“อ้าวอีน้ำค้าง อีไอริน พวกแกวิ่งหน้าตาตื่นอะไรกันมา”
เฟญ่าจ่ายเงินเสร็จก็ออกมายืนรอที่รถตามที่น้ำค้างบอก เพียงไม่นานก็เห็นทั้งสองคนทำท่าเหมือนกับวิ่งหนีอะไรกันมาจึงรีบเอ่ยถาม
“ก็ยัยน้ำค้างน่ะสิไปกระโดดถีบใครก็ไม่รู้”
“ก็แกบอกว่าใส่เสื้อดำ เจาะหู ห้อยสร้อยเกียร์ ฉันก็เห็นผู้ชายคนนั้นตรงกับที่แกบอกทุกอย่าง ก็เลย…”
น้ำค้างเอ่ยกับไอริน รู้ว่าผิดคนก็น่าจะบอกกันให้เร็วกว่านี้หน่อย แล้วนี่เธอไปกระโดดถีบใครก็ไม่รู้ ดีที่ไม่ตามมาเอาเรื่อง
“ก็แกไม่ถาม จู่ ๆ ก็เข้าไป แล้วฉันจะห้ามทันได้ยังไง”
“เออ ๆ ช่างเถอะ ยังไงก็คงไม่ซวยเจอกันอีก”
น้ำค้างบอกปัด เรื่องมันเกิดขึ้นแล้วจะมัวมาเถียงกันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
“ขอให้เป็นอย่างนั้นนะยะ” เฟญ่าส่ายหัวให้เพื่อนสาวทั้งสอง
น้ำค้างเป็นคนไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบหรือรังแกได้ง่าย ๆ ยิ่งเป็นเรื่องของเพื่อนรัก เธอยิ่งไม่ยอม
หลังจากไปส่งเพื่อนทั้งสองคนน้ำค้างก็ขับรถกลับที่พัก เธอย้ายออกมาอยู่คอนโดแห่งนี้ตั้งแต่ลงเรียนภาคฤดูร้อนของปีหนึ่ง ครอบครัวของเธอทำธุรกิจโรงแรม แต่พ่อแม่ก็เลือกแยกกันคนละทางและจดทะเบียนหย่าตอนเธอเรียนมัธยมปลาย
เมื่อปีก่อนผู้เป็นพ่อก็ได้แต่งงานใหม่ พาภรรยาและลูกติดเข้ามาอยู่ในบ้าน เธอรู้สึกราวกับว่าถูกสองแม่ลูกนั้นกลั่นแกล้งทำให้ทนอยู่ในบ้านหลังนั้นไม่ได้ จึงตัดสินใจขอพ่อย้ายมาอยู่คอนโดที่แม่ซื้อเอาไว้ให้ก่อนที่จะย้ายไปอยู่กับญาติที่ประเทศออสเตรเลีย
*****
วันต่อมา
ฉลามลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก เขาลุกขึ้นนั่งหย่อนขาลงข้างเตียง เอียงคอซ้ายทีขวาทีเพื่อไล่ความปวดเมื่อย ก็รู้สึกเจ็บหน้าอกขึ้นมานิดหน่อย พลันทำให้นึกถึงใบหน้าของหญิงสาวเมื่อคืน
“สวยซะเปล่า แต่แม่งโหดแบบนี้ไม่น่ามีใครเอาทำเมีย”
เขาลุกออกจากเตียงไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วสวมเสื้อช็อปสีแดงเลือดหมูทับกับเสื้อยืดสีดำ ก่อนจะคว้าโทรศัพท์มาโทรหาเพื่อนรักที่อยู่ข้างห้อง
“วันนี้มึงมีเรียนกี่โมง”
(เก้าโมง)
ทะเลเป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันตั้งแต่ชั้นมัธยมปลาย แต่ตอนนี้ลงเรียนคนละคณะ บ้านของทั้งสองอยู่ไม่ไกลกันมาก เวลากลับบ้านก็มักจะกลับพร้อมกัน เรียนอยู่ที่นี่ก็เช่าคอนโดอยู่ห้องติดกัน มักจะกินข้าวด้วยกันบ่อยครั้ง แต่ส่วนใหญ่เข้าเรียนและเลิกเรียนกันคนละเวลา เลยต่างคนต่างเดินทางด้วยรถของตัวเอง
“กูขอติดรถมึงไปด้วย”
(อือ)
วางสายได้ไม่นานเพื่อนของเขาก็มาเคาะประตูเรียก สองหนุ่มพากันไปกินข้าวที่ร้านหน้าคอนโด ก่อนจะเดินทางไปมหาวิทยาลัย
“วันนี้นึกยังไงถึงขอมาด้วย” ทะเลเอ่ยถาม
“รู้สึกไม่สบายตัว เลยขี้เกียจขับรถมาเอง”
สิบนาทีต่อมา
“ขอบใจมากเพื่อน เดี๋ยวตอนเย็นกูกลับพร้อมไอ้นายน์”
ไปถึงมหาวิทยาลัยฉลามก็บอกลาเพื่อน ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินไปยังตึกคณะของตัวเอง
ขณะเดินผ่านตึกของสาขาการจัดการโรงแรม ดวงตาคู่คมเหลือบไปเห็นหญิงสาวที่มัดผมน่ารัก ติดกิ๊บและโบว์สีชมพู ต่างจากลุคที่เขาเจอเมื่อคืนอย่างสิ้นเชิง กำลังเดินเลียบทางด้านข้างตัวอาคารมาตามลำพัง เพราะด้านหลังเป็นลานจอดรถ ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มอย่างมีแผนการ ก่อนจะเดินเข้าไปแล้วหยุดอยู่ตรงหน้า
ปึก!
“ขอโทษค่ะ”
คนเดินมาดี ๆ มาขวางทางทำไมไม่ทราบ แทนที่จะเดินอีกฝั่งเพราะกำลังเดินสวนทางกับเธออยู่ แม้หญิงสาวจะเอ่ยขอโทษออกไปแต่ในใจก็กลับต่อว่าอย่างไม่พอใจ ทว่าพอเธอเงยหน้าขึ้นก็พบกับชายหนุ่มที่วิ่งหนีเขาไปเมื่อคืน
“หัดมองทางบ้างดิน้อง ไม่ใช่มองแต่โทรศัพท์”
ฉลามเอ่ยพร้อมกับคว้าโทรศัพท์เครื่องหรูที่อยู่ในมือของหญิงสาวมาทันทีด้วยความอยากแกล้ง อยากเอาคืน ฟ้าก็ช่างเป็นใจให้มาเจอกันเสียจริง
“ใครเป็นน้องนาย เอาโทรศัพท์ฉันคืนมานะ”
“หึ อยากได้ก็มาแย่งไปสิ”
น้ำค้างขมวดคิ้วโมโหกับน้ำเสียงแค่นหัวเราะที่ดังขึ้น คนยิ่งรีบไปหาเพื่อน ข้าวก็ยังไม่ได้กิน แถมยังดวงซวยมาเจอคนกวนประสาทแต่เช้าอีก เธอยื่นมือออกไปแย่งโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของหนุ่มวิศวะ แต่เขาก็ดึงมือหลบไม่ยอมคืนให้แต่โดยดี
“เอาคืนมา”
น้ำเสียงของหญิงสาวแสดงถึงความไม่ชอบใจปนแง่งอนราวกับเด็กถูกขัดใจ ฉลามได้ทีตอนที่เธอเขย่งปลายเท้ายื่นมือจนสุดแขนเพื่อแย่งโทรศัพท์ที่เขาชูขึ้นเหนือศีรษะจนลืมระวังตัว นำโทรศัพท์ของเธอใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง ใช้มืออีกข้างคว้าข้อมือของสาวสวยหมุนตัวดันแผ่นหลังของเธอแนบชิดกับผนังตึก
คนตัวสูงไม่ปล่อยให้สาวสวยได้ตั้งตัว โน้มใบหน้าลงทาบทับกับริมฝีปากอวบอิ่มที่กำลังจะอ้าปากต่อว่า บดเบียดกับความนุ่มหยุ่นที่พยายามส่ายหน้าต่อต้านเพื่อถ่วงเวลา แล้วหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมากดถ่ายรูป
แชะ!
ใบหน้าหล่อเคลื่อนออกพร้อมกระตุกยิ้มมุมปาก ยักคิ้วยียวนส่งให้คนโดนขโมยจูบ น้ำค้างหายใจเข้าออกอย่างหนักหน่วงข่มอารมณ์ขุ่นเคืองที่ปะทุขึ้น ก่อนจะง้างฝ่ามือตบเข้าที่ข้างแก้มของเขา
เพียะ!
“ไอ้คนฉวยโอกาส นายบ้าไปแล้วเหรอถึงได้กล้าทำกับคนที่ไม่รู้จักแบบนี้”
ชายหนุ่มใช้ลิ้นดุนดันกระพุ้งแก้ม ตัวเล็กแค่นี้แต่แรงเยอะใช้ได้ เขากระตุกยิ้มใส่เธออย่างไม่รู้สึกรู้สา
“หึ คงบ้าไม่เท่าเธอเมื่อคืนหรอก โดนเอาคืนแค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ”
ฉลามแค่นหัวเราะชูโทรศัพท์ที่ปรากฏภาพถ่ายของคนทั้งสองด้วยใบหน้ายียวน น้ำค้างยื่นมือหมายจะแย่งมือถือของเขา แต่ก็ถูกฉลามดึงมือหลบ แล้วตัวเขาสูงขนาดนั้นเธอจะไปแย่งมาได้อย่างไร
ฉลามนำโทรศัพท์เลื่อนลงไปเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงด้านหน้า ก่อนจะหยิบมือถือของหญิงสาวส่งคืนเจ้าของ แต่ดูเหมือนว่าเธอยังคงไม่พอใจ
“ลบรูปเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“จ้างให้ก็ไม่ลบหรอก จะว่าไปมุมด้านข้างตอนที่เธอโดนจูบนี่ก็สวยใช้ได้เหมือนกันนะ”
ฉลามเอ่ยพลางโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้พวงแก้มสีแดงปลั่ง หมายจะลงโทษคนปากดีอีกครา ทว่ากลับโดนหญิงสาวยกมือขึ้นดันแผงอกของเขา
“หยุดนะ”
น้ำค้างส่งเสียงคัดค้านหันหน้าหนีไปด้านข้าง ส่งผลให้ลมหายใจของหนุ่มวิศวะเป่ารดข้างแก้ม แต่แล้วดวงตาที่วูบไหวก็เห็นชายหนุ่มที่เธอรู้จักเป็นอย่างดีเดินมาทางนี้พอดี จึงได้ออกแรงผลักตัวของฉลามออก อาศัยจังหวะนั้นวิ่งเข้าไปคว้าท่อนแขนของเคนมาสวมกอดราวกับต้องการความช่วยเหลือ ก่อนจะหันไปเอ่ยกับคนที่ขโมยจูบเธอไปหน้าด้าน ๆ
“ฉันมีแฟนแล้ว”
“หึ ก็แค่แฟน ไม่ใช่ผัวสักหน่อย”
เสียงทุ้มเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ มองตามแผ่นหลังของคนทั้งสองที่เดินจากไปทันทีเมื่อน้ำค้างพูดจบ
“กรี๊ด พวกแก ดูทางนั้น”“นั่นมันหนุ่มฮอตวิศวะปีสามนี่”“มาหาใครกันนะ”“วาสนาผู้ใดน้อ”“นั่นสิ อยากรู้จังว่ามาหาใคร”เสียงซุบซิบของบรรดานักศึกษาสาวดังขึ้นขณะหันมองสองหนุ่มหล่อที่สวมชุดช็อปสีแดงเลือดหมูเดินตรงเข้ามาในโรงอาหารของคณะบริหารธุรกิจ พลันทำให้กลุ่มของน้ำค้างที่เพิ่งกินข้าวไปได้เพียงไม่กี่คำ ต่างก็เงยใบหน้าขึ้นแล้วหันมองตามเสียงเล็กเสียงน้อยซึ่งดังอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่ดวงตาคู่สวยของน้ำค้างจะเบิกโพลงเมื่อสองหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ ทำเอาใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำราวกับทำตัวไม่ถูกแต่แล้วหนุ่มรุ่นพี่ทั้งสองคนก็เดินมือล้วงกระเป๋าเสื้อผ่านโต๊ะของพวกเธอไปราวกับไม่ได้อยู่ในสายตา“นั่นมันพี่นายน์กับพี่ฉลามนี่ เขามาหาใครอะ” เฟญ่าเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นคนรู้จักสาขาการจัดการโรงแรม เป็นหนึ่งในสาขาของคณะบริหารธุรกิจ พวกเธอมักจะมากินข้าวที่นี่ทุกวัน แต่ไม่เคยเห็นสองคนนี้มาก่อน เพราะคณะวิศวกรรมศาสตร์ก็มีโรงอาหารของตัวเองเหมือนกัน“ก็คงมาหาผู้หญิงของเขาแหละมั้ง” น้ำค้างเอ่ยไม่เต็มเสียง ก่อนจะก้มหน้ากินข้าวต่อส่วนไอรินที่เป็นสาวคู่นอนของนายน์ได้มองตามแผ่นหลังของเขาพลางยิ้มเยาะให้กับตัวเอง เรื่องนี้เพื่อน
“โอ๊ะ บังเอิญจัง เจอคนรู้จัก”ฉลามเข้าไปในร้านก็สอดสายตามองหาหญิงสาวที่เข้ามาก่อนหน้า พอเห็นเธอนั่งอยู่ตรงมุมด้านข้างติดกับผนัง เลยถือวิสาสะเข้าไปนั่งเก้าอี้ว่างอีกตัว เอ่ยทักทายด้วยใบหน้าระรื่นที่แห่งนี้คือคาเฟน้ำหอม ทั่วทั้งร้านถูกประดับตกแต่งด้วยตุ๊กตาหมีขนาดเล็กใหญ่คละกันไป มีแจกันดอกไม้แห้งวางอยู่ทุกโต๊ะ ส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ น้ำค้างชอบมาสั่งน้ำผลไม้และขนมเค้ก รวมทั้งอาหารก็ทำออกมาได้รสชาติดีไม่แพ้กับภัตตาคารใหญ่ เธอจึงมาฝากท้องที่ร้านนี้บ่อยครั้งและที่เธอชอบมากก็คือสไตล์การทำน้ำหอมจากดอกไม้แห้ง ที่มีกลิ่นเฉพาะและสูตรที่ปรับแต่งของร้านนี้ก็ส่งกลิ่นหอมได้ยาวนาน เธอมักจะซื้อติดมือไปวางไว้ที่คอนโด ทั้งห้องนอน ห้องนั่งเล่น ได้กลิ่นแล้วก็รู้สึกสบายใจและผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูกทว่าความสุนทรีที่มีก่อนหน้าก็ได้มลายหายไป คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเป็นปม พร้อมกับใบหน้าแสดงออกถึงความไม่ชอบใจจ้องไปยังคนหน้าด้านที่หย่อนก้นลงนั่งเก้าอี้ข้างเธอ“บังเอิญหรือตั้งใจกันแน่”“งั้นตั้งใจก็ได้ พี่ขอนั่งด้วยนะ”“มีมารยาทด้วยเหรอ ก่อนนั่งไม่เห็นจะถาม”หญิงสาวโต้กลับน้ำเสียงเรียบ ริมฝีปากสวยย
เช้าวันต่อมาชยันต์ได้โทรมาถามอาการของลูกสาว ต่อด้วยคำถามที่ว่าทำไมถึงกลับไปนอนคอนโด มันทำให้รู้ได้ทันทีว่าแม่เลี้ยงน่าจะบอกไปแบบนั้น น้ำค้างจึงจำใจต้องโกหกว่าเพื่อนเป็นห่วงจะมานอนด้วย เลยเลือกกลับไปนอนคอนโด เมื่อบอกไปดังนั้นผู้เป็นพ่อก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อในช่วงบ่ายหมอก็ได้มาตรวจอาการ ผื่นตามตัวของเธอเริ่มบางลงกว่าเมื่อคืน อาการแน่นหน้าอกก็หายแล้ว หมอจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ส่วนไอรินและเฟญ่าก็อยู่ดูแลเธอไม่ห่าง พอออกจากโรงพยาบาลก็พาไปส่งที่บ้านเพื่อกลับไปเอารถ เช้าวันจันทร์น้ำค้างก็ไปเรียนตามปกติหลังเลิกเรียนน้ำค้างแวะที่ร้านสะดวกซื้อ ซึ่งเป็นตึกสามคูหาตั้งอยู่ถัดจากมหาวิทยาลัยไปเพียงไม่กี่หลัง เพื่อหาของกินไปแช่ไว้ในตู้เย็นที่คอนโดน้ำค้างส่งมอบแซนวิชให้พนักงานก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อให้เขานำไปอุ่น ระหว่างนั้นเธอก็หยิบของกินอื่น ๆ ออกวางบนเคาน์เตอร์เพื่อรอคิดเงิน แต่แล้วก็มีมือของใครบางคนยื่นผ่านหน้าไป พร้อมกับวางกล่องถุงยางอนามัยลงบนเคาน์เตอร์ก่อนหน้านี้ฉลามกำลังขับรถออกจากมหาวิทยาลัย ดวงตาคู่คมก็เหลือบไปเห็นสาวสวยกำลังเปิดประตูลงจากรถ เดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ จึงตีไฟเลี้ยวเข้าข้า
ช่อผกากลับไปถึงบ้านก็ขึ้นไปหาสามีบนห้องนอน ดูท่าเขาคงจะร้อนใจอยากรู้อาการของลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน ชยันต์เห็นประตูห้องเปิดเข้ามาก็ลุกออกจากเตียงเดินเข้าไปหาภรรยา“น้ำค้างล่ะ”“หนูน้ำค้างไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ หมอฉีดยาแล้วก็ให้ยาแก้แพ้กับยาทาผื่นคัน ตอนนี้กลับคอนโดไปแล้ว”“กลับคอนโด รถก็ยังอยู่ที่นี่ แล้วจะกลับยังไง”“เธอให้เพื่อนมารับน่ะค่ะ”ช่อผกาสวมกอดแขนผู้เป็นสามีพากันเข้าไปนั่งบนเตียง เงยใบหน้าอ่อนกว่าวัยแสดงสีหน้ารู้สึกผิดขึ้นมอง“คุณโกรธฉันไหมคะ”“ผมจะโกรธคุณเรื่องอะไร”“ก็ที่ฉันทำให้ลูกสาวคุณแพ้อาหาร ฉันขอโทษนะคะ ต่อไปจะจำให้ขึ้นใจว่าหนูน้ำค้างกินถั่วเหลืองไม่ได้”เธอว่าพลางซบใบหน้าออเซาะลงที่แผงอกของสามีเพื่อขอความเห็นใจ นับตั้งแต่คบกันจนกระทั่งแต่งงาน ชยันต์ไม่เคยหาเรื่องทะเลาะหรือมีปัญหากันเลยสักครั้ง และครั้งนี้เธอก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น“ผมจะโกรธคุณได้ยังไง ก็คุณไม่ได้ตั้งใจ อย่าคิดมากเลยนะคุณช่อ ผมรู้ว่าคุณหวังดีกับน้ำค้าง”“ค่ะ ฉันจะไม่คิดมาก ขอบคุณคุณมากนะคะที่เชื่อใจ”เอ่ยจบรอยยิ้มมุมปากของช่อผกาก็เผยขึ้นพร้อมกับดวงตาที่แข็งกระด้าง*****คอนโดของนายน์ เวลาสี่ทุ่ม“อ๊ะ อ๊ะ
ในช่วงค่ำชยันต์เดินไปเคาะประตูเพื่อเรียกลูกสาวลงไปกินข้าวด้วยกัน มื้อนี้ทั้งสี่คนอยู่กันพร้อมหน้า ช่อผกานั่งอยู่ข้างสามีของเธอ ส่วนยิปโซก็นั่งฝั่งเดียวกับน้ำค้าง อาหารบนโต๊ะมีหลากหลายเมนูที่ภรรยาของเขาตั้งใจเตรียมเอาไว้อย่างสุดฝีมือ“น้าช่อตั้งใจทำของโปรดให้ลูกเลยนะ ลองชิมดู”ชยันต์ใช้ช้อนตักแกงเผ็ดไก่ให้ลูกสาว เขาจำได้ว่าน้ำค้างชอบให้แม่ทำเมนูนี้ให้กินอยู่บ่อยครั้ง แต่พอเขาแต่งงานใหม่แล้วรับช่อผกากับยิปโซเข้ามาอยู่ในบ้าน น้ำค้างก็ไม่เคยเรียกร้องให้ทำเมนูนี้อีกเลย“ขอบคุณค่ะ”น้ำค้างจำใจตักเข้าปากเพื่อให้พ่อสบายใจ จะว่าไปรสชาติก็อร่อยดี แต่เห็นหน้าคนทำแล้วทำให้เธอหมดอารมณ์กินข้าว แต่ก็ต้องฝืนใจเพื่อไม่ให้พ่อลำบากใจที่เห็นคนในบ้านไม่ลงรอยกัน“เรื่องเรียนถ้ามีอะไรไม่เข้าใจหนูขอให้พี่น้ำค้างช่วยได้นะ ยังไงเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน” ชยันต์เอ่ยกับลูกติดภรรยาใหม่“พอดีหนูมีคนช่วยติวแล้วค่ะคุณลุง”ยิปโซมักจะตั้งแง่กับน้ำค้างตั้งแต่เข้ามาอยู่ในบ้าน แม่ของเธอมักจะพูดกรอกหูเป็นประจำว่าต้องทำตัวน่ารัก เชื่อฟัง ตั้งใจเรียน เพื่อที่จะได้รับตำแหน่งในโรงแรมที่สูงกว่าลูกสาวในไส้ของเขาแม้ว่ายิปโซจะไม
ฉลามกระตุกยิ้มจ้องมองหญิงสาวที่หลบสายตาเขาอยู่ตลอด ยกมือวนเวียนข้างพวงแก้มสีเลือดฝาด ทั้งสองยืนอยู่ใกล้กันมากจนได้กลิ่นของลมหายใจผสมกับกลิ่นเหล้า“ทำไมถึงไม่คุยกันเลยล่ะ ทำอย่างกับไม่รู้จัก”“ก็ไม่ได้อยากรู้จัก แล้วก็ช่วยขยับออกไปด้วย” น้ำค้างเอ่ยเสียงแผ่ว หลุบตามองต่ำ“แต่เราดันรู้จักกันแล้วนี่สิ ทำไงดี”หนุ่มหล่อยกยิ้มยียวน ส่งมือหนาเชยปลายคางสาวสวยเชิดขึ้นจ้องสบตากัน จากนั้นก็ส่งมืออีกข้างรั้งท้ายทอยของเธอเข้ามาใกล้“อื้อ”น้ำค้างส่งเสียงต่อต้านในลำคอพร้อมกับมือพยายามผลักไส เพียงชั่วครู่ก็เหมือนว่าเธอจะเผลอตัวคล้อยตามความรู้สึกนุ่มหยุ่นที่ได้รับ เผยอปากเปิดรับเอาลิ้นร้ายเข้าไปในโพลงปากหวานฉลามตวัดลิ้นสากต้อนลิ้นของสาวสวยแสนเย่อหยิ่งจนจนมุม ดูดดื่มเอาน้ำหวานที่คละเคล้ากับรสเหล้าลงคอ และดูเหมือนว่าเธอจะต้านทานอารมณ์ที่เกิดขึ้นไม่อยู่ เผลอตวัดลิ้นหยอกล้อเขาอย่างไม่ประสาส่งผลให้ชายหนุ่มลมหายใจติดขัด ตัดสินใจผละริมฝีปากออกก่อนที่จะควบคุมอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ กระตุกยิ้มจ้องมองคนที่หายใจเข้าออกอย่างหนักหน่วงและหลุบตามองต่ำ“หึ”เสียงแค่นหัวเราะของคนตรงหน้าทำให้น้ำค้างได้สติ ช้อนดวงตาที่ไหว