่อนจะทำการเกลี่ยเกาเม็ดติ่งเบาๆ จนเธอถึงกับสะดุ้ง
" ยะ อย่าค่ะ "
ยกฝ่ามือบางทาบอกเขาทั้งสองข้าง ทว่าไม่ใช่จะผลักหรือตีเขาอีกระลอก แต่มันคือการหาที่ยึดเหนี่ยว เพื่อเกาะให้แน่นยามเสียว
"เธอน้ำเดินแล้วสาวน้อย"
ชายหนุ่มกระซิบข้างกกหู เริ่มจังหวะการเกลี่ยให้ถี่ขึ้นกว่าเดิม ทำเอาหญิงสาวลืมตัว
เผลอคราง พลางแหงนหน้า ยิ่งทวีคูณให้เห็นเส้นเลือดฝอยตามลำคอมากขึ้น เพราะผิวขาวเนียน ...เวเดนคิด หากเป็นแวมไพร์ ป่านนี้คงฝังเขี้ยวไปแล้ว
จนกระทั่งหญิงสาวครางหนักเกินพอดีนั่นล่ะ เขาถึงใช้โอกาสนั้นในการตอกเสาเข็ม โดยเริ่มจากการผงกหน้าขึ้นมาประกบปากเธอก่อน แล้วจึงจะใช้นิ้วที่ว่าแหวกแพนตี้พร้อมกัน
" อย่าค่ะ..."
ในขณะไศลาคัดค้าน ทว่าเหมือนสาย เมื่อเขาทำการสอดใส่ด้วยดุ้นแข็ง ซึ่งดึงออกมารับลมตั้งแต่ตอนไหนไม่อาจรู้ได้ แต่สามารถทำไศลาเร้าใจอยู่ลึกๆ เธอแสร้งปฏิเสธ ต่างจากความต้องการของตัวเองโดยสิ้นเชิง คงเผลอลืมไปแล้ว หลังการถูกเสียบไม่กี่วินาที คนทำการปั่นน้ำเชื้อพร้อมฉีดอยู่ นั้นมันคือเธอ เวเดนยกยิ้ม เขาเองก็ชอบ ไม่คิดที่จะแซวหรือห้าม ให้เธอนั้นได้สติ แต่จะทำการช่วย คือ.. ขยับสะโพกเด้งขึ้นเด้งลงตอบ
" ดีจัง..."
เผลอถ่างขาของตัวกว้าง เพื่อให้เธอนั้นขย่มลงมาได้เต็มที่ แถมแหงนหน้าซู้ดปาก พร้อมหลับตาพริ้ม คำเยินยอสร้างอารมณ์ความกล้าให้คนข้างบนอีกเท่าทวีคูณ เร่งขย่มเข้าไปใหญ่ ชนิดดุเดือด เผ็ดมันส์ และเสียงนี่ดัง..
บ่งบอกถึงเนื้อกระทบเนื้อ ไม่สนใจว่าเตียงเหล็กขนาดสามฟุต จะดังเป็นจังหวะ รบกวนคนข้างนอกหรือเปล่า
ก็เหมือนยิ่งยุให้ข้างบนนั้นรีบเร่ง กลายเป็นว่าไศลาต้องโน้มตัวลงไปเป็นฝ่ายจูบเขาเอง ก่อนจะผงะออก และนั่นทำเวเดนถึงกับคลั่ง ยกมือโอบแก้ม ยื้อติดไว้กับหน้าของเขา ปลายจมูก ริมฝีปากกระทบกับพัลวัน
พร้อมจับเอวคอดกิ่ว เปลี่ยนเป็นฝ่ายเด้งขึ้น กระเด้าถี่แทน ไศลาถึงยกมือที่จับเขาราวกับเป็นบังเหียนมาตะปบปากที่สั่น ปล่อยเสียงครางออกมาไม่รู้ด้วยไม่รู้ตัว และไร้ศัพท์ยากจะเข้าใจ
จุ๊บ...
เขายกยิ้ม จุมพิตกลางผากมน ใช้มือสากรูปแผ่นหลังขาวเนียน และกระซิบข้างกกหู
" ฉันหลงรักเธอจริงๆ เข้าแล้วสิ ไศลา "
ในขณะที่เธอยังคงปล่อยตัวนวล หลับตาพริ้ม ..คาร่างใหญ่ของเขาอยู่
หลังจากคนทั้งคู่มีเพศสัมพันธ์ท่ามกลางความเสี่ยง ในสถานที่ต้องห้ามและเวลาไม่ควรจะทำ เตียงขนาดสามฟุตที่ว่า มีไว้เฉพาะรับรองคนป่วย กลับสร้างความน่าทึ่งให้คนใช้งาน ได้รับรู้สิ่งใหม่ๆ มากกว่าที่เคยเข้าใจ นั่นก็คือโครงเหล็กของมัน มีความทรหดอดทนมากกว่าที่คิดไว้ เพราะสามารถรองรับน้ำหนักให้คนทั้งคู่ได้นอนกกกอดกัน กันกินระยะเวลามากกว่าสามชั่วโมง ลำบากเพื่อนพ้องลูกน้องคนสนิท ที่แทบจะเอากุญแจมาไขให้รู้แล้วรู้รอด เนื่องจากเข้าไปหาไม่ได้ อย่าว่าแต่พวกเขา หมอเคาะทวงเวลาทานยา และเช็คสภาพคนไข้ พวกเขายังทำเป็นไม่ได้ยิน แต่ต้องใจเย็นไว้ เมื่อหนึ่งในแก็งค์อัลฟาใช้เสียงเล่าจำลองภาพสมมุติข้างในขึ้นมา ถึงเหตุการณ์หลังจากประตูถูกเปิดออกให้ฟังคร่าวๆ ว่าหากเป็นภาพอุฉาดตาจะคุ้มกับการเสียมารยาทครั้งนี้ไหม และนั่นช่างน่าแปลกที่คนอื่นก็เห็นตามด้วย
ใช่ ใครจะกล้าล่ะ ในเมื่อเอมิเลียให้ข่าวสอดคล้องไว้ ไศลาเองก็หายไปไม่ต่ำกว่าสามชั่วโมงเช่นเดียวกัน กับหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่เป็นตัวบ่งชี้ให้รู้ชัดเจน ว่าล่าสุดเธอเดินหายไปทางไหน
“ให้ตายเถอะ ทำไมมึงไม่ติดกล้องในห้องนั้นวะ”
นั่นจึงทำให้ซันดรูผู้ที่คิดการไกลอยู่ในสมอง ถึงขั้นรับไม่ได้ หลังได้ยินถัดไปทางเหน็บแนมจากแมททริก ที่แสร้งโวยวายทั้งที่มุมปากนั้นยกยิ้ม
“อย่ากวนประสาทกูน่า คนยิ่งเครียดๆ อยู่”
" อ่าวเรอะ เครียดรึ มึงเครียดเรื่องของใคร? "
" ไอ้แมท! "
เกิดทำซันดรูหัวร้อน เตรียมลุกจากเก้าอี้ที่นั่งถลามาถึง คูดัสซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ กัน แทรกซอนเสีนก่อน
“ใครเขาติดกล้องในห้องนอนกันล่ะไอ้แมททริก มึงก็รู้นั่นมันห้องรับรองใหญ่ของโคโรธี ไม่อย่างนั้น แต่ก่อนที่มันยังไม่ตาย เราไม่ต้องเป็นตากุ้งยิงกันหมดแล้วรึ”
เขาส่งเสริม เปลี่ยนหางเรื่องราวเบี่ยงออกไปเชิงเป็นกลาง นั่นทำแมททริกลอบยกนิ้วขยิบตาให้ ลับหลังเจ้าตัว ต่างจากเรกาโดโดยสิ้นเชิงที่ส่ายหน้าเบาๆ เอือมระอาในความขี้เล่นเป็นเด็กๆ ของเพื่อนทั้งสอง ก่อนจะออกความเห็น
“ฮึ ต่อให้ติดแล้วจะทำอะไรได้”
พลางพึมพำลุกยืนเต็มความสูง เพื่อบิดขี้เกียจ หาววอดๆ หันมาหาคนทั้งสามใหม่ โดยที่ทุกคนก็ช้อนตามอง เว้นแต่ซันดรู
“คราวนี้เห็นกันเต็มตาแล้วสินะ ว่าบิ๊กเว้ดของเรายังมีจิตใจเป็นผู้นำอยู่เสมอ ใครเล่า..จะบ้าไปข่มขืนผู้หญิงตัวเล็กๆ”
เขานั่งหันหลังให้ หน้าที่ขรึม ริมฝีปากปิดสนิท บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเข้าไม่พึงพอใจกับประโยคนี้ เขาชักสีหน้า เอี่ยวคอไปมอง ก่อนจะเดินอาดตรงไปยังระเบียง หวังจะอัดควันบุหรี่ ท่ามกลางความงงของคนมองเห็น รวมถึงบรรยากาศ ที่มันอึมครึมหลังจากนั้น และนั่นทำคนที่พูด ใช่ว่าเขาจะยืนมองอยู่อย่างเดียว เรกาโดเดินตามหลังไปติดๆ ไปยืนขนาบเขา ใช้แขนข้างนึงค้ำราวเหล็ก ส่วนอีกข้างดึงบุหรี่ในซองเพื่อจะจุดขึ้นดูดเป็นเพื่อน อัดเข้าไปจนกระทั่งหนำใจ และเป็นฝ่ายเปิดประเด็น
“มึงก็รู้ไอ้ซัน มันเป็นไปไม่ได้หรอก”
ทว่า คำพูดของเขา กลับทำคนที่อุตส่าห์ยอมกดไฟแช็กในมือค้างไว้ให้ ถึงกับชะงัก เขาชักสีหน้าหนักกว่าเดิม เงยหน้าขึ้นขมวดคิ้ว
“อะไร?”
“เรื่องหญิงไทยคนนั้น”
ก่อนจะสไลด์ไปที่โต๊ะ ว่างท่าหวังให้เถียงอย่างถนัด ซึ่งแน่นอน...นั้นคือจุดเริ่มต้นที่จะบอกว่าหลังจากนี้ จะไม่มีใครยอมใคร เมื่อต่างคนต่างหลากหลายความคิด ไม่สอดคล้องกัน
“ถ้ามึงจะตามมาพูดเรื่องนี้กับกู กูว่ามึงเดินกลับไปจะดีกว่า พื้นที่ตรงนี้ ตอนนี้...กูขอ!”
“ไม่เอาน่า มึงกลายเป็นคนขี้หงุดหงิดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”
“ก็ตั้งแต่ที่มึงเดินเข้ามาไง แต่ก็เอาเถอะวะ ก่อนหน้า กูไม่ได้หงุดหงิดมึงก็แล้วกัน”
“แล้วมันต่างกันตรงไหน”
“ไอ้ครูซ มึงจะเอาอะไรจากกูเนี่ย”
และนั่น สามารถพ่วงเพื่อนอีกสองคนที่นั่งฟังกันอยู่ข้างใน ให้เครียดตามกัน ทว่า กลับเลือกที่จะนิ่งงันทำหน้าราวกับคนไร้ความรู้สึก เพราะไม่อยากจะออกความเห็นอะไร ให้เกิดเรื่องมากไปว่านี้อีก สำหรับพวกเขา ...แค่นี้ก็ร้าวเกินจะพอแล้ว
ซันดรูขมวดคิ้วเครียด ก่อนสูดดูดควันจากมวนเข้าไปหืดใหญ่ แล้วแหงนหน้าขึ้นสูงสุดค่อยๆ พ่นจนลำคอขึ้นเอ็น นั่นจึงทำให้คนที่ยืนมองอย่างเรกาโดไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่ เขาส่ายหน้ารับไม่ได้ ก่อนจะถือวิสาสะดึงมวนบุหรี่ออกจากมือ
“เฮ้ย อะไรวะ!”
“เลิกทำตัวมีปัญหาสักที! มึงก็รู้อยู่เต็มอก ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เป็นความผิดของไอ้เวเดนมันเลย แต่มันเป็นความผิดของผู้หญิงคนนั้น!”
“แล้วไง?”
“อะไรแล้วไง!”
“กูถามมึงน่ะว่าแล้วไง”
“ก็ไม่แล้วไง แค่มันต่างกันมากกับมึง ที่ตอนนั้นมันแย่งเพราะมันไม่รู้ แต่มึงคิดจะแย่งทั้งที่รู้มาก่อนแล้ว! "
"....."
"เวเดนเป็นคนที่รักเพื่อนยิ่งกว่าชีวิต ไม่คิดจะแย่งของๆ เพื่อนหากมันรู้ความจริง สิ่งที่กูกำลังจะบอก ก็คือ...คนของมึงน่ะ หล่อนร่านเอง ที่ไม่มีทางเหมือนไศลา "
" นี่มึง..."
" ฉะนั้น อย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาข้องเกี่ยว เพราะมันจะทำงานพัง มันมีแค่นั้น แค่นั้นล่ะ"
เรกาโดตบบ่า ก่อนเดินออกมา ปล่อยให้ซันดรูยืนขบกรามนิ่ง สิ่งที่สหายพูดนั่นกำลังแทงใจดำตัวเอง ชี้แจงเป็นความนัย บ่งบอกให้ฉุกคิดได้ว่า หากครั้งนี้ชายหนุ่มไม่ยอมรับต่อคำตำหนิติเตือนของเพื่อน และดันทุรังที่จะทำอีก ก็เท่ากับว่าได้ก้าวออกจากแก็งค์ ประกาศเป็นศัตรูไปแล้วครึ่งนึง
" ฟู่ววว "
บุหรี่อีกมวนถูกจุด อัดเข้าปาก พุ่งขึ้นควันโขมง หลังเรกาโดเดินออกไป งานนี้ซันดรูคงต้องรับบทบาทความเครียดมากกว่าเก่าแล้วกระมัง เขาคิด สายตาคมกริบไร้ชีวิตชีวาเพ่งเล็งไปยังทางออก ถามหัวใจตัวเอง ถ้าไม่คิดจะแย่ง แต่เป็นเพราะรักล่ะ ...เขาจะทำยังไง?
☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆
ด้านของคนทั้งคู่ คล้ายเป็นส่วนหนึ่งในต้นเหตุที่เกิด ทว่ากลับนอนกกกอดกันอย่างไร้วี่แววจะรู้เรื่องรู้ราว เวเดนเป็นฝ่ายตื่นก่อน เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น เหลือบมองเพดานให้โฟกัสชัดเจนเป็นสิ่งแรก เพื่อจูลความทรงจำ พลางร่อนเหลือบลงมาเป็นครั้งที่สอง จากนั้นจึงจะยกยิ้มที่มุมปาก เมื่อเห็นเธอ ชายหนุ่มไม่ได้ปลุก แต่เลือกที่จะจุ๊บบนหน้าผากแทน ช่วงเวลานี้ จะเรียกว่าสุขได้หรือเปล่าไม่อาจรู้ได้ แต่จังหวะหัวใจที่เต้นผิดๆ ถูกๆ มันยืนยันอย่างชัดเจน และเป็นอย่างดี
ใช่...เธอผู้นี้แหละ ที่จะมาทำชีวิตส่วนที่ขาดของเขาถูกเติมเต็ม
" ฉันจะดูแลเธอ จนกว่าจะตายกันไปข้างนึง "
เวเดนกระซิบ หลังเปลี่ยนตำแหน่งตรงปลายจมูกให้มันห่างเหินจากผากมนนิดหน่อย เพื่อจะได้จรดไปยังนิ้วเรียวยาวขาวเนียนนั้นแทนอย่างสะดวก ก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้ม ขรึมจนน่าขนลุก และนั้นเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เธอตื่น
" ถ้าเธอ...ไม่เป็นฝ่ายทำร้ายกันก่อน ฉันสัญญา ไศลา.."
จุ๊บ
หรืออาจจะเป็นเพราะรอยสัมผัสจากการจูบหนักลงบนแก้มของเธอ จากเขา
ไศลาขยับตัว งัวเงียไปเชิงบิดขี้เกียจ หลังถูกปลุกด้วยริมฝีปากร้อนฉ่าที่เธอนั้นไม่รู้ ก่อนสะดุ้งโหยงเล็กน้อยหลังเห็นปลายคางเต็มไปด้วยสากไรหนวดของเขา ซึ่งโน้มหน้าลงมาพอดี หลีกเลี่ยงให้เธอหวนกลับไปนึกถึงเรื่องราวช่วงที่ผ่านมาไม่ได้
" คะ คุณ..."
หญิงสาวเรียกเสียงเบาหวิว เวเดนอมยิ้ม พลางเลื่อนหน้าลงไปจูบริมฝีปาก ในขณะเจ้าของกำลังป้ำๆ เป๋ออย่างหนักหน่วง แล้วถอนออกอย่างอ้อยอิ่ง
" ไง.."
ไศลาปรับสีหน้าไม่ทัน กว่าจะจูลสมองได้ต้องใช้เวลาอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงแปรเปลี่ยนเป็นเอียงอาย เมื่อขยับตัวแล้วพบว่า ตรงหว่างขากลางกายเธอ กำลังระบมหน่วง พร้อมกับเปียกแฉะเต็มไปด้วยน้ำเชื้อข้นหนืด หญิงสาวไม่ตอบ เธอเลือกที่จะหลบตาแทน เวเดนเห็นอย่างนั้น จึงยิ่งยกยิ้ม รวบแผ่นหลังบางเข้ามาใกล้ ประชิดตัวชนิดที่เธอเองยังต้องสะดุ้ง
" อ๊ะ.." บวกประหม่า พร้อมกริยาเคอะเขิน" อย่าค่ะ"
ในจังหวะชายหนุ่มโน้มหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิม เขาใช้สันจมูกแนบลงกับแก้มใส ระดมพรมจูบไปทั่ว
" ไศลา.."
แล้วเรียกชื่อเสียงแหบ ทำท่าจะอ้าปากพูดอีกหนึ่งประโยค แต่แล้ว...กลับถูกสาวเจ้าแทรกซ้อนเสียก่อน
" ถ้าคิดจะขอต่ออีกรอบล่ะก็ ฉันจะไม่พูดกับคุณอีกเลย"
พร้อมหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นเง้างอน นั่นจึงทำชะงักคนฟังให้หยุด เสียงเงียบไปราวกับถูกปิด ก่อนจะหลุดยิ้มปนขำออกมา
" นี่กลัวกันขนาดนั้นเลยหรือ"
" ก็ใช่น่ะสิ คุณน่ะมันร้าย เจ้าเล่ห์ ไม่รู้จักพอ "
" ก็แล้วมันจะเป็นอะไร นี่มันเมีย "
เขาใช้นิ้วไกล่เกลี่ยกรอบหน้าสวย ซึ่งนั่นทำไศลาถึงกับหลุดยิ้ม
" เมีย..จริงๆ น่ะเหรอคะ? " แล้วถามย้ำ
" หืม ก็ต้องใช่น่ะสิ หรือจะให้สาธิตให้ดูอีกรอบ"
ในขณะชายหนุ่มทำท่าจะพลิกตัวคร่อมบนเพื่อแกล้งเธอ ทว่าเธอกลับปรามไว้ ช้อนตามองหน้า กระเถิบกระแซะร่างบางหวังไปใกล้ ให้กลางหัวสัมผัสกับคางของเขา ก่อนยกมือถูกไรหนวดไปมาเบาๆ ปริยิ้มแฝงเลศนัย
" ถ้าอย่างนั้น...คุณก็ต้องพิสูจน์"
" หืม...พิสูจน์ยังไง"
ไศลายิ้มอีกระลอก ก่อนจะยื่นหน้าไปกระซิบ และเป็นฝ่ายจูบปากเขา
"ให้ตำแหน่งนายหญิงกับฉันอย่างเป็น...ทางการ"
จ๊วบบบบ
ดูดดื่มกันอยู่นาน ก่อนเธอจะเป็นฝ่ายพูดต่อ
" ทางการประมาณว่า ไปไหนมาไหน ทุกคนต้องจำได้"
นั่นถึงกับเขางง อ้าปากเหวอมองหน้าหญิงสาวบ่งบอกอาการทึ่ง ส่วนสีหน้าของเธอ....
" ^_^ "
เวเดนนิ่งไปชั่วขณะ หลังได้ยินประโยคขอร้องของเธอ พร้อมปฏิกิริยาแปรเปลี่ยนจนทำเธอรับรู้ได้ และชะงักไม่ต่างกัน ไม่คิดว่าคำพูดของเธอ จะทำบรรยากาศเสียหายได้ขนาดนี้
" เอ่อ...ไศลา "
"ทำไม? "
เธอแทรก เสียงเบาหวิว พร้อมมือยันอก เพื่อผงกท่อนบนขึ้นมองหน้าเขา เวเดนเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ขมวดคิ้วหรี่ตาเศร้าในทีแรก ก่อนจะขยับศีรษะ หันมาสบตาทีหลัง
" เพราะว่า..."
เม้มริมฝีปาก ราวกับทวนคิด นัยย์ตาหมองหม่นบ่งบอกถึงความลำบากใจ
" ฉันกลัวเธอจะเป็นอันตราย "
" อันตราย? จากใคร "
" จากคนที่มีอำนาจ และฉันหวังจะโค่น "
" อรัลเบลน่ะหรือ"
ไศลาเลิกคิ้ว เวเดนชะงักกึก กระตุกตัวขึ้นเล็กน้อย พร้อมฝ่ามือสากประคองแผ่นหลังเนียน กับสีหน้าที่ตกใจ
" หมายความว่าไง? ทำไมถึงรู้จัก "
พลางถาม ไศลาเลิกคิ้วอีกระลอก ก่อนจะเผยอปากว่าอ้อ แล้วยกยิ้มมีเลศนัย
" คุณคงไม่รู้..."
เปลี่ยนท่านอนเป็นคว่ำ ใช้นิ้วทั้งห้า เคาะเบาๆ ลงบนแผงอก ส่วนอีกข้างค้ำปลายคางตัวเองไว้
" ตอนคุณหลับ หล่อนมาหาเรื่องฉัน "
"....."
ชายหนุ่มถึงกับเงียบ ทำหน้าไม่ถูก ราวกับจะถามว่าจริงเหรอ แต่เป็นปากขยับที่ไม่มีเสียง
" อืมฮึ " เธอจึงพยักหน้า ย้ำให้อีกรอบ
" หล่อนไม่ได้ทำอะไรเธอใช่ไหม " แล้วจึงยิ้มกว้างจนตาหยี " ถ้าหมายถึงร่างกายน่ะไม่ค่ะ แต่ถ้าหมายถึงใจนี่เกินร้อย "
"เธอไม่ได้ตอบโต้เขา? "
" ไม่ค่ะ นั่งอย่างกับตุ๊กตายาง "
" หล่อนเข้ามาหาเรื่องเอง? "
" ใช่ค่ะ ตอนที่ฉันนั่งคุยอยู่กับคุณเอมิเลีย ซึ่งก่อนหน้านั้นเป็นคุณซันดรู.."
" หืม..."
เสียงคำรามพร้อมหันขวับอย่างสนอกสนใจในประโยคทิ้งท้ายเกิดขึ้น ก่อนจะหนักกว่าเดิมเมื่อเธอบอกหมดเปลือก
" เขาน่ะ...จูบฉันด้วยนะคะ ตรงนี้..."
แถมยกนิ้วชี้มาแตะริมฝีปาก เพื่อเป็นภาพประกอบ
" เธอว่าไงนะ! "
" ค่ะ จูบแบบ ...เหมือนที่คุณจูบ.."
"......"
ในขณะที่ความโกรธเขากำลังเพิ่มขึ้น ทว่าเธอ..กลับเล่าต่อเนื่องไม่สนใจใคร
" คุณซันดรูนี่โสดใช่ไหมคะ...หรือฉันจะไปเป็นนายหญิงของเขาดี "
" ไศลา! "
" คะ^^ "
ในสมรภูมิรบ ที่มีความเชื่อประหนึ่งความตายเท่านั้นถึงจะยุติ คนรอดคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด โครทิส เวเดโน่ จึงไม่คิดจะยอมแพ้ การก้าวหาความเสี่ยง ทั้งที่รู้ห้าสิบห้าสิบกว่าจะชนะ ไม่ได้มาซึ่งความสำเร็จ ก็ยังไม่คิดจะผันตัวออกมา ราวกับว่าร่างกายตัวเองคงกะพันหนังไม่ระแคะระคายยังไงยังงั้นสองมือโอบอุ้มความกล้าไว้จนมั่น ตระหนักสิ่งสำคัญให้เป็นที่สุดของกำลังใจคือไศลา นั่นทำให้เขาไม่ยอมหยุดที่จะเดินต่อ ยังเดินเกมต่อแม้ทางข้างหน้าจะไร้แสงปลายอุโมงค์ หรือลิบหรี่เต็มทีในความคิดมาเฟียร้ายอย่างเขา คนขึ้นชื่อว่าเป็นหัวโจ็ก กว่าจะได้ฉายาคำว่าผู้นำมาอย่างยากลำบาก ...จึงมีแต่คำว่าลองดูเท่านั้น!ใช่! เขาวางแผนฆ่านายตัวเองไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ลำกล้องปืนถูกดวงตาคมกริบใช้เป็นช่องทางผ่านระหว่างการเล็งจากตึกระฟ้าไปยังชั้นที่แปดสิบของอีกตึก ผู้มีหญิงสาวร่างบางปราดเปรียวยืนเชิ่ดคอทรนงอยู่ นิ้วชี้ขวาประทับแผ่วเบาเตรียมตัว ราวกับรอสัญญาณบางอย่าง บวกกับโอกาสคิดว่าคงสำเร็จไปครึ่ง หากวันนี้เหล่าอัลฟาพ้องพวก สามารถจี้จุดให้หล่อนมีโทสะมายืนตรงนั้นได้ ตำแหน่งที่นานครั้งจะมายืนได้สักครั้ง ทว่าเป็นจุดตายจุดเดียวที่ไม่ต้องพ
ร่างบางนั่งพับเพียบอยู่กลางเตียง ดวงตาเหม่อลอยบวมปูดและแดงก่ำจนมองไม่เห็นเคล้าโครงเดิม บ่งบอกให้รู้ว่าเธอนั้นผ่านการร้องไห้มานานหลายชั่วโมงแล้ว ท่ามกลางความมืดมิด ภายในห้องสี่เหลี่ยม ที่มีเพียงข้าวของเครื่องใช้วางเรียงรายอยู่รอบๆ หากนับสิ่งมีชีวิต คงมีแค่เธอคนเดียว ไศลานั่งกอดเข่าเพียงลำพังนับแต่นั้น และไม่สามารถกะเกณฑ์เวลาได้ พอๆกับหยดน้ำตาที่ไหลลงมาได้ความลับที่พยายามปกปิด ทว่ากลับมาเปิดเผยด้วยปากของตัวเอง กลับกลายเป็นความเสียใจมาสนองเธอ หลังจากคนที่เพิ่งจะมารู้ทีหลังอย่างแม่และน้องชายฟังจบ พวกเขาพากันเงียบ ไร้เสียงพูดคุยสนุกสนานเหมือนเดิม เอาแต่นั่งอยู่ในมุมของตัวเอง ราวกับนั้นคือโลกส่วนตัว ที่ไม่อยากจะให้ใครเข้ามาก้าวก่ายกันอีกหยดน้ำตาที่สอง คือหยดน้ำตาที่แลกมาด้วยความเป็นห่วง เธอร้อนใจนับตั้งแต่เวเดโน่ก้าวออกเดิน ทิ้งเพียงแผ่นหลังกว้างกับภาพปิดประตูรถเอาไว้ ก่อนหายไปท่ามกลางถนนสายเปลี่ยว ไกลสุดลูกหูลูกตา เห็นเพียงใบไม้แห้งเกรียมปกคลุม สาเหตุอะไรที่เขานำแม่และน้องของเธอมาอยู่ที่นี่ สาเหตุอะไรที่เธอต้องมานั่งรอคอยการกลับมาของเขา อยู่กลางป่าถ้านี่ไม่ใช่ความปลอดภัยที่ถูกหยิบยื
มากกว่าความหวาดเสียวในสมรภูมิรบก็คงเป็นคำพูดของเวเดโน่นี่แหละ ที่ดูจริงจังเกินเหตุสำหรับแมททริกในตอนนี้ ซึ่งหลังได้ฟังชัดเต็มสองรูหูเหมือนจะค้างไปแล้ว เขาอึ้ง และพูดอะไรไม่ออก “ อะไรของมึงวะ “ได้แต่เอ่ยเสียงแผ่ว กับคำถามที่ใคร่รู้เพียง เพื่อนกำลังคิดอะไรอยู่ ความหมายของเขาที่มีในหัวประมาณว่า ...“ เพราะผู้หญิงคนนั้นเนี่ยนะ ซึ่งคำตอบที่ได้คือร่างสูงพยักหน้ายอมรับโดยไม่คิดสักนิด“ เฮ้ยยย พวกเราสั่งให้แกเข้าไปพัวพันในชีวิตเธอ เพราะหวังให้ชดเชยสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าวันนึงจะกลายเป็นเมียก็ไม่มีใครว่า แต่ไม่ใช่ให้ทำแบบนี้ ““ แบบนี้มันแบบไหนวะ! “กลายเป็นประเด็นใหญ่ให้เขาทั้งคู่ได้ถกเถียง และมองหน้ากัน ในขณะต่างฝ่ายต่างไม่ละสายตาและไม่มีใครยอมใคร แมททริกอมลมกลั้วปาก รู้สึกขัดใจขึ้นมาทันทีกับความคิดของเขา หนึ่งในแก็งค์อัลฟา ผู้ที่เคยเป็นตัวเต็งแนวหน้า ไม่เคยกลัวสิ่งใด แต่วันนี้กลับมากลัวความรักของตัวเองจะพังลง “ ก็แบบ...”เขาเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น พ่นลมหายใจเฮือกใหญ่“ จะแบบไหนก็ช่างเถอะ แต่มึงจะทำแบบนั้นไม่ได้ มันเสี่ยงมากเกินไป ถ้าฝั่งศัตรูรู้ว่าเราแตกคอกันเอง จะทำยัง
ไศลานั่งคอตก เมื่อเห็นสีหน้าของน้องชาย หลังพูดประโยคนั้นออกไป เธอเม้มปากแน่น ข่มเปลือกตาลงจนมันสั่นระริก ก่อนจะค่อยๆคลี่คลายออก มองไปยังที่เก่า ในขณะรอบนี้เผยความหม่องหม่นนัยย์ตาออกมาด้วย ที่ดูก็รู้เธอกำลังจะร้องไห้ และคนข้างกายเธอเองก็เช่นกัน " พี่พูดว่าอะไรนะ? " เขาถามย้ำก่อนน้ำตาก้อนใหญ่เหล่านั้นจะไหลลงมา ไศลาไม่ตอบ แต่เลือกที่จะก้มหน้านิ่งแทน มองผ่านม่านน้ำตาไปยังมือตัวเอง ซึ่งบีบจิกเข้าหากันราวกับกำลังระบาย" ฮึก..."ความอึดอัดเคยเก็บไว้ในใจสุดลึก เสแสร้งทำเป็นเข้มแข็งมาตลอด ทั้งต่อหน้าและลับหลังครอบครัว วันนี้ถล่มทลายลงมาไม่เหลือชิ้นดี เพียงแค่อยากให้คนที่เธอรักหมดปัญหาเรื่องนี้ไม่ว่าผลจะออกมาดีหรือร้าย เธอก็สบายใจทั้งนั้น ริมฝีปากแดงระเรื่อปริเบ้ออก ยิ่งสะอื้นไห้หนัก หลังร่างสูงถลาเข้ามาเขย่าตัว พยายามกดดันเค้นหาคำตอบ" มองหน้าผมเซ่! ผมถามตั้งนานแล้วนะ พี่ใหญ่เป็นอะไรถึงตาย"ทว่า สิ่งที่เธอเห็น กลับเป็นเพียงภาพที่ไร้เสียง มีเพียงปากพูดเขาที่ขยับ และร้องไห้อยู่ พร้อมบริเวณรอบๆ ที่เปลี่ยนไป' รู้ไหมว่าพี่สอนให้ฉันชิน ชินต่อการคิดถึงพี่ ในวันที่พี่ไม่อยู่ ..ชินกับการเห็นพี่โบ
ร่างบางยืนตระหง่านอยู่บนถนนคอนกรีต เบื้องหน้าของเธอคือกึ่งบ้านกึ่งคฤหาสน์ที่จัดไปทางค่อนข้างจะทรุดโทรมทว่าดูหรูหราจนน่าแปลกใจ อุ้งมือน้อยๆกำสายกระเป๋าสะพายไว้แน่น พร้อมดวงตากลมโตเคลือบอมไปด้วยน้ำหล่อเลี้ยง สลดปนละห้อย เธอใช้สายตาคู่นั้น จรดตั้งแต่ระดับเดียวกันช้อนขึ้นไปมอง พลันถอนหายใจเฮือก เมื่อไปหยุดอยู่ตรงระเบียงชั้นสอง ที่มีใครคนนึงซึ่งคุ้นเคยและจำได้แม่น" แม่คะ..." เธอขยับปากเรียก หล่อนยืนมองอยู่ก่อนแล้ว นับตั้งแต่รถแล่นเข้ามาไกลๆแม้เสียงนั้นดังไปไม่ถึง เพราะระยะทางที่ห่างกัน แต่น้ำตาแห่งความคิดถึง กับสีหน้าเลือนลาง ยังทำให้ทั้งคู่นั้นมองเห็นชัดใช่ เพราะต่างฝ่ายต่างโหยหาไม่มีใครยอมแพ้ ในขณะหัวไหล่เธอกำลังจะตก เผลอคิดไปถึงเหตุการณ์หลังจากนี้ ระหว่างที่อยู่ จะสรรหาประโยคไหนที่ดีพอ ที่ไม่ทำให้แม่ต้องเสียใจ หากจะกล่าวถึงเรื่องของพี่ชายคนโต และการตายของเขาแต่แล้ว.. มือใหญ่ข้างหนึ่งของคนที่มาด้วย กลับทำเธอหลุดภวังค์เสียก่อน ไศลาค่อยๆหันกลับไปมอง “ ฉันต้องการฟังความรู้สึกของเธอตอนนี้ที่มีต่อฉัน “ก่อนจะก้มหน้าลอบถอนหายใจ“ ฉันไม่มีอะไรจะพูด...” เธอส่ายหน้าเชื่องช้า“ พูดให้กำลังใ
" ก็ถ้าสมมุติว่าฉันท้อง"หญิงสาวช้อนตาหน้าสลด หลังคนสูงกว่าเอาแต่ยืนมอง คิ้วผูกติดฉงนงุนงง เธอจึงเริ่มพูดต่อ กับประโยคใส่อารมณ์ ที่บ่งบอกถึงความไม่แน่ใจ แต่แล้ว...กลับถูกมือใหญ่จับหมับตรงต้นแขน" สรุป ท้องหรือไม่ท้อง "เขาเค้นหาคำตอบไศลาเม้มปากแน่น คิดทบทวนตัวเองใหม่ ถ้านี่เป็นเรื่องที่กุขึ้นมา เพื่อความสะใจ และเอาชนะเล่าก็ อีกไม่นาน ร่างทั้งร่างของตัวเอง อาจจะระบมไปหมด เพราะถูกคนตรงหน้านั้นกระทืบเธอกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนพยักหน้าเชื่องช้า ดวงตากลมโตไม่กระพริบ จับจ้องมั่นอยู่ตรงหน้าหล่อเหลา ซึ่งหลังจากจบประโยคนี้ มันค้างชะงันไปกลางคัน และเธอนั้นเห็นพอดีเขาอึ้ง... " แน่ใจ? "" ค่ะ..."" ตรวจดีแล้ว... "" ยังค่ะ เราจะตรวจพร้อมกันวันนี้ ซึ่งฉันมั่นใจไปเกินครึ่ง ว่าในท้องฉัน มีเลือดเนื้อของคุณอยู่ "เธอตอบคำถามอย่างฉะฉาน เวเดโน่เงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะกระโชกโฮกฮาก" ให้ตาย ฉันควรดีใจไหมไศลา..."" เอ๋..."ซึ่งนั่นทำเธอแปลกใจไม่น้อย " ในสถานการณ์ขับขัน ไม่รู้จะเป็นหมู่หรือจ่า อยู่ๆ ก็มีเด็กขึ้นมาให้ฉันต้องรับผิดชอบ.. "เปลี่ยนความคิดในหัวของเธอเป็นฝั่งตรงข้าม ความแรงของมันราวกับตบให้มึน