แม้จะหยุดการเคลื่อนไหวไปแล้วพักใหญ่ แต่ฉัตรินก็ยังคงไม่ยอมปล่อยมือจากเรือนร่างงดงามตรงหน้าให้เป็นอิสระ ยอมรับว่าอีกฝ่ายสวยจริง ทั้งสวยทั้งหวานไปทั้งตัวจนน่าหงุดหงิด
ทีแรกเขาก็แค่อยากจะขู่ให้อีกฝ่ายกลัว หรือต่อต้านสักครั้งจะได้เข็ดหลาบ แต่เป็นเขาเองที่พอได้เริ่มแล้วกลับไม่อาจหยุดตัวเองได้
ปรียากรคือดอกไม้สีสวยที่ล่อให้แมลงหน้าโง่อย่างเขาเผลอหลวมตัวจนถลำลึก ยิ่งได้ชิมความหอมหวานจากกายคนที่ได้ชื่อว่าเมียแต่งที่เขาแสนจะชังน้ำหน้า และแม้ไม่อยากจะยอมรับ แต่ฉัตรินก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอทำให้เขารู้สึกสุขสมอย่างรุนแรงและถึงใจชนิดที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อนในชีวิต
ตัวอันตราย!
นอกจากจะเอาแต่ใจ ร้ายกาจ หน้าด้าน ไร้ยางอาย ผู้หญิงคนนี้ยังซ่อนความอันตรายไว้รอบตัว และดูเหมือนตอนนี้เขาจะโดนพิษสงของเธอเล่นงานจนหัวปั่นเข้าเสียแล้ว
“อื้อ...”
เสียงหวานประท้วงทั้งๆ ที่ยังหลับสนิท เมื่อถูกรั้งสะโพกเข้าหาความแข็งแกร่งที่ยังค้างคาภายในกุหลาบแสนหวาน ความคับแคบและแน่นหนึบของเธอกำลังป่วนประสาทเขาอย่างหนักหน่วง
“ยัยตัวแสบ!”
ชายหนุ่มกัดฟันคำราม พลางแกล้งกัดที่หัวไหล่มนหนักๆ หวังให้เจ้าตัวรู้สึกตัวตื่นขึ้นมารับผิดชอบที่ทำให้เขาอดนอนทั้งคืน แต่นอกจากไม่ยอมตื่น เธอยังจะทำให้เขาตื่นอีกครั้งด้วยการตอดรัดรุนแรงจากภายในจนเขาต้องกัดฟันกรอดเพื่อข่มกลั้นอารมณ์ที่ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง
เมื่อคนตัวร้ายไม่ยอมลืมตา ฉัตรินจึงรั้งตัวเธอขึ้นมาอยู่ข้างบนกายเขา พร้อมกับกดสะโพกเธอเข้าหากายแกร่งและส่งแรงอัดกระแทกเข้าหากุหลาบดอกงามอีกครั้ง
“อื้อ...”
เสียงครางเบาหวิว กระตุ้นความใคร่อยากลองลักหลับสาวเจ้าดูสักตั้ง ว่าแล้วชายหนุ่มก็เริ่มทำอย่างที่ใจคิด จากช้าเนิบนาบในทีแรก ก่อนที่โหมเร่งจังหวะเร็วขึ้น แรงขึ้น เมื่อเจ้าตัวดีไม่ยอมลืมตาตื่น เขาก็ยิ่งถาโถมเข้าใส่ไม่ยั้ง จนกระทั่งเขาเอื้อมไปเหยียบขอบสวรรค์จนสำเร็จ พร้อมกับปลดปล่อยธารรักเข้าใส่เจ้าดอกกุหลาบที่แย้มบานรับไปจนหยาดหยดสุดท้าย
ทีนี้เธอจะมาว่าเขาไม่ทำหน้าที่สามีไม่ได้อีกต่อไป และต่อจากนี้เขาจะตักตวงความสุขจากเรือนร่างของคนตรงหน้าตามที่ได้ประกาศไว้ ในเมื่อเธออยากได้เขาเป็นสามีนัก ก็ควรทำหน้าที่เมียเสียให้เข็ด
ถ้าไม่พอใจ ก็หย่าไปเสียให้จบๆ เรื่อง แต่อย่าคาดหวังความรัก เพราะเขาไม่มีให้ และจะไม่มีวันให้ด้วย...
ฉัตรินมองหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียเขาอย่างสมบูรณ์ด้วยสายตาชิงชัง พลางขยับตัวกระแทกเข้าหากุหลาบแสนสวยอีกสองสามครั้งเป็นการส่งท้าย ก่อนถอดถอนความแข็งแกร่งที่เพิ่งยอมสงบลงออกมาจากตัวเธออย่างไม่ไยดี หากแล้วอะไรบางอย่างกลับดึงดูดสายตาเขาอย่างจัง
คราบโลหิตสีแดงที่เปื้อนบนผ้าปูเตียงสีขาวสะอาดนั่น มองปราดเดียวก็รู้ว่าคืออะไร คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น
เป็นไปได้ยังไงกัน ในเมื่อนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาและเธอเมกเลิฟกัน เมื่อกี้ความโมโหทำให้เขาไม่ทันสังเกตปฏิกิริยาของอีกฝ่ายในครั้งแรกที่พยายามดุนดันอาวุธประจำกายเข้าไป เขาไม่ได้อ่อนโยนเลยสักนิด ไม่มีกระทั่งการเล้าโลมใดๆ กระทั่งจูบหวานๆ สักครั้งก็ยังไม่มี
เพียงเพราะความโกรธ เพียงเพราะคิดว่าเธอไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ เขาเลยไม่เตรียมตัวเธอให้พร้อม แต่อย่างน้อยก็ควรบอกกันสักคำสิ ไม่ใช่สมยอมอ้าขาให้เขากระแทกกระทั้นอย่างบ้าระห่ำแบบนั้น ดีเท่าไหร่ที่ไม่ฉีกขาดไปเสียก่อน
ดวงตาคมกริบจดจ้องใบหน้าสวยหวานอย่างค้นหา หากเธอยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง แล้วเรื่องในวันนั้นล่ะ ต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องถูกบังคับมัดมือชกให้มารับผิดชอบด้วยการแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้แทนที่จะเป็นคนที่เขารักอย่างรัญชิสา มันคืออะไรกันแน่...
อยากจะปลุกแม่ตัวดีขึ้นมาสอบสวนให้กระจ่างแจ้ง แต่เมื่อคิดอีกทีมันคงไม่มีประโยชน์ในเมื่ออีกฝ่ายคือผู้ร้ายปากแข็ง เธอคงไม่ยอมรับความผิดตัวเองง่ายๆ แน่ อย่างดีก็คงปั่นหัวให้เขาโมโหเกิดอีกรอบ
คิดแล้วก็น่าโมโห เขาไม่ควรให้โทสะครอบงำจนทำให้เรื่องยุ่งยาก หากเจ้าหล่อนเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมาล่ะ
“โธ่เว้ย!” ชายหนุ่มยีผมตัวเองอย่างหงุดหงิด เพียงคิดว่าต้องมีห่วงมาผูกคอเพิ่มก็ปวดหัวแล้ว มีปรียากรคนเดียวเขาก็เต็มกลืน ถ้าต้องมีลูกของเธอเข้ามาป่วนเพิ่ม ชีวิตนี้เขาคงเหมือนตายทั้งเป็น เรื่องหย่าคงไม่มีทางเกิดขึ้นแน่ แล้วเขาก็ต้องมาติดแหงกกับเธอไปจนวันตาย แค่คิดก็สยองแล้ว
ช่างเถอะ ถ้าไม่ยอมไปง่ายๆ เขาก็คงต้องเล่นบทโหดต่อไปจนกว่าอีกฝ่ายจะยอมแพ้และถอยห่างออกไปจากชีวิตของเขาเสียเอง
ฉัตรินกดยิ้มอย่างเลือดเย็นก่อนที่จะคว้าเสื้อผ้าของตนมาสวมลวกๆ และเดินหันหลังกลับไปที่ห้องตัวเองโดยไม่ไยดีคนที่นอนสลบเหมือดหมดแรงที่เตียงอีก
เวลาผ่านไปเกือบค่อนวัน กว่าที่หญิงสาวจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นเพียงเพื่อพบกับความว่างเปล่าอันหนาวเหน็บ คนที่ตักตวงความสุขจากร่างกายเธอด้วยสิทธิ์อันชอบธรรมของสามีตามกฎหมายไม่อยู่ในห้องแล้ว เหลือทิ้งไว้เพียงแต่ร่องรอยความใคร่ที่เขาทำไว้กับเธอเมื่อคืนที่ผ่านมาอย่างป่าเถื่อน
หญิงสาวหลับตาแน่น พลางสูดหายใจเข้าช้าๆ เพื่อเรียกสติกลับคืนมา หากตอนที่คิดจะขยับลุก ความรวดร้าวระบมก็จู่โจมทิ่มแทงไปทั่วทั้งอณูร่างกาย โดยเฉพาะตรงจุดอ่อนไหวที่ถูกฉัตรินบดขยี้จนมันชอกช้ำบวมระบมไปหมด เขาไม่คิดอ่อนโยนหรือเบามือกับเธอเลย ทั้งๆ ที่...
นี่เป็นครั้งแรกของเธอที่มีอะไรเพศตรงข้าม
แต่โทษเขาได้หรือ ในเมื่ออีกฝ่ายไม่รู้ และเธอก็ไม่คิดจะบอกออกไป เพราะกลัวจะถูกเปิดโปงความผิดที่ก่อไว้ในอดีต
“อูย...เจ็บชะมัด”
ปรียากรกัดฟันบ่นพึมพำ เมื่อนึกถึงชีวิตคู่ของตนกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี
การแต่งงานที่ควรมีจุดเริ่มต้นจากความรักความเสน่หา แต่นั่นไม่ใช่คู่ของเธอ คำว่า ‘คู่เวรคู่กรรม’ คงเป็นคำจำกัดความที่ตรงกับชีวิตคู่ที่แสนจะบิดเบี้ยวของเธอ และฉัตรินได้ดีที่สุด
หากจะโทษใคร ก็ควรเป็นเธอที่ดันทุรังทำให้เรื่องมาถึงจุดนี้ได้ ไม่สิ ควรต้องโทษความรักต่างหาก เธอรักเขามาก รักตั้งแต่แรกพบ แอบรักฝ่ายเดียว รักมาตลอดจนหน้ามืดตามัวฝันอยากจะเป็นเจ้าของเขา เธออาจจะกักเก็บความรักนี้ต่อไปอีกสักระยะหรือนานกว่านั้นก็ได้ หากไม่บังเอิญไปได้ยินสิ่งที่พ่อกับแม่ของเธอคุยกันในวันนั้นเสียก่อน...
เป็นความรู้สึกที่สุดแสนจะพิเศษเกินกว่าจะหาคำบรรยายใดๆ มาบอกได้ ในวินาทีที่ผิวกายอ่อนบางได้สัมผัสกับไออุ่นจากอกของพ่อเป็นครั้งแรกในชีวิต ฉัตรินรู้สึกตื้นตันจนน้ำตาซึมออกมาโดยไม่รู้ตัวนี่คือลูกของเขา ลูกที่เขาเกือบพลั้งทำลายด้วยทิฐิอย่างร้ายกาจ แต่มาวันนี้เขาสามารถเสียสละทุกสิ่งที่มีเพื่อให้คนในอ้อมอกนี้มีชีวิตที่ดีที่สุดเท่าที่พ่อคนหนึ่งจะให้ได้น่าเสียดายที่แม่ของเจ้าตัวน้อยยังไม่ฟื้น หาไม่เธอคงจะมีความสุขมากที่ได้เห็นลูกน้อยของเราในวันนี้หลังจากครบเวลาที่กำหนด ทารกน้อยก็ถูกอุ้มใส่รถเข็นสำหรับเด็ก เพื่อไปให้นมก่อนจะพาไปหาคุณแม่ที่ห้องพักฟื้นโดยปกติฉัตรินไม่ใช่คนรักเด็กหรืออินอะไรกับเด็กมาก่อน แต่ทว่าหลังจากที่มีลูก ชายหนุ่มกลับกลายเป็นคุณพ่อลูกอ่อนที่ใจบางเสมอเวลาที่ได้เจอหน้าเจ้าตุ๊กตาน้อยๆ ที่ชื่อน้องปูเป้“ไงคะลูกพ่อ ทักทายคุณแม่หน่อยสิลูก”เสียงสองก็มา เขาได้แต่ขำตัวเอง อย่าให้ใครที่บริษัทมาได้ยินเลยว่าท่านประธานทำเสียงแบบนี้ คงสิ้นความยำเกรงกันก็คราวนี้แต่ช่างประไร ใครสน ลูกเขาออกจะน
ท่ามกลางสายตาของครอบครัวทั้งสองฝ่ายรวมถึงเพื่อนสนิทของหญิงสาวอย่างจนิตา ที่คอยมองความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของคนที่เคยใจร้ายกับเพื่อนเธอมาสารพัดอย่างสงสารแกมสมน้ำหน้า ที่กว่าเขาจะรู้ว่าตัวว่ารักก็เกือบต้องสูญเสียปรียากรและลูกสาวไปตลอดกาลเสียแล้วยังดีที่เบื้องบนยังให้โอกาสแก้ตัว แต่ก็นับเป็นบทเรียนและบททดสอบชีวิตคู่ที่หนักหนาสาหัสเอาการทีเดียวเย็นวันหนึ่งหลังจากที่เขากลับมาจากบริษัท และเข้าไปเยี่ยมลูกสาวที่ห้อง NICU หรือห้องผู้ป่วยทารกแรกเกิดระยะวิกฤตเหมือนเช่นทุกวัน พออัดคลิปเสร็จและได้ข่าวดีว่าลูกสาวตัวน้อยจะได้ออกจากตู้อบแล้วในอีกสองวันข้างหน้า ชายหนุ่มจึงเก็บข่าวดีนี้มาบอกแม่ของลูกที่ห้องพักฟื้นของเธอ“ปูนจ๋า...วันนี้พี่มีข่าวดีมาบอกด้วยนะ”เขาชินเสียแล้วกับการต้องพูดเองเออเองคนเดียวให้เธอฟัง ทั้งที่อีกฝ่ายไม่รับรู้เรื่องราวอะไร นอกจากนอนหลับ“น้องปูเป้ ลูกสาวของเราจะได้ออกจากตู้อบวันมะรืนนี้แล้วนะ ดีใจไหม” ทุกครั้งที่เอ่ยถึงชื่อของลูกรัก ชายหนุ่มต้องมีรอยยิ้มเสมอปูเป้ ที่แปลว่า ตุ๊กตา ในภาษาฝรั่งเศสที่เขาเป็นคน
ความรักเป็นเช่นนี้เอง...ให้ได้ทุกอย่างกระทั่งชีวิต ขอเพียงคนที่รักปลอดภัยทำไมนะ เขาถึงเพิ่งมาเข้าใจในวันที่เกือบสายเพียงคิดว่าต้องเสียเธอกับลูกไปต่อหน้าต่อตา แล้วเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อยังไง ให้ตายแทนเสียยังดีกว่า ต้องอยู่ในโลกที่ไม่มีเธอกับลูก!เพียงคิด หัวใจก็ปวดหนึบ มันมึนมันชาไปหมด“ตั้งสติไว้ลูก ไม่ใช่เวลาร้องไห้ เขาไม่ใช่แค่ลูกเมียแก แต่ในนั้นก็ลูกสาวและหลานสาวของพ่อกับแม่เหมือนกัน หายใจลึกๆ เข้าไว้ อะไรจะเกิดเราต้องยอมรับให้ได้” คุณเกรียงไกรเตือนสติจนิตาหน้าเสียในฐานะหมอเธอยอมรู้ดีกว่าใคร แม้จะเคยผ่านความเป็นความตายมานักต่อนักบอกได้คำเดียว เคสนี้ยาก เอาแค่แม่หากผ่าตัดสำเร็จ โชคดีอาจฟื้น แต่โชคร้ายอาจกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ไหนจะเด็กที่คลอดอีกล่ะ หกเดือนเศษตัวยังเล็กนัก หากโชคดีรอดก็อาจต้องอยู่ในตู้อบอีกนานเท่าไหร่ยังไม่รู้ แต่นั่นยังไม่สำคัญเท่ากับจะรอดในสภาพไหน สมบูรณ์ หรือไม่ต่างหากยากเกินไป ยากจริงๆทุกนาทีที่ผ่านไปช่างบีบหัวใจคนที่รอ นานหลายชั่วโมง ก่อนที่ประตูจะเปิดอีกครั้ง พร้อมกับตู้อบที่มีทารกร่างเล็กน
ปรียากรได้แต่เก็บความสงสัยไว้โดยไม่ถามต่อ ในเมื่อเธอกับ ฉัตรินจบกันไปนานแล้ว เธอก็ไม่อยากยุ่ง เขาจะมีใครใหม่ หรือคบใครต่อก็เป็นสิทธิ์ของเขา“อุ๊ย!” หญิงสาวเผลออุทาน เมื่อมีแรงเตะเบาๆ จากภายในท้อง ที่พักนี้มักจะมาบ่อย โดยเฉพาะเวลาที่คนเป็นแม่กำลังคิดมาก หรือไม่ก็คิดถึงพ่อของลูก“ตัวแสบของแม่ อย่าเตะแรงนักสิลูก แม่เจ็บนะ” ปรียากรบอกน้ำตาคลอ เธอชอบคุยกับลูกในท้องเสมอ สายใจความรักถูกถักทอในหัวใจเธอพร้อมกับสมานรอยแผลที่พ่อของลูกเคยทำให้เจ็บมาก่อนการดึงดันที่จะแต่งงานกับเขา อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้สูญเปล่า แม้จะต้องหย่ากัน เขาก็ยังอุตส่าห์ให้ลูกน้อยกับเธอมาเป็นรางวัลในความทุ่มเทที่สูญเปล่านั่นวันนี้เธอหันกลับมารักและทุ่มเทให้กับเจ้าตัวน้อยในท้องแทน“คิดถึงพ่อเขาล่ะสิ ไม่เป็นไรนะคะ ถึงหนูไม่มีพ่อ แต่แม่จะดูแลหนูให้ดีที่สุดเลยนะ อยากพบหน้าหนูเร็วๆ จัง”หญิงสาวลูบท้องกลมของตัวเองอย่างมีความสุข ดวงตาคู่งามมองไปด้านหน้าที่สัญญาณไฟจราจรเพิ่งเปลี่ยนเป็นสีเขียว“เอาล่ะ กลับบ้านเรานะลูกนะ”เธอว่าพ
ชีวิตเขามันโดดเดี่ยวอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะชายหนุ่มนอนก่ายหน้าผากมองเพดาน ปล่อยใจให้ล่องลอยไปไกล ทั้งๆ ที่เขาเป็นฝ่ายเรียกร้องที่จะหย่ากับเธอด้วยตัวเองมาตลอด แต่พอได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้วแท้ๆ แต่กลับไม่มีความสุขกับสิ่งที่ได้มาสักนิดคิดถึง...คำนี้ผุดขึ้นมาในหัวทุกครั้ง พร้อมกับใบหน้าหวานของใครคนนั้นที่มักจะมาก่อกวนในใจในยามที่เผลอ ตอนแรกเขาใช้การทำงานให้หนักขึ้นเพื่อหวังให้ความคิดถึงที่มีหายไป แต่มันก็ไม่ค่อยได้ผล พอมีเวลาว่างเมื่อไหร่ หัวใจก็ลอยกลับไปหาคนที่ไม่สมควรคิดถึงทุกทีอยากรู้นัก เธอจะรู้สึกเหมือนกันกับเขาหรือเปล่านะความคิดของเขามีอันต้องหยุดชะงัก เมื่อได้ยินเสียงรถคุ้นหูแล่นผ่านไปทางบ้านใหญ่ของพ่อแม่ ร่างสูงจึงเด้งตัวผึ่งไปที่หน้าต่างห้องทันทีรถเก๋งสีขาวแล่นเข้ามาจอดเทียบ พร้อมกับที่พ่อแม่เขาลงจากรถ แต่แล้วหัวใจที่เคยเฉยชาก็กลับเต้นแรงขึ้นเมื่อเห็นร่างอวบอิ่มที่ตอนนี้สวมชุดคลุมท้องสีฟ้าสดใสเปิดประตูตามลงมา เพื่อช่วยลำเลียงสิ่งของที่ซื้อออกจากท้ายรถให้ฉัตรินสะดุดลมหายใจตัวเองทันใด เมื่อเห็นใบหน้าหวานส่งยิ้มให้พ่อแม
คุณโฉมฉายขมวดคิ้ว ก่อนหันไปสบตากันกับสามีอย่างแปลกใจเมื่อเห็นอดีตแคนดิเดตลูกสะใภ้ ที่วันนี้มาในชุดคลุมท้องแบบสวยทันสมัย“แล้วนี่คุณมาทำอะไรที่นี่คะ หรือมีใครเป็นอะไร เมื่อกี้รัญเห็นคุณปูนเพิ่งเดินออกไป หรือว่า...”“พวกเราพาหนูปูนมาฝากท้องน่ะจ้ะ”คุณโฉมฉายชิงตอบเสียเองด้วยความหมั่นไส้ หญิงสาวตรงหน้าไม่เคยเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนตอนที่เคยคบกับลูกชายของเธอเลย ในสายตาอีกฝ่ายมักมองเห็นแต่ลูกชายของเธอคนเดียว โดยไม่สนใจคนรอบข้างกระทั่งผู้ใหญ่ที่ยืนหัวโด่ในฐานะพ่อแม่ของคนที่เธอหมายปอง สวยก็จริงอยู่ แต่จริตมารยาทในการเข้าหาผู้ใหญ่สอบตก เมื่อเทียบกับปรียากรแล้วยังห่างชั้น“อ้าว คุณพ่อคุณแม่ก็มาด้วยเหรอคะ ขอโทษนะคะ หนูไม่ทันเห็น” คนพูดยกมือไหว้แผล็บ ก่อนส่งยิ้มหวานปะเหลาะพ่อแม่ของชายหนุ่ม“จ้ะ แล้วนั่นหนูท้องได้กี่เดือนแล้วจ๊ะ”รัญชิสาหน้าถอดสีเมื่อได้ยินคำถามแสลงหู แต่ก็ฝืนยิ้มตอบกลับไป“รัญท้องได้สี่เดือนกว่าแล้วค่ะคุณแม่”“แล้วนี่ทำไมมาคนเดียวล่ะ พ่อของเด็กไม่มาด้วยหรือจ๊ะ&