นานหลายนาทีที่เธอนั่งเงียบอยู่ตรงที่เดิม หลังปลีกตัวจากเวเดนเพื่อให้เขาได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ในสมองโลดเล่นไปด้วยสิ่งของการกระทำ ย้อนนึกประโยคขอร้องนั้นซ้ำไปซ้ำมา
ว่าจริงแท้แล้วหรือที่เธอพูด...
พูดราวกับไม่สนใจแม้กระทั่งสีหน้าของชายหนุ่มที่เคืองโกรธ แถมทิ้งเขาออกมาเสียดื้อๆ หมดความเกรงใจซึ่งคำว่ามาเฟีย
บวกกับหัวใจตัวเองที่กระสับกระส่ายอยู่ในตอนนี้ นับรวมๆกันแล้ว ก็ไม่ได้จะรู้สึกดีสักเท่าไหร่
แต่แล้ว...
ในจังหวะสมองปั่นป่วน เพราะคิดหนักมานานเป็นชั่วโมง ในส่วนที่อยู่ลึกสุดของความแค้น กลับเปิดเผยออกมาแทน
" นั่นน่ะสิ ถ้าฉันไม่มีอำนาจพอๆกับหล่อน แล้วใครจะปราบหล่อนได้ล่ะ"
ไศลาครุ่นคิดยกกำปั้นขึ้นทุบฝ่ามือตัวเอง
แล้วจึงลุกขึ้นยืน เมื่อเห็นใครคนนึงเดินเข้ามา พลางเอียงคออย่างมึนงง
" คุณ...เรกาโดหรือ "
มือที่กำเข้าหากันแน่นเริ่มคลี่คลาย แปรเปลี่ยนเป็นชาวาบในที่สุด ก่อนจะยิ้มบางๆไปใน หลังเขาเดินมาถึง
" ไศลา "
" คะ? "
" ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอหน่อย สะดวกไหม? "
" ค่ะ "
" งั้นไปทางโน้นกันเถอะ "
บทสนทนาเร็วกว่าที่คิด กลายเป็นเธอที่ต้องเป็นฝ่ายเดินตามหลังเขาและก้มหน้างุนอย่างว่าง่ายมาตลอดทาง ราวกับเป็นลูกแมวเชื่องๆ เพียงแค่เห็นแววตาคมกริบกับสีหน้าเคร่งขรึมนั่น
จนกระทั่งถึง ...
ในสถานที่หนึ่งที่คับคล้ายสวนหย่อม ไศลาหยุดชะงักตามเขา พลางช้อนตามองแผ่นหลังอย่างเลี่ยงไม่ได้ ที่มุมนี้ช่างสูงปราดเปรียว เต็มเปี่ยมไปด้วยความสปอร์ต อยู่ในโหมดของออกซิเจน
คุณเอมิเลียโชคดีจัง...
เธอคิด ก่อนจะสะดุ้ง เมื่อเขาเริ่มเปิดประเด็น
" พี่ชายของเธอเคยบอกไหม ว่าเขาทำงานเกี่ยวกับอะไร "
" ไม่ค่ะ " หญิงสาวช้อนตาพูด พลางหลุบลงต่ำ แล้วพูดใหม่ " บอกแค่ว่าเป็นพนักงานบาร์เทนเดอร์ในคาสิโน "
เรกาโดแค่นหัวเราะ ก่อนหันมายิ้มให้กับเธอ
" งั้นเหรอ?? เธอรู้ไหมว่าเธอเป็นคนที่โชคดีที่สุด "
" คะ? "
" และใจร้ายที่สุดในเวลาเดียวกัน"
" ฉันน่ะหรือคะ" เธอชี้หน้าอกตัวเอง
" ใช่ "ส่วนเขาย้ำ
" อะ เอ๋..." ทำไศลาถึงกับอึ้ง ก่อนมาตกใจเอาทีหลัง กับน้ำเสียงที่อ่อนโยน ทว่าแฝงความนัย
" เธอนั่นล่ะ "
" ....."
" พี่ชายของเธอ คนที่มีคดีติดตัวเป็นหางว่าว ถูกหมายหัวจากแก็งค์ตรงกันข้ามเพราะไปยิงเจ้านายของพวกมัน เพียงเพื่อจะแลกกับเงินค่าจ้างค่ายาแค่ไม่กี่บาทและเลี้ยงครอบครัว ในวงการมืดที่เข้าแล้วถอยออกไม่ได้ ถ้าไม่มีเวเดนคอยดูแลอยู่เบื้องหลัง เธอว่าจะรอดไหม "
"........"
" ฉะนั้นไศลา ทำงานใหญ่..ใจต้องนิ่ง อย่าให้แผนพวกเราต้องพัง เพราะแค่เธอจะเอาชนะอรัลเบล อย่าใช้ใจหญิง หากคิดจะเป็นนายหญิง แต่จงใช้ใจชาย ถ้าอยากจะปกป้องครอบครัว "
"......"
" เธอไม่ควรปล่อยให้เวเดนต้องทำงานนี้ลำพัง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะกระโดดข้ามขั้นซะทีเดียวแบบนี้ อัลฟาคุยกันแล้ว...ว่าจะฝึกกลยุทธิ์ให้ "
" คะ?! "
" ยิงปืน ต่อสู้ เธอคิดว่าจะทำได้ไหม "
"....!!! "
หลบพ้นจากเรกาโด ไศลามานั่งคำนึงครุ่นคิด ถึงเส้นทางเดินของมาเฟีย ที่แท้จริงก็เหมือนกันไม่ต่างกับคนอื่น หากจะให้ต่าง ก็คงจะต่างกันแค่ว่าพวกเขานั้นมีโอกาสใกล้ชิดความตายมากกว่าใคร
เอาล่ะ..เธอจะทำยังไงดี?
จะไปต่อ ถอยหลัง หรือ...นั่งสวยๆอยู่ตรงนี้
คราวนี้คงต้องถามตัวเองอย่างจริงจังเสียแล้ว
พระเจ้า...เกิดมาครึ่งชีวิตเคยเจออะไรแบบนี้ที่ไหนกันเล่า!
" เฮ้อ.. ตายซะดีไหมนี่ไศลา แกมาอยู่จุดนี้ได้ยังไง "
เธอกัดฟันพึมพำถามตัวเอง ฝ่ามือน้อยๆยกขึ้นขยี้ศีรษะจนผมยุ่งเหยิง สลับกับการถอนหายใจรัวๆ อยู่บนเก้าอี้ตรงสวนหย่อม หลังเรกาโดเดินหายเข้าไปในคฤหาสน์
หวนนึกกลับไปถึงหน้าน้องชายและแม่ ยากเหลือเกินที่จะเจอะเจอ
อย่างความหวังที่เคยมี ต้องการอะไรก็ได้ ดุจพี่ชายประเคนให้เฉกเช่นเก่า บัดนี้คงไม่มีอีกแล้ว..
ใช่ สภาพของเธอ ราวกับตัวคนเดียวก็ไม่ปาน
แต่แล้ว..
จังหวะกำลังเหม่อลอย คิดเพลิน เสียงใครคนนึงกลับทำเธอสะดุ้ง
" ไม่เห็นต้องเครียดเลย"
พร้อมเดินเข้ามาใกล้ให้เห็นกันจะๆ ไม่ปล่อยให้รอนาน
" คุณซันดรู..." ไศลาครางพลางผุดลุกขึ้น
จังหวะกล้ามเนื้อหัวใจบีบแรงอัตโนมัติ เมื่อยามนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า เผลอลบริมฝีปาก
" ตกใจหรือ? ตกใจอะไร"
เขาเลิกคิ้วสูง ไศลาส่ายหน้ารัว
" เปล่าค่ะ แค่แปลกใจเฉยๆ ทำไม...คุณยังกล้ามาคุยกับฉันอีก "
" แล้วทำไมฉันตัองไม่กล้าด้วยล่ะ"
หญิงสาวอึ้ง ชะงักร่างกายไปชั่วขณะ ก่อนจะเรียกสติกลับมาทบทวนคำพูดนั้น
" คุณต้องการอะไรจากฉันกันแน่คะ คุณซันดรู "
" หึ "
ทว่า เขากลับแค่นหัวเราะ พลางก้าวเท้าเชื่องช้ามาหาเธอมากขึ้น ไศลาก้าวถอยอัตโนมัติ แต่ปลีน่องของเธอกลับไม่เป็นใจ
พลั่ก!
เมื่อมันเกิดชนเข้ากับเก้าอี้หินอ่อนจนถอยไปข้างหลัง โชคดีที่ร่างสูงรับไว้ทัน แต่โชคร้ายที่มันกลับทำให้ใกล้กว่าเดิม
" ระวังหน่อยสิ "
เขาแสร้งดุเสียงห้วน แฝงความอ่อนโยน และเลศนัยในดวงตา
ไศลาเม้มปากแน่น ก่อนจะดันตัวออกห่าง
" อย่าค่ะ "
แล้วถอยมายืนด้วยลำแข้งของตัวเอง เธอจัดแจงเสื้อผ้าตัวเองลวกๆ มองหน้าเขา ขมวดคิ้วชนเริ่มไม่พอใจ
" เลิกยุ่งกับฉันสักทีจะได้ไหมคะ! "
" แค่จูบเดียว? "
" อะไร? "
" ที่ทำเธอต้องเป็นแบบนี้"
ไศลาเชิ่ดหน้าขึ้น ในขณะในใจขุ่นมัวปั่นป่วนสลับกับความงง แต่เธอก็รู้เขาหมายถึงอะไร
" เรื่องคืนนั้นคุณยังไม่ลืมมันอีกหรือ ถ้าคุณดูออกว่าฉันแกล้งหกล้ม เพื่อมารยาให้คุณมาช่วย งั้นคุณก็ต้องรู้ด้วยสิ ว่าเหตุผลอะไรฉันถึงทำ"
ชายหนุ่มไม่ตอบเสียทีเดียว และไม่ได้อึ้งกับสิ่งที่เธอพูด ทว่ากลับทำตรงกันข้าม เขายิ้มกว้าง ราวกับประโยคเหล่านั้นมันถูกใจเขาสูงสุด
" เรื่องพี่ชายเธอน่ะหรือ..."
" ที่มาทำงานถึงนี่ ก็เกี่ยวด้วย"
" แล้วไง? ในเมื่อเหตุผลของเรามันต่างกัน "
ไศลาปรับเปลี่ยนสีหน้า เธอเหวอภายหลัง ก่อนจะขมวดคิ้ว พร้อมดวงตาที่แข็งกร้าวขึ้นกว่าเดิม
" ไม่รู้ล่ะ ต่อให้คุณคิดจริงจัง กับคำพูดของฉันเพียงไม่กี่คำ ทั้งที่รู้ๆกันอยู่ว่าฉันไม่จริงใจที่จะพูด งั้นก็สุดแล้วแต่คุณเถอะ "
เธอก้าวถอยหลัง เตรียมจะเดิน กะว่าให้จบประโยคทิ้งท้าย
" ฉันเป็นเมียเพื่อนคุณแล้ว การมายืนคุยกับคุณแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่ไม่ดีสำหรับบ้านฉัน ฉะนั้น ฉันไม่มีทางทำให้ตัวเองต้องเสื่อมเสียหรอกค่ะ ขอตัวนะคะ"
แต่แล้ว...
" ถ้าฉันจะพาเธอไปหาครอบครัวของเธอล่ะ เธอจะว่าไง? "
"...!!! "
" ไปตอนนี้เลย ไปกับฉัน"
ในสมรภูมิรบ ที่มีความเชื่อประหนึ่งความตายเท่านั้นถึงจะยุติ คนรอดคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด โครทิส เวเดโน่ จึงไม่คิดจะยอมแพ้ การก้าวหาความเสี่ยง ทั้งที่รู้ห้าสิบห้าสิบกว่าจะชนะ ไม่ได้มาซึ่งความสำเร็จ ก็ยังไม่คิดจะผันตัวออกมา ราวกับว่าร่างกายตัวเองคงกะพันหนังไม่ระแคะระคายยังไงยังงั้นสองมือโอบอุ้มความกล้าไว้จนมั่น ตระหนักสิ่งสำคัญให้เป็นที่สุดของกำลังใจคือไศลา นั่นทำให้เขาไม่ยอมหยุดที่จะเดินต่อ ยังเดินเกมต่อแม้ทางข้างหน้าจะไร้แสงปลายอุโมงค์ หรือลิบหรี่เต็มทีในความคิดมาเฟียร้ายอย่างเขา คนขึ้นชื่อว่าเป็นหัวโจ็ก กว่าจะได้ฉายาคำว่าผู้นำมาอย่างยากลำบาก ...จึงมีแต่คำว่าลองดูเท่านั้น!ใช่! เขาวางแผนฆ่านายตัวเองไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ลำกล้องปืนถูกดวงตาคมกริบใช้เป็นช่องทางผ่านระหว่างการเล็งจากตึกระฟ้าไปยังชั้นที่แปดสิบของอีกตึก ผู้มีหญิงสาวร่างบางปราดเปรียวยืนเชิ่ดคอทรนงอยู่ นิ้วชี้ขวาประทับแผ่วเบาเตรียมตัว ราวกับรอสัญญาณบางอย่าง บวกกับโอกาสคิดว่าคงสำเร็จไปครึ่ง หากวันนี้เหล่าอัลฟาพ้องพวก สามารถจี้จุดให้หล่อนมีโทสะมายืนตรงนั้นได้ ตำแหน่งที่นานครั้งจะมายืนได้สักครั้ง ทว่าเป็นจุดตายจุดเดียวที่ไม่ต้องพ
ร่างบางนั่งพับเพียบอยู่กลางเตียง ดวงตาเหม่อลอยบวมปูดและแดงก่ำจนมองไม่เห็นเคล้าโครงเดิม บ่งบอกให้รู้ว่าเธอนั้นผ่านการร้องไห้มานานหลายชั่วโมงแล้ว ท่ามกลางความมืดมิด ภายในห้องสี่เหลี่ยม ที่มีเพียงข้าวของเครื่องใช้วางเรียงรายอยู่รอบๆ หากนับสิ่งมีชีวิต คงมีแค่เธอคนเดียว ไศลานั่งกอดเข่าเพียงลำพังนับแต่นั้น และไม่สามารถกะเกณฑ์เวลาได้ พอๆกับหยดน้ำตาที่ไหลลงมาได้ความลับที่พยายามปกปิด ทว่ากลับมาเปิดเผยด้วยปากของตัวเอง กลับกลายเป็นความเสียใจมาสนองเธอ หลังจากคนที่เพิ่งจะมารู้ทีหลังอย่างแม่และน้องชายฟังจบ พวกเขาพากันเงียบ ไร้เสียงพูดคุยสนุกสนานเหมือนเดิม เอาแต่นั่งอยู่ในมุมของตัวเอง ราวกับนั้นคือโลกส่วนตัว ที่ไม่อยากจะให้ใครเข้ามาก้าวก่ายกันอีกหยดน้ำตาที่สอง คือหยดน้ำตาที่แลกมาด้วยความเป็นห่วง เธอร้อนใจนับตั้งแต่เวเดโน่ก้าวออกเดิน ทิ้งเพียงแผ่นหลังกว้างกับภาพปิดประตูรถเอาไว้ ก่อนหายไปท่ามกลางถนนสายเปลี่ยว ไกลสุดลูกหูลูกตา เห็นเพียงใบไม้แห้งเกรียมปกคลุม สาเหตุอะไรที่เขานำแม่และน้องของเธอมาอยู่ที่นี่ สาเหตุอะไรที่เธอต้องมานั่งรอคอยการกลับมาของเขา อยู่กลางป่าถ้านี่ไม่ใช่ความปลอดภัยที่ถูกหยิบยื
มากกว่าความหวาดเสียวในสมรภูมิรบก็คงเป็นคำพูดของเวเดโน่นี่แหละ ที่ดูจริงจังเกินเหตุสำหรับแมททริกในตอนนี้ ซึ่งหลังได้ฟังชัดเต็มสองรูหูเหมือนจะค้างไปแล้ว เขาอึ้ง และพูดอะไรไม่ออก “ อะไรของมึงวะ “ได้แต่เอ่ยเสียงแผ่ว กับคำถามที่ใคร่รู้เพียง เพื่อนกำลังคิดอะไรอยู่ ความหมายของเขาที่มีในหัวประมาณว่า ...“ เพราะผู้หญิงคนนั้นเนี่ยนะ ซึ่งคำตอบที่ได้คือร่างสูงพยักหน้ายอมรับโดยไม่คิดสักนิด“ เฮ้ยยย พวกเราสั่งให้แกเข้าไปพัวพันในชีวิตเธอ เพราะหวังให้ชดเชยสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าวันนึงจะกลายเป็นเมียก็ไม่มีใครว่า แต่ไม่ใช่ให้ทำแบบนี้ ““ แบบนี้มันแบบไหนวะ! “กลายเป็นประเด็นใหญ่ให้เขาทั้งคู่ได้ถกเถียง และมองหน้ากัน ในขณะต่างฝ่ายต่างไม่ละสายตาและไม่มีใครยอมใคร แมททริกอมลมกลั้วปาก รู้สึกขัดใจขึ้นมาทันทีกับความคิดของเขา หนึ่งในแก็งค์อัลฟา ผู้ที่เคยเป็นตัวเต็งแนวหน้า ไม่เคยกลัวสิ่งใด แต่วันนี้กลับมากลัวความรักของตัวเองจะพังลง “ ก็แบบ...”เขาเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น พ่นลมหายใจเฮือกใหญ่“ จะแบบไหนก็ช่างเถอะ แต่มึงจะทำแบบนั้นไม่ได้ มันเสี่ยงมากเกินไป ถ้าฝั่งศัตรูรู้ว่าเราแตกคอกันเอง จะทำยัง
ไศลานั่งคอตก เมื่อเห็นสีหน้าของน้องชาย หลังพูดประโยคนั้นออกไป เธอเม้มปากแน่น ข่มเปลือกตาลงจนมันสั่นระริก ก่อนจะค่อยๆคลี่คลายออก มองไปยังที่เก่า ในขณะรอบนี้เผยความหม่องหม่นนัยย์ตาออกมาด้วย ที่ดูก็รู้เธอกำลังจะร้องไห้ และคนข้างกายเธอเองก็เช่นกัน " พี่พูดว่าอะไรนะ? " เขาถามย้ำก่อนน้ำตาก้อนใหญ่เหล่านั้นจะไหลลงมา ไศลาไม่ตอบ แต่เลือกที่จะก้มหน้านิ่งแทน มองผ่านม่านน้ำตาไปยังมือตัวเอง ซึ่งบีบจิกเข้าหากันราวกับกำลังระบาย" ฮึก..."ความอึดอัดเคยเก็บไว้ในใจสุดลึก เสแสร้งทำเป็นเข้มแข็งมาตลอด ทั้งต่อหน้าและลับหลังครอบครัว วันนี้ถล่มทลายลงมาไม่เหลือชิ้นดี เพียงแค่อยากให้คนที่เธอรักหมดปัญหาเรื่องนี้ไม่ว่าผลจะออกมาดีหรือร้าย เธอก็สบายใจทั้งนั้น ริมฝีปากแดงระเรื่อปริเบ้ออก ยิ่งสะอื้นไห้หนัก หลังร่างสูงถลาเข้ามาเขย่าตัว พยายามกดดันเค้นหาคำตอบ" มองหน้าผมเซ่! ผมถามตั้งนานแล้วนะ พี่ใหญ่เป็นอะไรถึงตาย"ทว่า สิ่งที่เธอเห็น กลับเป็นเพียงภาพที่ไร้เสียง มีเพียงปากพูดเขาที่ขยับ และร้องไห้อยู่ พร้อมบริเวณรอบๆ ที่เปลี่ยนไป' รู้ไหมว่าพี่สอนให้ฉันชิน ชินต่อการคิดถึงพี่ ในวันที่พี่ไม่อยู่ ..ชินกับการเห็นพี่โบ
ร่างบางยืนตระหง่านอยู่บนถนนคอนกรีต เบื้องหน้าของเธอคือกึ่งบ้านกึ่งคฤหาสน์ที่จัดไปทางค่อนข้างจะทรุดโทรมทว่าดูหรูหราจนน่าแปลกใจ อุ้งมือน้อยๆกำสายกระเป๋าสะพายไว้แน่น พร้อมดวงตากลมโตเคลือบอมไปด้วยน้ำหล่อเลี้ยง สลดปนละห้อย เธอใช้สายตาคู่นั้น จรดตั้งแต่ระดับเดียวกันช้อนขึ้นไปมอง พลันถอนหายใจเฮือก เมื่อไปหยุดอยู่ตรงระเบียงชั้นสอง ที่มีใครคนนึงซึ่งคุ้นเคยและจำได้แม่น" แม่คะ..." เธอขยับปากเรียก หล่อนยืนมองอยู่ก่อนแล้ว นับตั้งแต่รถแล่นเข้ามาไกลๆแม้เสียงนั้นดังไปไม่ถึง เพราะระยะทางที่ห่างกัน แต่น้ำตาแห่งความคิดถึง กับสีหน้าเลือนลาง ยังทำให้ทั้งคู่นั้นมองเห็นชัดใช่ เพราะต่างฝ่ายต่างโหยหาไม่มีใครยอมแพ้ ในขณะหัวไหล่เธอกำลังจะตก เผลอคิดไปถึงเหตุการณ์หลังจากนี้ ระหว่างที่อยู่ จะสรรหาประโยคไหนที่ดีพอ ที่ไม่ทำให้แม่ต้องเสียใจ หากจะกล่าวถึงเรื่องของพี่ชายคนโต และการตายของเขาแต่แล้ว.. มือใหญ่ข้างหนึ่งของคนที่มาด้วย กลับทำเธอหลุดภวังค์เสียก่อน ไศลาค่อยๆหันกลับไปมอง “ ฉันต้องการฟังความรู้สึกของเธอตอนนี้ที่มีต่อฉัน “ก่อนจะก้มหน้าลอบถอนหายใจ“ ฉันไม่มีอะไรจะพูด...” เธอส่ายหน้าเชื่องช้า“ พูดให้กำลังใ
" ก็ถ้าสมมุติว่าฉันท้อง"หญิงสาวช้อนตาหน้าสลด หลังคนสูงกว่าเอาแต่ยืนมอง คิ้วผูกติดฉงนงุนงง เธอจึงเริ่มพูดต่อ กับประโยคใส่อารมณ์ ที่บ่งบอกถึงความไม่แน่ใจ แต่แล้ว...กลับถูกมือใหญ่จับหมับตรงต้นแขน" สรุป ท้องหรือไม่ท้อง "เขาเค้นหาคำตอบไศลาเม้มปากแน่น คิดทบทวนตัวเองใหม่ ถ้านี่เป็นเรื่องที่กุขึ้นมา เพื่อความสะใจ และเอาชนะเล่าก็ อีกไม่นาน ร่างทั้งร่างของตัวเอง อาจจะระบมไปหมด เพราะถูกคนตรงหน้านั้นกระทืบเธอกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนพยักหน้าเชื่องช้า ดวงตากลมโตไม่กระพริบ จับจ้องมั่นอยู่ตรงหน้าหล่อเหลา ซึ่งหลังจากจบประโยคนี้ มันค้างชะงันไปกลางคัน และเธอนั้นเห็นพอดีเขาอึ้ง... " แน่ใจ? "" ค่ะ..."" ตรวจดีแล้ว... "" ยังค่ะ เราจะตรวจพร้อมกันวันนี้ ซึ่งฉันมั่นใจไปเกินครึ่ง ว่าในท้องฉัน มีเลือดเนื้อของคุณอยู่ "เธอตอบคำถามอย่างฉะฉาน เวเดโน่เงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะกระโชกโฮกฮาก" ให้ตาย ฉันควรดีใจไหมไศลา..."" เอ๋..."ซึ่งนั่นทำเธอแปลกใจไม่น้อย " ในสถานการณ์ขับขัน ไม่รู้จะเป็นหมู่หรือจ่า อยู่ๆ ก็มีเด็กขึ้นมาให้ฉันต้องรับผิดชอบ.. "เปลี่ยนความคิดในหัวของเธอเป็นฝั่งตรงข้าม ความแรงของมันราวกับตบให้มึน