เมื่อเธอวางลง ภาวิชญ์ก็หันไปมองเธออีกครั้ง
“เสร็จธุระแล้วนี่ ไปได้แล้วมั้ง มายืนบังโต๊ะคนอื่นทำไม”
“นี่พี่… จะไม่แกะดูหน่อยเหรอ”
“เธอเอามาให้ฉันแล้วไม่ใช่เหรอ จะทำยังไงมันก็เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับเธอ”
“พี่ภาวิชญ์!”
“พี่ภีมคะ อันไม่อยากกินข้าวที่นี่แล้ว เราไปดูหนังกันดีกว่าค่ะ”
ภาวิชญ์หันมามองอันตรา คิดไม่ถึงว่าแม่สาวน้อยเด็กเนิร์ดคนนี้ จะฉลาดได้เรื่อง เขาอยากจะขอบใจเธอสักล้านหน ที่เธอพูดขึ้นมาเอง ภาวิชญ์หันมาโอบไหล่เธอเข้ามาทันที อันตรายิ้มแยกฟันให้
“เกินไปแล้วค่ะ แค่แสดงก็พอ มือไม่ต้อง”
“ที่รักพูดถูกเลย พี่ก็ไม่อยากกินข้าวแล้ว เอาไว้ไปหาอะไรอร่อย ๆ กินที่อื่นดีกว่า ไปจ่ายเงินแล้วไปดูหนังกัน”
“ค่ะ”
อันตรายิ้ม และหันมาบอกลาเค้กอีกครั้ง
“ไปก่อนนะคะ”
เค้กกำหมัดแน่น ภาวิชญ์เดินออกไป โดยไม่แตะกล่องของขวัญที่เธอถือมาให้เลยด้วยซ้ำ
“พี่ภาวิชญ์! นี่มันจะเกินไปหน่อยไหมคะ ของนี่พี่ครีมอุตส่าห์เอามาให้พี่นะคะ”
“แล้วยังไงล่ะ ในเมื่อให้แล้วแต่ฉันไม่อยากได้ จะทำอะไรก็สิทธิ์ของฉันแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่พอใจก็เก็บกลับไป อย่ามาวุ่นวายอีก”
“พี่ภาวิชญ์!”
ปึก!
ครีมโยนกล่องของขวัญใส่ทั้งคู่ ภาวิชญ์ยกมือขึ้นป้องกันอันตราเอาไว้ กล่องของขวัญตกพื้น ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าข้างในนั้นมีอะไร แต่เสียงแตกข้างใน เหมือนจะเป็นน้ำหอม ซึ่งเริ่มส่งกลิ่นออกมา
“คิดจะทำอะไร ทำร้ายร่างกายเหรอ”
“ฉัน... ฉันเปล่านะ”
“เลิกวุ่นวายกับฉันเสียที!”
กร๊อบ!!
ภาวิชญ์เดินไปเหยียบกล่องของขวัญ และเตะไปที่เท้าของเค้กอย่างไม่ใส่ใจ เค้กตกใจจนพูดไม่ออก แม้แต่อันตราเองก็ยืนนิ่ง ทั้งร้านเริ่มหันมามอง อันตราจึงรีบเดินมากระตุกแขนเสื้อเขา
“พี่ภีมคะ ไปเถอะค่ะ อย่าพึ่งมีเรื่องเลย”
อันตราเรียกสติเขา ภาวิชญ์หันมาจับมือเธอเอาไว้ เสียงของอันตราทำให้ใจเขานิ่งลง และหันมามองเค้กอีกครั้ง
“พอใจแล้วนะ ฝากบอกพี่สาวเธอด้วยว่าขอบใจ แต่ทีหลังไม่ต้อง ทางที่ดีอย่ามายุ่ง กับคนที่มีคู่หมั้นแล้วอย่างฉันจะดีกว่า ไปกันเถอะอัน พี่กินอะไรไม่ลงแล้ว”
“ค่ะ”
ภาวิชญ์มือเย็นจัดเพราะความโกรธ เขาพาอันตราเดินออกมาจากร้าน พร้อมกับยื่นธนบัตรสีเทาสองใบให้กับผู้จัดการร้าน
“ขอโทษด้วยที่ทำให้เสียบรรยากาศ ถ้าไม่พอก็โทรหาผม”
“โธ่คุณลูกค้า อย่าพูดแบบนั้นสิครับ นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณลูกค้าเสียหน่อย”
“ขอบคุณครับ ผมขอตัวก่อน ไปเถอะอัน”
อันตราเดินตามเข้าไปที่รถ กลิ่นน้ำหอมที่แตกฉุนจนติดจมูก เธอรู้สึกได้ว่า มันเป็นกลิ่นที่ภาวิชญ์ใช้อยู่ตลอด เพราะเคยได้กลิ่นจากเสื้อสูทของเขา นี่ก็คงเป็นน้ำหอม ที่ผู้หญิงคนนั้นเลือกให้ วันนี้เค้กจงใจให้อันตรารู้ว่า พี่สาวของเธอคือคนรักเก่าของภาวิชญ์
ห้างสรรพสินค้า
“ไปทานข้าวก่อนดีไหม แล้วค่อยไปดูหนัง”
“ไม่ดีกว่าค่ะ เราแยกกันตรงนี้เถอะ”
“เดี๋ยวก่อนอันตรา นี่หมายความว่ายังไง”
อันตราหันมามองเขา และกำลังลงจากรถ ถูกภาวิชญ์ดึงเอาไว้
“ขอโทษนะคะ แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจจะมาดูหนังหรือกินข้าวกับพี่ อีกอย่างถ้าพี่จะใช้ฉัน มาเป็นไม้กันหมาแบบนี้ละก็ ขอปฏิเสธค่ะ ฉันไม่ถนัดตบตี ไม่ชอบเรื่องวุ่นวายและยุ่งยาก เราพอแค่นี้เถอะค่ะ”
“อัน มันไม่ใช่แบบนั้นนะ เรื่องนี้…”
“ขอโทษค่ะ แต่ฉันไม่อยากทำให้ชีวิตยุ่งไปกว่านี้ ขอตัวก่อนค่ะ”
“เดี๋ยวก่อน อันตรา!”
ลานจอดรถในชั้นนี้ไม่ค่อยมีคน เพราะเป็นชั้นที่ติดกับโรงหนัง ซึ่งจะมีแค่คนที่ดูหนังรอบดึกเท่านั้นที่ขึ้นมาจอด อันตราเดินลงจากรถ ภาวิชญ์รีบวิ่งมาดักเธอก่อน
“อันตราฟังก่อนสิ มีเหตุผลหน่อย เรื่องวันนี้...”
“ไม่ว่าวันไหน ก็จะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้วค่ะ ฉันไม่ใช่ตัวแทนของใคร หลีกไปค่ะ”
“ว่ายังไงนะ ทำไมถึงพูดแบบนี้”
“พี่เองก็รู้นี่คะ ที่ทำทั้งหมดนั่น ทั้งโรงแรมวันก่อน และในร้านอาหารในวันนี้ มันก็แค่ละครฉากใหญ่ ที่พี่อยากจะประชดคนรักเก่าเท่านั้นเอง”
“ใครบอกเรื่องนี้ หรือว่าคิดเอาเอง”
“เหอะ คิดเอาเองเหรอคะ ฉันคงไม่สามารถจินตนาการได้ขนาดนั้น ทุกอย่างมันชัดเจนอยู่แล้ว ตอนแรกตกลงกันดิบดีว่าจะไม่หมั้น แต่พอเจอสองคนนั้น พี่กลับบอกว่าฉันเป็นคู่หมั้น วันนี้ก็ใช้ฉันเป็นไม้กันหมา พอได้แล้วค่ะ ฉันไม่ชอบ”
“อันตรา! มันไม่ใช่แบบนั้นเลยนะ ที่พี่ทำ…”
“ไม่ว่าจะทำเพราะอะไร ฉันก็ไม่อยากฟัง ปล่อย!”
“ไม่ปล่อย จนกว่าจะคุยกันให้รู้เรื่อง เอาสิร้องไปเลย ถ้าร้องอีกที”
“ช่วย!!…อื้อ”
เสาที่ลานจอดรถไร้ผู้คน ถูกใช้เป็นที่กำบังอย่างดี ภาวิชญ์ดันตัวอันตราเข้าไปและกดริมฝีปากลงไปทันที ก่อนที่เธอจะได้ร้องออกมา ภาวิชญ์เองก็ตกใจที่ทำแบบนี้ แต่ตอนนี้เขากำลังดึงเธอเข้ามา เพื่อไม่ให้เธอดิ้นหนีเขา ซึ่งก็ไม่รู้ว่า ทำไมผู้หญิงตัวเล็กคนนี้ ถึงทำให้เขาเสียความเป็นตัวเองขนาดนี้
“อื้อ…”
ลิ้นของเขาพุ่งเข้าไปในปากของเธอ อย่างเอาเป็นเอาตาย อันตรานิ่งไปแล้ว และเริ่มปล่อยให้เขาจูบไปเงียบ ๆ เธอเริ่มหวั่นไหวแล้ว และถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่ มันจะยากเกินกว่าจะถอนตัว อันตราตัดสินใจ ตอนที่เขากำลังเคลิ้มและผลักเขาออกอย่างแรง
พลั่ก!
“อัน…”
เธอปาดน้ำตา และเช็ดริมฝีปาก ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในห้างสรรพสินค้าทันที ภาวิชญ์ถึงกับก้าวขาไม่ออก นี่เขาเห็นเธอร้องไห้ ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว
“นี่ฉัน… จูบเธอเหรอ”
แต่เมื่อคิดได้ ภาวิชญ์ก็กระหน่ำโทรหาอันตรา จนเธอปิดมือถือไป เขาจนปัญญาที่จะเดินหาเธอ ในห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ขนาดนี้ให้เจอ จนยอมแพ้และเดินกลับมาที่รถ ก่อนที่ห้างดังจะปิดในเวลาสี่ทุ่ม
“ให้ตายเถอะ อย่าบอกนะว่า มึงแพ้น้ำตาผู้หญิงเนิร์ดอย่างอันตราน่ะไอ้ภีม บ้าเอ๊ย!”
แต่เขาลืมสัมผัสนุ่ม ของริมฝีปากอันตราไปไม่ได้เลย อีกอย่างที่เขาตกลงว่าจะลองดูแลเธอ ก็เพราะแม่ของเธอฝากมา ซึ่งหลายวันก่อน เขามีโอกาสได้พบกับนิลญา ที่มาพบคุณแม่ที่บริษัท
“ที่จริงคุณเสกสรรค์ค่อนข้างเป็นห่วงเรื่องของอัน เพราะเธอเอาแต่เรียน ถึงจะมีเพื่อนสนิท แต่ก็อยากให้อันมีคนที่ดีมาดูแล ที่จริงก่อนหน้านี้ เพื่อนสนิทข้างบ้านก็มีลูกชาย เขาทำงานอยู่ที่บริษัท "รัชชานนท์" ก็เป็นผู้ชายที่ทำงานดี แต่เขาเจ้าชู้ และมีข่าวเรื่องผู้หญิงอยู่บ่อย ๆ คุณเสกสรรค์ไม่อยากให้ทั้งคู่คบหากัน ก็เลย…"
“ผมเข้าใจแล้วครับคุณน้า ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ที่จริงน้องอันก็น่ารัก และเป็นคนดีมาก ผมไม่ได้รู้สึกอึดอัดที่จะต้องดูแลเธอ”
“ขอบใจมากนะภีม น้าเองก็ไม่อยากให้นนท์ มีโอกาสเข้าหาอันตรา แต่ติดที่ว่าเขาพยายามมาหลายปี ที่จะเข้าหาอัน น้าคิดว่าเขาอยากใช้อันเป็นสะพาน เพื่อก้าวขึ้นสูงกว่านั้น เขาเป็นลูกเพื่อนสนิทของคุณเสกสรรค์ จะทำอะไรก็กลัวจะเสียน้ำใจ อีกอย่างนนท์ก็ไม่ได้ผิดพลาดในเรื่องงาน ก็เลยต้องหาวิธีอื่น ภีมเข้าใจที่น้าพูดใช่ไหม”
“ครับ ผมเข้าใจ เรื่องนี้ให้ผมจัดการเองเถอะครับ ไม่ต้องห่วง”
เขานึกไปก็เผลอใช้นิ้ว วาดไปตามริมฝีปาก ที่พึ่งจูบเธอไปเมื่อกี้ หัวใจเขาเต้นแรงผิดจังหวะ เมื่ออยู่ใกล้อันตรา ซึ่งไม่เคยเป็นกับผู้หญิงคนอื่น แม้แต่มีน แฟนเก่าที่เขาเคยคบด้วยเมื่อปีก่อน ตอนที่เธอกระโดดจะมาจูบเขา ตอนนั้นเขาแทบจะวิ่งไปอาเจียนต่อหน้าเธอ วันนั้นจำได้ว่ามีนตกใจและโกรธมาก เขาตัดสินใจเลิกกับเธอทันที เพราะรู้ดีว่าจุดจบจะเป็นยังไง เลยไม่อยากเสียเวลา แต่วันนี้…
“ยังไงพรุ่งนี้จะต้องเคลียร์ให้ได้ อันตรายัยเด็กเนิร์ดตัวร้าย ทำไมถึงทำให้หัวใจปั่นป่วนได้ขนาดนี้นะ!”
อันตราถูกเขาพาเข้ามา จับถอดเสื้อผ้าและอาบน้ำใต้ฝักบัว แปรงฟันและสระผมให้เรียบร้อย กระทั่งเป่าผมให้แห้ง เขาแทบจะเปลี่ยนเป็นพ่อคนได้อยู่แล้ว เมื่ออยู่กับอันตรา นานวันเข้าสิ่งเหล่านี้ ภาวิชญ์ก็ทำไปโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้เธอเปลี่ยนมาเป่าผมให้เขาอยู่“แห้งแล้วค่ะ”“พี่ชอบเวลาอันใส่เสื้อเชิ้ตของพี่แบบนี้มากเลยรู้ไหม มันเซ็กซี่มาก”“อันรู้ค่ะ ถึงได้ยั่วพี่แบบนี้ไงล่ะคะ”“รู้ใจแบบนี้ คืนนี้คงต้องคุยกันยาวแล้วล่ะ”“อ๊ะ พึ่งจะอาบน้ำมา เบา ๆ หน่อย อุ๊ย พี่ภีม เสียว อาาา”เขาปลดกระดุมออกไม่กี่เม็ด และเริ่มใช้ลิ้นดุนดันที่หน้าอกอวบตรงหน้า รอยคิสมาร์คเริ่มหายไปแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ เขาให้เธอได้พักช่วงมีรอบเดือน ซึ่งอันตรารู้ว่าภาวิชญ์อัดอั้นแค่ไหน เพราะมือของเธอที่จับที่เป้ากางเกงของเขา รู้สึกได้ถึงความแข็งขืนของมังกรยักษ์ในนั้น“อูยย เบาหน่อยเมียจ๋า มันแข็งจนไม่ไหวแล้ว”“ก็อย่าเล้าโลมเยอะสิคะ รีบเข้ามา”“พี่กลัวอันเจ็บ ต้องทำให้พร้อมก่อน”เขาอ่อนโยนกับเธอเสมอ ทุกครั้งที่มีเซ็กซ์กัน ไม่มีครั้งไหนที่ภีมจะเร่งรีบและทำให้เธอเจ็บเลย อีกอย่างต่อให้เขาต้องการเธอมากแค่ไหน ถ้าอันตราบอกว่าไม่ เขาก็จะไม่รบกวนเธอ
ห้าวันถัดมา“อันครับ… ตื่นได้แล้วนะ”“อือ พี่ภีม อันไม่อยากไปแล้ว ฮืออ”“ไม่เอาน่าอย่างอแง เดี๋ยวพวกคุณแม่จะรอนาน วันนี้ไปดูอีกสองที่สุดท้ายแล้ว ถ้าอันไม่ชอบก็จบ ไม่ต้องไปอีกแล้วตกลงไหม แต่ตอนนี้ลุกขึ้นมาก่อน รีบไปอาบน้ำเร็ว”เขารู้ว่าแฟนสาวคงไม่อยากตื่น ในวันหยุดที่เธอมีรอบเดือนแบบนี้ แต่ทั้งคู่นัดกับคุณแม่ทั้งสองเอาไว้ ว่าจะไปดูสถานที่จัดงานหมั้น เพราะสองครอบครัวทำธุรกิจร่วมกัน ดังนั้นเรื่องการจัดงาน ก็จำเป็นต้องแจ้งอย่างเป็นทางการ แต่อันตราที่ถูกพาพวกแม่ ๆ ไปดูสถานที่มากว่าหลายวัน ก็ดูเหมือนจะไม่มีที่ไหนถูกใจเธอเลย“มาครับ รีบตื่นพี่จะอาบน้ำให้ เร็ว ๆ เข้า"“ไม่ได้! อันอาบเองพี่จะบ้าเหรอ อันมีรอบเดือน”“พี่ลืมไป เอาน่า เอาไว้หลังจากไปดูสถานที่เสร็จแล้ว จะพาไปกินไอศกรีมร้านโปรดของอัน ดีไหม”“พี่ภีมจะบ้าเหรอ เป็นประจำเดือนใครเขากินไอติมกันล่ะ ไม่เอา ขอกุ้ง ตัวโต ๆ น้ำจิ้มซีฟู๊ด”“ได้หมดเลย แต่ตอนนี้ลุกขึ้นมาอาบน้ำก่อน เดี๋ยวพี่เตรียมชุดให้"“ฮือ…วันหยุดของฉัน”"เอาน่า หลังจากนี้ก็ไม่ยุ่งแล้วล่ะ เชื่อพี่"เชื่อกับผีน่ะสิ เธอคิดในใจ เพราะหลังจากไปดูสถานที่ สุดท้ายก็ลงเอยที่อันตราคิดว่า
รัชชานนท์ถึงกับหน้าเหวอไปทันที ช่วงหนึ่งปีนี้เขาถูกย้ายไปดูแลสาขาเชียงใหม่ และพึ่งได้มีโอกาสกลับมาที่กรุงเทพ ไม่คิดเลยว่าลูกสาวท่านประธานที่เขาหมายตาเอาไว้ จู่ ๆ จะมีคู่หมั้นไปแล้ว นี่เขาพลาดอะไรไป“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณนนท์ ผมภาวิชญ์ ลูกชายคุณภาษิต”“คุณภาษิตเหรอ คุณหมายถึงท่านประธานภาษิต เจ้าของท่าเรือและเจ้าของโรงแรมนี้”“ครับ ดีใจที่ได้พบกันนะครับ”“ครับ ผมรัชชานนท์ ยินดีที่ได้รู้จัก เอ่อ วันนี้พี่ยังมีธุระ เอาไว้พี่โทรหานะอัน”“ค่ะพี่นนท์ สวัสดีค่ะ”“ไปก่อนนะครับคุณภาวิชญ์ เอาไว้พบกันใหม่”“ครับ จริงสิงานหมั้นของเรา อันก็เชิญคุณนนท์ไปด้วยใช่ไหม”“เอ่อ...”อันตราทำหน้าอึดอัดเล็กน้อย เพราะรู้ว่านนท์คิดยังไงกับเธอ แต่เรื่องนี้เธอยังไม่ทันได้คิด ก็เจอเขาเสียก่อน ภาวิชญ์ยืนยิ้มและหันไปมองนนท์ ซึ่งแทบจะยิ้มไม่ออก“ถ้ายังไงจะให้อันเชิญไปนะครับ หวังว่าจะได้พบกัน ในงานหมั้นของเราสองคน”“ครับ พี่ยินดีด้วยนะอัน”“ขอบคุณค่ะพี่นนท์ อันขอตัวก่อนนะคะ”อันตรารีบเดินกลับเข้าไปในห้อง เธอสังเกตว่าภาวิชญ์พูด และยิ้มน้อยลง จนกระทั่งนั่งฟังเรื่องที่พ่อแม่ของทั้งคู่ไปต่างประเทศ และซื้อของมาฝากทั้งคู
“หมั้นเหรอคะ เร็วขนาดนี้เลย”“ทำไมดูเหมือนไม่ดีใจเลยล่ะ หรือว่ามีแต่พี่ ที่ดีใจอยู่คนเดียว”“ไม่ใช่สักหน่อย ทำไมจู่ ๆ ถึงได้เร่งล่ะคะ”ภาวิชญ์ดึงเธอเข้ามาจนชิดอีกครั้ง “ก็เพราะพี่ใจร้อนน่ะสิ อีกอย่างไม่กี่เดือนก็จะเรียนจบแล้ว แต่อันยังต้องเรียนอีกตั้งสองปี ถ้าไม่หมั้นเอาไว้ก่อน พี่จะไปทำงานอย่างสบายใจได้ยังไง ต่อไปก็ไม่ได้มาเฝ้าที่มหาลัยแล้ว”“ดูทำหน้าเข้าสิ ทำไมคะ ไม่ไว้ใจอันเหรอ ตลอดเวลาไม่มีใครเข้ามาเลยนะคะ มีแต่ทางพี่ภีม”“ไม่ใช่สักหน่อย เรื่องแบบนี้มันบอกได้ด้วยเหรอ ว่าจะมาได้เมื่อไหร่ ไม่รู้แหละ วันเสาร์ค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้กลับบ้านกันดีกว่า นะครับ”“แล้วรายงานล่ะคะ”“ก็เสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ แก้อีกนิดเดียวเอง อันก็เอาหนังสือมาเก็บหมดแล้วนี่ เอาน่านี่ก็จะห้าโมงแล้ว กลับกันเถอะ รู้ไหมว่าพี่เมื่อยมากเลย ปวดหัวไปหมดแล้วเนี่ย”“ก็ได้ ๆ ไม่ต้องดัน ขอเก็บหนังสือก่อน”“เดี๋ยวก็มีคนมาเก็บเองแหละน่า ไปกันเถอะ รีบกลับบ้าน”อันตราถูกภาวิชญ์ดึงกลับบ้าน เขาแทบจะอุ้มเธออยู่แล้ว ช่วงนี้อันตราแทบจะไม่ได้เจอเพื่อน ๆ หลังเลิกเรียนเลย เพราะภาวิชญ์เรียนเสร็จ เป็นต้องมานั่งเฝ้าเธอหน้าคณะ ไม่กลับบ้านก็ต
หลังจากไปเยี่ยมเค้กกลับมาแล้ว อันตราก็กลับมาเก็บของเงียบ ๆ ที่ห้องพักของภาวิชญ์ ก่อนจะออกจากโรงพยาบาล วันนี้เขาให้กองทัพมาช่วยขับรถไปส่งให้ ก้องภพเองก็มาช่วยเขาด้วย เพราะวันนี้ตะวันมีนัดกับมะปราง ทั้งคู่เลยมาไม่ได้ เมื่อทั้งสองคนมาส่งทั้งคู่ที่คอนโด ก็รีบกลับทันที“ขอบใจนะไอ้ก้อง ไอ้กองทัพ”“ไม่เป็นไร มึงก็พักผ่อนให้ดี ไม่ต้องคิดมากหรอก เรื่องบางอย่าง พวกเราก็ทำเต็มที่แล้ว น้องอันก็ด้วยนะ ไม่ต้องคิดมากแล้ว”“ขอบคุณค่ะพี่ก้อง”ก้องภพรู้ว่า อันตรารู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย ทั้ง ๆ ที่เธอเป็นหนึ่งในคนที่ช่วยชีวิตเค้กเอาไว้ด้วยซ้ำ แต่เมื่อเห็นสภาพของรุ่นน้องที่เคยสวย ปากดีและคอยหาเรื่องเธอไม่หยุด ต้องนอนนิ่งอยู่บนเตียงคนป่วยแบบนั้น ก็ทำให้อันตรารู้สึกแย่ลงไปนิดหน่อยเธอเข้ามาในห้องที่คุ้นเคย ก็พอจะทำให้รู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง ภาวิชญ์เดินเอาของไปเก็บ และหันมากอดเธอจากด้านหลัง อันตราจับเขาเอาไว้“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะครับ”หยดน้ำตาหล่นใส่หลังมือของภาวิชญ์ ทำให้เขาตกใจ และรีบหันมาจับตัวเธอหันมา แฟนสาวของเขากำลังร้องไห้ “อย่าร้องนะ อันไม่ได้ทำอะไรผิดทั้งนั้น อย่าร้องอีกเลย”“อันขอโทษค่ะ…”ภาวิชญ์กอด
ครีมหันมายิ้ม และจับมืออันตราด้วยความรู้สึกขอบคุณจากหัวใจ หากวันนั้นอันตราไม่ช่วยบริจาคเลือดให้ เค้กก็คงยังไม่พ้นขีดอันตรายจนถึงวันนี้ “เค้กคงดีใจ ที่อันอยากไปเยี่ยมเธอ ขอบคุณมากเลยนะคะ”“เอาไว้อันจะชวนพี่ภีมไปเยี่ยมเธอนะคะ”“จ้ะ”ห้องพักของภาวิชญ์“ไม่ไปหรอก พวกเราก็ช่วยไปเยอะแล้ว อันบริจาคเลือดให้ นั่นก็มากไปแล้วนะ ต้องไปเยี่ยมด้วยเหรอ”“อะไรกันคะ เห็นรีบร้อนไปช่วยขนาดนั้น นึกว่าเป็นห่วงเสียอีก”“ไม่ต้องมาประชดเลยนะ เดี๋ยวพี่หายแล้วจะโดนไม่ใช่น้อย”“ใครกลัวกันล่ะคะ ตอนนี้อย่าพึ่งปากดี กินข้าวก่อน”“ป้อนหน่อยสิ นะครับ”อันตราได้แต่ส่ายหน้า และเดินมาแกะชามข้าวที่พึ่งมาส่ง เธอกำลังป้อนข้าวเขา ไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ตะวัน มะปรางและเพื่อน ๆ ก็เดินเข้ามา จนทั้งคู่ไม่ทันตั้งตัว ภาวิชญ์เกือบสำลักเมื่อเห็นหน้าเพื่อน ๆ “โอ้โหไอ้วิชญ์ ป่วยแค่นี้ถึงกับแดกข้าวเองไม่ได้ พวกมึงดู ๆ อ้อนฉิบหายเลยว่ะ”“ไอ้เวร! เงียบไปเลย มาทำอะไรกันเยอะแยะ”“โธ่ไอ้เพื่อนเวร! กูกับปรางเป็นคนพามึงมาส่งโรงพยาบาล ยังไม่สำนึกอีก มีหน้ามาถามว่ามาทำไม ปรางดูสิ มันด่าพี่”ตะวันหันไปฟ้องมะปราง อันตราได้แต่ก้มหน้า เ