"พี่พระพาย ข้าขอบน้ำใจยิ่งนัก ที่ช่วยพูดแทนข้าเสียหมดเลย"ระย้าแก้ว ขอบคุณพระพายที่ช่วยเหลือตนให้พ้นจากความอึดอัดที่ได้รับ
แต่ยังไม่ทันจะพ้นเขตวัด ก็มีเรื่องให้ปวดหัวตามมาอีกเมื่อไอ้สิงห์ได้เดินตามพระพายและระย้าแก้วออกมาจากวัด "ระย้าแก้วนั่นเอ็งจะไปที่ใด"ไอ้สิงห์เดินตามออกมาพร้อมกับไอ้ดำ "ฉันไหว้จากพี่สิงห์ พอดีฉันจะไปสวนดอกลั่นทมนะจ๊ะ"ระย้าแก้วเอ่ยขึ้น "ที่ใดกันสวนดอกลั่นทม ข้าไม่เห็นเคยได้ยินในหมู่บ้านเรามีด้วยรึ"ไอ้สิงห์ไม่เคยได้ยินเรื่องสวนดอกลั่นทมเพราะไม่มีผู้ใดนิยมปลูกด้วยชื่ออันเป็นอัปมงคล "มีสิจ๊ะ ข้าปลูกมันไว้ถัดจากบ้านไม่ไกลมันอยู่ในพื้นที่ ส่วนตัวบ้านของข้า มิใครเคยย่างกรายเข้าไป"ระย้าแก้วรีบอธิบาย ไอ้สิงห์เตรียมเอ่ยปาก จะพาระย้าแก้วไปส่งแต่ก็ถูกนางจันทร์แรม ที่เดินจ้ำอ้าวมาแต่ไกล มาถึงก็จับมือถือแขนแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของไอ้สิงห์ทันที "พี่สิงห์ช่วยไปส่งข้าที่บ้านหน่อยได้ไหมจ๊ะ"นางจันทร์แรมที่จับมือถือแขนในสิงห์ อย่างไม่อายถึงแม้จะพ้นเขตวัดมาแล้วไม่ไกลนัก "เออ..ข้าว่าข้ามีธุระต่อนะ"ไอ้สิงห์รีบปฏิเสธนางในดวงใจมันก็ไม่รู้ทำไมเช่นกัน "ไอ้ดำเรื่องที่เราคุยกับหลวงพ่อไว้จะต้องกลับไปคุยต่อหรือไม่"ไอ้สิงห์รีบส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากไอ้ดำทันที ไอ้ดำที่รู้ว่าลูกพี่ตัวเองนั้นต้องการความช่วยเหลือจึงรีบตอบกลับทันควัน "จ้ะพี่คุย กับหลวงพ่อเสร็จแล้ว ก็น่าจะต้องไปดูรั้วไม้รอบหมู่บ้าน ของเราว่ามีตรงไหนจักต้องซ่อมแซมบ้าง" ระย้าแก้วที่ยืนฟังคนทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนิทสนมหัวใจของเธอนั้นเจ็บแปล๊บ เธอก็ต้องอดทนในเมื่อเธอนั้นรักไอ้สิงห์ เพียงข้างเดียว เธอปณิธานแล้วว่าเธอจะลองสักตั้งเจ็บปวดให้ถึงที่สุดจนกว่าหัวใจเธอจะด้านชาเมื่อถึงสุดทางเธอคงจะรู้เองว่าเมื่อไหร่ที่ควรพอ "อ้าว..!!แม่ระย้าแก้วยังไม่กลับอีกรึ?"นางจันทร์แรมรีบถามไถ่ราวกับเอ่ยไล่เสียมากกว่า ระย้าแก้วนั้นไม่ตอบเพียงแค่หันไปมองหน้าพระพายเพราะเธออยากจะพาเขาไปดูสวนลั่นทมที่เขาได้ช่วยเธอปลูกและเธอหวงแหนมันเป็นที่สุด "พี่พระพาย ข้าว่าเราไปจากตรงนี้กันเสียทีเถิด ที่ข้าเอ่ยปากชวนพี่ไปดูสวนลั่นทมพี่ยังอยากไปหรือไม่" ระยาแก้วเอ๋ยถามพระพายพร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานไปให้โดยที่ไม่รู้เลยว่าไอ้สิงห์ได้มองทุกการกระทำและรู้สึกหงุดหงิดเพียงใด "ปากก็บอกว่าชอบกูรักกูแต่พอมีผู้ชายหน้าตาดีก็ระลิกละลี้ ๆเชียวนะ ระย้าแก้ว"ไปสิงห์สบถเบาๆ "พี่ต้องไปแน่นอนอยู่แล้วนานโขแล้วที่พี่ไม่ได้เห็นสวนที่เราช่วยกันปลูก"พระพายรีบเอ่ยตอบ ไอ้สิงห์แกล้งรีบเดินนำหน้าทั้งที่ได้ยินทุกถ้อยคำทุกวาจาที่ทั้งสองได้เอ่ยพูดคุยกันอยู่ด้านหลังตนมันเร่งจ้ำอ้าวจนไอ้ดำแทบจะเดินตามไม่ทัน "พี่สิงห์..!! พี่จะรีบไปที่ใดกันเล่า เดินไวเยี่ยงม้าขนาดนี้ข้าจะตามพี่ทันกระนั้นรึ"ไอ้ดำตะโกนไล่หลังผู้เป็นลูกพี่ "แล้วใครใช้ให้มึงเกิดมาขาสั้นวะ กูก็เดินของกูปกติเดี๋ยวกูถีบหงายแม่งเสียดีมั้ง"ไอ้สิงห์ที่รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก "โถ่..!!พี่สิงห์พี่ไปวัดมาหาได้ไปกินรังต่อรังแตนที่ไหนกันเล่าเหตุใดจึงได้หงุดหงิดแต่เช้าเช่นนี้" ไอ้ดำที่เห็นสีหน้าท่าทางของผู้เป็นนายมันก็พอจะเข้าใจได้แต่ในเมื่อพี่สิงห์พูดเองว่ารังเกียจฉันระย้าแก้ว แล้วเหตุใดจึงได้หงุดหงิดเช่นนี้ ไอ้สิงห์ที่แกล้งเดินนำหน้า เพื่อมาดักทางแล้วจะตามหลังระย้าแก้ว มันรู้สึกเป็นห่วงระย้าแก้วอย่างผิดปกติเพราะมันก็จำไม่ได้ว่าผู้ชายคนนั้นคือผู้ใด เหตุใดจึงได้สนิทสนมกับระย้าแก้วเช่นนั้น มันเป็นคนต่างถิ่นที่ดูแปลกหน้าแปลกตาไม่น่าไว้วางใจ "พี่สิงห์ทำกะไรนี่"ไอ้ดำได้เอ่ยถามด้วยความสงสัยเพราะผู้เป็นลูกพี่ได้ทำตัวลับๆล่อๆ "เออน่ะ..มึงเงียบๆไว้อย่าส่งเสียงดัง"ไอ้สิงห์สั่งไอ้ดำทันที เพียงไม่นานก็เห็นคนสามคนเดินผ่านไปโดยมีผู้ชายแปลกหน้าที่เดินเคียงคู่มากับระย้าแก้ว และมีบ่าวคู่กายอย่างนางแตงหิ้วสำรับตะกร้าเดินตามหลัง "ระย้าแก้วของพี่โตเป็นสาวสวยสะพรั่งจนพี่แทบจะจำไม่ได้เลยหนา"พระพลายเอ่ยชม ระย้าแก้วไม่ขาดปากตั้งแต่เดินออกจากวัดมา "พี่ก็พูดเกินไป ข้าคงสู้สาวหมู่บ้านพี่มิได้ดอก"ระยาแก้วที่ยิ้มจนตาหยี "เอ็งรู้หรือไม่..!! ว่าชื่อเสียงของเอ็งนั้นกระฉ่อนไปถึงหมู่บ้านของพี่ มีแต่คนบอกว่าเจ้าเปรียบเหมือนอิเหนาที่สวยงาม บางคนก็ให้ฉายาเจ้าว่าเป็น นางบุษบาแห่งพงไพร" พระพายพูดออกมาไม่เกินจริงเพราะชื่อเสียงความงามของระย้าแก้วเป็นที่เรื่องลือ มีเพียงไอ้สิ่งเท่านั้นที่ไม่เห็นของดีที่อยู่กับตัวมัน "มึงได้ยินหรือไม่"ไอ้สิงห์หันไปถามไอ้ดำ "พี่สิงห์จัดให้ข้าได้ยินกะไร"ไอ้ดำถามผู้เป็นลูกพี่ทันที "ก็ไอ้หน้าจืดนั่นมันเรียกระย้าแก้วของพี่ มึงมิได้ยินเลยรึ"ไอ้สิ่งที่แอบซุ่มอยู่หลังพุ่มไม้รู้สึกหงุดหงิดจนอยากจะออกไปกระแทกหน้าผู้ชายหน้าจืดคนนี้ "ข้าได้ยินเต็มสองรูหูเลยพี่สิงห์ แต่มันมีอะไรผิดแปลกเล่า"ไอ้ดำที่ทำหน้าฉงน "มึงนี่มันโง่จริงๆ กูรู้อย่างนี้กูส่งให้มึงไปเลี้ยงวัวเลี้ยงควายอยู่ในไร่ดีกว่าไม่ต้องมาติดตามกูดอก"ไอ้สิงห์ที่อยู่ดีๆก็โกรธเคืองไอ้ดำเสียอย่างนั้น "เอ้าก็ข้าไม่เข้าใจก็พี่ถามข้าข้าก็ตอบพี่" ไอ้สิงห์ที่รู้สึกโมโหอยู่เป็นทุนเดิมก็ยิ่งโมโหหนักเข้าไปอีกที่ไอ้ดำไม่ได้เข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อสารกับมันจึงได้ยกตีนถีบพรวด ไอ้ดำที่โดนตีนผู้เป็นนาย ก็กระเด็นออกจากพุ่มไม้มาทันที จนทำให้ระย้าแก้วและพระพายตกใจ จนต้องชักดาบเจาะคอไอ้ดำ "มึงตามกูมาทำไม เหตุใดมึงจึงสะกดรอยตามกูกับแม่ระย้าแก้วเช่นนี้"พระพายที่ใช้ดาบจ่อคอไอ้ดำอยู่ "พี่พระพายใจเย็นก่อนเถิดหนาอันนี้พี่ดำคนของหัวหน้าหมู่บ้าน"ระย้าแก้วรีบห้ามปรามเรือสำเภาแล่นผ่านหลายคุ้งน้ำ จนตัดเข้าแม่น้ำ ท่าจีนและใกล้ถึงตัวเมืองสุพรรณอีกไม่กี่เพลาแล้ว ระย้าแก้วจักได้เหยียบบ้าน ที่ตัวเองจากมานานแสนนานเหลือเกิน นางคิดถึงพ่อและแม่เป็นที่สุด "พี่แตงดูนี่สิ ภูเขาลูกใหญ่โตเชียว น้องคิดถึงคุณพ่อกับคุณแม่ที่สุดเลย"ระย้าแก้วพูดกับอีแตงด้วยรอยยิ้ม "บ่าวก็คิดถึงเรือนที่สุพรรณเป็นที่สุดเจ้าค่ะ" "แหม สองสาวพากันคิดถึงเรือนและมิคิดถึงพี่รือ พี่ก็อยากจักไปเที่ยวเมืองสุพรรณเช่นกันหนา"พิกุลที่เดินเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่สไบมาอย่างสวยงาม "โอ้โห...พี่พิกุลแต่งตัวสวยเช่นนี้ น้องจะต้องรีบไปผัดผ้าเปลี่ยนเสียที ประเดี๋ยวจักสวยน้อยกว่าพี่พิกุล" พูดจบระย้าแก้วจึงรีบไปหยิบสไบสีชมพูสวยสดงดงามที่ได้เตรียมเอาไว้ นางจะเปลี่ยนให้สวยที่สุดเพื่อให้บิดากับมารดาได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวนาง "พี่แตงเข้ามาช่วยข้าผัดผ้าหน่อยเถิด ข้าติดสไบด้านหลังมิถึง"เสียระย้าแก้วดังมาจากในห้อง "เจ้าข้า บ่าวไปเดี๋ยวนี้แหละเจ้าค่ะคุณหนู" ผ่านไปเพียงครึ่งชั่วยาม สองสาวก็ออกมางามพร
"ข้าไหว้จ้ะพี่สิงห์ ข้าชื่อชบาอายุ 18 ปีแล้ว บ้านอยู่ทางคุ้งน้ำเหนือ แม่ของพี่ไปทาบทามข้ามาเพื่อดูตัวกับพี่ หากเราตกลงปลงใจกันได้ก็จะได้หาฤกษ์ยามเพื่อแต่งงานกันเจ้าค่ะ"ชบาเด็กสาวบ้านที่เลยคุ้งน้ำเหนือไปเป็นเด็กที่หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก "เจ้ากลับไปเสียเถิด ข้ามิต้องการการงานแต่งงานใดๆ ทั้งสิ้น ข้าต้องขอโทษเอ็งด้วย ที่ทำให้เอ็งเสียเวลา"ไอ้สิงห์บัดนี้กลายเป็นคนสุขุมลุ่มลึก แม้คำพูดคำจาจะน้อยคำ แต่มันก็ยังคงพูดบ้าง แต่ดูเหมือนแม่สาวชบาจะแก่นแก้วไม่น้อยเดินชม้อยชม้ายชายตา ให้ท่าไอ้สิงห์เต็มที่ไอ้สิงห์ที่ขึ้นชื่อเรื่องรูปงามสาว ๆ สตรีนางใดก็หมายปองแถมยังมีฐานะที่ร่ำรวยมิแพ้ชายใด ไม่ว่าการตีรำฟันดาบไอ้สิงห์ก็ไม่เคยแพ้ผู้ใดแถมยังเป็นลูกหัวหน้าหมู่บ้านมีหรือ ว่านางชบาจะปล่อยไอ้สิงห์ไปง่าย ๆ "แต่ว่าข้าอยากเป็นเมียของพี่หนา ข้าถูกใจพี่มิใช่น้อย ส่วนแม่ของเราทั้งสอง ก็ต่างคนต่างก็ถูกใจเราทั้งคู่ เหตุใดพี่จึงมิมองข้าเล่า ข้าจักทำให้พี่มีความสุข" เด็กชบาที่ดูแก่นแก้ว และแก่แดดเกินวัยเสียเหลือเกินยิ่งทำให้ไอ้สิงห์รู้สึกรังเกียจขึ
เช้าวันถัดมาเป็นวันที่ระย้าแก้ว มาหาแม่พิกุลที่เรือนเพื่อเตรียมตัวช่วยแม่พิกุล ในการออกเดินทางไปเที่ยวเมืองสุพรรณ กับตนเองและพระพราย"พี่พิกุลเจ้าขา ดูชุดที่น้องเตรียมให้พี่พิกุลสิเจ้าคะน้องเลือกเองกับมือเลยหนา สไบสีชมพูห่มกับผ้าสีน้ำตาลรากไม้ สวยงามยิ่งนักเจ้าค่ะ" ระย้าแก้วบอกกับแม่พิกุลพี่สาวสุดที่รักของตน"แม่ระย้าแก้วเป็นคนช่างเลือก พิถีพิถันเสียจริงหนาสวยสมกับที่แม่เลือกให้กับพี่""คุณที่เจ้าขา น้องเตรียมชุดสำหรับปลอมเป็นชายเอาไว้ให้เราได้ใส่เดินทาง ตอนไปสุพรรณบุรีด้วยเจ้าคะเดี๋ยวไปถึงสุพรรณ น้องจะพาคุณพี่ไปเดินชมตลาดให้ทั่วเลยเจ้าคะ""แต่น้องมิรู้ว่า ที่ตลาดจักมีอันใดเปลี่ยนไปมากเพียงใด เพราะน้องเองก็จากบ้านมาก็สี่ปีกว่าแล้ว"ระย้าแก้วพูดเป็นต่อยหอย แม่พิกุลถึงเอ็นดูระย้าแก้วเป็นนักหนา"อีแตงแล้วมึงเล่า เลือกชุดอันใดสีอันใดที่จะใส่เดินทาง"แม่พิกุลหันไปถามบ่าวคนสนิทของน้องสาวสุดที่รัก"บ่าวใส่สีอันใดก็ได้เจ้าค่ะ แล้วแต่คุณหนูระย้าแก้วจักเลือกให้บ่าวเลยเจ้าค่ะ""แหมมึงเนี่ย ตามใจนายเสียเหลือเกินหนา พี่ล่ะ
ระย้าแก้วที่มีแผนจะต้องกลับไปเยี่ยมพ่อและแม่ที่เมืองสุพรรณ จึงได้พูดคุยกับพระพรายและพิกุลรอบนี้พระพรายจะเดินทางมากับระย้าแก้วและแม่พิกุลจะตามมาเที่ยวที่เมืองสุพรรณด้วย "พี่พระพรายเจ้าขา อีกสัก 2-3 เพลาหากพี่ภูผาดีขึ้น น้องจักต้องออกเดินทาง กลับสุพรรณเสียทีหนาเจ้าคะ น้องก็จากบ้านมาหลายปี ป่านนี้มิรู้พ่อและแม่ลืมหน้าลูกสาวเช่นข้าแล้วหรือยังระยาแก้วทำพูดทีเล่นทีจริงกับพระพราย "ผู้ใดจักกล้าลืมหน้าแม่บุษบาแห่ง เมืองสุพรรณได้เล่า บัดนี้โตเป็นสาวเต็มตัวสวยสะพรั่งยิ่งกว่าอัปสราเสียอีก" "หากน้องสวยถึงเพียงนั้น ป่านนี้น้องคงมีคู่หมายแล้วแหละเจ้าค่ะ ไม่อยู่ไร้คู่อยู่เป็นเพื่อนพี่แตงเหมือนทุกวันนี้ดอก"ระย้าแก้วถึงกับหัวเราะคิกคัก "เจ้าแน่ใจรือ พี่เห็นตัวเจ้านั้นหัวกระไดมิแห้งเลยหนา ผู้ไข้แต่ละคนมาบางคนก็มิได้ไข้ แต่กลับมาจีบเจ้ามากกว่า พี่เห็นขนมจีบเต็มโรงหมอเลย" "แหม ไปแอบดูน้องทำงานมาหรือเจ้าคะ รืออยากจักมาตรวจผู้ไข้เป็นเพื่อนน้องดีล่ะเจ้าคะ" "เอาเถอะพี่ไม่เถียงเจ้าแล้ว เถียงไปพี่ก็ไม่เคยชนะเจ้าดอกแม่ระย้าแก้ว "แล้วนี่น้องจะออกเดินทางเมื่อใด พี่จักได้ไปเป็นเพื่อนน้อง แลแม่พิกุลก็จะเดินทาง
"แม่ระย้าแก้ว เจ้าเอาผู้ใดมาที่เรือนหนา น้องจักเอาผู้ไข้ทุกคน มาอยู่ที่เรือนมิได้"พระพรายหันไปเอ็ดน้องสาวคนสวย ที่ไม่ว่าผู้ไข้จะเป็นผู้ใดนางก็มักจะหิ้วเอากลับมาที่เรือนอยู่เป็นประจำ"โถ่..คุณพี่เจ้าขา พ่อภูผานั้นไม่มีที่ไปไร้ญาติขาดมิตรจักให้น้องทำเยี่ยงไรเล่าเจ้าคะ"ระย้าแก้วไปกอดแขนกอดขาผู้เป็นพี่ชายสุดที่รัก"เจ้ามิต้องมาทำหน้า ทำตาออดอ้อนออเซาะพี่ดอกคอยดูเถิด หากกลับเมืองสุพรรณ พี่จักไปฟ้องคุณลุงคุณป้า ว่าเจ้าเอาแต่ทำงานทำการเป็นว่าเล่น แลยังพาผู้ไข้มากหน้าหลายตา เข้ามาเต็มเรือนไปเสียหมด" พระพรายหันไปทำท่าทางขู่น้องสาว"พี่พระพรายสุดที่รักของน้อง หากพี่มิเมตตา น้องจะทำเช่นไรเล่าเจ้าค่ะ ดูสิผู้ไข้เดินก็แทบจะมิได้อยู่แล้ว ข้าหามลงเขามาถือว่าทำบุญใหญ่เถิดหนา"ระย้าแก้วทำน้ำเสียงออดอ้อนออเซาะอย่างสุดฤทธิ์"ก็ได้ ก็ได้แล้วแต่เจ้าเถิด พี่เคยขัดใจเจ้าได้รือ แต่หากมันหายดี น้องจักต้องให้มันไปอยู่ที่อื่นหนา" พระพรายกลับหันมายื่นข้อเสนอให้กับระย้าแก้วไอ้ภูผาที่ได้ยินเช่นนั้นจึงได้ยกมือไหว้พระพรายพร้อมกับพูดสิ่งที่ตนอยากจะบอก"ท่านพระพายขอรับ ข้านี้เป็นคนชัยนาทมีบ้านหลังนึงมิใหญ่โต
ระย้าแก้วที่เห็นอาการของภูผา ในเช้าวันถัดมาดีขึ้นเป็นกองแล้ว เริ่มขยับร่างกายได้นิดหน่อย จึงได้วางแผนจะผู้ติดตามคนใหม่เขา เพราะหากอยู่นานกว่านี้ ยาที่มีในย่ามก็จะหมด และอาจทำให้ภูผาอาการทรุดหนักได้"พี่ภูผาข้าขอเรียกพี่ว่าพี่ เถอะหากด้วยพี่อายุมากกว่าข้าหลายปีโข"ระย้าแก้วให้ความเคารพกับทุกคนทุกชนชั้น"ขอบน้ำใจที่ แม่เคารพพี่"ภูผาลุกขึ้นนั่งให้ระย้าแก้วเปลี่ยนผ้าพันแผล สายตาก็จ้องมองใบหน้าสวยมิวางตา"วันนี้พี่จักเดินลงเขากับข้าไหวรือไม่ หากใกล้ทางมิชันมาก ข้าจักให้บ่าวไพร่ผู้ชาย หามพี่ลงจากเขาหนาแผลจะได้มิฉีก""มิต้องห่วงพี่ดอกแม่ระย้าแก้ว พี่จักมิเป็นภาระให้กับแม่เป็นแน่แท้"ไอ้ภูผาพยายามอดกลั้นและเข้มแข็งเพื่อให้ระย้าแก้วได้ลงเขาได้ทันเวลาก่อนพลบค่ำ"หากพี่มิไหว พี่มิต้องฝืนร่างกายดอกหนา เดี๋ยวมันจะบวมช้ำอีกครา ข้ามิอยากนั่งเฝ้าไข้พี่อีกดอก" ระย้าแก้วแสร้งพูดแล้วหัวเราะ"ข้าสัญญา หากข้ามิไหว ข้าจักบอกเอ็งเป็นคนแรกแลมิทำตัวให้เอ็งจักต้องเป็นห่วงหน้าพะวงหลังเป็นอันขาด""ถ้าพี่รับปากข้าเช่นนี้ อีกครึ่งชั่วยามเราเก็บของเ