มือหนาเย็นเฉียบ โอบกอดไปที่ร่างอรชรที่ไร้สติ แม้คนข้างหลังจะห้ามปรามไอ้สิงห์ ให้วางร่างของ ระย้าแก้วลง แต่มันกลับดื้อดึงไม่ยอมปล่อยและเดินตรงกับเรือนอย่างรวดเร็ว
ไอ้สิงห์ก้าวขึ้นเรือนของพ่อหมอไทยด้วยความช่ำชองแล้วตรงเข้าห้องของระย้าแก้วทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจว่าเหตุใดมันจึงรู้ว่าห้องไหนเป็นของนาง "ขอบน้ำใจพ่อสิงห์ ที่อุตส่าห์อุ้มลูกสาวข้า มาส่งถึงที่เรือน หากแต่มิมีอันใดน่าเป็นห่วงแล้ว พ่อกลับเรือนของพ่อเถิด" พ่อหมอไทยเอ่ยปากไล่ไอ้สิงห์ทันที "แต่ว่า...!!!" ไอ้สิงห์จะเอ่ยปาก ขออยู่รอดูอาการของระย้าแก้ว แต่กลับมิมีโอกาส "ถือว่าข้าขอพ่อสิงห์สักครั้งเถิด พ่อกลับเรือนของพ่อไปก่อนหนา ให้ข้าได้รักษาลูกสาวข้าด้วยเถิด" พ่อหมอไทยส่ายหัวไปมาอย่างผิดหวัง ไอ้สิงห์จำใจต้องลุกขึ้น เดินออกจากเรือน พร้อมกับความรู้สึกผิดพรั่งพรู ในหัวใจของมันตีกันวุ่นไปหมด ไอ้สิงห์เดินลงมายืนอยู่ตรงหน้าเรือนอย่างสงบนิ่งพาลคิดทบทวนเรื่องราวมากมายของตนเอง พร้อมกับปลายตาหันกลับไปมองชายคาห้องของระย้าแก้ว "กลับเรือนเถิดพี่สิงห์ ประเดี๋ยวเอาไว้แม่ระย้าแก้วดีขึ้น พี่ค่อยมาเยี่ยมนางก็ได้หนา"ไอ้ดำบอกผู้เป็นนาย ไอ้สิงห์ไม่พูดไม่จาใบหน้าเรียบเฉยจนผู้คนอ่านใจมันไม่ออก เรื่องราวในวันนี้แพร่สะพัดไปเร็ว ราวกับสายลมพัด ชาวบ้านที่ตลาดต่างพากันพูดไปต่างๆนานา ว่าบุษบาที่แสนงาม ได้พลีชีวิตเพื่อแสดงความรักต่อชายที่ช่วยชีวิต "นางระย้าแก้วนี่มันช่างมารยาสาไถเสียจริง มิรู้ไปเอาความตอแหล มาจากที่ใด มันพยายามจักจับพี่สิงห์ไปเป็นผัวให้ได้กระนั้นหรือ..!!"ข่าวนี้ก็ได้มาถึงหูนางจันทร์แรมที่อยู่ที่เรือน "พ่อว่าไอ้สิงห์มันคงไม่เอาเอ็งทำเมียแล้วหาก ระย้าแก้วนางทำได้ถึงเพียงนั้น ผู้ชายอกสามศอกอย่างไอ้สิงห์ เยี่ยงไรก็ต้องมีหวั่นไหวเชื่อพ่อเถิด" บิดาของนางจันทร์แรมเอ่ยเสริมกับบุตรสาวของตน "ไม่ได้ข้ามิยอมดอก..!! ข้ารักของข้ามาเป็นแรมปีอยู่ดี ๆ จะปล่อยให้หลุดมือไปได้เยี่ยงไรเล่า"นางจันทร์แรมตวาดเกล้าลั่นเรือน นางชุ่มบ่าวคนสนิทคนล่าสุดถึงกับเสียวสันหลังวาบ "เอ็งก็เพลา ๆ ลงหน่อยเถิดหนา เรื่องของเอ็งก็หนักหนามิเว้นแต่ละวัน จนข้าปวดหัวตามเช็ดตามล้างให้เอ็งไม่ไหวแล้ว" "งั้นพ่อก็ช่วยข้าสิ จะได้เลิกปวดหัวกับข้าเสียที ข้าเองก็เบื่อบ้านหลังนี้เต็มทนแล้ว" "เอ็งจักให้ข้าช่วยกะไร ไหนเอ็งว่ามาซิ" "พ่อช่วยไปคุยกับพ่อแลแม่ของพี่สิงห์ได้หรือไม่จ๊ะเรื่องให้มาสู่ขอข้าเสียที ข้าจักได้เป็นฝั่งเป็นฝา มิต้องให้พ่อเป็นห่วงเช่นนี้อีก" นางจันทร์แรมจะใช้ผู้ใหญ่ไปบีบไปสิงห์เพื่อให้มาสู่ขอตน "มึงจะบ้ากระมังจันทร์แรม มีที่ไหนกันฝ่ายสตรีไปเป็นฝ่ายพูดเรื่องการสู่ขอบุรุษถึงเรือนเช่นนั้น.!" *หากพ่อมิเอ่ยปาก แล้วเมื่อใดเล่าพี่สิงห์จักมาขอข้าเป็นงานเป็นการเสียที" ผู้เป็นพ่อถึงกับปวดหัวกุมขมับ แต่หากคิดไปคิดมาหากนางจันทร์แรมได้ออกเรือน กับบุรุษเยี่ยงไอ้สิงห์ก็เป็นการสมเกียรติ สมศักดิ์ศรีอยู่มิใช่น้อย เพราะต่างคนก็ต่างเป็นลูกของหัวหน้าหมู่บ้าน แต่ไอ้สิงห์เป็นคนที่มั่งคั่งและมีฐานะที่สุด ถือว่ามั่งคั่งมิแพ้ชายใดเลย ระย้าแก้วที่พักรักษาตัวอยู่ถึง 7-8 วัน กว่าจะฟื้นคืนสติพ่อหมอไทยรู้ว่าอาการของลูกสาวตนเองนั้นเรียกว่าอาการหัวใจสลาย มิกินมินอนไม่ดื่มจนกว่านางจะคิดได้เองว่าควรรักตัวเองเยี่ยงไร "เป็นเยี่ยงไรบ้างเล่าลูก"แม่ศรีนวลมารดาของ. ระย้าแก้วที่ดูแลมิได้ห่างกายนางเลยนับจากวันที่เกิดเรื่อง "คุณแม่เจ้าขา มิต้องเป็นห่วงลูกดอกหนา ลูกอยากจะออกไปรับลม ที่สวนลั่นทมเสียหน่อย" ระย้าแก้วที่วันนี้หน้าตาดูสดใส รอยแผลและความบอบช้ำตามร่างกายเริ่มจางหายแต่บาดแผลที่เกิดในหัวใจของนางนั้นมิอาจลืมเลือน "ให้อีแตงลงไปเป็นเพื่อนหนาลูก แล้วอย่าตากแดดตากลมนักนะเดี๋ยวจักได้ไข้กลับมาอีก" "เจ้าค่ะคุณแม่" 7-8 วันที่ผ่านมา ไอ้สิงห์อยากจะมาเยี่ยมไข้ ระย้าแก้วแต่เพราะทิฐิ ที่อยู่ภายในหัวใจของไอ้สิงห์ ยังคงมิอาจยกออกจากใจได้ มันยังคงเย่อหยิ่งทรนงว่าเรื่องทั้งหมด เพราะว่านางเป็นคนเลือกเอง" แต่ในหัวใจของมันกับว้าวุ่นตีกันไปหมด "ไอ้ฟัก.!ไอ้ดำ.!วันนี้มึงมาซ้อมดาบกับกู"ไอ้สิงห์ที่เอาแต่เฟ้นซ้อมดาบกับลูกน้องทั้งวี่ทั้งวัน "พี่สิงห์..! ข้ากับไอ้ฟักโดนพี่ซ้อมจนน่วม ตั้งแต่เช้าจนนี่ก็คล้อยบ่าย ข้ากับไอ้ฟักยังมิได้พักเลยหนาพี่" ไอ้ดำรีบเอ่ยแย้งทันที "มึงอยากพัก หรือมึงอยากตาย..ไอ้ดำ..!?" ไอ้สิงห์พูดเสียงเรียกพร้อมชี้ดาบไปที่มัน "ไม่อยากทั้งสองอย่างจ้ะ"สุดท้ายไอ้ดำกับไอ้ฟักก็จำยอมที่จะไปซ้อมดาบเป็นเพื่อนลูกพี่ของมัน เสียงฝีดาบฟันกระทบกันลั่นลานฝึกฝน ไอ้สิงห์ที่เหงื่อท่วมกาย ส่วนไอ้ดำกับไอ้ฟักนอนหงายแผ่หลา มันถึงกับหมดแรง แม้กระทั่งยกดาบขึ้น "พี่....พอก่อน ถ้าสองคนมิไหวแล้ว" ไอ้ดำนอนหอบแฮกๆ "บ๊ะ..!! พวกมึงนี่ยังหนุ่มยังแน่นมิได้เรื่องสักตัว"พูดจบไอ้สิงห์ก็เก็บดาบแล้วเดินจากไป แต่ไม่รู้ด้วยเหตุอันใดทางที่มันเดินมานั้นกลับเป็นทางไปน้ำตกหลังหมู่บ้านแล เดินทะลุไปที่เรือนของ พ่อหมอไทยโดยมิรู้ตัว ด้วยเพียงจิตใจที่ล่องลอยของมัน จนกระทั่งมันเดินมาหยุดตรงด้านหลังเรือนที่ ระย้าแก้วปลูกดอกลั่นทมเอาไว้ ไอ้สิงห์สองจิตสองใจอยากจะเดินเข้าไปอีกครั้งแม้ว่ามันจะเจอระย้าแก้วหรือไม่ก็ตาม มันอยากจะสัมผัสดอกลั่นทมที่ใคร ๆ ก็มองว่าเป็นดอกไม้ที่ไม่ควรปลูก เหตุใดระย้าแก้วจึงรักมันนัก พอมันเตรียมจะก้าวเข้าไปกลับได้ยินเสียงอีแตงบ่าวคนสนิทเดินกลับออกมาพร้อมกับบ่าวอีกคนหนึ่งที่ยกน้ำและอาหารไปให้กับคุณหนูระย้าแก้วทูนหัวของมัน "อีแตงวันนี้คุณหนูดูดีขึ้นหนา ใบหน้าดูมีเลือดฝาดแต่ข้ารู้สึกคุณหนูเปลี่ยนไปอย่างไรก็ไม่รู้" บ่าวอีกคนนึงเอ่ยขึ้น "คุณหนูเปลี่ยนไปจริง ๆ นั่นแหละแววตาของคุณหนูดูเย็นชา เยือกเย็นแลดูไร้ความรู้สึก คุณหนูแทบจะไม่ยิ้มเหมือนเช่นวันเก่าก่อนเลยหนา" "มึงว่าคุณหนูระย้าแก้วโดนผีเข้าหรือไม่" บ่าวอีกคนถึงกับคิดไปไกลเกี่ยวกับผีสางเทวดา "มึงจะบ้าหรือไร มึงไปเอาความคิดพิเรนเยี่ยงนี้มาจากที่ใดกันเล่า ผีเผลอที่ไหนจะมาเข้าคุณหนูมึงก็เห็นว่าคุณหนูได้ไข้อยู่หลายเพลาหนา"อีแตงตีต้นแขนบ่าวอีกคนเบา ๆ พร้อมทำหน้าดุ "ไปเถิดคุณหนูมิให้ผู้ใดเข้าไปรบกวน มึงก็อย่าให้ผู้ใดเข้ามาใกล้สวนลั่นทม ปล่อยให้คุณหนูได้นั่งร้อยมาลัยสงบจิตใจของนางเสียเถิด" อีแตงสั่งบ่าวรับใช้อีกคนหนึ่งเพื่อให้ไปกระจายข่าว ไอ้สิงห์ที่กำลังจะก้าวเข้าไปสวนลั่นจึงหลบเร้นซ่อนกายข้างๆต้นไม้บริเวณรอบข้างตรงนั้น เพื่อมิให้อีแตงบ่าวคนสนิทของระย้าแก้วได้เห็นมันพอบ่าวทั้งสองจากไปไอ้สิงห์จึงค่อยๆเดินเข้าไปในสวนไอ้สิงห์ก้าวเดินไปตามทาง พร้อมกับหันไปเห็นร่างอรชรที่กำลังนั่งร้อยมาลัย รับลมอยู่กลางศาลาน้ำ เหล่าฝูงปลาแหวกไหว้ ดอกลั่นทมตามสะพรั่งทั้งสวน หัวใจของมันรู้สึกสั่นไหว มันมิรู้จักสู้หน้าระย้าแก้วเช่นไรเพราะบัดนี้นางได้เปลี่ยนไปสิ้นตั้งแต่วันที่มันได้เห็นแววตาคู่นั้นที่ว่างเปล่า "ระย้าแก้วเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง"เสียงแผ่วเบาราวกับสายลมจากปากของไอ้สิงห์ ระย้าแก้วที่ได้ยินเสียงคุ้นหู จึงหันกลับไปมองเจ้าของเสียง ในขณะที่สองมือยังคงร้อยมาลัยดอกลั่นทม นางปรายตามองไอสิงห์ด้วยสายตาที่เรียบเฉยไม่มีความรู้สึกหลงเหลืออยู่ในดวงตาผู้สวย "ลมอันใดหอบพี่มาที่นี่เล่า เหตุใดวันนี้พี่จึงมาเรือนของข้าได้..พี่มาผิดเรือนหรือไม่..? ข้าจะต้องขออภัย ที่ไม่สามารถต้อนรับพี่ได้ในเพลานี้ พี่กลับไปเสียเถิด" ในรอบหลายวันนี่เป็นประโยคยาวๆ ประโยคแรกที่ระยะแก้วได้พูด ระย้าแก้วปรายตามองไอ้สิงห์เพียงแวบเดียวแล้วหันกลับไปร้อยมาลัยดอกลั่นทมต่อ ปากก็พูดแต่มิหันไปมองหน้าไอ้สิงห์เลย "เอ็งไม่ต้องไล่ข้าดอก ข้าแค่อยากจะมาดูว่าเอ็งตายหรือยัง เพราะเห็นข่าวว่าจับไข้เสียหลาย"ว
มือหนาเย็นเฉียบ โอบกอดไปที่ร่างอรชรที่ไร้สติ แม้คนข้างหลังจะห้ามปรามไอ้สิงห์ ให้วางร่างของ ระย้าแก้วลง แต่มันกลับดื้อดึงไม่ยอมปล่อยและเดินตรงกับเรือนอย่างรวดเร็ว ไอ้สิงห์ก้าวขึ้นเรือนของพ่อหมอไทยด้วยความช่ำชองแล้วตรงเข้าห้องของระย้าแก้วทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจว่าเหตุใดมันจึงรู้ว่าห้องไหนเป็นของนาง"ขอบน้ำใจพ่อสิงห์ ที่อุตส่าห์อุ้มลูกสาวข้า มาส่งถึงที่เรือน หากแต่มิมีอันใดน่าเป็นห่วงแล้ว พ่อกลับเรือนของพ่อเถิด" พ่อหมอไทยเอ่ยปากไล่ไอ้สิงห์ทันที"แต่ว่า...!!!" ไอ้สิงห์จะเอ่ยปาก ขออยู่รอดูอาการของระย้าแก้ว แต่กลับมิมีโอกาส"ถือว่าข้าขอพ่อสิงห์สักครั้งเถิด พ่อกลับเรือนของพ่อไปก่อนหนา ให้ข้าได้รักษาลูกสาวข้าด้วยเถิด" พ่อหมอไทยส่ายหัวไปมาอย่างผิดหวังไอ้สิงห์จำใจต้องลุกขึ้น เดินออกจากเรือน พร้อมกับความรู้สึกผิดพรั่งพรู ในหัวใจของมันตีกันวุ่นไปหมด ไอ้สิงห์เดินลงมายืนอยู่ตรงหน้าเรือนอย่างสงบนิ่งพาลคิดทบทวนเรื่องราวมากมายของตนเอง พร้อมกับปลายตาหันกลับไปมองชายคาห้องของระย้าแก้ว"กลับเรือนเถิดพี่สิงห์ ประเดี๋ยวเอาไว้แม่ระย้า
"พี่สิงห์..พี่สิงห์..!! อยู่ที่ใด พี่เกิดเรื่องใหญ่แล้ว..!!"เสียงไอ้ดำวิ่งหน้าตั้ง มาตั้งแต่ไก่โห่ฟ้ายังมิสางดี"มึงแหกปากทำกระไรแต่เช้าฮึ..ไอ้ดำ คนในเรือนของข้ามิกันตกใจหมดรึ..ถ้าหากมันมิสำคัญเยี่ยงที่มึงกล่าวกูจะสั่งเฆี่ยนมึงให้หลังลายไอ้ห่านี่..!!!"พี่สิงห์ไปกับข้าเถอะ อย่ามัวชักช้า"ไอ้ดำที่วิ่งขึ้นเรือนไปอย่างรีบร้อนลนลาน พอไปถึงตรงชานเรือนที่ ไอ้สิงห์อยู่มันรีบจูงมือไอ้สิงห์ลงเรือนทันที"เอ็งจะพาข้าไปที่ใด ให้ข้าได้ใส่ผ้าผ่อนให้มันเรียบร้อยเสียก่อนเถอะ""จ้ะพี่งั้นพี่รีบไปเลย ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินแก้ พี่เชื่อข้าสักครั้งเถอะ"ไอ้สิงห์ที่ใส่เสื้อเรียบร้อย มันก็รีบเดินลงเรือนไปพร้อมกับไอ้ดำ ทั้งที่มันยังไม่รู้เลย ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นเหตุใดจึงใหญ่โต ขนาดที่ไอ้ดำมาที่เรือนแต่เช้ามืด"พี่พูดอันใดกับคุณหนูระย้าแก้ว เอาไว้เมื่อวานนี้หรือไม่..ขอรับ? ตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่เสียแล้วหนา"ไอ้ดำที่เดินไปด้วยพูดไปด้วย"เมื่อวานข้าพูดอันใดกับนาง..?เกิดอันใดขึ้นมึงเล่ามาให้ละเอียดทีเถิด"ไอ้สิิงห์เริ่มมีท่าทีร้อนรน
คำพูดที่พล่อย ๆ พูดโดยมิไตร่ตรอง พูดโดยไมิคิด ไอ้สิงห์มิรู้เลยว่า คำพูดของมันนั้นมีความหมายกับหัวใจของระย้าแก้วมากเพียงใด ระย้าแก้วจึงตั้งใจแน่วแน่ว่าจักนั่งรอไอ้สิงห์จนถึงเช้าดังเช่นที่ไอ้สิงห์ได้ลั่นคำ"ได้หากพี่รับปากข้าเช่นนั้น ข้าจะทำให้พี่ได้เห็น ว่าข้าจักมิผิดคำพูดกับพี่ แม้สักนิดเดียว"ระย้าแก้วตะโกนไล่หลัง"หากเอ็งทำได้เยี่ยงปากพูด ข้าจักทำตามคำพูดเช่นกัน"ไอ้สิงห์คิดอยู่ภายในใจว่าแม่หญิงอย่างระย้าแก้วนั้นมิอาจทำได้ดั่งเช่นคำที่พูดดอกผ่านมาหลายชั่วยาม ระย้าแก้วยังคงนั่งอยู่ที่เถาวัลย์ชิงช้า โดยมิลุกไปที่ใด จนเป็นที่ผิดสังเกตของแม่ศรีนวลและพ่อหมอไทย"อีแตง..! คุณหนูของมึงอยู่ที่ใดกันเล่า เหตุใดจึงยังมิกับเรือน.?" แม่ศรีนวลหันไปถามบ่าวคู่ใจของระย้าแก้ว"คุณหนูขอนั่งเล่นกง น้ำตกหนาเจ้าคะแม่นาย หากแต่บอกว่าจะกลับไม่นานนักเจ้าค่ะ""แต่นี่มันก็หลายชั่วยามแล้วหนา พระอาทิตย์จะลับขอบฟ้าอยู่แล้ว เหตุใดนางจึงยังมิกลับ" มารดาอย่างแม่ศรีนวลเริ่มกับวันกระวายเป็นห่วงลูกสาว"กระนั้นบ่าวขออนุญาตแม่นาย ไปตามคุณหนูหนาเจ้าคะ."อีแตงรีบเสนอตัว"มึงชักช้าอยู่ใยเล่า รีบไปเถิด" พ่อหมอไทยเอ่ยปากแท
"ถึงพี่จะว่ากระนั้น ข้าก็ต้องขอบน้ำใจพี่ ที่พี่ได้ช่วยข้าหลายครั้งหลายครา" ระย้าแก้วเอ่ยคำขอบคุณ ไอ้สิงห์"ทูนหัวของบ่าว เรากับเรือนกันเถิดหนาอย่าอยู่ตรงนี้ให้เสียเวลาเลย นี่ก็ดูท่าอีกมินานฝนก็คงจะตก" อีแตงข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของระย้าแก้วรีบพูดแทนผู้เป็นนายสองเท้าก้าวเดินออกอย่างมั่นใจ ว่าจะไม่หันกลับไปมองไอ้สิงห์ เพราะหากระย้าแก้วหันกลับไป น้ำตาคงได้อาบสองแก้มเป็นแน่"คุณหนูอย่าร้องไห้เลยหนา อย่าให้ผู้ใดเห็นน้ำตาของคุณหนูอีกต่อไปคุณหนูของบ่าวเข้มแข็ง""ข้าขอบน้ำใจพี่แตง ยิ่งนักที่อยู่เป็นเพื่อนข้าเสมอ"อีแตงรีบประคองร่างอรชรของระย้าแก้ว นายทูนหัวที่มันรักหนักหนา มาให้พ้นจากตลาด ลัดเลาะมาจนถึงน้ำตกท้ายหมู่บ้าน ทางผ่านกลับบ้านของระย้าแก้วซึ่งน้ำตกกับบ้านของระย้าแก้วห่างกันไม่ถึงห้าสิบก้าว เรียกว่าใกล้มาก"พี่แตงไปที่เรือนก่อนเถิดหนา ข้าขอนั่งเล่นที่ชิงช้าเถาวัลย์สักครู่" หากข้าสบายใจขึ้นข้าจักได้กลับเข้าเรือน"คุณหนูจะเอาเยี่ยงนั้นก็ได้เจ้าค่ะ แต่อย่านานนักหนานะเจ้าคะ หากแม่นายศรีไพรตามหา บ่าวจักถูกเฆี่ยนหลังลายเป็นแน่""มินานดอกพี่แตง หากข้าสบายใจขึ้น ข้าจะรีบกลับเรือนทันที"อีแ
"พี่แตง ดูปิ่นปักผมอันนี้ซิ สวยเหลือเกิน ลายดอกไม้สวยตรงใจข้าเหลือเกิน" ระย้าแก้วยิ้มสดใส ในวัย 18 ปี งามใสพรั่งราวดอกไม้แรกแย้ม ความงามเลื่องลือไปทั่วคุ้งน้ำ แลหัวท้ายหมู่บ้านต่างพากันอยากเยินโฉมบุษบานางฟ้าเดินดิน"สวยมากเจ้าค่ะทูนหัวของบ่าวอยากได้กระนั้นหรือเปล่าจะได้ต่อราคาพ่อค้าให้"บ่าวคู่ใจอย่างนางแตงรีบจัดแจงให้กับเจ้านายผู้กายของมัน"ข้าอยากได้ปิ่นปักผมอันนี้พี่แตง"ระย้าแก้วที่ยิ้มสดใสอยู่หน้าร้านเครื่องประดับ"จีนซื่อ ข้าเอาปิ่นอันนี้ให้กับนายของขา""ได้ ได้"แต่ยังไม่ทันได้เอาปิ่นปักผมมาใส่ตะกร้าสานของนางแตง ก็มีเรียวกระชากปิ่นออกจากมือของจีนซื่อทันที พร้อมกับทำท่าทีโอหังหันมามองหน้าระย้าแก้วอย่างโกรธเคือง นั่นคือจันทร์แรมที่ตอนนี้อายุอานามก็ปาไป 27 ปี จนจะเป็นสาวแร้งทึ้งอยู่แล้วก็ยังไม่ได้ออกเรือน ข่าวคาว ๆ ก็เล็ดรอดให้ชาวบ้านได้พูดกันไม่เว็นแต่ละวัน จนไอ้สิงห์ระอา ถึงแม้ยังไม่เคยเห็นกับตาได้ยินกับหูแต่มันก็ไม่ได้โง่ดักดาน เพียงแต่ยังไม่ทันเห็นธาติแท้ของนางจันทร์แรมกับตาก็เท่านั้น"ข้าจะเอาปิ่นอันนี้จีนซื่อ ท่านต้องขายให้ข้า"จันทร์แรมที่สแยะยิ้มอย่างผู้มีชัย"ขอโทษอาคุงหนู
ไอ้สิงห์ที่ยังคงร่ำสุรา อยู่ที่ชานเรือนบนบ้าน มันเฝ้ามองระย้าแก้วมาเนิ่นนาน แม้มันจะลั่นวาจาเอาไว้ว่าจะไม่รับรักระย้าแก้ว เรื่องที่มันหวนคิดยังมิได้ครึ่งกับสิ่งที่มันทำ แต่บัดนี้หัวใจที่แข็งแกร่งของมัน ก็ว้าวุ่นมิน้อย มันดื่มหนักจนเมาหลับไปจนถึงเช้าวันแล้ววันเล่า ที่ระย้าแก้วเฝ้ารัก ทะนุถนอมเทิดทูนบูชาในความรักที่มั่นคงของตนเอง ที่มีต่อไอ้สิงห์แม้จักรู้ว่า ไอ้สิงห์มิมีใจให้ตนเองเลย และยังมีนางในดวงใจอย่างแม่จันทร์แรม .แต่ระย้าแก้วก็ยังคงตั้งใจตั้งมั่น สักครั้งในชีวิตนางคิดว่าหากมิทำกะไรสักอย่าง จะมาเสียใจภายหลังแต่หากทำเต็มที่แล้ว ยังมิสามารถเอาชนะใจไอ้สิงห์ได้ นางก็จะถอยออกมาเอง."คุณหนู..!! ทูลหัวของบ่าว จะไปที่ใดกันเล่าแต่งตัวเสียสวยเชียว"บ่าวคู่ใจอย่างนางแตงเอ่ยชมผู้เป็นนาย"วันนี้เห็นว่า พี่สิงห์จะคุมชาวบ้านซ้อมฟันดาบ ข้าอยากจะเอาน้ำมะลิใบเตย เอาไปฝากพี่สิงห์เสียหน่อย ช่วงนี้อากาศร้อน ๆ" ทุกครั้งที่ระย้าแก้วพูดถึงไอ้สิงห์นางมักจะยิ้มแย้มแจ่มใส"ไปทำไมเล่าทูนหัวของบ่าว คราวที่แล้วก็น้ำแกงราดตัวมาทีนึงแล้วหนา"นางแตงรู้สึกโกรธแทนระยาแก้วที่ไปทีไรก็มักจะมีเหตุมีน้ำตาหรือเจ
สภาพเสื้อผ้าสไบที่เลอะเทอะ เปรอะเปื้อนสองแขนแดงเถือก น้ำตาไหลริน แต่นางกลับยังคงยิ้มส่งมาให้กับบ่าวคู่ใจเยี่ยงนางแตง"ข้ามิเป็นอันใดดอกพี่ มันเป็นอุบัติเหตุหนา" ระย้าแก้วที่ปลอบใจนางแตงบ่าวคู่ใจ"อุบัติเหตุอันใดกันเล่า..! ข้าเห็นกับตาว่าพ่อสิงห์จงใจปัดกับข้าวจนหกรดคุณหนูเยี่ยงนี้""มิเป็นไรดอกพี่ เหตุก็เป็นเพราะข้า ที่จะมาวุ่นวายกับพี่เขา ตอนที่พี่สิงห์ยังคงเจ็บแผลอยู่เลยหงุดหงิดก็เท่านั้น"คำพูดภายใต้รอยยิ้มที่เปื้อนน้ำตาระย้าแก้วมักจะหาเหตุผลหักล้างการกระทำที่ไม่ดีของไอ้สิงห์เสมอ"เมื่อใดคุณหนูของข้า จักโตขึ้นแลคิดได้เสียทีหนาบุญคุณหากต้องทดแทน ไปตลอดชีวิตมันก็มิแปลกแต่หากทดแทน แล้วเขามิต้องการก็ควรหยุดเสียทีเถิด"อีแตงพยายามปลอบใจผู้เป็นนายของตนให้รู้จักความรักที่แท้จริงเสียที"เรากลับเรือนกันเถิดหนาคุณหนู ไปล้างเนื้อล้างตัว"อีแตงประคองผู้เป็นนายกลับไปที่ท่าน้ำเพื่อพายเรือกลับสาวน้อยในวัย 17 ปีถึงแม้จะไม่รู้จักคำว่ารักที่แท้จริงเป็นเช่นไร แต่นางก็ตั้งมั่นที่จะมอบกายถวายหัวใจให้กับไอ้สิงห์ระหว่างทางไปก็ราวกับฟ้าฝนเป็นใจตกห่าใหญ่ลงมา จนเรือแทบจะล่มกลางทาง กว่าจะถึงบ้านก็ทุลักทุ
หลังจากวันนั้นข่าวลือเรื่องผู้ชายสองคนต่อยตีกันแย่งหญิงสาวก็ลืมสะพัดทั่วทั้งหมู่บ้านทั่วคุ้งน้ำว่าลูกสาวแสนสวยของพ่อหมอไทยถูกผู้ชายรุมแย่งตัวส่วนไอ้สิงห์ก็เอาแต่ดื่มเมามายโวยวายซ้อมฟันดาบกับบ่าวในเรือนและเหล่าพลทหารที่ตรวจตารอบหมู่บ้านต่างมิมีใครกล้าเข้าหน้ามันสักคนเดียวจนผู้เป็นพ่อต้องเข้ามาคุยกับลูกชาย"ไอ้สิงห์เอ็งเป็นกระไรของเอ็งเหตุใดจึงเอาแต่เมามายเยี่ยงนี้"ผู้เป็นพ่อที่ไม่เคยเห็นลูกชายของตนผู้เงียบขรึมกินเหล้าหัวราน้ำเช่นนี้ แถมยังมีข่าวลือหนาหูเรื่องชกต่อยกลางตลาดเพราะผู้หญิง"ข้ามิเป็นอันใดดอกพ่อ ข้ารู้สึกมีเรื่องให้ข้าต้องตัดสินใจหลายอย่าง ขอเวลาถ้าสักพักนึงเถิด"เสียงครางยานของไอ้สิงห์เอยบอกผู้เป็นพ่อคืนเดือนดับทำให้มองไม่เห็นสิ่งใด บนฟากฟ้า ไอ้สิงห์ที่นอนเมาอยู่ชานเรือน มันนอนน้ำตาไหลรินโดยที่มันก็ไม่รู้เหตุใดจึงรู้สึกเศร้าเช่นนี้ ไอ้สิงห์หวนนึกถึงเรื่องเมื่อสามปีก่อนที่มันได้ช่วยเหลือระย้าแก้วที่กำลังจมน้ำ จนทำให้ระย้าแก้วมอบหัวใจทั้งดวงให้กับมันแต่มันกลับไม่เห็นคุณค่าเอาแต่พูดจาทำร้ายจิตใจของหล่อนย้อนไปเหตุการณ์วันที่ฟ้าฝนมืดครึ้มแต่ระย้าแก้วยังดื้อรั้นที่จะเอาบ