เมื่อเธอวางลง ภาวิชญ์ก็หันไปมองเธออีกครั้ง
“เสร็จธุระแล้วนี่ ไปได้แล้วมั้ง มายืนบังโต๊ะคนอื่นทำไม”
“นี่พี่… จะไม่แกะดูหน่อยเหรอ”
“เธอเอามาให้ฉันแล้วไม่ใช่เหรอ จะทำยังไงมันก็เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับเธอ”
“พี่ภาวิชญ์!”
“พี่ภีมคะ อันไม่อยากกินข้าวที่นี่แล้ว เราไปดูหนังกันดีกว่าค่ะ”
ภาวิชญ์หันมามองอันตรา คิดไม่ถึงว่าแม่สาวน้อยเด็กเนิร์ดคนนี้ จะฉลาดได้เรื่อง เขาอยากจะขอบใจเธอสักล้านหน ที่เธอพูดขึ้นมาเอง ภาวิชญ์หันมาโอบไหล่เธอเข้ามาทันที อันตรายิ้มแยกฟันให้
“เกินไปแล้วค่ะ แค่แสดงก็พอ มือไม่ต้อง”
“ที่รักพูดถูกเลย พี่ก็ไม่อยากกินข้าวแล้ว เอาไว้ไปหาอะไรอร่อย ๆ กินที่อื่นดีกว่า ไปจ่ายเงินแล้วไปดูหนังกัน”
“ค่ะ”
อันตรายิ้ม และหันมาบอกลาเค้กอีกครั้ง
“ไปก่อนนะคะ”
เค้กกำหมัดแน่น ภาวิชญ์เดินออกไป โดยไม่แตะกล่องของขวัญที่เธอถือมาให้เลยด้วยซ้ำ
“พี่ภาวิชญ์! นี่มันจะเกินไปหน่อยไหมคะ ของนี่พี่ครีมอุตส่าห์เอามาให้พี่นะคะ”
“แล้วยังไงล่ะ ในเมื่อให้แล้วแต่ฉันไม่อยากได้ จะทำอะไรก็สิทธิ์ของฉันแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่พอใจก็เก็บกลับไป อย่ามาวุ่นวายอีก”
“พี่ภาวิชญ์!”
ปึก!
ครีมโยนกล่องของขวัญใส่ทั้งคู่ ภาวิชญ์ยกมือขึ้นป้องกันอันตราเอาไว้ กล่องของขวัญตกพื้น ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าข้างในนั้นมีอะไร แต่เสียงแตกข้างใน เหมือนจะเป็นน้ำหอม ซึ่งเริ่มส่งกลิ่นออกมา
“คิดจะทำอะไร ทำร้ายร่างกายเหรอ”
“ฉัน... ฉันเปล่านะ”
“เลิกวุ่นวายกับฉันเสียที!”
กร๊อบ!!
ภาวิชญ์เดินไปเหยียบกล่องของขวัญ และเตะไปที่เท้าของเค้กอย่างไม่ใส่ใจ เค้กตกใจจนพูดไม่ออก แม้แต่อันตราเองก็ยืนนิ่ง ทั้งร้านเริ่มหันมามอง อันตราจึงรีบเดินมากระตุกแขนเสื้อเขา
“พี่ภีมคะ ไปเถอะค่ะ อย่าพึ่งมีเรื่องเลย”
อันตราเรียกสติเขา ภาวิชญ์หันมาจับมือเธอเอาไว้ เสียงของอันตราทำให้ใจเขานิ่งลง และหันมามองเค้กอีกครั้ง
“พอใจแล้วนะ ฝากบอกพี่สาวเธอด้วยว่าขอบใจ แต่ทีหลังไม่ต้อง ทางที่ดีอย่ามายุ่ง กับคนที่มีคู่หมั้นแล้วอย่างฉันจะดีกว่า ไปกันเถอะอัน พี่กินอะไรไม่ลงแล้ว”
“ค่ะ”
ภาวิชญ์มือเย็นจัดเพราะความโกรธ เขาพาอันตราเดินออกมาจากร้าน พร้อมกับยื่นธนบัตรสีเทาสองใบให้กับผู้จัดการร้าน
“ขอโทษด้วยที่ทำให้เสียบรรยากาศ ถ้าไม่พอก็โทรหาผม”
“โธ่คุณลูกค้า อย่าพูดแบบนั้นสิครับ นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณลูกค้าเสียหน่อย”
“ขอบคุณครับ ผมขอตัวก่อน ไปเถอะอัน”
อันตราเดินตามเข้าไปที่รถ กลิ่นน้ำหอมที่แตกฉุนจนติดจมูก เธอรู้สึกได้ว่า มันเป็นกลิ่นที่ภาวิชญ์ใช้อยู่ตลอด เพราะเคยได้กลิ่นจากเสื้อสูทของเขา นี่ก็คงเป็นน้ำหอม ที่ผู้หญิงคนนั้นเลือกให้ วันนี้เค้กจงใจให้อันตรารู้ว่า พี่สาวของเธอคือคนรักเก่าของภาวิชญ์
ห้างสรรพสินค้า
“ไปทานข้าวก่อนดีไหม แล้วค่อยไปดูหนัง”
“ไม่ดีกว่าค่ะ เราแยกกันตรงนี้เถอะ”
“เดี๋ยวก่อนอันตรา นี่หมายความว่ายังไง”
อันตราหันมามองเขา และกำลังลงจากรถ ถูกภาวิชญ์ดึงเอาไว้
“ขอโทษนะคะ แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจจะมาดูหนังหรือกินข้าวกับพี่ อีกอย่างถ้าพี่จะใช้ฉัน มาเป็นไม้กันหมาแบบนี้ละก็ ขอปฏิเสธค่ะ ฉันไม่ถนัดตบตี ไม่ชอบเรื่องวุ่นวายและยุ่งยาก เราพอแค่นี้เถอะค่ะ”
“อัน มันไม่ใช่แบบนั้นนะ เรื่องนี้…”
“ขอโทษค่ะ แต่ฉันไม่อยากทำให้ชีวิตยุ่งไปกว่านี้ ขอตัวก่อนค่ะ”
“เดี๋ยวก่อน อันตรา!”
ลานจอดรถในชั้นนี้ไม่ค่อยมีคน เพราะเป็นชั้นที่ติดกับโรงหนัง ซึ่งจะมีแค่คนที่ดูหนังรอบดึกเท่านั้นที่ขึ้นมาจอด อันตราเดินลงจากรถ ภาวิชญ์รีบวิ่งมาดักเธอก่อน
“อันตราฟังก่อนสิ มีเหตุผลหน่อย เรื่องวันนี้...”
“ไม่ว่าวันไหน ก็จะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้วค่ะ ฉันไม่ใช่ตัวแทนของใคร หลีกไปค่ะ”
“ว่ายังไงนะ ทำไมถึงพูดแบบนี้”
“พี่เองก็รู้นี่คะ ที่ทำทั้งหมดนั่น ทั้งโรงแรมวันก่อน และในร้านอาหารในวันนี้ มันก็แค่ละครฉากใหญ่ ที่พี่อยากจะประชดคนรักเก่าเท่านั้นเอง”
“ใครบอกเรื่องนี้ หรือว่าคิดเอาเอง”
“เหอะ คิดเอาเองเหรอคะ ฉันคงไม่สามารถจินตนาการได้ขนาดนั้น ทุกอย่างมันชัดเจนอยู่แล้ว ตอนแรกตกลงกันดิบดีว่าจะไม่หมั้น แต่พอเจอสองคนนั้น พี่กลับบอกว่าฉันเป็นคู่หมั้น วันนี้ก็ใช้ฉันเป็นไม้กันหมา พอได้แล้วค่ะ ฉันไม่ชอบ”
“อันตรา! มันไม่ใช่แบบนั้นเลยนะ ที่พี่ทำ…”
“ไม่ว่าจะทำเพราะอะไร ฉันก็ไม่อยากฟัง ปล่อย!”
“ไม่ปล่อย จนกว่าจะคุยกันให้รู้เรื่อง เอาสิร้องไปเลย ถ้าร้องอีกที”
“ช่วย!!…อื้อ”
เสาที่ลานจอดรถไร้ผู้คน ถูกใช้เป็นที่กำบังอย่างดี ภาวิชญ์ดันตัวอันตราเข้าไปและกดริมฝีปากลงไปทันที ก่อนที่เธอจะได้ร้องออกมา ภาวิชญ์เองก็ตกใจที่ทำแบบนี้ แต่ตอนนี้เขากำลังดึงเธอเข้ามา เพื่อไม่ให้เธอดิ้นหนีเขา ซึ่งก็ไม่รู้ว่า ทำไมผู้หญิงตัวเล็กคนนี้ ถึงทำให้เขาเสียความเป็นตัวเองขนาดนี้
“อื้อ…”
ลิ้นของเขาพุ่งเข้าไปในปากของเธอ อย่างเอาเป็นเอาตาย อันตรานิ่งไปแล้ว และเริ่มปล่อยให้เขาจูบไปเงียบ ๆ เธอเริ่มหวั่นไหวแล้ว และถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่ มันจะยากเกินกว่าจะถอนตัว อันตราตัดสินใจ ตอนที่เขากำลังเคลิ้มและผลักเขาออกอย่างแรง
พลั่ก!
“อัน…”
เธอปาดน้ำตา และเช็ดริมฝีปาก ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในห้างสรรพสินค้าทันที ภาวิชญ์ถึงกับก้าวขาไม่ออก นี่เขาเห็นเธอร้องไห้ ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว
“นี่ฉัน… จูบเธอเหรอ”
แต่เมื่อคิดได้ ภาวิชญ์ก็กระหน่ำโทรหาอันตรา จนเธอปิดมือถือไป เขาจนปัญญาที่จะเดินหาเธอ ในห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ขนาดนี้ให้เจอ จนยอมแพ้และเดินกลับมาที่รถ ก่อนที่ห้างดังจะปิดในเวลาสี่ทุ่ม
“ให้ตายเถอะ อย่าบอกนะว่า มึงแพ้น้ำตาผู้หญิงเนิร์ดอย่างอันตราน่ะไอ้ภีม บ้าเอ๊ย!”
แต่เขาลืมสัมผัสนุ่ม ของริมฝีปากอันตราไปไม่ได้เลย อีกอย่างที่เขาตกลงว่าจะลองดูแลเธอ ก็เพราะแม่ของเธอฝากมา ซึ่งหลายวันก่อน เขามีโอกาสได้พบกับนิลญา ที่มาพบคุณแม่ที่บริษัท
“ที่จริงคุณเสกสรรค์ค่อนข้างเป็นห่วงเรื่องของอัน เพราะเธอเอาแต่เรียน ถึงจะมีเพื่อนสนิท แต่ก็อยากให้อันมีคนที่ดีมาดูแล ที่จริงก่อนหน้านี้ เพื่อนสนิทข้างบ้านก็มีลูกชาย เขาทำงานอยู่ที่บริษัท "รัชชานนท์" ก็เป็นผู้ชายที่ทำงานดี แต่เขาเจ้าชู้ และมีข่าวเรื่องผู้หญิงอยู่บ่อย ๆ คุณเสกสรรค์ไม่อยากให้ทั้งคู่คบหากัน ก็เลย…"
“ผมเข้าใจแล้วครับคุณน้า ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ที่จริงน้องอันก็น่ารัก และเป็นคนดีมาก ผมไม่ได้รู้สึกอึดอัดที่จะต้องดูแลเธอ”
“ขอบใจมากนะภีม น้าเองก็ไม่อยากให้นนท์ มีโอกาสเข้าหาอันตรา แต่ติดที่ว่าเขาพยายามมาหลายปี ที่จะเข้าหาอัน น้าคิดว่าเขาอยากใช้อันเป็นสะพาน เพื่อก้าวขึ้นสูงกว่านั้น เขาเป็นลูกเพื่อนสนิทของคุณเสกสรรค์ จะทำอะไรก็กลัวจะเสียน้ำใจ อีกอย่างนนท์ก็ไม่ได้ผิดพลาดในเรื่องงาน ก็เลยต้องหาวิธีอื่น ภีมเข้าใจที่น้าพูดใช่ไหม”
“ครับ ผมเข้าใจ เรื่องนี้ให้ผมจัดการเองเถอะครับ ไม่ต้องห่วง”
เขานึกไปก็เผลอใช้นิ้ว วาดไปตามริมฝีปาก ที่พึ่งจูบเธอไปเมื่อกี้ หัวใจเขาเต้นแรงผิดจังหวะ เมื่ออยู่ใกล้อันตรา ซึ่งไม่เคยเป็นกับผู้หญิงคนอื่น แม้แต่มีน แฟนเก่าที่เขาเคยคบด้วยเมื่อปีก่อน ตอนที่เธอกระโดดจะมาจูบเขา ตอนนั้นเขาแทบจะวิ่งไปอาเจียนต่อหน้าเธอ วันนั้นจำได้ว่ามีนตกใจและโกรธมาก เขาตัดสินใจเลิกกับเธอทันที เพราะรู้ดีว่าจุดจบจะเป็นยังไง เลยไม่อยากเสียเวลา แต่วันนี้…
“ยังไงพรุ่งนี้จะต้องเคลียร์ให้ได้ อันตรายัยเด็กเนิร์ดตัวร้าย ทำไมถึงทำให้หัวใจปั่นป่วนได้ขนาดนี้นะ!”
ภาวิชญ์อารมณ์ดี เพราะอันตราอนุญาตให้เขาไปทานข้าวเช้ากับเธอ ก่อนจะขับไปที่คณะ เขาพบกับตะวันที่โรงอาหารของคณะมนุษย์ฯ ซึ่งตอนนี้ตะวันแทบจะมาสิงอยู่ที่นี่แล้ว หลังจากปรับความเข้าใจกับแฟนสาวได้ “เชอะ ได้เมียแล้วลืมเพื่อน”“ใครเหรอคะ”“โน่นไง เธอเป็นเพื่อนสนิทอันเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”“อ่อ นั่นเหรอคะ พวกเขาน่ารักดีนะคะ”“น่ารักอะไร ถ้าอันดื้อขนาดนั้น พี่คงทำเหมือนตะวันไม่ไหว ผู้หญิงอะไรดื้อโคตร ๆ เลย”“ว่าเพื่อนอันเหรอคะ”“ไม่ใช่สักหน่อย จะว่ายังไงดีล่ะ โชคดีที่แฟนของพี่ไม่ใช่คนดื้อแบบเมียไอ้ตะวัน ไม่งั้นพี่คงปวดหัวตาย”“ก็ลองดูสักหน่อยสิคะ ไม่แน่ว่าอันอาจจะไม่ใช่อย่างที่คิดก็ได้”“จ้าแม่คนชอบขู่ วันนี้กินอะไร เดี๋ยวพี่ไปซื้อมาให้”“เหมือนเดิมค่ะ”“กินแต่ข้าวต้มกุ้ง หน้าแดงจะเหมือนกุ้งอยู่แล้ว”“ก็ชอบนี่คะ ไม่ไปซื้อให้ก็นั่งเฉย ๆ ไปเองก็ได้”“นั่งเลย เดี๋ยวจัดการเอง”อันตราได้แต่นั่งยิ้ม เมื่อหันไปมองตะวันกับมะปราง ที่นั่งทานข้าวด้วยกัน เธอแค่ยกมือทักทายเพื่อนสาว ก่อนที่พวกเขาจะเดินออกจากโรงอาหารไปเธอกับภาวิชญ์เริ่มเป็นที่สนใจของคนที่คณะ แต่ตอนนี้อันตราเลือกจะไม่สนใจแล้ว เพราะต่อให้สน แล้วเ
“อุ่ย! เห็นแล้วเหรอ ว่าจะเซอร์ไพรส์สักหน่อย อันไปลองใส่หน่อยสิ ชุดพยาบาลนี่เป็นไง”“พี่ภีม! ใครจะใส่ มันโป๊ เอาออกไปเลยนะ!”“อันจ๋าาา…. นะ ๆ คนดีของพี่ พี่อยากเห็นอันใส่ พี่ว่ามันน่ารักดีจะตาย อีกอย่างอันก็รูปร่างดี หุ่นสวย หน้าอกตู้ม ๆ นั่นน่ะ ไหนจะก้นงอน ๆ นั่นอีก ใส่ชุดนี้แล้วต้องออกมาดูดีแน่เลย เชื่อพี่สิ”“นี่มันโรคจิตเกินไปแล้ว อันไม่มีทางใส่ชุดพวกนี้เด็ดขาด!”อันตรากำลังจะเดินเข้าไปในห้อง ภาวิชญ์จึงรีบหันไปคว้าเธอและกอดทันที เขาเริ่มใช้เสียงออดอ้อนแฟนสาวทันที เพื่อไม่ให้เธองอนเขา คิดเอาไว้แล้วว่าอันตราคงโกรธแน่ ถ้าเห็นว่าเขาซื้อชุดพวกนี้มา ก็เธอเป็นสาวเนิร์ดที่แต่งตัวถูกระเบียบของมหาลัยเป๊ะ ๆ ขนาดนี้ จะกล้าใส่ชุดแบบนี้เหรอ ถ้าเขาไม่บิ๊วอารมณ์เธอก่อน“ที่รักครับ อย่าพึ่งโกรธพี่สิ พี่ก็แค่อยากลองซื้อมาเท่านั้นเอง ไม่ชอบก็ไม่ต้องใส่ แต่พี่ก็แค่อยากเห็น ที่สำคัญอันก็ใส่ให้พี่ดูแค่คนเดียวเอง ไม่ได้ใส่ให้ใครดูสักหน่อย จริงไหมครับ”“ไม่ต้องเลย เอาเก็บไว้ให้….”“ให้ใครล่ะครับ ก็มีเมียแค่คนเดียวนี่”“เมียอะไร อย่ามาข้ามขั้น…อื้อ…ปล่อยเลยไม่ต้องมาทำแบบนี้นะ ยังไงอันก็ไม่ใส่หรอก”“น่าเสีย
เขาเดินเข้ามากอดเธอจากด้านหลัง อันตราตกใจจนเกือบจะทำมือถือตก เพราะกำลังจัดจานอาหารเช้าอยู่ ตอนนี้แม่ของเธอบอกว่ากำลังรอเรืออยู่ เพราะช่วงสุดสัปดาห์นี้ เป็นวันครบรอบแต่งงานของพ่อแม่เธอทั้งคู่จึงไปท่องเที่ยวเกาะล้าน ซึ่งโปรแกรมนี้ถูกวางเอาไว้นานแล้ว และเธอก็ทราบแล้วว่า พ่อแม่จะไม่อยู่สักพัก และพอกลับมาไม่กี่วัน ก็ต้องบินไปที่อังกฤษต่อ พร้อมกับพ่อแม่ของภาวิชญ์ เพราะทั้งสองบ้านทำธุรกิจร่วมกัน“อ๊ะ ค่ะแม่ แล้วอันจะบอกปราง…อื้ออ ค่ะ”ภาวิชญ์เริ่มคลอเคลียรอบกกหู พลางกระซิบไปที่หูของเธอเบา ๆ“ถ้าอยู่กับพี่จนถึงเย็นวันอาทิตย์ พี่ถึงจะยอมปล่อย”“ค่ะแม่…ปล่อยก่อน”“อะไรน่ะอัน เป็นอะไรไปลูก เสียงไม่ค่อยดีเลย”“ค่ะแม่ พอดีว่าอันกำลังทำอาหารเช้าให้เพื่อน ๆ อยู่ ก็เลยไม่สะดวก แม่กับพ่อเที่ยวให้สนุกนะคะ”“จ้า งั้นแค่นี้นะ”“ค่ะแม่”ติ๊ด!ภาวิชญ์เห็นเธอกดวางสายแล้ว จึงได้เริ่มซุกจมูกไปที่ซอกคออีกครั้ง อันตราหันมาดันเขาออกไป“พอได้แล้วค่ะ กินข้าวเช้าก่อนสิคะ”“ก็กำลังจะกินอยู่นี่ไงล่ะ”“อ๊ะ ไม่ใช่สิ พี่…อื้อ”ภาวิชญ์ก้มลงจูบเธอ และเริ่มใช้ลิ้นเกลี่ยไปทั่วริมฝีปาก ก่อนจะเกี่ยวตวัดลิ้นของเธอไปมา สุดท้า
“อ๊ะ! อือออ….มันเสียว อ๊ะ”เขาไม่ได้สอดเข้าไป แต่ก็ใช้นิ้วเกลี่ยไปมา สลับกับการสอดกระแทกเข้าไปที่หว่างขาของเธอ อันตราหนีบได้พอดีความคับแน่นที่เขาต้องการ นิ้วของภาวิชญ์บีบเคล้นหน้าอกและเกลี่ยยอดแข็งเป็นไตของเธอ อันตราต้องอ้าปากระบายความเสียว ภายใต้ฝักบัวน้ำอุ่นที่ราดลงมา “เซ็กซี่เป็นบ้าเลย เมียใครเนี่ย”“อ๊ะ! พี่ภีมคะ อันจะ…อ๊าาา!! อูยยย เสียวมาก จะ…”“จะเสร็จแล้ว เต็มที่เลยที่รัก พุ่งออกมาได้เลย อาาา…. อุ่นมาก”น้ำใส ๆ พุ่งพรวดออกมา จากร่องรักที่หนีบเอ็นร้อนเขาเอาไว้ อันตราเร่าร้อนกว่าที่เขาคิด ตอนนี้เขาเองก็ทนไม่ไหวแล้ว ทั้งเสียงร้องและผิวเนื้อนุ่มแน่นของเธอ ทำให้เขาเกือบจะคลั่งตาย“อาาา อัน!! พี่ไม่ไหวแล้ว”“อื้อออ”เขากดจูบแน่น ๆ ไปที่ไหล่ของเธอจนเกิดรอย เมื่อน้ำขุ่นใสพุ่งไปที่ผนัง อันตรารู้สึกร้อนที่หน้าขา ซึ่งเขาใช้เสียดสีไปมาจนเสร็จ ทั้งคู่หอบแข่งกันใต้ฝักบัวอุ่น ภาวิชญ์จับเธอหันมา จูบเน้น ๆ ไปอีกครั้ง และล้างตัวให้เธอ“หิวข้าวไหม”“นี่กี่โมงแล้วค่ะ”“เกือบสองทุ่มแล้ว”“จะสองทุ่มแล้วเหรอคะ แย่แล้วต้อง…”“โทรไปบอกที่บ้าน ว่าจะนอนหอกับเพื่อน คืนนี้อยู่กับพี่นะครับ”“ว่ายังไงนะคะ”
แฮก แฮก…..ร่างบางนอนหอบ โดยมีภาวิชญ์กอดเอาไว้ เธอเริ่มเหนื่อยจนเหงื่อผุดตามตัว และซุกเข้าหาอกกว้างของเขา ตอนนี้เธอถูกเขาถอดเสื้อผ้าจนหมด แต่ตัวเองกลับยังไม่ถอดเลยสักชิ้น“พี่ภีมขี้โกงนี่คะ”“เปล่าเสียหน่อย พี่กำลังจะถอด เป็นยังไงบ้าง รู้สึกดีไหม”เธอเอามือทุบไปที่หน้าอกของเขา เพราะอายที่จะตอบ เขาจับมือเธอได้ก็เริ่มหันมาจูบอีกครั้ง มือไม้เริ่มไม่อยู่สุขจนกระทั่งนั่งคร่อมร่างเปลือยเธอเอาไว้ และถอดเสื้อออก อกกว้างที่มีกล้ามแน่น ๆ อันตราแค่เห็นก็หน้าแดง“อย่ามองแบบนั้นสิ พี่รู้ว่าตัวเองหล่อและหุ่นดี แต่มองแบบนั้นมันก็เขินนะ”“คนหลงตัวเอง”อันตราไม่ลืม ที่จะใช้มือปิดหน้าอกเอาไว้ ภาวิชญ์ทนไม่ไหวแล้ว น้องชายที่ดีดจนตุงเป้ากางเกงก็เหมือนกัน เขาถอดชุดไม่นาน เมื่ออันตราได้เห็นรูปร่างผู้ชายเปลือยครั้งแรก เธอก็เกือบจะเป็นลม“ไหวไหม พี่ว่าแล้วเชียว อันจะต้องเป็นลม ก็พี่ออกจะเซ็กซี่ขนาดนี้”“คนบ้าอะไรเนี่ย! เอาแต่ชมตัวเองอยู่ได้”“คนบ้าที่รักเธอยังไงล่ะ ยัยคู่หมั้นขี้อาย”“บ้า…”“แล้วรักไหมล่ะ”เมื่อเธอไม่ตอบ เขาก็มีวิธีทำให้เธอพูดไม่หยุด คืนนี้เป็นเวลาของเขา ก็ลองดูว่าเธอจะดื้อได้อีกแค่ไหน ซองถุ
ตึง!!!“บัดซบเอ๊ย!”ภาวิชญ์โกรธ จนหันไปชกตู้ล็อกเกอร์จนเสียงดัง ริวไม่ตกใจเลยสักนิด เขารู้ว่าภาวิชญ์โมโหเพราะอะไร และเข้าใจเขาดี“แต่ฉันบอกเฮียเลิศว่า วิธีสกปรกแบบนั้น อย่าเอามาใช้กับสนามแข่งนี้ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่พอใจมาก โชคดีที่วันนี้เป็นฉัน ไม่ใช่คนอื่นที่คิดสกปรกอย่างเธอคนนั้น ไม่งั้นก็ไม่อยากคิดเหมือนกัน”“สารเลว!”“ฉันมาเตือนนาย เพราะคิดว่าผู้หญิงคนนี้น่ากลัวมาก เธอเหมือนคนโรคจิตที่ตามป่วนคนอื่น ระวังเอาไว้ด้วย”“ขอบใจนายมากนะริว”ริวเดินมาตบไหล่เขาอีกครั้ง พร้อมกับรอยยิ้ม“คู่หมั้นของนาย เธอดูรักนายมากเลยนะ เห็นแล้ว… แอบอิจฉาเหมือนกัน ไปก่อนล่ะ”“แล้วเจอกันนะริว”กลับมาที่ห้องภาวิชญ์“ทั้งหมดนั่น เป็นแผนของเธอเหรอคะ ทำไมทำถึงขนาดนี้”“ทีนี้บอกพี่ได้หรือยัง ว่าจู่ ๆ ทำไมถึงโกรธพี่ขนาดนี้”“คือเรื่องนี้ เมื่อเช้าก่อนจะขึ้นไปที่ห้องเรียน อันเจอน้องเค้กที่มาดักรออยู่หน้าคณะค่ะ”“ว่าแล้วยังไงล่ะ… แล้วเงียบเชียวนะ ทำไมไม่โทรมาบอกพี่”“ตอนนั้นมันสับสนนี่คะ ก็เลยไปถามเพื่อน ๆ ดู พวกเธอก็บอกว่า มันมีเรื่องแบบนี้จริง ๆ”“ก็เลยคิดเป็นตุเป็นตะ แล้วเหมารวมและตัดสินพี่ไปเลย ไม่ยุติธรรมเลยแฮะ