ในสมรภูมิรบ ที่มีความเชื่อประหนึ่งความตายเท่านั้นถึงจะยุติ คนรอดคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด โครทิส เวเดโน่ จึงไม่คิดจะยอมแพ้
การก้าวหาความเสี่ยง ทั้งที่รู้ห้าสิบห้าสิบกว่าจะชนะ ไม่ได้มาซึ่งความสำเร็จ ก็ยังไม่คิดจะผันตัวออกมา ราวกับว่าร่างกายตัวเองคงกะพันหนังไม่ระแคะระคายยังไงยังงั้น
สองมือโอบอุ้มความกล้าไว้จนมั่น ตระหนักสิ่งสำคัญให้เป็นที่สุดของกำลังใจคือไศลา นั่นทำให้เขาไม่ยอมหยุดที่จะเดินต่อ ยังเดินเกมต่อแม้ทางข้างหน้าจะไร้แสงปลายอุโมงค์ หรือลิบหรี่เต็มทีในความคิดมาเฟียร้ายอย่างเขา คนขึ้นชื่อว่าเป็นหัวโจ็ก กว่าจะได้ฉายาคำว่าผู้นำมาอย่างยากลำบาก ...จึงมีแต่คำว่าลองดูเท่านั้น!
ใช่! เขาวางแผนฆ่านายตัวเองไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
ลำกล้องปืนถูกดวงตาคมกริบใช้เป็นช่องทางผ่านระหว่างการเล็งจากตึกระฟ้าไปยังชั้นที่แปดสิบของอีกตึก ผู้มีหญิงสาวร่างบางปราดเปรียวยืนเชิ่ดคอทรนงอยู่ นิ้วชี้ขวาประทับแผ่วเบาเตรียมตัว ราวกับรอสัญญาณบางอย่าง บวกกับโอกาส
คิดว่าคงสำเร็จไปครึ่ง หากวันนี้เหล่าอัลฟาพ้องพวก สามารถจี้จุดให้หล่อนมีโทสะมายืนตรงนั้นได้ ตำแหน่งที่นานครั้งจะมายืนได้สักครั้ง ทว่าเป็นจุดตายจุดเดียวที่ไม่ต้องพึ่งม่านตาให้เหนื่อย ยามเกร็งจนตึงราวกับขึงลวด
" มาสิสาวน้อย.."
เพียงเพราะหล่อนต้องการจะเข้ารหัส ดักสัญญาณจีพีเอสของเวเดนเพื่อรังแกไศลา แค่นั้นสามารถตัดสติที่มีขาดสะบั้นได้
ใช่! ถือว่าพวกเขาเก่ง
เวเดนหมอบ ตัวราบแนบซีเมนท์เปื้อนละอองฝุ่น พร้อมข้อศอกแข็งแรงราวกับเหล็กตันค้ำยันไว้ มีเพียงศีรษะเท่านั้นที่ผงกขึ้นมา
เขาแน่นิ่งอยู่อย่างนั้นนานหลายนาที จนกระทั่งได้เวลาเหนี่ยวไก ในจังหวะหล่อนหันมา และห่างจากคนอื่นๆพอสมควร
แต่แล้ว...กลับต้องชะงัก เพราะคาดไม่ถึงจะปะทะกับคนนี้
" อะไรวะ "
เมื่ออยู่ดีๆ เคลื่อนตัวมาสนทนากับหล่อน
ชายหนุ่มลดลำก้องออกจากหน้า คิ้วขมวดฉงน นึกไม่ถึง
เกิดอะไรขึ้นกับภาพตรงหน้า ซึ่งผ่านแว่นขยายจากอุปกรณ์อันตรายที่กำลังจะกระชากวิญญาณคนๆนั้น ทว่าตอนนี้กลับต้องหยุดชะงักไว้ เพราะใครคนนึงซึ่งจ้ำอ้าวเข้าไปขวางอย่างไม่รู้สาเหตุ
ร่างสูงนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน...
" ไอ้ซัน ไอ้ห่..."
ก่อนเขาจะกระชากไมค์จิ๋วตรงกกหูมาจ่อปาก
" อธิบายกูที นั่นมันอะไร! "
สบถคำถามเล็ดลอดไรฟันผ่านไปยังลำโพงจิ๋วของเรกาโดอีกที่
ในขณะคนฟังเองเหมือนจะงงไม่ต่าง เขาเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนถอนหายใจ
" ความหมายคือ จะให้กูยิงมันด้วยเลยใช่ไหม เออดี! จะได้ไม่เปลืองลูกกระสุน "
" ไม่เอาน่าพวก เย็นไว้ "
" โอกาสมีเพียงครั้งเดียวนะไอ้ครูซ ถ้าเป็นมึง มานอนหมอบอยู่บนพื้นปูนนานสองนาน แถมร้อนชิบหาย เพื่อรอเวลานี้ มึงจะเย็นไหวไหม "
" ฟัค แล้วจะให้กูทำยังไงวะ ไปกระชากมันมาน่ะหรือ "
" งั้นขอเหตุผล กูจะได้รู้ว่าต้องทำยังไงต่อ จะลุกขึ้นไปดูดบุหรี่ หรือจะหมอบยาวทนเมื่อยอยู่แบบนี้ "
" ไม่รู้เหมือนกันว่ะ "
" ชิท! "
เวเดนหัวเสียหนัก ถึงขั้นสบถผ่านไมค์จนเพื่อนต้องข่มตาหน่าย พลางลุกพรวดไม่สนใจอะไรอีก เพื่อจะเดินไปดูดบุหรี่ และติดต่อไปยังลูกน้อง โดยปราศจากเครื่องดักฟังของส่วนรวม
คราวนี้คงต้องพึ่งไหวพริบของตัวเอง ไม่ขอวางแผนร่วมกับใครอีก
(ครับนาย)
" ฆ่ามันให้หมด"
(ครับ?)
" ฆ่าทุกคนให้เหลือแค่มึง จากนั้นหนีไป ปล่อยไศลาไว้ข้างทาง "
(!!!)
" อ้อ เอาโทรศัพท์เครื่องนี้ให้เธอด้วย "
(นะ นาย.. นายคิดจะทำอะไรครับนี่)
" ไม่ต้องเสื-ก! ทำตามที่กูบอก! "
(คะ..ครับ)
ก่อนจะตัดสายทิ้งไป
ร่างสูงมีความกังวลระดับสูง ผ่านม่านตาคมกริบคู่นั้น กระนั้นได้แต่กลบเกลื่อนมองไกลไปทางอื่น พร้อมจุดประกายไฟบนปลายบุหรี่ มวนคู่ยากประหนึ่งสหายคลายเครียดยามอึดอัดของเขา ก่อนจะอัดควันเข้าไปทีเดียวเกือบหมด แล้วจึงจะดับมันโดยใช้ปลายเท้าขยี้ ทรุดตัวลงไปหมอบกับพื้นตามเดิม คราวนี้ไม่ได้ยิงแค่เป้าเดียวที่เตรียมการไว้แต่แรก ทว่า.. เล็งปลายกระบอกไปยังการ์ดชุดดำที่ยืนเรียงรายกระจายกันอยู่รอบตึกทุกคน
ปุง ปุง
ปืนเก็บเสียงทำลายผู้คนเหล่านั้นล้มลงไปทีละคน ทีละคน ราวกับกิ่งไม้หัก หลังจากปลายกระบอกเคลื่อนไปจ่อ ผ่านการเล็งของดวงตาโหดร้ายนั่น
จนกระทั่ง...มันไปหยุดอยู่ที่หล่อน และ...เขา
เวเดโน่ขมวดคิ้วเป็นปมบ่งบอกถึงความเคร่งเครียดทันที กระนั้นก็ไม่สามารถล้มเลิกการกระทำของเขาได้
ปัง!
ตัดสินใจยิงอรัลเบล และตามมาด้วยซันดรู...
แต่แล้ว...
" เว้ด อย่า! "
กลับมีเสียงตะโกนของใครคนหนึ่งผ่านไมค์จิ๋วออกมาปะทะแก้วหูเสียก่อน เขาชะงัก แต่เหมือนว่าจะไม่ทัน
ปัง!
วิถีกระสุนพุ่งทะยานเฉี่ยวหัวไหล่ซันดรูเส้นยาแดงผ่าแปด ก่อนแขนเสื้อสีขาวจะเปียกชุ่มไปด้วยเลือด อีกนัดฝังตรงลำคออรัลเบลเต็มๆ ร่างบางทรุดลงกับพื้นต่อหน้าต่อตาลูกน้องนับสิบ ที่พากันงงถึงปริศนาการล้มทั้งยืนนั้น
จนกระทั่งเห็นอาการตาเหลือก มือคู่ป้องบาดแผลที่มีเลือดไหลนองทะลักง่ามมือนาย จึงจะรู้ตัว รนรานเตรียมถลาหวังช่วย แต่ทว่า...
ปัง!
" อ๊ากกก"
ปัง!
พวกเขาเจอไม่ต่างกันกับหล่อน มีสิบล้มสิบ ล้มทั้งยืนราวกับโดมิโน่ถูกกระแทก
ท่ามกลางความตกตะลึงของพรรคพวกเขา แต่ไร้สีหน้าเหล่านั้นให้ต้องเสียฟอร์มเล่น อย่างเรกาโด ครูซัส คือบุคคลที่ใช้ฉายาที่มีอยู่คุ้มค่าที่สุด เขายืนนิ่ง รองลงมาคือ แมททริก และ คูดัสที่เพิ่งจะได้สติวิ่งไปประคองซันดรูหนึ่งในนั้นขึ้นมา
นึกไม่ถึงว่าเวเดโน่จะกล้าลั่นไก
คูดัสขมวดคิ้วเคร่งเครียด เกรงว่าจะมีการแตกคอเกิดขึ้น หลังนึกถึงอนาคตข้างหน้า
แต่แล้ว...เหมือนผิดคาด
" หึ..." เมื่อคนเจ็บกลับแค่นหัวเราะ " ช่างใจดีอะไรอย่างนี้ คนอย่างเว้ดไม่น่ายิงพลาดนะว่ามั้ย? "
" เลิกกวนประสาทไอ้ซัน เกือบจะตายอยู่แล้วยังจะเล่น "
ในขณะคูดัสไร้อารมณ์ร่วมด้วย ทว่าเขา...
" กูไม่ได้เล่น "
ก่อนเรกาโดกับแมททริกจะเดินเข้ามาสมทบ ในจังหวะเขาถูกพยุงให้ลุกขึ้นนั่งพอดี
" ถามหน่อย คิดยังไงถึงไปยืนขวางทางลูกตะกั่วแบบนั้น "
พร้อมดวงตาเฉี่ยว หรี่ไปมองอรัลเบลที่นอนมือกุมลำคอหวังห้ามเลือด อ้าปากพะงาบๆ ไม่ตายเสียทีเดียว หล่อนตาเหลือกมองมายังพวกเขาด้วยความแค้นบวกเว้าวอน บ่งบอกถึงความทรมาน จากนั้นจึงจะสลบไป
ซันดรูส่ายหน้า แค่นหัวเราะอีกครั้ง ช้อนขึ้นมองคนถาม นัยย์ตาภายในสุดลึกเผลอเผยความโศกเศร้า ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
" ถ้าไม่ได้ยินอะไรบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเธอคนนั้น กูจะไม่มีวันทำเพื่อใคร โดยเฉพาะกับไอ้บ้านั่น.."
ในสมรภูมิรบ ที่มีความเชื่อประหนึ่งความตายเท่านั้นถึงจะยุติ คนรอดคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด โครทิส เวเดโน่ จึงไม่คิดจะยอมแพ้ การก้าวหาความเสี่ยง ทั้งที่รู้ห้าสิบห้าสิบกว่าจะชนะ ไม่ได้มาซึ่งความสำเร็จ ก็ยังไม่คิดจะผันตัวออกมา ราวกับว่าร่างกายตัวเองคงกะพันหนังไม่ระแคะระคายยังไงยังงั้นสองมือโอบอุ้มความกล้าไว้จนมั่น ตระหนักสิ่งสำคัญให้เป็นที่สุดของกำลังใจคือไศลา นั่นทำให้เขาไม่ยอมหยุดที่จะเดินต่อ ยังเดินเกมต่อแม้ทางข้างหน้าจะไร้แสงปลายอุโมงค์ หรือลิบหรี่เต็มทีในความคิดมาเฟียร้ายอย่างเขา คนขึ้นชื่อว่าเป็นหัวโจ็ก กว่าจะได้ฉายาคำว่าผู้นำมาอย่างยากลำบาก ...จึงมีแต่คำว่าลองดูเท่านั้น!ใช่! เขาวางแผนฆ่านายตัวเองไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ลำกล้องปืนถูกดวงตาคมกริบใช้เป็นช่องทางผ่านระหว่างการเล็งจากตึกระฟ้าไปยังชั้นที่แปดสิบของอีกตึก ผู้มีหญิงสาวร่างบางปราดเปรียวยืนเชิ่ดคอทรนงอยู่ นิ้วชี้ขวาประทับแผ่วเบาเตรียมตัว ราวกับรอสัญญาณบางอย่าง บวกกับโอกาสคิดว่าคงสำเร็จไปครึ่ง หากวันนี้เหล่าอัลฟาพ้องพวก สามารถจี้จุดให้หล่อนมีโทสะมายืนตรงนั้นได้ ตำแหน่งที่นานครั้งจะมายืนได้สักครั้ง ทว่าเป็นจุดตายจุดเดียวที่ไม่ต้องพ
ร่างบางนั่งพับเพียบอยู่กลางเตียง ดวงตาเหม่อลอยบวมปูดและแดงก่ำจนมองไม่เห็นเคล้าโครงเดิม บ่งบอกให้รู้ว่าเธอนั้นผ่านการร้องไห้มานานหลายชั่วโมงแล้ว ท่ามกลางความมืดมิด ภายในห้องสี่เหลี่ยม ที่มีเพียงข้าวของเครื่องใช้วางเรียงรายอยู่รอบๆ หากนับสิ่งมีชีวิต คงมีแค่เธอคนเดียว ไศลานั่งกอดเข่าเพียงลำพังนับแต่นั้น และไม่สามารถกะเกณฑ์เวลาได้ พอๆกับหยดน้ำตาที่ไหลลงมาได้ความลับที่พยายามปกปิด ทว่ากลับมาเปิดเผยด้วยปากของตัวเอง กลับกลายเป็นความเสียใจมาสนองเธอ หลังจากคนที่เพิ่งจะมารู้ทีหลังอย่างแม่และน้องชายฟังจบ พวกเขาพากันเงียบ ไร้เสียงพูดคุยสนุกสนานเหมือนเดิม เอาแต่นั่งอยู่ในมุมของตัวเอง ราวกับนั้นคือโลกส่วนตัว ที่ไม่อยากจะให้ใครเข้ามาก้าวก่ายกันอีกหยดน้ำตาที่สอง คือหยดน้ำตาที่แลกมาด้วยความเป็นห่วง เธอร้อนใจนับตั้งแต่เวเดโน่ก้าวออกเดิน ทิ้งเพียงแผ่นหลังกว้างกับภาพปิดประตูรถเอาไว้ ก่อนหายไปท่ามกลางถนนสายเปลี่ยว ไกลสุดลูกหูลูกตา เห็นเพียงใบไม้แห้งเกรียมปกคลุม สาเหตุอะไรที่เขานำแม่และน้องของเธอมาอยู่ที่นี่ สาเหตุอะไรที่เธอต้องมานั่งรอคอยการกลับมาของเขา อยู่กลางป่าถ้านี่ไม่ใช่ความปลอดภัยที่ถูกหยิบยื
มากกว่าความหวาดเสียวในสมรภูมิรบก็คงเป็นคำพูดของเวเดโน่นี่แหละ ที่ดูจริงจังเกินเหตุสำหรับแมททริกในตอนนี้ ซึ่งหลังได้ฟังชัดเต็มสองรูหูเหมือนจะค้างไปแล้ว เขาอึ้ง และพูดอะไรไม่ออก “ อะไรของมึงวะ “ได้แต่เอ่ยเสียงแผ่ว กับคำถามที่ใคร่รู้เพียง เพื่อนกำลังคิดอะไรอยู่ ความหมายของเขาที่มีในหัวประมาณว่า ...“ เพราะผู้หญิงคนนั้นเนี่ยนะ ซึ่งคำตอบที่ได้คือร่างสูงพยักหน้ายอมรับโดยไม่คิดสักนิด“ เฮ้ยยย พวกเราสั่งให้แกเข้าไปพัวพันในชีวิตเธอ เพราะหวังให้ชดเชยสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าวันนึงจะกลายเป็นเมียก็ไม่มีใครว่า แต่ไม่ใช่ให้ทำแบบนี้ ““ แบบนี้มันแบบไหนวะ! “กลายเป็นประเด็นใหญ่ให้เขาทั้งคู่ได้ถกเถียง และมองหน้ากัน ในขณะต่างฝ่ายต่างไม่ละสายตาและไม่มีใครยอมใคร แมททริกอมลมกลั้วปาก รู้สึกขัดใจขึ้นมาทันทีกับความคิดของเขา หนึ่งในแก็งค์อัลฟา ผู้ที่เคยเป็นตัวเต็งแนวหน้า ไม่เคยกลัวสิ่งใด แต่วันนี้กลับมากลัวความรักของตัวเองจะพังลง “ ก็แบบ...”เขาเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น พ่นลมหายใจเฮือกใหญ่“ จะแบบไหนก็ช่างเถอะ แต่มึงจะทำแบบนั้นไม่ได้ มันเสี่ยงมากเกินไป ถ้าฝั่งศัตรูรู้ว่าเราแตกคอกันเอง จะทำยัง
ไศลานั่งคอตก เมื่อเห็นสีหน้าของน้องชาย หลังพูดประโยคนั้นออกไป เธอเม้มปากแน่น ข่มเปลือกตาลงจนมันสั่นระริก ก่อนจะค่อยๆคลี่คลายออก มองไปยังที่เก่า ในขณะรอบนี้เผยความหม่องหม่นนัยย์ตาออกมาด้วย ที่ดูก็รู้เธอกำลังจะร้องไห้ และคนข้างกายเธอเองก็เช่นกัน " พี่พูดว่าอะไรนะ? " เขาถามย้ำก่อนน้ำตาก้อนใหญ่เหล่านั้นจะไหลลงมา ไศลาไม่ตอบ แต่เลือกที่จะก้มหน้านิ่งแทน มองผ่านม่านน้ำตาไปยังมือตัวเอง ซึ่งบีบจิกเข้าหากันราวกับกำลังระบาย" ฮึก..."ความอึดอัดเคยเก็บไว้ในใจสุดลึก เสแสร้งทำเป็นเข้มแข็งมาตลอด ทั้งต่อหน้าและลับหลังครอบครัว วันนี้ถล่มทลายลงมาไม่เหลือชิ้นดี เพียงแค่อยากให้คนที่เธอรักหมดปัญหาเรื่องนี้ไม่ว่าผลจะออกมาดีหรือร้าย เธอก็สบายใจทั้งนั้น ริมฝีปากแดงระเรื่อปริเบ้ออก ยิ่งสะอื้นไห้หนัก หลังร่างสูงถลาเข้ามาเขย่าตัว พยายามกดดันเค้นหาคำตอบ" มองหน้าผมเซ่! ผมถามตั้งนานแล้วนะ พี่ใหญ่เป็นอะไรถึงตาย"ทว่า สิ่งที่เธอเห็น กลับเป็นเพียงภาพที่ไร้เสียง มีเพียงปากพูดเขาที่ขยับ และร้องไห้อยู่ พร้อมบริเวณรอบๆ ที่เปลี่ยนไป' รู้ไหมว่าพี่สอนให้ฉันชิน ชินต่อการคิดถึงพี่ ในวันที่พี่ไม่อยู่ ..ชินกับการเห็นพี่โบ
ร่างบางยืนตระหง่านอยู่บนถนนคอนกรีต เบื้องหน้าของเธอคือกึ่งบ้านกึ่งคฤหาสน์ที่จัดไปทางค่อนข้างจะทรุดโทรมทว่าดูหรูหราจนน่าแปลกใจ อุ้งมือน้อยๆกำสายกระเป๋าสะพายไว้แน่น พร้อมดวงตากลมโตเคลือบอมไปด้วยน้ำหล่อเลี้ยง สลดปนละห้อย เธอใช้สายตาคู่นั้น จรดตั้งแต่ระดับเดียวกันช้อนขึ้นไปมอง พลันถอนหายใจเฮือก เมื่อไปหยุดอยู่ตรงระเบียงชั้นสอง ที่มีใครคนนึงซึ่งคุ้นเคยและจำได้แม่น" แม่คะ..." เธอขยับปากเรียก หล่อนยืนมองอยู่ก่อนแล้ว นับตั้งแต่รถแล่นเข้ามาไกลๆแม้เสียงนั้นดังไปไม่ถึง เพราะระยะทางที่ห่างกัน แต่น้ำตาแห่งความคิดถึง กับสีหน้าเลือนลาง ยังทำให้ทั้งคู่นั้นมองเห็นชัดใช่ เพราะต่างฝ่ายต่างโหยหาไม่มีใครยอมแพ้ ในขณะหัวไหล่เธอกำลังจะตก เผลอคิดไปถึงเหตุการณ์หลังจากนี้ ระหว่างที่อยู่ จะสรรหาประโยคไหนที่ดีพอ ที่ไม่ทำให้แม่ต้องเสียใจ หากจะกล่าวถึงเรื่องของพี่ชายคนโต และการตายของเขาแต่แล้ว.. มือใหญ่ข้างหนึ่งของคนที่มาด้วย กลับทำเธอหลุดภวังค์เสียก่อน ไศลาค่อยๆหันกลับไปมอง “ ฉันต้องการฟังความรู้สึกของเธอตอนนี้ที่มีต่อฉัน “ก่อนจะก้มหน้าลอบถอนหายใจ“ ฉันไม่มีอะไรจะพูด...” เธอส่ายหน้าเชื่องช้า“ พูดให้กำลังใ
" ก็ถ้าสมมุติว่าฉันท้อง"หญิงสาวช้อนตาหน้าสลด หลังคนสูงกว่าเอาแต่ยืนมอง คิ้วผูกติดฉงนงุนงง เธอจึงเริ่มพูดต่อ กับประโยคใส่อารมณ์ ที่บ่งบอกถึงความไม่แน่ใจ แต่แล้ว...กลับถูกมือใหญ่จับหมับตรงต้นแขน" สรุป ท้องหรือไม่ท้อง "เขาเค้นหาคำตอบไศลาเม้มปากแน่น คิดทบทวนตัวเองใหม่ ถ้านี่เป็นเรื่องที่กุขึ้นมา เพื่อความสะใจ และเอาชนะเล่าก็ อีกไม่นาน ร่างทั้งร่างของตัวเอง อาจจะระบมไปหมด เพราะถูกคนตรงหน้านั้นกระทืบเธอกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนพยักหน้าเชื่องช้า ดวงตากลมโตไม่กระพริบ จับจ้องมั่นอยู่ตรงหน้าหล่อเหลา ซึ่งหลังจากจบประโยคนี้ มันค้างชะงันไปกลางคัน และเธอนั้นเห็นพอดีเขาอึ้ง... " แน่ใจ? "" ค่ะ..."" ตรวจดีแล้ว... "" ยังค่ะ เราจะตรวจพร้อมกันวันนี้ ซึ่งฉันมั่นใจไปเกินครึ่ง ว่าในท้องฉัน มีเลือดเนื้อของคุณอยู่ "เธอตอบคำถามอย่างฉะฉาน เวเดโน่เงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะกระโชกโฮกฮาก" ให้ตาย ฉันควรดีใจไหมไศลา..."" เอ๋..."ซึ่งนั่นทำเธอแปลกใจไม่น้อย " ในสถานการณ์ขับขัน ไม่รู้จะเป็นหมู่หรือจ่า อยู่ๆ ก็มีเด็กขึ้นมาให้ฉันต้องรับผิดชอบ.. "เปลี่ยนความคิดในหัวของเธอเป็นฝั่งตรงข้าม ความแรงของมันราวกับตบให้มึน