Compartilhar

บทที่ 6

Autor: อวี๋ปู้เหยียน
บทที่ 6

“ยั่วยวนสามีแก?”

เสียงของแม่สวีค่อย ๆ แหลมสูงขึ้นด้วยแรงโกรธ “ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลสวีของฉัน แกคิดเหรอว่าจะมีโอกาสได้รู้จักคนอย่างฉินเซียว? อย่าลืมล่ะ ว่าสิ่งที่แกมีอยู่ทุกวันนี้ เดิมทีมันเป็นของลูกสาวฉันต่างหาก!”

ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหวจนเผลอพูดสิ่งที่อัดอั้นออกมา

ถ้าเป็นเมื่อก่อนต่อให้แม่สวีไม่พูดออกมา แต่สายตาที่มองมายังเธอทุกครั้งก็เหมือนกำลังจ้องมองโจรผู้ร้ายที่คอยปล้นทุกสิ่งทุกอย่างจากลูกสาวสุดรักของเธอ

เธอคิดว่าไม่พูดมันออกมาก็ยังจะดีเสียกว่า อย่างน้อยก็ไม่ทำให้บรรยากาศให้แย่ลงไปกว่านี้ เพราะอย่างไรเสีย หลังแต่งงานกับฉินเซียวแล้ว เธอก็ไม่คิดจะกลับมาที่นี่บ่อยนักหรอก

แต่ในเมื่อตอนนี้เธอกำลังจะหย่าอยู่แล้ว การที่ตระกูลสวีทำให้เรื่องราวใหญ่โตถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าเธอยังปล่อยให้ตัวเองถูกผูกมัดด้วยศีลธรรมอีก งั้นเธอก็คงโง่เกินไปแล้วจริง ๆ สมควรถูกเหยียบหัว

สวีเหยียนเช่อเหมือนจะเดาออกว่าเธอคิดจะพูดอะไร กำลังจะยกมือห้าม

แต่สวีเหยียนซีกลับหลบตัวทัน และเอ่ยออกมาทันทีว่า “ถ้าหนูจะพูดว่าตัดความสัมพันธ์กับตระกูลสวี คราวนี้แม่คงไม่คัดค้านอะไรอีกแล้วใช่ไหมคะ”

“...” แม่สวีไม่คิดว่าเธอจะกล้าพูดคำนี้อีกในเวลานี้ แต่พอคิดถึงบางเรื่องก็ทำให้เธอยิ่งเดือดเป็นฟืนเป็นไฟ “ทุกรอบก็เอาแต่พูดอะไรแบบนี้ สวีเหยียนซี ฉันดูแล้วแก...”

“ผมได้ยินเสียงดังเอะอะของคุณตั้งแต่หน้าบ้าน แบบนี้จะให้ผมเรียกเพื่อนบ้านมานั่งฟังด้วยเลยไหม?” เสียงของพ่อสวีดังขึ้นจากทางเข้าหน้าบ้าน

บรรยากาศในห้องรับแขกเงียบลงทันที

แม่สวีมีท่าทีสงบลง แต่ก็ยังไม่หยุดบ่น “ก็ลูกอกตัญญูนี่ไง เพิ่งแต่งงานวันเดียวก็กล้าแข็งข้อใส่ฉันแล้ว”

พ่อสวีเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะชำเลืองมองสวีเหยียนซี “เหยียนซี ตามพ่อไปที่ห้องหนังสือ”

เธอจึงเดินตามเขาขึ้นไปยังห้องหนังสืออย่างสงบเสงี่ยม

เมื่อประตูห้องหนังสือปิดลง พ่อสวีที่นั่งลงบนโซฟาจึงเอ่ยด้วยเสียงเข้มว่า “แม่ของลูกก็พูดไม่ผิด เพิ่งแต่งไปแค่วันเดียวเอง สิ่งที่พ่อสอนเรื่องกิริยา มารยาท คุณธรรม ลูกลืมหมดแล้วหรือไง! อย่าลืมสิ ว่าลูกคือคุณหนูตระกูลสวี!”

“พ่อคะ พ่อพูดผิดแล้วค่ะ ทั้งเมืองจิงรู้ให้ทั่วแล้วว่าหนูเป็นตัวปลอม” สวีเหยียนซีตอบอย่างใจเย็น

“มันสำคัญด้วยเหรอ แค่พวกเรายอมรับหนูเป็นลูกสาวตระกูลสวีก็พอแล้ว”

เมื่อได้ยินคำเหล่านี้ สวีเหยียนซีก็แทบอยากจะหัวเราะ

เธอต้องยอมรับจริง ๆ ว่าคนในตระกูลสวีแต่ละคนนั้นล้วนเป็นนักแสดงยอดเยี่ยมที่คู่ควรกับรางวัลออสการ์ พวกเขาเหมาะจะไปเป็นหัวหน้าทีมขายตรงเสียมากกว่า

พ่อสวีเอ่ยตักเตือนเพียงพอประมาณ แม้ว่าสวีหว่านหนิงจะเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเขา แต่สวีเหยียนซีก็คือเด็กที่เขาเลี้ยงและปลูกฝังมาตั้งแต่เล็ก สำหรับเขาแล้ว เธอมีค่าที่ใช้ประโยชน์ได้มากกว่าสวีหว่านหนิงเสียอีก

เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนเอ่ยต่อว่า “พ่อรู้ว่าเรื่องนี้สำหรับลูกมันไม่ยุติธรรมเลย แต่การที่หนิงหนิงเป็นโรคซึมเศร้าก็ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นวันสองวัน หมอจิตเวชเองก็บอกว่า สำหรับหนิงหนิงแล้ว ฉินเซียวคือยารักษาที่ดีที่สุด”

“สถานะคุณนายน้อยตระกูลฉินยังคงเป็นของลูก แต่ตอนนี้ต้องการเพียงแค่ลูกปล่อยให้ฉินเซียวได้อยู่เคียงข้างหนิงหนิงชั่วคราว ลูกกับฉินเซียวโตมาด้วยกัน ใครจะกล้าแยกพวกเธอสองคนออกจากกัน? ถ้าหนิงหนิงอาการดีขึ้นแล้ว พ่อจะไม่ลืมบุญคุณของลูกแน่นอน หลังจากนี้พ่อจะช่วยฉินเซียวให้มากขึ้นด้วย”

สวีเหยียนซีกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อเพื่อข่มอารมณ์ไว้ไม่ให้ระเบิดออกมา

เธอรู้ดีว่าอาหารมื้อนี้ต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ และผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่เธอคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด

แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยากที่ตัวเธอจะรับมือไหว

เพียงเพราะเธอเชื่อฟังและว่านอนสอนง่ายมาตลอด เลยทำให้เธอกลายเป็นเครื่องมือที่ใครจะหลอกใช้เมื่อไหร่ก็ได้งั้นเหรอ?

เธอเงียบอยู่นาน ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “พ่อคะ พ่อสอนหนูมาตลอดว่าให้เป็นคนซื่อสัตย์ มีหลักการ ผู้หญิงควรรู้จักวางตัวให้ดี โดยเฉพาะในฐานะลูกสาวตระกูลสวี ยิ่งต้องรักษาหน้าและชื่อเสียงไว้”

เมื่อฟังมาถึงตรงนี้พ่อสวีก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ

แต่ก็สายไปเสียแล้ว คำพูดถัดมาของสวีเหยียนซีทำให้สีหน้าเขาเปลี่ยนไปในทันที

“ตอนนี้พ่อกลับมาบอกให้หนูยกสามีให้สวีหว่านหนิงยืมใช้ นี่คือหลักการที่พ่อสอนมาตลอดอย่างนั้นเหรอ? โรคซึมเศร้าไม่ใช่บัตรผ่านที่จะทำอะไรก็ได้หรอกนะคะ”

“แก!” พ่อสวีเอ่ยด้วยเสียงเข้มขึ้น “คำพูดของแก แทนความคิดของฉินเซียวได้เหรอ?”

คำพูดนี้เหมือนการตบหน้าสวีเหยียนซีอย่างจัง

เธอรู้ดีว่าคำพูดของเธอไม่อาจแทนเขาได้ เพราะฉินเซียวได้ทรยศเธอไปแล้ว

“ถ้าเขาเห็นด้วย หนูยินดีจะถอนคำพูดที่พูดไปเมื่อกี้ และเคารพการตัดสินใจของพวกคุณ แต่มีข้อแม้อย่างหนึ่ง”

ได้ยินดังนั้นพ่อสวีก็คลายสีหน้าลง ที่แท้แล้วการพูดอ้อมค้อมของลูกสาวก็เพราะมีเงื่อนไขนี่เอง

เขาพูดว่า “พ่อก็รู้ว่าลูกเป็นเด็กดี มีเหตุผลอยู่แล้ว แล้วข้อแลกเปลี่ยนของลูกคืออะไร?”

“หนูยอมยกฉินเซียวให้สวีหว่านหนิง แต่แลกกับการที่หนูจะขอตัดขาดจากตระกูลสวี”

พอได้ยินดังนั้น พ่อสวีก็ลุกพรวดขึ้น “นี่แกกำลังขมขู่ฉันงั้นเหรอ?!”

สวีเหยียนซีตอบอย่างไม่เกรงกลัว “นี่ไม่ใช่การข่มขู่ แต่เป็นการเจรจาต่อรอง”

“ถ้าฉินเซียวรู้ว่าแกกล้าเอาเขามาเป็นข้อต่อรอง แกไม่คิดเหรอว่าเขาจะโกรธมากแค่ไหน?”

สวีเหยียนซีแสยะยิ้ม “เมื่อคืนสวีหว่านหนิงเพิ่งพยายามฆ่าตัวตายก็เพราะว่าหนูกับฉินเซียวจดทะเบียนกัน พ่อกับแม่ยังจะรับมือไหวเหรอถ้าเธอทำอีก?”

เป็นครั้งแรกที่พ่อสวีรู้สึกว่าลูกสาวที่เขาเลี้ยงดูมากับมือ กำลังกลายเป็นคนที่ไม่รู้จัก

เขาไม่เคยสอนเธอให้ทำแบบนี้

ไม่นาน พ่อสวีก็ใจเย็นลง กลับมาสวมบทบาทพ่อที่แสนอบอุ่นอีกครั้ง “ซีซี ถึงแม้เราจะไม่ได้มีความผูกพันทางสายเลือด แต่บุญคุณการเลี้ยงดูก็ยิ่งใหญ่กว่านั้น พ่อรักลูกเหมือนลูกแท้ ๆ มาตลอดนะ”

“บุญคุณนั้น หนูจะจดจำไปตลอดชีวิตค่ะ”

“...” พ่อสวีหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พ่อรู้ว่าที่จริงแล้วใจของลูกไม่ได้รู้สึกปลอดภัยเลย ก่อนหน้านี้พ่อกับพี่ของลูกก็เพิ่งคุยกันว่าจะโอนหุ้นบริษัทให้ลูกด้วยซ้ำ เรื่องนี้เดี๋ยวพ่อจะรีบจัดการให้ทันที ส่วนเรื่องที่ลูกพูดเมื่อกี้ พ่อจะถือว่าเป็นแค่คำล้อเล่น วันพรุ่งนี้พ่อจะให้ลูกมาเซ็นเอกสารโอนหุ้นนะ”

และแล้วเขาก็ตัดสินใจแทนเธออีกครั้งโดยไม่เคยรับฟังความต้องการของเธอเลย

ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาจะเป็นพ่อลูกกัน

“พ่อคะ หนูเป็นโรคกลัวความสกปรกทางความสัมพันธ์ค่ะ”

“...นี้แกเป็นอะไรไป ทำไมถึงดื้อด้านขนาดนี้!”

“หนูไม่ใช่เด็กอายุสามขวบอีกแล้วนะคะ”

พ่อสวีรู้สึกหนังตากระตุกอย่างแรง เขาทั้งเดือดดาลและจนปัญญาที่จะต่อกรกับเธอ

ในที่สุดสวีเหยียนซีก็เอ่ยขึ้นว่า “พ่อคะ ลองพิจารณาข้อเสนอของหนูให้ดีเถอะค่ะ หนูขอตัวก่อน”

พ่อสวีไม่ได้รั้งเธอไว้ ปล่อยให้เธอเดินจากไป

เมื่อก้าวพ้นจากห้องหนังสือมาได้ สวีเหยียนซีก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

ในเมื่อพวกเขาเลือกที่จะเป็นฝ่ายเริ่มทำร้ายเธอก่อน งั้นก็อย่าโทษที่เธอกำลังจะทำลายมูลค่าทางผลประโยชน์ที่พวกเขาฝากไว้บนตัวเธอก็แล้วกัน

เธอเดินขึ้นไปชั้นบนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ใด ๆ เพื่อกลับไปพักผ่อนในห้อง

สำหรับเรื่องการหย่า เธอคิดว่าจะยังไม่ทำในตอนนี้ อย่างน้อยก็จนกว่าจะได้ตัดขาดจากตระกูลสวีอย่างแท้จริง ถึงตอนนั้นการการหย่าคงจะให้ประโยชน์สูงสุดสำหรับเธอ

ในเมื่อต้องการปลดพันธะทั้งสองเรื่อง เธอก็จะจัดการให้เสร็จสิ้นไปในคราวเดียว

ขณะที่เธอกำลังเดินขึ้นบันได โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น

ปรากฏว่าเป็นสายจากจ้าวจวิ้นโจว!

เธอรับสายแล้วกดเสียงลงให้ต่ำที่สุด “ท่านประธานจ้าวคะ”

“ผมโทรไปไม่ถูกเวลาหรือเปล่าครับ สถาปนิกสวี” น้ำเสียงของจ้าวจวิ้นโจวฟังดูเหมือนมีรอยยิ้มเจืออยู่ ปลายเสียงเต็มไปด้วยความคลุมเครือชวนให้คิด

เปลือกตาของสวีเหยียนซีกระตุก เธออดไม่ได้ที่จะสงสัยว่านี่เป็นวิธีการพูดคุยปกติของเขา หรือเขาแค่จงใจพูดแบบนี้กับเธอคนเดียว

“เปล่าค่ะ” เธอตอบกลับอย่างสุขุม “การเริ่มงานคือวันพรุ่งนี้ การที่คุณเรียกฉันแบบนี้คงจะเร็วไปหน่อยนะคะ”

“ก็แค่ให้คุณชินไว้ก่อน”

จริงเหรอ? ทำไมเธอกลับรู้สึกว่าการโทรครั้งนี้เป็นแค่การหาเรื่องมาพูดคุยเท่านั้น

“โอ๊ย...”

เสียงหวานแผ่วชวนให้คิดดังขึ้นอย่างกะทันหัน

มือที่กำลังจะบิดลูกบิดประตูชะงักงัน สวีเหยียนซีหันขวับไปยังทิศทางของเสียง ซึ่งมาจากห้องนอนของสวีหว่านหนิง

ในเวลาเดียวกัน จ้าวจวิ้นโจวในสายก็ได้ยินชัด “สถาปนิกสวี แน่ใจนะว่าผมไม่ได้ขัดจังหวะอะไรคุณอยู่?”

“คุณจะคิดยังไงก็แล้วแต่เลยค่ะ แต่ขอโทษนะคะ ฉันต้องวางสายก่อน” เธอกดตัดสายทันที ก่อนก้าวเท้าตรงไปยังห้องน้องสาวทันที

เสียงหอบหายใจแผ่วพร่าดังชัดขึ้นเรื่อย ๆ ชวนให้จินตนาการไปถึงเรื่องที่ไม่งาม

เมื่อมายืนอยู่หน้าประตูห้องนอนที่แง้มอยู่ ภายในปรากฏภาพของสองร่างที่กำลังแนบชิดกัน

หลังของสวีหว่านหนิงแนบชิดผนัง สองมือกอดรอบต้นคอชายหนุ่ม ปล่อยให้เขาก้มหน้าซุกไซ้หน้าอกของเธอ

เมื่อหันมาเห็นสวีเหยียนซี สวีหว่านหนิงก็เลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อเต็มไปด้วยรอยยิ้มท้าทายที่แฝงด้วยความรู้สึกสะใจ
Continue a ler este livro gratuitamente
Escaneie o código para baixar o App

Último capítulo

  • หย่าเสร็จ ท่านประธานฉวยโอกาสเป็นสามีใหม่   บทที่ 44

    บทที่ 44จ้าวจวิ้นโจวเก็บมือกลับอย่างพึงพอใจ แล้วหันไปคุยเรื่องงานกับเหมารุ่ยเฟิงต่ออย่างเป็นธรรมชาติระหว่างนั้น เหมารุ่ยเฟิงก็เปลี่ยนหัวข้อมากล่าวถึงสวีเหยียนซี “สถาปนิกสวีมาที่เมืองไห่กับประธานจ้าวในครั้งนี้ ก็เพื่อเก็บข้อมูลนี่เอง แบบนี้ผมก็ยิ่งตั้งตารอแบบร่างเบื้องต้นของสถาปนิกสวีมากขึ้นแล้วสิ”สวีเหยียนซียิ้มอย่างสุภาพ “วางใจได้เลยค่ะ”เมื่อเหมาเจียนั่วได้ยินดังนั้นก็เข้าใจความหมายในทันที จึงเอ่ยถามว่า “พ่อคะ เธอสถาปนิกที่รับงานโปรเจกต์ก่อสร้างล่าสุดของพ่อเหรอคะ?!”“อืม” เหมารุ่ยเฟิงตอบห้วน ๆ พลางตำหนิลูกสาวของตัวเอง “ดูสถาปนิกสวีสิ ทั้งอายุน้อย ทั้งเก่งกาจขนาดนี้ แกควรจะเรียนรู้จากสถาปนิกสวีบ้างนะ เลิกเอาแต่เล่นเป็นเด็กไร้ประโยชน์ได้แล้ว”เหมาเจียนั่วหน้าแดง “พ่อคะ อยู่ข้างนอกไว้หน้าหนูหน่อยเถอะคะ”“แล้วแกเคยไว้หน้าฉันบ้างไหม?”“...”แม้จะดูเหมือนพ่อลูกทะเลาะกัน แต่ก็ไม่ได้ดูเหมือนโกรธกันจริงจัง สวีเหยียนซีมองแล้วก็อดรู้สึกอิจฉาไม่ได้ เพียงแค่ไม่กี่วินาทีที่เธอเผลอเหม่อ หากตอนนั้นเธอไม่ได้ถูกสลับตัวตั้งแต่แรก เธอกับพ่อแท้ ๆ ก็คงจะมีความสัมพันธ์ที่อบอุ่นแบบนี้เช่นกัน“เ

  • หย่าเสร็จ ท่านประธานฉวยโอกาสเป็นสามีใหม่   บทที่ 43

    บทที่ 43“เจ้าของของที่นี่เป็นเพื่อนกับผมเอง” จ้าวจวิ้นโจวอธิบาย พร้อมกับถามเธอกลับ “คุณมีเวลาหาข้อมูลในนี้เงียบ ๆ ชั่วโมงเดียวเท่านั้น แน่ใจเหรอว่าจะเสียเวลาถามคำถามนี้?”สวีเหยียนซีได้สติในทันที แล้วรีบหยิบกล้องขึ้นมา “ขอบคุณค่ะท่านประธานจ้าว”พูดจบ เธอก็เริ่มตั้งสมาธิทำงานทันทีจ้าวจวิ้นโจวเดินตามเธออยู่ไม่ห่างด้วยท่าทีที่สบาย ๆ ไม่นานนัก ในมือของเขาก็มีทั้งกาแฟที่เธอยังดื่มไม่หมด รวมถึงกระเป๋าของเธอสวีเหยียนซีไม่รู้ตัวเลยว่า ในขณะที่เธอเพลิดเพลินอยู่กับงาน เธอกลับส่งของพวกนั้นให้เขาไปโดยไม่รู้ตัวเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สวีเหยียนซีเก็บข้อมูลครบทุกอย่างที่ต้องการแล้วก็รู้สึกเบิกบานด้วยความดีใจพอเธอหันกลับมาจะบอกจ้าวจวิ้นโจวว่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็ต้องอึ้งเมื่อเห็นกระเป๋าของตัวเองอยู่ในมือเขา!เธอแทบอยากจะสบถออกมา รีบคว้ากระเป๋าคืนจากมือเขา แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิด “ขอโทษค่ะท่านประธานจ้าว เมื่อกี้คุณควรเตือนฉันนะคะ”เพราะเมื่อก่อนตอนที่อยู่กับฉินเซียว เธอชินกับการส่งของให้เขาช่วยถือโดยไม่ทันคิดอะไร คราวนี้ก็เลยเผลอแสดงพฤติกรรมแบบเดิมออกมาโดยไม่รู้ตัวเพราะมัวแต่

  • หย่าเสร็จ ท่านประธานฉวยโอกาสเป็นสามีใหม่   บทที่ 42

    บทที่ 42สวีเหยียนซีกัดริมฝีปากด้วยความรู้สึกกระอักกระอวน ก่อนจะรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ท่านประธานจ้าวมาเจอลูกค้าแถวนี้เหรอคะ?”จ้าวจวิ้นโจวตอบตรง ๆ โดยไม่ปิดบัง “ในโทรศัพท์มีระบบแชร์พิกัดอยู่”“???” สวีเหยียนซีเบิกตากว้าง มองโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าตัวเองอย่างเหลือเชื่อครู่หนึ่ง ก่อนพูดอย่างหงุดหงิดว่า “คุณ!”จ้าวจวิ้นโจวเลิกคิ้วขึ้น “โทรศัพท์ที่ผมให้คุณใช้ คุณไม่เคยเปิดดูเลยหรือไง?”เธออึ้งไปชั่วขณะ “นั่นเป็นโทรศัพท์ของคุณ ฉันจะกล้าไปค้นอะไรแบบนั้นได้ยังไง?”“ผมให้คุณใช้ ก็เท่ากับว่ามันเป็นของคุณชั่วคราว ถ้าคุณเปิดดูแล้วปิดระบบนี้ไป ผมก็คงหาคุณไม่เจอ แบบนี้จะโทษใครดีล่ะ?”สวีเหยียนซีชื่นชมสกิลปากของเขาจริง ๆ เธอฝืนยิ้ม “คุณบอกกันตรง ๆ ก็ได้ ว่ามีระบบนี้อยู่”ตอนแรกเธอก็รู้สึกว่าโทรศัพท์เครื่องนี้เป็นเหมือนตัวปัญหาอยู่แล้ว ตอนนี้เธอยิ่งมั่นใจว่าจะไม่ใช้มันอีกจ้าวจวิ้นโจวไม่ได้ต่อล้อต่อเถียง แต่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดหน้าจอให้เธอเห็น ก่อนจะกดปิดระบบแชร์พิกัดนั้นต่อหน้าเธอ “ทีนี้ก็สบายใจได้แล้ว รอบหน้าผมหาคุณไม่เจอแล้ว”สวีเหยียนซีปฏิเสธ “ขอบคุณสำหรับน้ำใจนะคะ แต่ไม่จำเ

  • หย่าเสร็จ ท่านประธานฉวยโอกาสเป็นสามีใหม่   บทที่ 41

    บทที่ 41สวีเหยียนซีไม่พูดอะไร เพียงแต่กดโทรออกสีหน้าของเหมาเจียนั่วค่อย ๆ ตึงเครียดขึ้น ชัดเจนว่าเธอไม่คิดว่าสวีเหยียนซีจะกล้าทำจริง!ไม่นาน เสียงของฟางห่าวก็ดังขึ้นจากปลายสาย “สถาปนิกสวี?”“ผู้ช่วยฟางคะ ฉันเจอคุณเหมาเจียนั่วที่ลานจอดรถใต้ดินของโรงแรม ดูเหมือนว่าเธอจะมีเรื่องด่วนอยากพบท่านประธานจ้าว แต่เพราะฉันขับรถของเขาออกมา เธอก็เลยตามมารังควานฉันอยู่ ตอนนี้ทำให้ฉันไม่สามารถทำงานได้ตามปกติค่ะ”เหมาเจียนั่วเบิกตากว้างทันที “???”ฟางห่าวพูดว่า “รอสักครู่นะครับสถาปนิกสวี เดี๋ยวผมจะจัดการให้”ทันทีที่วางสาย เหมาเจียนั่วก็ระเบิดอารมณ์ออกมาอีกครั้ง “เธอบอกว่าจะโทรแจ้งตำรวจไม่ใช่เหรอ! แล้วทำไมถึงโทรหาผู้ช่วยของจ้าวจวิ้นโจวแทนล่ะ!?”สวีเหยียนซียักไหล่เบา ๆ “ก็เธอบอกเองไม่ใช่เหรอว่าที่นี่คือเมืองไห่ไม่ใช่เมืองจิง? ฉันก็แค่ทำตามคำแนะนำของเธอ การโทรหาตำรวจก็ไม่มีประโยชน์กับฉันอยู่ดี”“...” ไม่ใช่! ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเชื่อฟังกันจริง ๆ ด้วย?!ขณะที่เหมาเจียนั่วเอียงคอพลางชี้ไปที่สวีเหยียนซี เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น พอไม่มีทางเลือก เธอจึงหยิบขึ้นมาดูและเห็นว่าเป็นสายจากพ่อ หน้าขอ

  • หย่าเสร็จ ท่านประธานฉวยโอกาสเป็นสามีใหม่   บทที่ 40

    บทที่ 40แต่ว่าจ้าวจวิ้นโจวกดตัดสายไปแล้วเอาไว้รับสายอย่างเดียว ส่วนเวลาอื่น ๆ ก็เก็บไว้ในกระเป๋าก็พอ สวีเหยียนซีบอกแบบนั้นเพื่อปลอบใจตัวเอง ก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วลงไปยังลานจอดรถชั้นใต้ดินเมื่อกวาดตามองไปรอบ ๆ ทั้งลานจอดรถ รถเบนท์ลีย์คอนติเนนทัลสีฟ้าโดดเด่นสะดุดตาเกินกว่าจะหาไม่เจอ เพราะมันมีอยู่เพียงคันเดียวเท่านั้นพอปลดล็อกด้วยกุญแจรถ สวีเหยียนซีก็แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้ชายอย่างจ้าวจวิ้นโจวจะมีรถหรูที่สีหวานละมุนราวกับรถของนางฟ้าแบบนี้หรือว่าในใจเขาเองก็อาจจะมีมุมความเป็นเด็กสาวแอบซ่อนอยู่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ขณะที่เธอกำลังจะเปิดประตูรถ จู่ ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งก้าวมาขวางตรงหน้า ยืนกอดอกพลางจ้องเธอตาไม่กะพริบ “นี่มันรถของจ้าวจวิ้นโจว! ทำไมกุญแจถึงอยู่ในมือเธอได้?”สวีเหยียนซีสะดุ้งเล็กน้อย ความคิดแรกคือนี่คงเป็นผู้หญิงที่ตามจีบเขาอยู่แน่ ๆเพียงแต่ใบหน้านี้ เธอไม่เคยเห็นมาก่อนที่เมืองจิง แต่ถ้าอีกฝ่ายรู้ว่านี่เป็นรถของจ้าวจวิ้นโจว ก็แปลว่าต้องรู้จักเขา เพียงแต่เธอไม่เคยเจอเท่านั้นเองเธอพูดว่า “ท่านประธานจ้าวให้ฉันยืมรถค่ะ”สิ้นคำพูดนั้น ผู้หญิงตรงหน้าก็ระเบิดอา

  • หย่าเสร็จ ท่านประธานฉวยโอกาสเป็นสามีใหม่   บทที่ 39

    บทที่ 39สวีเหยียนซีถึงกับอึ้งไปอีกครั้งจ้าวจวิ้นโจวรู้แม้กระทั่งรสนิยมเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเธอ!ยิ่งไปกว่านั้น เธอเพิ่งเริ่มชอบชาลี่ซานเมื่อปีนี้เองด้วยซ้ำ แม้แต่ฉินเซียวยังคิดมาโดยตลอดว่าเธอชอบลาเต้ ทั้งที่เธอเคยบอกเขาไปหลายครั้งแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยจำได้สักที ถึงอย่างนั้น เขายังอุตส่าห์ชงลาเต้มาให้ทุกวันไม่รู้เบื่อ เธอเลยไม่อยากทำให้ความตั้งใจของเขาเสียเปล่า สุดท้ายก็เลยไม่คิดจะเถียงให้มากความ ว่าเธอชอบชาลี่ซานหรือลาเต้กันแน่สวีเหยียนซีหลุบตาลงซ่อนความรู้สึกในแววตา ก่อนจะยกยิ้มบาง ๆ รับถ้วยชา พร้อมเอ่ยคำขอบคุณเธอก้มลงจิบชาหนึ่งอึก กลิ่นหอมหวานละมุนกระจายทั่วในปาก พอเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง สายตากลับเผลอทอดมองไปยังฝั่งตรงข้าม จ้าวจวิ้นโจวกำลังอ่านนิตยสาร แขนซ้ายพาดไว้บนที่วางแขนเป็นท่าทางสบาย ๆ ทุกครั้งที่เขาเปิดหน้าหนังสือ ก็พลอยทำให้เธอเห็นชัดเจนถึงมือเรียวยาวสวยสมบูรณ์แบบคู่นั้นหัวใจเธอเผลอไหววูบ ก่อนจะครุ่นคิด จ้าวจวิ้นโจวคนนี้รู้เรื่องของเธอมากแค่ไหนกันแน่?-สองชั่วโมงต่อมา เครื่องบินก็มาถึงเมืองไห่เพื่อความเงียบสงบ สวีเหยียนซีเลือกที่จะไม่ปิดโหมดเครื่องบิน ปล่อยให้มันเป็นแบ

Mais capítulos
Explore e leia bons romances gratuitamente
Acesso gratuito a um vasto número de bons romances no app GoodNovel. Baixe os livros que você gosta e leia em qualquer lugar e a qualquer hora.
Leia livros gratuitamente no app
ESCANEIE O CÓDIGO PARA LER NO APP
DMCA.com Protection Status